บทที่ 60 รถไฟฟ้าใต้ดินสายสี่ ขบวนสุดท้าย ( เสร็จสิ้นภารกิจ )
บทที่ 60 รถไฟฟ้าใต้ดินสายสี่ ขบวนสุดท้าย ( เสร็จสิ้นภารกิจ
【คำแนะนำจากระบบ: ผู้ทำภารกิจเสิ่นชงหรานค้นพบเศษตัวอักษรแล้ว ภารกิจเสร็จสมบูรณ์!】
ทันทีที่ได้ยินข้อความนี้ รถไฟกลับคืนสู่สภาพปกติ เสิ่นชงหรานนั่งอยู่ตรงกลางของตู้โดยสาร ดาบไม้พีชที่อยู่ในมือเหมือนมีคราบน้ำมันสีดำติดอยู่
ตรงตำแหน่งที่ใช้ตราประทับสะกดวิญญาณชั่ว ตอนนี้เหลือเพียงรอยตราทองคำไว้เหมือนมีใครปั๊มตราประทับเอาไว้
เฟิงอี้เฉินเปิดประตูตู้โดยสารเข้ามาและเห็นเสิ่นชงหรานนั่งอยู่ตรงนั้น
เดิมทีเขายังต่อสู้กับผีสาวผมยาวอย่างสูสี แต่ทันทีที่ได้ยินข้อความภารกิจนี้ ผีสาวก็ร้องคำรามอย่างไม่ยินยอมและหายวับไป
“เธอได้เศษชิ้นสุดท้ายมายังไง”
ได้ยินคำถามจากเฟิงอี้เฉิน เสิ่นชงหรานก็ลุกขึ้นพร้อมดาบไม้พีช “ได้มาจากผีสาวนั่นแหละ”
เฟิงอี้เฉินพยักหน้า “คราวนี้เราไม่ได้กลับไปยังหน้าต่างสรุปภารกิจทันที”
เสิ่นชงหรานก็สังเกตเช่นกัน “นั่นสินะ อาจต้องรอถึงสถานีปลายทาง”
ชิวฮุ่ยและต้วนถิงโชคดีที่รอดชีวิตมาได้ เป้าหมายหลักของสองผีสาวนั้นคือคนที่แข็งแกร่งอย่างพวกเขา ถ้าต้องพึ่งพาพวกเธอสองคนก็คงลำบากแล้ว
ชิวฮุ่ยยังคงสั่นไปหมด อยากจะร้องไห้เต็มที โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นว่าต้วนถิงยังมีชีวิตอยู่เช่นกัน
“สถานีถัดไปคือปลายทาง ขอแสดงความยินดีกับผู้ทำภารกิจทั้งสี่ที่ทำภารกิจรถไฟฟ้าเที่ยวสุดท้ายของสายสี่สำเร็จ…”
ต้วนถิงนั่งนิ่งบนที่นั่ง ได้ยินข้อความนี้แล้วอยากชูนิ้วกลางให้
เมื่อรถไฟจอดสนิท ทุกคนก็ลุกขึ้น พอประตูเปิดออก กลับเห็นแค่ความว่างเปล่าด้านนอกเหมือนกับหน้าจอสรุปภารกิจครั้งก่อน
เสิ่นชงหรานเดินออกไปก่อน “ฉันไปก่อนนะ ไว้พบกันใหม่หากมีโอกาส”
แน่นอนว่าคนที่มีโอกาสพบกันอีกก็คือเฟิงอี้เฉินเท่านั้น
ก่อนที่เงาของเสิ่นชงหรานจะหายไป ชิวฮุ่ยยังคงร้องไห้ขอบคุณ “ขอบคุณมากค่ะ คุณเสิ่น!”
จากนั้นเฟิงอี้เฉินก็เดินตามออกไป ส่วนต้วนถิงก็หันมามองชิวฮุ่ยและตบไหล่เธอเบาๆ “ฉันไปก่อนนะ ไว้เจอกันในโลกจริง”
ชิวฮุ่ยรีบพยักหน้า
เมื่อทั้งสี่คนออกไปแล้ว ประตูก็ปิดลง
รถไฟฟ้ากลับคืนสู่สภาพหลังอุบัติเหตุ และในตู้โดยสารที่เมื่อครู่ยังมีทั้งสี่คนนั่งอยู่ ตอนนี้เต็มไปด้วยผู้โดยสารหลายสิบคนที่นั่งก้มหน้า
สองผีสาวก็อยู่ในนั้นด้วย รถไฟเที่ยวสุดท้ายนี้พาทุกคนจากไปสู่เส้นทางลึกลับที่ไม่อาจรู้ได้
•
【ขอแสดงความยินดีกับเสิ่นชงหรานที่ทำภารกิจสำเร็จ!
ได้รับคะแนนพื้นฐานสำหรับภารกิจระดับต่ำ: 2 รางวัลสำหรับการผนึกวิญญาณชั่ว: 20
คะแนนพิเศษจากผลงาน: 10】
ครั้งนี้ไม่มีรางวัลสุ่ม แต่คะแนนเหล่านี้ก็พอให้เธอซื้ออุปกรณ์เพิ่มได้
จากนั้นเธอก็หยิบดาบไม้พีชมาดูและถาม “ดาบไม้พีชของฉันยังใช้ได้ไหม?”
ถึงจะยังไม่หักเสียทีเดียว แต่ดูท่าว่าใกล้พังเต็มทีแล้ว
“ยังต้านทานการโจมตีจากวิญญาณชั่วได้อีกครั้ง”
เรียกได้ว่าใกล้พังแค่รอการโจมตีครั้งสุดท้าย
เสิ่นชงหรานหมดหนทาง เลยคิดว่าคงต้องซื้อดาบไม้พีชเกรดขาวมาใช้แทนไปก่อน เกรดแดงยังเกินกำลังที่จะซื้อ
“จริงสิ ฉันใช้ตราประทับสะกดผีสาวนั่นไว้ พลังสะกดจะคงอยู่ได้นานแค่ไหน?”
“สิบปี”
เสิ่นชงหรานขมวดคิ้ว “แล้วทำไมถึงได้คะแนนแค่ 20 คราวที่แล้วตอนสะกดวิญญาณชั่วในภารกิจระดับกลางยังได้ตั้ง 30 คะแนน”
ระบบตอบว่า “รางวัลสำหรับภารกิจระดับต่ำและระดับกลางต่างกันมาก คะแนนนี้เป็นไปตามกฎที่กำหนดไว้”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เสิ่นชงหรานก็ยอมรับได้
หากถามว่าสิ่งที่ยุ่งยากที่สุดในการทำภารกิจระทึกขวัญคืออะไร สำหรับเสิ่นชงหรานแล้วไม่ใช่ผี แต่เป็นบรรยากาศมืดมิดนั้นต่างหาก
ถึงเธอจะเตรียมไฟฉายมา แต่ผีก็ทำให้มันดับได้ง่ายๆ
เธอมองไปรอบๆ แล้วพบไอเทมที่ราคาถูกแต่ใช้งานได้ดีชิ้นหนึ่ง
【เทียนเกรดขาว: เมื่อจุดแล้วจะไม่ดับด้วยสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติหรือวิญญาณชั่วเกรดเดียวกัน ยกเว้นผู้จุดและวิญญาณชั่วเกรดพิเศษเท่านั้นที่สามารถดับได้ เป็นไอเทมให้แสงสว่างในความมืดที่ใช้งานได้ดี】
เทียนขนาด 2x10 เซนติเมตรที่เสิ่นชงหรานดูอยู่มีราคา 1 คะแนน
เธอซื้อมาสองแท่งเพื่อทดลองใช้
ยังเหลือคะแนนอีก 30 คะแนน อย่างแรกคือซื้อดาบไม้พีชใหม่ ใช้ไป 15 คะแนน
คะแนนที่เหลืออีก 15 คะแนนก็นำไปซื้อยันต์ไล่ผีเกรดแดงอีกแผ่น ทำให้เธอมียันต์ไล่ผีเกรดแดงอยู่สองแผ่นแล้ว
ยันต์ที่แปะไว้ด้านหลังตอนนั้นเป็นยันต์เกรดวิญญาณราคาถูก แม้จะใช้ไล่ผีไม่ค่อยได้ผลนัก แต่ก็ใช้เตือนภัยได้ดี
ส่วนยันต์ไล่ผีเกรดขาวระดับสูงที่เธอเคยมีอยู่สามแผ่นนั้น เธอใช้ไปแผ่นหนึ่งตอนกำจัดผีสาว คราวนี้เหลืออยู่สองแผ่น
หลังจากภารกิจนี้จบ เธอก็ได้ของใช้มาเติมเต็มอีกไม่น้อย
เมื่อลืมตาขึ้น เธอก็ได้ยินเสียงเพื่อนร่วมหอปีนขึ้นเตียง
ช่วงนี้เพิ่งจะปิดไฟกัน ทุกคนกำลังเตรียมเข้านอน ซึ่งก็บังเอิญกับที่เธอเพิ่งกลับมาจากภารกิจ
...
แสงอาทิตย์ส่องสว่างปลุกให้เมืองถังเฉิงตื่นขึ้น ผู้คนที่ต้องไปทำงานรีบคว้าขนมปังติดมือ เดินตรงไปยังสถานีรถไฟฟ้า
ไม่มีใครสังเกตว่าป้ายสายสามที่เคยเห็น กลายเป็นสายสี่ไปแล้ว
วันนี้คุณยายก็ยังคงพาหลานชายไปรถไฟฟ้าไปโรงเรียนเช่นเคย แต่พอลงบันไดมาก็เห็นผู้คนจำนวนมากกำลังยกโทรศัพท์ขึ้นถ่ายรูปอะไรบางอย่าง
เจ้าหนูที่กำลังสนใจอยากรู้ เมื่อเห็นคนมากมายถ่ายรูปอยู่ก็แหวกตัวผ่านฝูงชนไปดูจนได้
เขาตัวเล็กจึงแทรกผ่านคนอื่นไปถึงด้านหน้า และเห็นว่ากระจกที่กั้นระหว่างชานชาลากับตัวรถไฟนั้นหายไปแล้ว
ตรงหน้าคือขบวนรถไฟที่ยังมีรอยไหม้เกรียมจากการระเบิด การชนที่รุนแรงจนเกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ทำให้เกิดระเบิดครั้งใหญ่ และตอนนี้ก็เหลือแต่ซากอันบิดเบี้ยวในสภาพที่เห็น
“โอ้พระเจ้า นี่มันระเบิดครั้งใหญ่แน่ๆ ทำไมเราอยู่ใกล้ขนาดนี้ถึงไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย”
“ใครจะไปรู้ล่ะ อ้อ! กระจกนั่นหายไปไหนแล้ว โดนระเบิดไปด้วยหรือเปล่า ทำไมไม่มีเศษกระจกเลย”
“โอ๊ย! ทำไมยังมีเด็กอยู่ตรงนี้ รีบไปด้านหลังเถอะ อย่ามาดูเลย”
มือที่ไม่รู้ว่าใครส่งมาก็พยายามจะดันเด็กออกไปด้านหลัง แต่เด็กกลับดิ้นหลุดจากมือที่จับเขาไว้
“ตรงนั้นมีคนแปลกๆ เต็มไปหมดเลย”
ในสายตาของเด็ก เขาเห็นคนสิบกว่าคนยืนอยู่หน้าเหล่าฝูงชนตรงข้าม หลายคนถูกไฟเผาจนไหม้เกรียม และยังมีวิญญาณผีผู้หญิงสองตนในสภาพที่น่าสยดสยอง
ผู้คนพากันมองไปยังทิศทางที่เด็กชี้ แต่กลับเห็นเพียงฝูงชนธรรมดาเช่นเดียวกับพวกเขา
“มีตรงไหนกัน เด็กนี่อย่ามาเล่นพิเรนทร์น่ะ”
“ได้ยินว่าพวกเด็กๆ มักมีเซ้นส์ เห็นในสิ่งที่พวกเราไม่เห็น”
“อย่ามาหลอกกันสิ ให้ตายเถอะ”
คุณยายของเด็กก็พาหลานกลับมาได้ในที่สุด “อันตรายขนาดนี้แล้วยังจะเข้าไปอีก ถ้าเกิดอะไรขึ้น ยายจะไปบอกพ่อแม่หนูยังไง”
เด็กถูกคุณยายดึงตัวกลับไป มองย้อนกลับไปอีกครั้ง แต่เงาของคนกลุ่มนั้นก็หายไปหมด เหมือนกับสิ่งที่เขาเห็นเป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น
ข่าวอุบัติเหตุในรถไฟฟ้าสายสี่ของเมืองถังเฉิงแพร่กระจายบนโลกออนไลน์อย่างรวดเร็วและติดเทรนด์ทันที
ทว่าเมื่อคนที่ถ่ายวิดีโอในที่เกิดเหตุโพสต์คลิปออกมา ผู้ชมออนไลน์ต่างก็งงงัน
【ไหนล่ะขบวนรถไฟที่เกิดอุบัติเหตุ ก็เห็นแค่พวกคุณยืนเซลฟี่กับกระจกเท่านั้น!】
【ใช่! ฉันอุตส่าห์กังวลตามเข้ามาดู คิดว่าจะเจอสภาพสุดสลดของอุบัติเหตุ】
【หรือว่าทางการเมืองถังเฉิงจะเล่นอะไรผิดพลาด เลยเกิดเรื่องวุ่นๆ แบบนี้ขึ้นมา?】
…
มีคอมเมนต์แบบนี้เต็มไปหมด ทำเอาคนที่โพสต์คลิปเองก็งุนงง แต่พอมาดูคลิปซ้ำอีกครั้ง ทุกอย่างก็เป็นเหมือนที่คอมเมนต์ว่าไว้
ประตูรถไฟเปิดอยู่ ไม่มีใครขึ้นไป ทุกคนเพียงยืนบนชานชาลาถ่ายรูปกัน ดูเหมือนเป็นเหตุการณ์เหนือธรรมชาติขนาดใหญ่
แต่หลายคนในตอนนั้นเห็นชัดเจนว่ารถไฟชนและพังเสียหาย พวกเขามองเห็นเหมือนกันหมด นี่จะบังเอิญไปหน่อยไหมหากว่าพวกเขามีภาพหลอนพร้อมกันหมดในที่เดียวกัน
ไม่นาน รถไฟฟ้าสายสามของเมืองถังเฉิงก็ถูกสั่งปิด เหลือเพียงทางสัญจรบนดินสำหรับการเดินทาง
กระแสบนโลกออนไลน์ก็ถูกลบออกไป วิดีโอที่ถ่ายก่อนหน้านี้ก็ถูกซ่อน
สถานีรถไฟแห่งนี้ถูกส่งต่อให้หน่วยสืบสวนจากเมืองหลวง เข้ามาตรวจสอบ นำโดยบุคคลในชุดเครื่องแบบสีดำ
..........