บทที่ 111: ตีเขา
เมื่ออวี้เซิ่งเห็นว่าสีหน้าของทั้งเจ้าเด็กเล็กและเด็กโตดูคล้ายกันมาก ในสายตาของเขานั้นรู้สึกว่ามันน่าสนใจดีจนทำให้เขาอยากจะแกล้งทั้งคู่ต่ออีกสักหน่อย
ขณะนี้มีรอยยิ้มที่แทบจะมองไม่เห็นแล่นผ่านดวงตาของนักฆ่าหนุ่ม ขณะที่เขากำลังจะลงมือ เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่คุ้นเคยใกล้เข้ามา
เขาจึงหันไปเลิกคิ้วมองอีกฝ่ายหนึ่ง “มาแล้วหรือ?”
“ใครมาน่ะ?” มู่ไป๋ไป่หันหน้าไปรอบ ๆ ก่อนที่เธอจะเห็นว่ามีคนคุ้นหน้าคุ้นตาเดินออกมาจากป่าช้า ๆ
ชายชุดดำที่สวมหน้ากากสีเงินจะเป็นใครได้อีกนอกจากคนผู้นั้น
“เป็นท่านนี่เอง!” มู่ไป๋ไป่เบิกตากว้าง “เจ้าสัตว์ประหลาด!”
คำพูดนั้นทำให้ฝีเท้าของเซียวถังอี้ชะงักไปชั่วครู่ และดวงตาเรียวยาวที่อยู่ภายใต้หน้ากากก็เขม็งมองคนพูด พร้อมกับที่แรงกดดันค่อย ๆ แผ่กระจายไปทั่ว
จากนั้นมู่ไป๋ไป่ก็คิดขึ้นมาได้ว่าสถานการณ์ในวันนี้แตกต่างไปจากเดิม เธอจึงวิ่งไปหาอวี้เซิ่งแล้วตะโกนว่า
“อวี้เซิ่ง! ข้าขอสั่งให้ท่านตีเขา!”
“เขาเป็นคนไม่ดี!”
ชายหนุ่มที่ได้ยินดังนั้นก็เลิกคิ้วมองไปที่เด็กหนุ่มในชุดสีดำ “ทำไมท่านถึงไม่บอกข้าตั้งแต่ก่อนหน้านี้ว่าท่านรู้จักนาง?”
“หา!” ในตอนแรกมู่ไป๋ไป่ยังไม่เข้าใจสถานการณ์ ขณะที่เธอหันไปมองอวี้เซิ่งกับเซียวถังอี้ที่เดินเข้ามาใกล้กว่าเดิม และเอ่ยปากว่า “พวกท่าน… พวกท่านรู้จักกันหรือ?”
“เจ้าเด็กโง่” เด็กหนุ่มชำเลืองมองเจ้าตัวเล็ก จากนั้นจึงเดินผ่านนางกับอวี้เซิ่งเข้าไปในเมืองโดยตรง
“นี่! ท่านกล้าดีอย่างไรถึงมาเรียกข้าว่าเด็กโง่!” มู่ไป๋ไป่อมลมไว้ที่แก้มด้วยความโกรธ “อวี้เซิ่ง ท่านได้ยินแล้วใช่หรือไม่ เขากล้าเรียกข้าว่าเด็กโง่ แต่ท่านกลับไม่ยอมทำตามที่ข้าบอก!”
“ท่านลืมคำสั่งของท่านพ่อแล้วหรืออย่างไร!”
หลังจากเด็กหญิงปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดเข้าด้วยกัน เธอไม่คาดคิดเลยว่าอวี้เซิ่งจะรู้จักกับเจ้าสัตว์ประหลาดคนนี้
แต่หากลองคิดดูให้ดี ๆ แล้ว มันก็ไม่มีอะไรน่าแปลกใจเลยสักนิด เจ้าสัตว์ประหลาดนั่นดูเหมือนจะเป็นคนที่มีสถานะสูงส่ง ครั้งล่าสุดที่เขาพาเธอเข้าไปในโรงพนันใต้ดิน ทุกคนต่างก็มีท่าทีเกรงกลัวเขาทั้งสิ้น
และชื่อเสียงของอวี้เซิ่งก็ไม่แพ้ใคร ดังนั้นมันจึงมีความเป็นไปได้ที่ทั้ง 2 คนจะรู้จักกันมาก่อน
“ข้าไม่ได้ลืม” ชายหนุ่มอุ้มมู่ไป๋ไป่ขึ้นมาและเดินตามเซียวถังอี้ไปด้วยท่าทางสบาย ๆ “แต่ว่าองค์หญิงหก คุณชายเซียวคนนี้จะมาช่วยเรานะ”
“พระองค์แน่ใจหรือว่าอยากให้ข้าตีเขา”
“...” มู่ไป๋ไป่พูดไม่ออก
อวี้เซิ่งที่เห็นท่าทางหายใจไม่ออกของคนตัวเล็กก็นิ่งคิดสักครู่ ก่อนจะกระซิบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “เอาเถอะ ถ้าพระองค์สามารถเพิ่มเงินให้ข้าได้อีกสักใบ เอาไว้ข้าจะหาโอกาสจัดการเขาทีหลัง”
“อวี้เซิ่ง…” มุมปากของฝ่ายที่ได้ยินถึงกับกระตุกยิก ๆ “ท่านขาดเงินหรืออย่างไร? แล้วนักฆ่าผู้เย็นชาที่ข้าเคยพบเจอหายไปไหนแล้ว? ทำไมข้าเห็นแต่พ่อค้าหน้าเลือดแทน”
“หืม?” นักฆ่าหนุ่มไม่เข้าใจสิ่งที่เด็กน้อยพูด แต่เขาก็คาดเดาความหมายของนางได้จึงยิ้มกว้าง “นั่นเป็นเพราะว่าข้าอยู่ในวังหลวง ตอนนี้ข้าได้ออกมาอยู่ข้างนอก ข้าอยากจะทำตัวสบาย ๆ มากขึ้น และคิดว่าจะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อให้ตัวเองมีความสุข”
“...”
ลืมมันไปเสีย เธอรับรู้ถึงความเป็นจริงเรียบร้อยแล้ว นักฆ่าคนนี้ไม่น่าเชื่อถือเลยสักนิด!
โชคดีที่ข้างกายเธอยังมีจื่อเฟิงกับหลัวเซียวเซียว
มู่ไป๋ไป่คิดวางแผนที่จะให้จื่อเฟิงจัดการกับเจ้าสัตว์ประหลาดอยู่สักพักหนึ่ง แต่เธอจดจ่อกับมันมากจนพอรู้ตัวอีกทีเธอก็พบว่าตนอยู่ในสถานที่ที่คุ้นเคยมากแล้ว
“ช้าก่อน” เด็กหญิงมองสถานที่ตรงหน้าตัวเอง แม้ว่าครั้งล่าสุดที่เธอมาที่นี่จะเป็นตอนกลางคืน แต่ประสบการณ์ที่ได้รับนั้นลึกซึ้งมากจนเพียงแค่เห็นป้าย ตัวเธอก็สั่นสะท้าน “ท่านพาข้ามาที่นี่ทำไม!”
แต่เซียวถังอี้ดูเหมือนจะไม่ได้ยินคำถามของเธอแล้วเดินตรงเข้าไป
“องค์— คุณหนู เราจะเข้าไปที่นี่ได้หรือไม่เจ้าคะ?” หลัวเซียวเซียวเพียงแค่เห็นก็รู้ว่ามันเป็นสถานที่เช่นไร ตอนที่นางยังอยู่ในจวนตระกูลหลัว นางมักจะได้ยินคนพูดถึงสถานที่เช่นนี้บ่อย ๆ
“ฮัดชิ่ว!” จื่อเฟิงกับหมาป่าทนกับกลิ่นหอมฉุนจมูกที่ลอยอยู่ในอากาศไม่ไหว แล้วพากันจามสลับกันไปมา
มู่ไป๋ไป่ทนเห็นภาพนี้ไม่ไหว เธอจึงมอบผ้าเช็ดหน้าสะอาดของตัวเองให้กับมนุษย์ 1 คนและหมาป่า 1 ตัวเพื่อให้พวกเขาเอาไว้ใช้เป็นผ้าปิดจมูก
“เราเข้าไปข้างในได้” คนตัวเล็กเม้มปากอย่างหงุดหงิด “หากดูจากภายนอก สถานที่นี้อาจดูเหมือนหอคณิกา แต่จริง ๆ แล้วข้างในมีอย่างอื่นซ่อนอยู่”
“คราวที่แล้วเจ้าไม่ได้อยากรู้หรอกหรือว่าข้าไปที่ไหนมา?”
หลัวเซียวเซียวที่เพิ่งเข้าใจก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ “คุณหนู ครั้งที่แล้วท่านมาที่นี่หรือเจ้าคะ? และท่านก็ได้อยู่ที่นี่ตลอดทั้งคืนใช่หรือไม่?”
“...จะว่าแบบนั้นก็ได้” มู่ไป๋ไป่ที่คิดถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นก็โกรธมากจนกัดฟันแน่น
“องค์หญิงหกเคยมาที่นี่จริง ๆ สินะ” อวี้เซิ่งยืนกอดอกพิงเสาข้าง ๆ พลางทำหน้าประหลาดใจหลังจากที่ได้ยินคำพูดของเด็กหญิง
มู่ไป๋ไป่อยากจะอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งที่แล้วให้ทุกคนได้ฟัง แต่เธอก็รู้สึกว่าถ้าพูดออกไปมันจะทำให้เธอดูโง่มาก
ดังนั้นเธอจึงพยักหน้าแบบส่ง ๆ แล้วบอกให้อวี้เซิ่งพาพวกเธอเข้าไปข้างใน
การมาเยือนหอคณิกาในตอนกลางวันช่างแตกต่างจากตอนกลางคืนอย่างสิ้นเชิง เพราะที่นี่เงียบมาก มีเพียงเสี่ยวเอ้อร์คนเดียวที่อยู่ในห้องโถงที่กำลังคุยกับเซียวถังอี้ แต่ดูท่าทางแล้วเขาไม่แปลกใจเลยเมื่อเห็นคนอื่น ๆ เดินเข้ามา เขาเพียงแค่ยิ้มทักทายทุกคนแล้วพาพวกเขาขึ้นไปชั้นบน
ซึ่งห้องที่เสี่ยวเอ้อร์พาไปก็เป็นห้องเดียวกับครั้งที่แล้ว แต่คราวนี้ไม่มีหญิงสาวเข้ามาเต้นรำ
มู่ไป๋ไป่เหลือบมองไปยังจุดที่ผู้หญิงคนนั้นล้มลงเมื่อคราวก่อน แล้วจู่ ๆ เธอก็ตัวสั่นสะท้าน
“ออกไป” เซียวถังอี้โยนเงินถุงหนึ่งให้เสี่ยวเอ้อร์พร้อมกับพูดเสียงต่ำว่า “หากข้าไม่ได้เรียกเจ้า เจ้าอย่าได้เข้ามาเด็ดขาด”
เสี่ยวเอ้อร์รู้ดีว่าแขกที่พักห้องนี้พิเศษมาก เขาจึงตอบรับหนักแน่น จากนั้นจึงเดินออกไปพร้อมกับถุงเงินอย่างมีความสุข
และก่อนจะจากไป เขาก็ยังปิดประตูให้อีกด้วย
หลัวเซียวเซียวกับจื่อเฟิงที่ไม่เคยพบเจอสถานที่เช่นนี้ก็บังเกิดความอยากรู้อยากเห็น แต่หลังจากได้ยินคำแนะนำก่อนหน้านี้ของมู่ไป๋ไป่ ทั้งคู่ก็ไม่กล้าขยับตัวไปไหนมาไหน พวกเขาทำได้เพียงแค่กวาดตามองรอบตัวอย่างเงียบ ๆ
ในทางกลับกัน หมาป่าสีเทาจับจ้องไปที่มุมห้องด้วยความระแวดระวังซึ่งบริเวณนั้นเป็นทางเดินลับที่นำไปสู่โรงพนันใต้ดิน
“นี่ ที่ท่านพาเรามาที่นี่เพราะคดีเด็กหายเกี่ยวข้องกับโรงพนันใต้ดินนั่นหรือ?” มู่ไป๋ไป่เปิดปากถามเมื่อเห็นว่าเซียวถังอี้เดินไปที่ประตูลับ
เธอคิดว่าถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็มาเพื่อช่วยพวกตน อีกทั้งยังมีอวี้เซิ่งอยู่ที่นี่ด้วย เจ้าสัตว์ประหลาดคงไม่กล้าทำอะไรเธอเหมือนครั้งที่แล้วอย่างแน่นอน
“เจ้ากำลังถามข้าอยู่หรือ?” เซียวถังอี้เปิดประตูลับแล้วไปยืนอยู่ที่ทางเข้า ก่อนจะมองย้อนกลับมาถาม
หลัวเซียวเซียวอดไม่ได้ที่จะขยับไปซ่อนตัวอยู่ด้านหลังจื่อเฟิง ซึ่งเขาเองก็แยกเขี้ยวข่มขู่อีกฝ่ายเช่นกัน
“ก็ใช่น่ะสิ!” มู่ไป๋ไป่ไม่ได้กลัวเขา เธอรู้ว่าคนผู้นี้มีนิสัยแปลก ๆ แต่เขาก็ไม่ควรถูกมองว่าเป็นคนไม่ดี
ไม่อย่างนั้นครั้งล่าสุดตอนที่เธอกำลังจะถูกหรงเฟยฆ่า เขาคงไม่ยื่นมือมาช่วยเธอ
แต่เธอก็ไม่อาจลบความโกรธที่ถูกเขาลงโทษถึง 2 ครั้งได้อยู่ดี!
เฮอะ! เธอเป็นถึงองค์หญิงหกผู้สง่างาม คนทั่วไปจะสามารถรังแกองค์หญิงได้อย่างไร หากในอนาคตเรื่องนี้ถูกร่ำลือออกไป เธอคงจะเสียหน้าแย่!
“น่าเสียดายที่ข้าไม่ใช่คนที่ชื่อ ‘นี่’” เซียวถังอี้ทำหน้าไม่ใส่ใจ จากนั้นจึงหันหลังเดินเข้าไปในทางเดินที่มืดมิด
“ไร้สาระ ท่านก็รู้ว่าข้าไม่ได้พูดทักทายท่าน ข้าแค่ไม่อยากรู้จักท่านก็เลยเรียกท่านด้วยคำนี้แทน!” มู่ไป๋ไป่พูดจบแล้วก็แลบลิ้นใส่ลับหลังเด็กหนุ่ม
เป็นผลให้เซียวถังอี้หันกลับมามอง ก่อนจะพบกับสายตาที่ค่อนข้างแปลกประหลาดของอวี้เซิ่ง
“อะไร?!” คนตัวเล็กทำหน้าไม่เข้าใจก่อนจะสะกิดไหล่ชายหนุ่มเพื่อบอกให้เขารีบตามอีกฝ่ายไป
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: คุณชายเซียวนี่ก็กวนประสาทน้องไม่พักเลย คู่กัดกันชัด ๆ 5555