บทที่ 783 ไม่หลบซ่อนอีกแล้ว
“ท่านหัวหน้าหอพวกเราขุดแร่ได้กี่ก้อนแล้วในเดือนนี้?” เทียนซือหยุนเป็นหนึ่งในผู้ฝึกตนหญิงสี่คนในหอฝึกวิชาการควบคุมซากศพ
นางเป็นคนที่สามที่ฝ่าด่านพลังขึ้นสู่ระดับปฐมภูมิตามหลังโจวอี้เซิง
วิธีฝึกตนที่ต้องสัมพันธ์กับซากศพเป็นสิ่งที่ผู้หญิงโดยทั่วไปไม่ต้องการฝึก เพราะการรักความสวยงามเป็นธรรมชาติของผู้หญิง ซึ่งเทียนซือหยุนเองก็เช่นกัน แม้นางจะรักความงาม แต่สิ่งที่นางรักยิ่งกว่านั้นคือซากศพ
ในความคิดของนาง ความงามที่แท้จริงคือความงามของซากศพที่แห้งกรัง
“ถ้านับรวมก้อนนี้ด้วย ก็คงมีมากกว่ากว่าเจ็ดสิบก้อนแล้วละ” ฉีเฉินนั่งอยู่ข้างบ่อเหมืองที่เพิ่งขุดขึ้นใหม่ พลางตอบอย่างไม่ทุกข์ร้อน
ณ เวลานี้ เวลาล่วงเลยมาหนึ่งปีเต็ม ผู้ฝึกตนแห่งหอการซือผู้นี้ไม่ได้เพียงแต่แข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น แต่จิตใจก็เข้มแข็งขึ้นมากเช่นกัน
คำพูดของเจ้าสำนักและหวงอวี้ในตอนนั้นได้สะกิดใจเขามาก ทำให้ตลอดปีที่ผ่านมา นอกจากการขุดเหมืองตามกิจวัตร ฉีเฉินยังใช้เวลาไปกับการฝึกฝนที่ ผาหลิงศพแปดร้อยศพ
การฝึกควบคุมซากศพในเขตแดนแห่งมาร เป็นเสมือนปลาได้อยู่ในน้ำ อีกทั้งยันต์ที่ได้รับจากโอหยางตงชิงทำให้เขาแทบไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยใดๆ
“มากขนาดนี้เลย!” ดวงตาของเทียนซือหยุนเป็นประกาย นางทาแป้งหนาๆเพื่อปกปิดใบหน้าที่เน่าเปื่อย แววตาเต็มไปด้วยความยินดี
“ซากศพขนเขียวนี้ยังคงแข็งแกร่งเหมือนเคย”
ฉีเฉินยกมือขึ้นบังแสงอาทิตย์ที่แสบตา ซากศพขนเขียวในบ่อเหมืองนั้นทำงานทั้งวันทั้งคืน ไม่มีเวลาหยุดพัก ใครบ้างจะขุดได้น้อยเล่า?
ทว่าเขาเองก็ไม่รู้ว่าปริมาณแร่ที่หอกานซือขุดมาตลอดปีนั้น สำหรับเฉินโม่แล้วแทบจะเป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งเท่านั้น
“เฮ้อ เราได้ช่วยเหลือเซียนสำนักไปไม่น้อยเลยทีเดียว” เทียนซือหยุนรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
นางแตกต่างจากฉีเฉินและโจวอี้เซิง ตั้งแต่เข้าร่วมสำนักเซียนและตัดสินใจเข้าหอกานซือ นางก็ฝึกฝนอยู่ทีสำนักมั่วไถและยอดเขาหยินเย่วมาตลอด เพิ่มพูนพลังทีละนิด ฝึกฝนและแข่งขันอยู่เสมอ แต่ไม่เคยได้มีส่วนช่วยเหลือสำนักเซียนเลย
ดังนั้น หลังจากนางทะลุระดับปฐมภูมิ นางก็ยืนกรานขอเปลี่ยนตัวผู้อาวุโสโจวและตามไปขุดแร่กับหัวหน้าหอทันที
“เมื่อเทียบกับท่านเจ้าสำนักแล้ว สิ่งที่ข้าทำยังเล็กน้อยนัก” ฉีเฉินถอนใจ
ยิ่งเขาแข็งแกร่งขึ้น ก็ยิ่งพยายามติดตามความก้าวหน้าของท่านเจ้าสำนัก ทว่าทุกครั้งที่เข้าใกล้ เขากลับพบว่าท่านเจ้าสำนักนั้นทรงพลังจนน่ากลัว!
ไม่เพียงแต่กลายเป็นแม่ทัพได้ด้วยตนเอง แต่ยังบ่มเพาะศิษย์มากมายที่แข็งแกร่ง
บัดนี้ความแข็งแกร่งของสำนักมั่วไถ แม้แต่ฉีเฉินในฐานะหัวหน้าหอกานซือเองก็ยังไม่แน่ใจว่าจะสามารถประเมินได้
“นั่นสิ...” เทียนซือหยุนพูดยังไม่ทันจบก็เปลี่ยนสีหน้าไปอย่างรวดเร็ว
“หัวหน้าหอ! มีคนมา!”
“หืม?”
“ซากศพที่เฝ้ายามตรวจจับการเคลื่อนไหวได้งั้นรึ?”
“ใช่!”
ทันใดนั้น เมฆมงคลก็ลอยมาจากขอบฟ้าและในชั่วพริบตาก็ปรากฏบุรุษสามคนตรงหน้า
ผู้ที่อยู่ด้านหน้าเป็นชายร่างสูงไหล่กว้าง ผิวสีทองแดงใบหน้าเคร่งขรึมแต่แฝงไปด้วยความโกรธและแววดูถูก ปากเอ่ยอย่างเย้ยหยัน
“พวกเจ้าคือใคร?”
“พวกเรางั้นหรือ? ก็แค่ผ่านทางมาเท่านั้น”
“ผ่านทางหรือ?” ชายร่างกำยำขมวดคิ้วเอ่ยด้วยเสียงกร้าว
“พวกเจ้าถูกจับได้แล้ว! ข้าไม่สนว่าพวกเจ้าเป็นใคร หากกล้าขุดแร่ลับของแม่ทัพที่สามต้องตาย!”
สิ้นคำชายร่างกำยำก็เรียกใช้ค้อนคู่พุ่งเข้าโจมตีฉีเฉินด้วยความเร็วสูง
เขาไม่คิดจะพิสูจน์เลยว่าแหล่งแร่ของซีฮว่าเหอหรือกวานซานนั้นถูกขุดโดยคนพวกนี้หรือไม่ ตอนนี้มีเพียงความต้องการที่จะปลดปล่อยความโกรธ
เกือบหนึ่งปีที่แหล่งแร่ของแม่ทัพที่สามในผิงตูโจวถูกขุดจนเกือบหมด พวกเขาค้นหาทุกพื้นที่แล้วแต่ก็ไร้ร่องรอยของผู้กระทำ
หากไม่บังเอิญพบสองคนนี้ที่นี่ เกรงว่าอีกไม่นานแหล่งแร่จะถูกขุดเพิ่มอีกและเมื่อแม่ทัพตำหนิขึ้นมา เขาก็จะต้องยอมตายเพื่อไถ่โทษ
เมื่อเห็นผู้บัญชาการเคลื่อนไหว ทหารองครักษ์สองคนด้านหลังต่างก็ไม่อาจนิ่งเฉย หนึ่งคนพุ่งเข้าหาเทียนซือหยุน อีกคนอันตรธานหายไปและปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของฉีเฉินหวังจะเข้าปิดล้อม
ทว่าการปะทะของผู้ฝึกตนนั้นไม่ใช่การต่อสู้ที่ใช้กำลังกายง่ายๆ เช่นนั้น!
ขณะที่สามคนโจมตี ก็มีหมอกเลือดพวยพุ่งขึ้นคลุมฉีเฉินและเทียนซือหยุน
“ตายซะ!”
เสียงคำรามแค้นดังขึ้น ค้อนคู่ใหญ่พุ่งลงฟาดอย่างแรง
นี่ไม่ใช่ค้อนธรรมดาแต่เป็นอาวุธสมบัติระดับกลาง แม้แต่ผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิยังไม่อาจต้านแรงของมันได้
ตึง!
เมื่อหมอกเลือดกระจายกลุ่มเนื้อก็ระเบิดขึ้นพร้อมกับเสียงดังสนั่น
หัวหน้ากลุ่มร่างกำยำเห็นว่าตนโจมตีสำเร็จจึงผ่อนคลายลงเล็กน้อยและถอยออกมา
ทว่าทันใดนั้น ก็ปรากฏซากศพขนเขียวพุ่งออกจากด้านหลังของเขา กรงเล็บฉีกผิวทองแดงของเขาจนขาดวิ่น
“นี่มัน...?”
ยังไม่ทันได้ตอบโต้ ซากศพขนเขียวสี่ตัวก็พุ่งทะลุหมอกเลือดออกมา
หนึ่งในนั้นถูกค้อนฟาดจนหัวบุบเข้าไปในหน้าอก แต่ก็ยังคงพุ่งเข้ามาด้วยความมุ่งมั่น
“นี่มัน...?” ผู้บัญชาการขมวดคิ้วทันทีและไม่ทันไรก็ถูกซากศพขนเขียวกว่าสิบตัวที่มีพลังเทียบเท่ากับระดับปฐมภูมิล้อมไว้
พอหันมองอีกทีทั้งสองคนก็หายไปแล้ว
ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ซากศพขนเขียวก็กรูเข้ามาโจมตี ชายร่างกำยำที่เพิ่งพยายามโจมตีก็ถูกโอบล้อมโดยไม่มีทางหลบหนี ซากศพขนเขียวเหล่านี้มีร่างกายที่แข็งแกร่งไม่แพ้ผู้ฝึกตนสายร่างกาย อีกทั้งยังเป็นซากศพที่ไม่สามารถฆ่าได้ง่ายๆ เว้นแต่จะสามารถทำลายพวกมันให้แหลกไปในครั้งเดียว หากทำไม่ได้ พวกมันก็จะลุกขึ้นมาใหม่และเข้าจู่โจมอีกครั้ง
เพียงชั่วอึดใจ ทั้งสามคนต่างก็เต็มไปด้วยบาดแผลมากมายและซากศพขนเขียวตัวเล็กสูงระดับเข่า ก็กระโดดขึ้นเกาะตัวผู้บัญชาการพยายามกัดเนื้ออย่างสุดกำลัง
พิษซากศพซึมเข้าทางเลือดทำให้ทหารองครักษ์สองคนเริ่มแข็งตัวและขยับไม่ได้ ชายร่างกำยำที่พยายามดิ้นรนไม่นานก็ล้มลงกับพื้นด้วยเสียงดังสนั่น
ขณะใกล้ตาย เขารู้สึกได้เลือนรางถึงแส้ที่กระทบลงบนตัวของเขา จิตสำนึกพลันหลุดลอยและในที่สุดเขาก็สูญเสียสติไป
หลังจากฟาดแส้ลงหลายครั้ง ร่างที่นอนหมดสติของชายร่างกำยำก็ค่อยๆ ขยับตัวขึ้นมายืนใหม่ ไม่นานทหารอีกสองคนก็ตามขึ้นมา
จากนั้นทั้งสามคนก็คุกเข่าลงขุดดินและฝังตัวเองลงไปในพื้นดินจนมิด
เทียนซือหยุนโผล่ขึ้นมาจากใต้ดิน พูนดินเพิ่มให้ทั้งสามคนแล้วกระโดดเหยียบลงบน "หลุมศพ" ของพวกเขาให้แน่นขึ้น
“ท่านหัวหน้าหอ คิดว่าพวกนี้ต้องใช้เวลานานเท่าไหร่กว่าจะย่อยจนกลายเป็นซากศพที่สมบูรณ์?”
“น่าจะครึ่งเดือนก็พอแล้ว” ฉีเฉินในตอนนี้ไม่ใช่คนขี้ขลาดที่เอาแต่หลบหลีกเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว
ในปีนี้เขาได้เติบโตขึ้นมากและไม่คิดจะขอความช่วยเหลือจากเจ้าสำนักอีกต่อไป!
เทียนซือหยุนยิ้มชื่นชม สายตาเต็มไปด้วยความเคารพ
“เมื่อไรข้าจะมีพลังพิเศษที่แข็งแกร่งเหมือนหัวหน้าหอบ้างนะ?”
“อย่างเร็วก็ปีหนึ่ง อย่างช้าก็สามปี”
“สามปี? ทำไมถึงนานนักล่ะ?”
“เจ้ามิเคยกินผลพันหลงหรือ?”
“กินแล้วนะ” เทียนซือหยุนยังคงสงสัย ทว่ายังไม่ทันได้คำตอบจากฉีเฉิน ก็มีสายลมเย็นเฉียบพุ่งตรงเข้ามาหาพวกเขา
“แม่ทัพที่หกบังอาจเกินไปแล้ว!”
เสียงที่พูดออกมาเป็นเสียงอันเยือกเย็น เจ้าของเสียงสวมชุดขาวดุจหิมะ ท่วงท่าอันงดงามแฝงไปด้วยความน่าหวั่นเกรง ใบหน้าอันประณีตของฉายแววขุ่นเคืองออกมาอย่างชัดเจน!
(จบบท)
เรียนผู้อ่านทุกท่าน ผมได้แปลนิยายเรื่องใหม่ **ยอดนักสู้เหนือฟ้าแห่งยุคสมัยใหม่**
ลองไปติดตามอ่านกันได้นะครับระหว่างรอเฉินโม่ ขอบคุณทุกท่านที่ยังคงติดตามอ่านและสนับสนุนด้วยนะครับ :)