ตอนที่แล้วบทที่ 61 ความสดใสแห่งวัยเยาว์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 63 เสื้อไหมพรม

บทที่ 62 อืม


บทที่ 62 อืม

ที่ทางแยกของแม่น้ำอันเหอสายย่อย เฉินชิง แยกทางกับ หวังเยียน บ้านของหวังเยียนไกลกว่าจึงต้องข้ามสะพานหินข้างหน้าและเดินต่อไปอีกประมาณสิบนาทีกว่าจะถึงบ้าน

เฉินชิงเลี้ยวซ้ายและเดินต่ออีกไม่กี่นาทีก็ถึงบ้าน

เมื่อเปลี่ยนรองเท้าแล้ว เฉินชิงก็นั่งลงบนโซฟาด้วยความเหนื่อยล้า

“กลับมาแล้วหรือ?” เฉินซื่อ วางหนังสือลงก่อนจะถามขึ้น

“อืม” เฉินชิงพยักหน้า

“ดูเหนื่อยมากเลยนะ ไปอาบน้ำแล้วพักผ่อนเร็ว ๆ เถอะ” เฉินซื้อเห็นว่าเฉินชิงดูอิดโรย

“เหนื่อยนิดหน่อยน่ะค่ะ เรียนติดกันเจ็ดวัน แถมวันนี้บ่ายยังมีคาบพลศึกษาอีก” เฉินชิงพูดพร้อมกับหยิบเสื้อผ้าไปเปลี่ยนเพื่อไปอาบน้ำ

“อ้อ ถ้าเหนื่อยเกินไป พรุ่งนี้ก็ไม่ต้องไปเรียนตอนเช้าก็ได้ ถ้าไปช่วยบอก เฉินเฉิง ด้วยว่าให้เขาซื้อหนังสือพิมพ์วัฒนธรรมประจำจังหวัดในวันจันทร์ให้ฉันด้วย” เฉินซื่ออบอก

“พ่อคะ ทำไมถึงให้เฉินเฉิงไปซื้อหนังสือพิมพ์วัฒนธรรมประจำจังหวัดล่ะคะ?” เฉินชิงถามอย่างสงสัย

“อย่าพึ่งถามเลย ถ้าอยากรู้ เธอก็ซื้อมาอ่านเองก็ได้นะ” เฉินซื่อยิ้มตอบ

“อ้อ” เฉินชิงพยักหน้า

เช้าวันรุ่งขึ้น เฉินชิงหาตัวเฉินเฉิงเจอเมื่อหมดเวลาคาบเรียนตอนเช้า

“มีอะไรหรือเปล่า?” เฉินเฉิงมองเฉินชิงตรงหน้าพลางยิ้มถาม

“พ่อของฉันให้เธอซื้อหนังสือพิมพ์วัฒนธรรมประจำจังหวัดในวันจันทร์” เฉินชิงบอก

“อ้อ ได้สิ” เฉินเฉิงพยักหน้า

“พ่อฉันให้เธอทำแบบนี้ทำไมกัน?” เฉินชิงถามขึ้นอย่างอดสงสัยไม่ได้

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” เฉินเฉิงส่ายหัว

“เธอกลับบ้านเลยไหม?” เฉินชิงมองเขาพลางถาม

“กลับนะ แต่ขอเวลาอีกหน่อย มีอะไรหรือเปล่า?” เฉินเฉิงถาม

“อ้อ เปล่าหรอก แค่ถามไปอย่างนั้นแหละ” เฉินชิงพูดแล้วหมุนตัวเดินออกจากห้องไป

เฉินเฉิงเก็บหนังสือบนโต๊ะใส่กระเป๋า มองไปยังห้องเรียนซึ่งตอนนี้แทบไม่มีใครเหลืออยู่

มีเพียง เจียงลู่ซี ที่ยังนั่งอยู่ในห้อง

เฉินเฉิงเดินเข้าไปใกล้ยืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่รบกวนเธอ

เจียงลู่ซีกำลังทำโจทย์คณิตศาสตร์ มีร่างแบบร่างแผ่นหนึ่งที่เต็มไปด้วยตัวเลขอยู่ข้าง ๆ

แม้ว่าเฉินเฉิงจะยังไม่เข้าใจคณิตศาสตร์ระดับมัธยมปลาย แต่ก็รู้ว่านี่เป็นโจทย์ที่เกินขอบเขตข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัย เพราะในแบบฝึกหัดของเธอมีข้อความ “การแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิก” พร้อมกับคำว่า “ยาก” เขียนกำกับอยู่ด้านหลัง

เมื่อขึ้นปีสุดท้าย โรงเรียนจะเลือกนักเรียนที่มีผลการเรียนดีเพื่อเป็นตัวแทนไปแข่งขันในรายการต่าง ๆ เช่นในเดือนพฤศจิกายนของทุกปี โรงเรียนหนึ่งจะส่งนักเรียนไปแข่งขันในระดับจังหวัด และปีนี้การแข่งขันก็พิเศษเพราะเป็นการสอบรวมของแปดจังหวัด หากทำได้ดีอาจเป็นที่สนใจของมหาวิทยาลัยชื่อดังและอาจได้เข้าศึกษาโดยไม่ต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัย

ตอนนี้เจียงลู่ซีคงเตรียมตัวสำหรับการแข่งขันในเดือนหน้า เพราะด้วยผลการเรียนของเธอ โรงเรียนคงจะส่งเธอไปแน่นอน

และถ้าเธอชนะ เธอก็จะได้รับทุนการศึกษา

ขณะครุ่นคิดคนส่วนมากมักจะมีนิสัยเล็ก ๆ บางอย่าง

บางคนชอบหมุนปากกาขณะทำโจทย์ บางคนชอบม้วนผม หรือบางคนชอบกัดปากกา แต่สำหรับเจียงลู่ซี เธอจะเอากระดาษร่างที่ใช้แล้วกัดอย่างเงียบ ๆ ทีละนิด

สุดท้าย เมื่อกระดาษร่างเกือบจะหมดแผ่น เธอก็แก้โจทย์ได้สำเร็จ

เจียงลู่ซีวางปากกาและปิดแบบฝึกหัด

“อร่อยไหม?” เฉินเฉิงยิ้มถาม

“อ๊ะ?” เจียงลู่ซีถึงกับชะงัก ก่อนใบหน้าจะแดงขึ้นแล้วตอบว่า “อะไรอร่อยล่ะ ฉันไม่ได้กินกระดาษสักหน่อย”

“อ้อ” เฉินเฉิงลากเสียงยาวขึ้นเล็กน้อย

เจียงลู่ซีถึงกับแดงไปถึงติ่งหู รีบเก็บของบนโต๊ะอย่างเงียบ ๆ

จริง ๆ แล้วเธอรู้ตัวดีว่าตัวเองมีนิสัยชอบกัดกระดาษเวลาแก้โจทย์ ดังนั้นเวลามีคนอยู่รอบ ๆ เธอจะไม่ทำแบบนี้ แต่ถ้าไม่มีใครอยู่ เธอก็อดที่จะกัดกระดาษไม่ได้

เมื่อครู่นี้เธอเห็นว่ารอบ ๆ ไม่มีใครและโจทย์คณิตศาสตร์ข้อนี้ก็ยากอยู่พอสมควร ขณะที่คิดจึงเผลอกัดกระดาษร่างเข้าไปโดยไม่รู้ตัว

“คราวหน้าถ้าจะกินกระดาษ ลองกินกระดาษสะอาด ๆ ที่ไม่มีหมึกดูก็ได้นะ หมึกมันไม่ค่อยสะอาดเท่าไหร่” เฉินเฉิงกล่าว

เจียงลู่ซีทำตาเบื่อหน่าย เธอก็รู้ว่ากระดาษสะอาดดีกว่า แต่แบบนั้นมันเปลืองเงินนี่นา

“ทำไมไม่กลับบ้าน?” เจียงลู่ซีถาม

“วันนี้เธอจะไปติวที่บ้านฉันไม่ใช่เหรอ?” เฉินเฉิงถาม

“ไปสิ!” เจียงลู่ซีตอบ

“ก็พอดีเลย ไปด้วยกัน” เฉินเฉิงพูด

“เมื่อกี้เฉินชิงไปหาเธอไม่ใช่เหรอ? ทำไมไม่กลับพร้อมกันล่ะ?” เจียงลู่ซีถามด้วยความสงสัย

เพราะทันทีที่สัญญาณหมดเวลาเรียนดังขึ้น เธอก็ได้ยินว่าเฉินชิงตรงไปหาเฉินเฉิงแล้ว

เธอจึงคิดว่าเฉินเฉิงคงกลับบ้านกับเฉินชิงไปแล้ว

“เธอมาก็จริง แต่ใครบอกว่าถ้ามาหาฉันแล้ว ฉันจะต้องกลับบ้านพร้อมเธอล่ะ?” เฉินเฉิงถามอย่างขำ ๆ

เจียงลู่ซีมองเขาแล้วไม่พูดอะไร

เธอเก็บของบนโต๊ะเสร็จและยกถุงหนังสือใบใหญ่ที่อยู่ข้างเท้าขึ้นมา

หนังสือในถุงนี้หนักมาก เธอใช้แรงมากทีเดียวถึงจะยกขึ้นได้

“ฉันช่วยเอง” เฉินเฉิงรับถุงหนังสือจากเธอไป

ในถุงนี้มีหนังสือสิบกว่าปเล่มเลยทีเดียว หนักมากจริง ๆ

ทั้งสองเดินลงบันไดไปด้วยกัน เฉินเฉิงวางถุงหนังสือของเธอไว้ในตะกร้าหน้าจักรยาน

เจียงลู่ซีเข็นจักรยานไปข้าง ๆ เฉินเฉิง ทั้งสองคนเดินไปอย่างเงียบ ๆ

ผ่านต้นไม้ยาวเรียงรายและออกจากประตูโรงเรียน เมื่อผ่านร้านซาลาเปาร้านหนึ่ง เจียงลู่ซีจอดจักรยานไว้ข้าง ๆ แล้วเดินไปซื้อซาลาเปาหนึ่งหยวน

เธอหยิบซาลาเปาออกมาและส่งอีกสองชิ้นให้เฉินเฉิง

เฉินเฉิงหยิบเงินหนึ่งหยวนออกมาให้เธอ เจียงลู่ซีส่ายหัวแล้วบอกว่า “ฉันเลี้ยงเธอ”

“เธอเคยช่วยฉันไว้ ถ้าไม่มี

เธอ ฉันคงหางานติวเตอร์ดี ๆ แบบนี้ไม่ได้ แถมทำให้คุณยายมียากินทุกวันด้วย แม่ของฉันเคยบอกไว้ว่าเมื่อได้รับความช่วยเหลือก็ควรตอบแทน ตอนนี้ฉันยังตอบแทนอะไรไม่ได้มาก เลี้ยงซาลาเปาเธอสองลูกก็คงพอ” เจียงลู่ซีกล่าว

“จริง ๆ ฉันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเธอมากหรอก ไม่ว่าจะเรื่องซื้อพลาสเตอร์หรือช่วยงานต่าง ๆ เธอก็ตอบแทนฉันมาตลอด ส่วนเรื่องงานติวเตอร์ จริง ๆ แล้วฉันต่างหากที่ได้ประโยชน์เพราะเดือนนี้ฉันเรียนรู้ได้เยอะจริง ๆ งานนี้ไม่ได้แพงไปเลยสำหรับเธอที่เรียนเก่งแบบนี้” เฉินเฉิงกล่าว

“แล้วเธอไม่ใช่ไม่อยากมีปฏิสัมพันธ์กับฉันหรือ? การทำแบบนี้ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนเป็นหนี้เธอไปด้วย ยิ่งเป็นหนี้ก็ยิ่งต้องตอบแทน แล้วก็คงมีปฏิสัมพันธ์กันมากขึ้นตามนั้น” เฉินเฉิงพูด

เจียงลู่ซี เธอเริ่มช่วยฉันก่อน

ไม่ใช่ฉันที่เริ่มช่วยเธอก่อนนะ!

“ไม่เป็นไร ตอนแรกฉันกังวลเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน แต่ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว เพราะฉันเข้าใจความตั้งใจของเธอแล้ว เธอช่วยฉันเพื่อกระตุ้นให้เฉินชิงทำตัวดีขึ้น ตอนนี้เฉินชิงก็แสดงท่าทีชัดเจนแล้ว ขอแค่เธอตั้งใจเรียนต่อไป ปีหน้าสอบเข้ามหาวิทยาลัยดี ๆ ได้แน่นอน”

“พอเข้ามหาวิทยาลัยได้แล้วพวกเธอก็จะได้คบกันอย่างเปิดเผย ไม่ใช่การมีรักในวัยเรียนแล้ว” เจียงลู่ซีกล่าว

“เธอพูดจริงเหรอ?” เฉินเฉิงมองเธอและถาม

“อืม” เจียงลู่ซีพยักหน้า

“ถ้าฉันบอกว่าฉันไม่ได้ชอบเฉินชิงมานานแล้ว และที่ช่วยเธอจริง ๆ เพราะอยากช่วยเธอล่ะ?” เฉินเฉิงถาม

“งั้นเธอก็เป็นผู้ชายเจ้าชู้น่ะสิ เธอชอบเขามาตั้งหกปี จะพูดว่าไม่ชอบก็ไม่ชอบได้ยังไง?” เจียงลู่ซีถาม

เฉินเฉิงถึงกับเงียบ

“ปากเก่งจริง ๆ” เฉินเฉิงพูด

เจียงลู่ซียิ้ม รู้สึกดีที่ทำให้เฉินเฉิงพูดไม่ออกได้สักครั้ง

ก็เขาชอบดุเธอนี่นา

แต่ถึงเฉินเฉิงจะดูดุ แต่ก็ไม่เคยทำร้ายใคร

หรือจริง ๆ แล้วทั้งหมดนี้เป็นเพียงความเข้าใจผิด?

แต่เธอเคยเห็นว่าเฉินเฉิงไปมีเรื่องกับคนอื่นนอกโรงเรียนไม่ใช่เหรอ?

เฉินเฉิงเดินไปขี่จักรยานของเจียงลู่ซี

“ขี่จักรยานของฉันทำไม?” เจียงลู่ซีรีบถาม

“ไม่ได้ขี่จักรยานแบบนี้มานานแล้ว อยากลองขี่ดู” เฉินเฉิงตอบ

“เธอจะทำพังไหม? ฉันมีแค่คันนี้นะ” เจียงลู่ซีรีบถาม

“ไม่พังหรอก” เฉินเฉิงพูด “จะขึ้นมานั่งไหม ถ้าไม่ขึ้นฉันจะขี่ไปคนเดียว”

“ขึ้นสิ” เจียงลู่ซีรีบนั่งที่เบาะหลัง

จักรยานคันนี้เป็นคันเดียวที่เธอมี แล้วใครจะรู้ว่าเฉินเฉิงพวกคนมีเงินจะเคยขี่จักรยานหรือไม่ ถ้าเขาทำจักรยานพัง เธอก็ต้องเดินไปเรียนเหมือนสมัยประถม

เมื่อก่อนเธอต้องเดินผ่านภูเขาและแม่น้ำสองสาย ใช้เวลาสองชั่วโมงเพื่อไปโรงเรียน แต่นั่นแค่ช่วงประถมเท่านั้น แต่ถ้าต้องเดินจากที่นี่ไปถึงโรงเรียนล่ะก็ คงใช้เวลาห้าถึงหกชั่วโมง

จักรยานแบบนี้เฉินเฉิงไม่ได้ขี่มานานแล้ว

ครั้งสุดท้ายที่เขาขี่ต้องย้อนไปถึงสมัยประถม

ตอนขึ้นมัธยมต้น พ่อของเฉินเฉิงซื้อรถมอเตอร์ไซค์ให้ เขาชอบความรู้สึกที่เร่งได้ถึง 60-70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตอนนั้นไม่กลัวอะไรเลย แม้รถจะดูเหมือนใกล้จะบินออกจากถนน ก็ยังเร่งต่อไป

พอโตขึ้นแล้วคิดถึงช่วงนั้นกลับรู้สึกใจหาย โชคดีที่เขาไม่เป็นอะไร

เฉินเฉิงปั่นจักรยานอย่างช้า ๆ ท่ามกลางสายลมเย็น ๆ ในฤดูใบไม้ร่วง เขาได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากตัวเด็กสาวด้านหลัง ในทุ่งหญ้าใกล้ ๆ มีหยดน้ำค้างเกาะพราวเป็นประกาย และในแม่น้ำอันเหอไม่ไกลออกไปก็มีฝูงเป็ดน้ำบินโฉบไปมาเล่นน้ำ พวกมันจะดำลงไปในน้ำแล้วโผล่ขึ้นมาอีกหลายสิบเมตรจากจุดเดิม

ขณะที่เจียงลู่ซีนั่งอยู่ด้านหลังก็รู้สึกโล่งใจ เธอกลัวว่าเฉินเฉิงจะเหมือนวัยรุ่นทั่วไปที่จะปั่นด้วยความเร็วสูง หรือปล่อยมือปั่นอย่างท้าทาย

ถ้าไม่ใช่เพราะสู้แรงเขาไม่ไหว เธอคงไม่ยอมให้เขาขี่จักรยานของเธอ

แต่ตอนนี้ดูเหมือนเฉินเฉิงปั่นไปอย่างช้า ๆ และไม่เล่นอะไรแผลง ๆ

เมื่อเธอขึ้นจักรยานไปแล้ว เธอก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงฉากในนิยายและภาพยนตร์ที่มีคนนั่งหลังจักรยานแล้วถูกคนขี่ปั่นเร็วหรือเบรกแรง ๆ จนตัวสาว ๆ เอนไปชนคนขี่

เธอคิดว่า ถ้าเฉินเฉิงทำแบบนั้นจริง ๆ เธอคงกระโดดลงทันที แม้ว่าจะเจ็บตัวก็ไม่เป็นไร

แต่โชคดีที่เฉินเฉิงปั่นช้าและมั่นคง

ทางที่ใช้เวลาเดินแค่สิบกว่านาทีก็ถึง แม้จะปั่นช้า ๆ แต่ก็ถึงที่หมายในเวลาไม่นาน

แอบเสียดายที่เฉินเฉิงอยากพาเจียงลู่ซีปั่นต่ออีกหน่อย

การขี่จักรยานไปตามถนนเล็ก ๆ ในเมือง โดยมีใครบางคนจากความทรงจำเก่า ๆ นั่งอยู่ด้านหลัง

บางที นี่คงเป็นเพียงสิ่งที่มีได้แค่ในความฝัน

แต่ตอนนี้มันเกิดขึ้นจริง

เฉินเฉิงจอดจักรยานและใช้กุญแจเปิดประตูบ้าน

เจียงลู่ซีเข็นจักรยานเข้ามาในสนามบ้าน

เธอยกถุงหนังสือเข้าไปในบ้าน

“ในนี้มีหนังสืออะไรบ้าง?” เฉินเฉิงถาม

“เป็นโน้ตวิชาต่าง ๆ ทั้งวิชาภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีของมัธยมต้นและมัธยมปลาย ภาษาไทยเธอพอจะเข้าใจอยู่แล้ว เลยไม่ได้เอามา โน้ตพวกนี้เป็นจุดสำคัญที่ครูสรุปไว้ให้ ฉันรู้ว่าเธอกำลังเรียนภาษาอังกฤษอยู่ ฉันเลยสรุปจุดสำคัญบางส่วนให้เธออ่านเบื้องต้น ถ้าไม่เข้าใจก็ถามฉันได้” เจียงลู่ซีกล่าว

“ต้องเพิ่มค่าเรียนไหม? ยังไงก็ใช้เวลานอกเหนือการเรียน” เฉินเฉิงถาม

“ไม่เป็นไร” เจียงลู่ซีส่ายหน้า “เนื้อหาที่ควรเรียนฉันก็เรียนหมดแล้ว เวลาทบทวนมีพออยู่แล้ว”

“ฉันนึกถึงเมื่อเดือนก่อน ตอนขอยืมหนังสือเธอ ตอนนั้นเธอไม่ยอมยืมให้ขนาดยอมให้ฉันดุก็ยังไม่ยอม แล้วทำไมตอนนี้ถึงให้ยืมได้ล่ะ?” เฉินเฉิงถามอย่างสงสัย

“ตอนนั้นไม่คิดว่าเธอจะยืมไปเพื่อเรียนจริง ๆ กลัวว่าเธอจะทำหนังสือฉันหาย” เจียงลู่ซีตอบ

“อ้อ” เฉินเฉิงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ขอบคุณนะ”

โน้ตของเจียงลู่

ซีนี่ ถ้านำไปขายคงได้เงินไม่น้อย แต่ตอนนี้เธอกลับยอมให้เขาใช้ ซึ่งตอนนี้เฉินเฉิงต้องการมันจริง ๆ เพราะเมื่อดูตามโน้ตไปพร้อม ๆ กับหนังสือเรียนก็ช่วยให้เขาเรียนรู้ด้วยตัวเองได้มาก หากมีข้อสงสัยก็ค่อยถามเธอ ทำให้การเรียนรู้เร็วขึ้นได้มาก

ถ้าต้องพึ่งให้เธอสอนทีละนิดก็คงใช้เวลาเยอะทีเดียว

“ถ้ามีข้อสงสัยก็มาถามหลังเลิกเรียนได้ แต่มาตอนกลางวันคงไม่ได้ คนเห็นแล้วจะพูดอะไรกันก็ไม่รู้ ฉันไม่ชอบฟังเรื่องไร้สาระพวกนั้น” เจียงลู่ซีพูดต่อ “แต่ถ้าเธอต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วนก็ถามเฉินชิงก็ได้นะ เฉินชิงเองก็เก่งคณิตศาสตร์และคงยินดีช่วยเธอ”

“โอเค ถ้ามีอะไรที่ต้องถามด่วน ฉันจะถามเฉินชิง” เฉินเฉิงยิ้มกล่าว

เจียงลู่ซีมองเขาแล้วตอบว่า “อืม”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด