ตอนที่แล้วบทที่ 782 เวลาคือพลัง 
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 784 จุดชนวนและการเตรียมการ 

บทที่ 783 ไม่หลบซ่อนอีกแล้ว


“ท่านหัวหน้าหอพวกเราขุดแร่ได้กี่ก้อนแล้วในเดือนนี้?” เทียนซือหยุนเป็นหนึ่งในผู้ฝึกตนหญิงสี่คนในหอฝึกวิชาการควบคุมซากศพ

นางเป็นคนที่สามที่ฝ่าด่านพลังขึ้นสู่ระดับปฐมภูมิตามหลังโจวอี้เซิง

วิธีฝึกตนที่ต้องสัมพันธ์กับซากศพเป็นสิ่งที่ผู้หญิงโดยทั่วไปไม่ต้องการฝึก เพราะการรักความสวยงามเป็นธรรมชาติของผู้หญิง ซึ่งเทียนซือหยุนเองก็เช่นกัน แม้นางจะรักความงาม แต่สิ่งที่นางรักยิ่งกว่านั้นคือซากศพ

ในความคิดของนาง ความงามที่แท้จริงคือความงามของซากศพที่แห้งกรัง

“ถ้านับรวมก้อนนี้ด้วย ก็คงมีมากกว่ากว่าเจ็ดสิบก้อนแล้วละ” ฉีเฉินนั่งอยู่ข้างบ่อเหมืองที่เพิ่งขุดขึ้นใหม่ พลางตอบอย่างไม่ทุกข์ร้อน

ณ เวลานี้ เวลาล่วงเลยมาหนึ่งปีเต็ม ผู้ฝึกตนแห่งหอการซือผู้นี้ไม่ได้เพียงแต่แข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น แต่จิตใจก็เข้มแข็งขึ้นมากเช่นกัน

คำพูดของเจ้าสำนักและหวงอวี้ในตอนนั้นได้สะกิดใจเขามาก ทำให้ตลอดปีที่ผ่านมา นอกจากการขุดเหมืองตามกิจวัตร ฉีเฉินยังใช้เวลาไปกับการฝึกฝนที่ ผาหลิงศพแปดร้อยศพ

การฝึกควบคุมซากศพในเขตแดนแห่งมาร เป็นเสมือนปลาได้อยู่ในน้ำ อีกทั้งยันต์ที่ได้รับจากโอหยางตงชิงทำให้เขาแทบไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยใดๆ

“มากขนาดนี้เลย!” ดวงตาของเทียนซือหยุนเป็นประกาย นางทาแป้งหนาๆเพื่อปกปิดใบหน้าที่เน่าเปื่อย แววตาเต็มไปด้วยความยินดี

“ซากศพขนเขียวนี้ยังคงแข็งแกร่งเหมือนเคย”

ฉีเฉินยกมือขึ้นบังแสงอาทิตย์ที่แสบตา ซากศพขนเขียวในบ่อเหมืองนั้นทำงานทั้งวันทั้งคืน ไม่มีเวลาหยุดพัก ใครบ้างจะขุดได้น้อยเล่า?

ทว่าเขาเองก็ไม่รู้ว่าปริมาณแร่ที่หอกานซือขุดมาตลอดปีนั้น สำหรับเฉินโม่แล้วแทบจะเป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งเท่านั้น

“เฮ้อ เราได้ช่วยเหลือเซียนสำนักไปไม่น้อยเลยทีเดียว” เทียนซือหยุนรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย

นางแตกต่างจากฉีเฉินและโจวอี้เซิง ตั้งแต่เข้าร่วมสำนักเซียนและตัดสินใจเข้าหอกานซือ นางก็ฝึกฝนอยู่ทีสำนักมั่วไถและยอดเขาหยินเย่วมาตลอด เพิ่มพูนพลังทีละนิด ฝึกฝนและแข่งขันอยู่เสมอ แต่ไม่เคยได้มีส่วนช่วยเหลือสำนักเซียนเลย

ดังนั้น หลังจากนางทะลุระดับปฐมภูมิ นางก็ยืนกรานขอเปลี่ยนตัวผู้อาวุโสโจวและตามไปขุดแร่กับหัวหน้าหอทันที

“เมื่อเทียบกับท่านเจ้าสำนักแล้ว สิ่งที่ข้าทำยังเล็กน้อยนัก” ฉีเฉินถอนใจ

ยิ่งเขาแข็งแกร่งขึ้น ก็ยิ่งพยายามติดตามความก้าวหน้าของท่านเจ้าสำนัก ทว่าทุกครั้งที่เข้าใกล้ เขากลับพบว่าท่านเจ้าสำนักนั้นทรงพลังจนน่ากลัว!

ไม่เพียงแต่กลายเป็นแม่ทัพได้ด้วยตนเอง แต่ยังบ่มเพาะศิษย์มากมายที่แข็งแกร่ง

บัดนี้ความแข็งแกร่งของสำนักมั่วไถ แม้แต่ฉีเฉินในฐานะหัวหน้าหอกานซือเองก็ยังไม่แน่ใจว่าจะสามารถประเมินได้

“นั่นสิ...” เทียนซือหยุนพูดยังไม่ทันจบก็เปลี่ยนสีหน้าไปอย่างรวดเร็ว

“หัวหน้าหอ! มีคนมา!”

“หืม?”

“ซากศพที่เฝ้ายามตรวจจับการเคลื่อนไหวได้งั้นรึ?”

“ใช่!”

ทันใดนั้น เมฆมงคลก็ลอยมาจากขอบฟ้าและในชั่วพริบตาก็ปรากฏบุรุษสามคนตรงหน้า

ผู้ที่อยู่ด้านหน้าเป็นชายร่างสูงไหล่กว้าง ผิวสีทองแดงใบหน้าเคร่งขรึมแต่แฝงไปด้วยความโกรธและแววดูถูก ปากเอ่ยอย่างเย้ยหยัน

“พวกเจ้าคือใคร?”

“พวกเรางั้นหรือ? ก็แค่ผ่านทางมาเท่านั้น”

“ผ่านทางหรือ?” ชายร่างกำยำขมวดคิ้วเอ่ยด้วยเสียงกร้าว

“พวกเจ้าถูกจับได้แล้ว! ข้าไม่สนว่าพวกเจ้าเป็นใคร หากกล้าขุดแร่ลับของแม่ทัพที่สามต้องตาย!”

สิ้นคำชายร่างกำยำก็เรียกใช้ค้อนคู่พุ่งเข้าโจมตีฉีเฉินด้วยความเร็วสูง

เขาไม่คิดจะพิสูจน์เลยว่าแหล่งแร่ของซีฮว่าเหอหรือกวานซานนั้นถูกขุดโดยคนพวกนี้หรือไม่ ตอนนี้มีเพียงความต้องการที่จะปลดปล่อยความโกรธ

เกือบหนึ่งปีที่แหล่งแร่ของแม่ทัพที่สามในผิงตูโจวถูกขุดจนเกือบหมด พวกเขาค้นหาทุกพื้นที่แล้วแต่ก็ไร้ร่องรอยของผู้กระทำ

หากไม่บังเอิญพบสองคนนี้ที่นี่ เกรงว่าอีกไม่นานแหล่งแร่จะถูกขุดเพิ่มอีกและเมื่อแม่ทัพตำหนิขึ้นมา เขาก็จะต้องยอมตายเพื่อไถ่โทษ

เมื่อเห็นผู้บัญชาการเคลื่อนไหว ทหารองครักษ์สองคนด้านหลังต่างก็ไม่อาจนิ่งเฉย หนึ่งคนพุ่งเข้าหาเทียนซือหยุน อีกคนอันตรธานหายไปและปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของฉีเฉินหวังจะเข้าปิดล้อม

ทว่าการปะทะของผู้ฝึกตนนั้นไม่ใช่การต่อสู้ที่ใช้กำลังกายง่ายๆ เช่นนั้น!

ขณะที่สามคนโจมตี ก็มีหมอกเลือดพวยพุ่งขึ้นคลุมฉีเฉินและเทียนซือหยุน

“ตายซะ!”

เสียงคำรามแค้นดังขึ้น ค้อนคู่ใหญ่พุ่งลงฟาดอย่างแรง

นี่ไม่ใช่ค้อนธรรมดาแต่เป็นอาวุธสมบัติระดับกลาง แม้แต่ผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิยังไม่อาจต้านแรงของมันได้

ตึง!

เมื่อหมอกเลือดกระจายกลุ่มเนื้อก็ระเบิดขึ้นพร้อมกับเสียงดังสนั่น

หัวหน้ากลุ่มร่างกำยำเห็นว่าตนโจมตีสำเร็จจึงผ่อนคลายลงเล็กน้อยและถอยออกมา

ทว่าทันใดนั้น ก็ปรากฏซากศพขนเขียวพุ่งออกจากด้านหลังของเขา กรงเล็บฉีกผิวทองแดงของเขาจนขาดวิ่น

“นี่มัน...?”

ยังไม่ทันได้ตอบโต้ ซากศพขนเขียวสี่ตัวก็พุ่งทะลุหมอกเลือดออกมา

หนึ่งในนั้นถูกค้อนฟาดจนหัวบุบเข้าไปในหน้าอก แต่ก็ยังคงพุ่งเข้ามาด้วยความมุ่งมั่น

“นี่มัน...?” ผู้บัญชาการขมวดคิ้วทันทีและไม่ทันไรก็ถูกซากศพขนเขียวกว่าสิบตัวที่มีพลังเทียบเท่ากับระดับปฐมภูมิล้อมไว้

พอหันมองอีกทีทั้งสองคนก็หายไปแล้ว

ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ซากศพขนเขียวก็กรูเข้ามาโจมตี ชายร่างกำยำที่เพิ่งพยายามโจมตีก็ถูกโอบล้อมโดยไม่มีทางหลบหนี ซากศพขนเขียวเหล่านี้มีร่างกายที่แข็งแกร่งไม่แพ้ผู้ฝึกตนสายร่างกาย อีกทั้งยังเป็นซากศพที่ไม่สามารถฆ่าได้ง่ายๆ เว้นแต่จะสามารถทำลายพวกมันให้แหลกไปในครั้งเดียว หากทำไม่ได้ พวกมันก็จะลุกขึ้นมาใหม่และเข้าจู่โจมอีกครั้ง

เพียงชั่วอึดใจ ทั้งสามคนต่างก็เต็มไปด้วยบาดแผลมากมายและซากศพขนเขียวตัวเล็กสูงระดับเข่า ก็กระโดดขึ้นเกาะตัวผู้บัญชาการพยายามกัดเนื้ออย่างสุดกำลัง

พิษซากศพซึมเข้าทางเลือดทำให้ทหารองครักษ์สองคนเริ่มแข็งตัวและขยับไม่ได้ ชายร่างกำยำที่พยายามดิ้นรนไม่นานก็ล้มลงกับพื้นด้วยเสียงดังสนั่น

ขณะใกล้ตาย เขารู้สึกได้เลือนรางถึงแส้ที่กระทบลงบนตัวของเขา จิตสำนึกพลันหลุดลอยและในที่สุดเขาก็สูญเสียสติไป

หลังจากฟาดแส้ลงหลายครั้ง ร่างที่นอนหมดสติของชายร่างกำยำก็ค่อยๆ ขยับตัวขึ้นมายืนใหม่ ไม่นานทหารอีกสองคนก็ตามขึ้นมา

จากนั้นทั้งสามคนก็คุกเข่าลงขุดดินและฝังตัวเองลงไปในพื้นดินจนมิด

เทียนซือหยุนโผล่ขึ้นมาจากใต้ดิน พูนดินเพิ่มให้ทั้งสามคนแล้วกระโดดเหยียบลงบน "หลุมศพ" ของพวกเขาให้แน่นขึ้น

“ท่านหัวหน้าหอ คิดว่าพวกนี้ต้องใช้เวลานานเท่าไหร่กว่าจะย่อยจนกลายเป็นซากศพที่สมบูรณ์?”

“น่าจะครึ่งเดือนก็พอแล้ว” ฉีเฉินในตอนนี้ไม่ใช่คนขี้ขลาดที่เอาแต่หลบหลีกเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว

ในปีนี้เขาได้เติบโตขึ้นมากและไม่คิดจะขอความช่วยเหลือจากเจ้าสำนักอีกต่อไป!

เทียนซือหยุนยิ้มชื่นชม สายตาเต็มไปด้วยความเคารพ

“เมื่อไรข้าจะมีพลังพิเศษที่แข็งแกร่งเหมือนหัวหน้าหอบ้างนะ?”

“อย่างเร็วก็ปีหนึ่ง อย่างช้าก็สามปี”

“สามปี? ทำไมถึงนานนักล่ะ?”

“เจ้ามิเคยกินผลพันหลงหรือ?”

“กินแล้วนะ” เทียนซือหยุนยังคงสงสัย ทว่ายังไม่ทันได้คำตอบจากฉีเฉิน ก็มีสายลมเย็นเฉียบพุ่งตรงเข้ามาหาพวกเขา

“แม่ทัพที่หกบังอาจเกินไปแล้ว!”

เสียงที่พูดออกมาเป็นเสียงอันเยือกเย็น เจ้าของเสียงสวมชุดขาวดุจหิมะ ท่วงท่าอันงดงามแฝงไปด้วยความน่าหวั่นเกรง ใบหน้าอันประณีตของฉายแววขุ่นเคืองออกมาอย่างชัดเจน!

(จบบท)

เรียนผู้อ่านทุกท่าน ผมได้แปลนิยายเรื่องใหม่ **ยอดนักสู้เหนือฟ้าแห่งยุคสมัยใหม่** 

ลองไปติดตามอ่านกันได้นะครับระหว่างรอเฉินโม่ ขอบคุณทุกท่านที่ยังคงติดตามอ่านและสนับสนุนด้วยนะครับ :)

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด