ตอนที่แล้วบทที่ 51 ร่างกายพิเศษ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 53 ตอบแทนน้ำใจ

บทที่ 52 ความเชื่อมโยงอันซ่อนเร้น


บทที่ 52 ความเชื่อมโยงอันซ่อนเร้น

หลี่จิ้งฟังคำบอกเล่าของหลิวซือซือจบแล้วก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย

คนที่ติดอยู่ในระดับที่หนึ่งไปตรวจร่างกายอย่างมีเป้าหมายเพื่อยืนยันระดับขั้น แล้วทุกคนก็ก้าวขึ้นสู่ระดับที่สองโดยไม่มีข้อยกเว้น?

เรื่องนี้ ดูไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย

หากเป็นคนหนึ่งหรือสองคน อาจพอเข้าใจได้ว่าเป็นผู้ที่มีร่างกายพิเศษแฝงอยู่

แต่ร่างกายพิเศษไม่ใช่ผักกาดขาว ในคนล้านคนหากมีสักคนก็ถือว่าดีมากแล้ว

หากตัดคนที่มีร่างกายพิเศษที่มันไม่สร้างภาระให้แก่ตัวเจ้าของและก้าวสู้ระดับถัดไปได้อย่างราบรื่นออกไป คนธรรมดาที่มีร่างกายพิเศษแฝงอยู่ก็คงไม่มีมากนัก

พูดง่ายๆ คือ

การมีร่างกายพิเศษเป็นเหตุการณ์ที่มีความเป็นไปได้น้อยมาก

และการที่ร่างกายพิเศษสร้างภาระให้ตัวเจ้าของเอง ก็เป็นอีกความเป็นไปได้หนึ่ง

รวมสองความเป็นไปได้เข้าด้วยกัน

กรณีเช่นเดียวกับหลิวซือซือนี้ มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยกว่าเหตุการณ์กลายเป็นปีศาจซึ่งก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากอยู่แล้ว

หากเป็นในอดีต หลี่จิ้งคงไม่คิดอะไรมาก

แต่ช่วงนี้ในเมืองเจียงไห่เกิดเหตุการณ์ผิดปกติมากมายเนื่องจากพิษปีศาจ

ภายใต้อิทธิพลของพิษปีศาจ เหตุการณ์ที่มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมากอย่างการกลายเป็นปีศาจกลับกลายเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อย ถึงขนาดมีคนใช้พิษปีศาจเพาะเลี้ยงสิ่งมีชีวิตธรรมดาให้กลายเป็นปีศาจอย่างจงใจ

เรื่องผิดปกติที่หลิวซือซือเล่ามาดูเหมือนจะมีความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ผิดปกติที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้อยู่ลางๆ

ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลี่จิ้งก็ถามขึ้น

"พี่ซือซือไปโรงพยาบาลไหนเหรอ? แล้วหมอบอกไหมว่าเจอกรณีแบบนี้กี่รายแล้ว?"

"โรงพยาบาลที่หนึ่งฝั่งเป่ยเฉิง"

หลิวซือซือตอบ แล้วพูดต่อ

"ส่วนเจอกี่รายแล้ว หมอไม่ได้บอกรายละเอียด แต่เขาบอกว่าเจอมาไม่น้อย ฉันเลยคิดว่าน่าจะมีสิบกว่าถึงยี่สิบรายได้"

เธอเสริมต่อ

"นอกจากนี้ฉันได้ยินหมอพูดว่า คนพวกนั้นตรวจร่างกายแล้วไม่พบความผิดปกติอื่นใดนอกจากระดับขั้นที่เพิ่มขึ้น ไม่มีอาการผิดปกติเช่นไข้ปราณสูงหรืออะไรแบบนั้น เนื่องจากเป็นข้อมูลส่วนตัวของคนไข้ ทางโรงพยาบาลจึงเพียงแค่เก็บตัวอย่างเลือดไว้เพื่อสังเกตการณ์ต่อไป ยังไม่ได้รายงานไปยังสำนักตรวจการในฐานะเหตุการณ์ผิดปกติ"

หลี่จิ้งฟังแล้วก็นิ่งเงียบไป

ไม่พบความผิดปกติจึงไม่รายงานไปยังสำนักตรวจการในฐานะเหตุการณ์ผิดปกติ

เรื่องนี้ก็พอเข้าใจได้

ข้อมูลส่วนตัวของคนไข้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน โรงพยาบาลไม่อาจรายงานไปอย่างง่ายๆ หากยังไม่พบปัญหาใด

แต่จุดนี้เองที่อาจถูกคนที่มีเจตนาไม่ดีใช้ประโยชน์ได้

ในแง่หนึ่ง คนที่ไปตรวจร่างกายเพื่อยืนยันระดับขั้นเหล่านี้ที่เลือกไปโรงพยาบาล ก็เพราะจุดนี้นี่เอง

พวกเขาไปตรวจอย่างมีเป้าหมาย แสดงว่ารู้ตัวดีอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่มีวิธีอื่นที่จะยืนยันว่าตัวเองก้าวขึ้นไปแล้วหรือไม่ จึงเลือกไปโรงพยาบาล

ถ้าแค่ไปตรวจครั้งเดียวก็จะถูกรายงานไปยังสำนักตรวจการ ใครจะอยากไป?

เหมือนที่หลิวซือซือพูดไว้ก่อนหน้านี้ เรื่องนี้ต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังแน่นอน

คนที่ติดอยู่ในระดับที่หนึ่งแล้วก้าวขึ้นไปได้เหล่านี้ จะต้องได้สัมผัสกับบางสิ่งบางอย่าง ได้รับอิทธิพลบางอย่างถึงได้ก้าวขึ้นไปได้ คงไม่ทนการสอบสวนอย่างละเอียด

หากถูกสำนักตรวจการตรวจพบอะไรบางอย่าง เรื่องอาจลุกลามใหญ่โตได้

ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลี่จิ้งก็ลุกขึ้น

"พี่นั่งรออยู่ตรงนี้ก่อนนะ ผมออกไปโทรศัพท์สักประเดี๋ยว"

เห็นหลี่จิ้งดูเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้ หลิวซือซือก็ตอบรับเบาๆ แล้วนั่งลงหยิบโทรศัพท์ออกมา

สำหรับเธอแล้ว เรื่องนี้ก็แค่เรื่องเล่าเท่านั้น

เธอเป็นเพียงประชาชนคนธรรมดา

มีหลายเรื่องที่เธอไม่อาจล่วงรู้ได้

ที่เล่าให้ฟังก็เพราะมีเพื่อนที่ "รับราชการ" อย่างหลี่จิ้งเท่านั้น

พูดว่าเธอสนใจเรื่องนี้แค่ไหน ก็คงไม่มากนัก

ไม่ต้องพูดถึงว่าเธอเพิ่งก้าวขึ้นสู่ระดับที่สอง ชีวิตเปลี่ยนไป เรื่องของตัวเองยังดูแลไม่ทั่วถึง

เธอก็แค่คนขายไก่คนหนึ่ง จะไปยุ่งเรื่องมากมายทำไม?

สถานการณ์ของหลี่จิ้งก็ไม่ต่างจากหลิวซือซือเท่าไหร่

เขาเป็นเพียงผู้ช่วยตรวจการคนหนึ่ง

ตามเหตุผลแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องกังวลกับเรื่องนี้ และก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะกังวลด้วย

แต่เขาก็เคยเข้าไปพัวพันกับเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องอย่างลึกซึ้ง ถึงขั้นไปเป็น "ลูกจ้างชั่วคราว" ให้กับหน่วยสืบสวนคดีพิเศษที่ 6

หนึ่งคือเขารู้เรื่องภายในที่คนทั่วไปไม่รู้มากมาย

สองคือคดีนักปฏิบัติธรรมนอกรีตยังไม่จบสิ้น ข้อมูลที่หลิวซือซือให้มาอาจมีความเกี่ยวพัน เขาจึงรู้สึกว่าจำเป็นต้องรายงานสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องขึ้นไป

เดินออกจากร้านหม้อไฟ หลี่จิ้งก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาไต้หง

โทรศัพท์ต่อติดอย่างรวดเร็ว

"หลี่จิ้งเหรอ? มีอะไรหรือเปล่า?"

เสียงของไต้หงที่ฟังดูเหนื่อยล้าแต่แฝงความสงสัยดังขึ้น

"ครับ ผมบังเอิญได้ทราบถึงสถานการณ์ผิดปกติหนึ่ง อยากรายงานให้หัวหน้าไต้ทราบ"

หลี่จิ้งไม่อ้อมค้อม เล่าข่าวที่ได้ยินจากหลิวซือซือออกไปอย่างละเอียด

หลี่จิ้งสามารถตระหนักได้ว่าเรื่องนี้อาจเกี่ยวข้องกับพิษปีศาจและคดีผู้ฝึกตนนอกรีต ไต้หงย่อมตระหนักได้เช่นกัน

ฟังรายละเอียดทั้งหมดจบ เสียงของไต้หงในโทรศัพท์ก็ดูกระปรี้กระเปร่าขึ้น พูดอย่างรวดเร็วว่า

"รับทราบแล้ว ฉันจะให้คนจากแผนกรักษาความปลอดภัยไปที่โรงพยาบาลที่หนึ่งเพื่อสืบหาข้อมูลทันที ถ้ามีข่าวคืบหน้าฉันจะแจ้งให้คุณทราบอีกที"

พูดจบก็วางสาย

หลังจากแจ้งสถานการณ์ให้ไต้หงทราบแล้ว หลี่จิ้งก็ไม่ได้กังวลกับเรื่องนี้มากนัก เขาหมุนตัวกลับเข้าร้านหม้อไฟ

สิ่งที่ควรทำ เขาก็ได้ทำแล้ว

สิ่งที่เขาทำได้ ก็มีเพียงเท่านี้

ต่อจากนี้ก็แค่รอผลการสืบสวนเท่านั้น

......

ภายในร้านหม้อไฟ

ตอนนี้หลิวซือซือกำลังนั่งดูเว็บไซต์ช้อปปิ้งออนไลน์อยู่ เงยหน้าขึ้นมาเห็นหลี่จิ้งออกไปไม่นานก็กลับมาแล้ว จึงถามอย่างแปลกใจ

"เสร็จเร็วจังนะ?"

"ผมแค่รายงานผู้บังคับบัญชาเท่านั้นเอง จะใช้เวลานานได้ยังไงล่ะ?"

หลี่จิ้งยิ้มแล้วนั่งลง

หลิวซือซือคิดว่าคำพูดนี้ก็ไม่ได้ผิดอะไร จึงวางโทรศัพท์ลงแล้วถาม

"นายทำงานที่แผนกผู้ช่วยตรวจการมาเกือบสัปดาห์แล้ว ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง?"

"ก็ธรรมดา พอไปได้"

หลี่จิ้งตอบแบบขอไปที

ไม่ใช่ว่าเขาตั้งใจจะปิดบังอะไร เพียงแต่ประสบการณ์ของเขาค่อนข้างตื่นเต้น หากพูดออกไปอาจทำให้หลิวซือซือเป็นห่วงได้

ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังคุยกันอยู่นั้น พนักงานก็นำหม้อไฟที่สั่งไว้มาเสิร์ฟ

รอให้พนักงานจากไป หลี่จิ้งก็มองไปที่หลิวซือซือที่กำลังคาบตะเกียบรอกินอย่างใจร้อน

"พี่ซือซือ ในเมื่อคุณก้าวสู่ระดับที่สองแล้ว ร้านไก่นั่น..."

พูดได้ครึ่งประโยค หลิวซือซือก็พูดต่อ

"ฉันจะยังคงดำเนินกิจการร้านไก่ต่อไปนะ ทำธุรกิจนี้ขึ้นมาไม่ใช่เรื่องง่ายๆ นะ อีกอย่าง คุณก็รู้ว่าธุรกิจของเราไม่ได้แค่ตั้งแผงในตลาดสดเท่านั้น ยังมีการติดต่อกับโรงแรมและร้านอาหารข้างนอกอีกมากมาย จะทิ้งไปง่ายๆ ก็น่าเสียดายเกินไป"

พูดพลางยิ้มมุมปาก

"อีกอย่าง ฉันเพิ่งก้าวขึ้นสู่ระดับที่สองเท่านั้นเอง ยังไม่รู้อะไรเลย ถ้าออกไปหางานทำจริงๆ ก็แค่ได้เงินเดือนสองสามหมื่นเท่านั้นแหละ แต่ร้านไก่ของฉันมียอดขายเป็นสิบล้านต่อเดือนนะ ฉันไม่โง่หรอก จะทิ้งร้านไปทำงานที่อื่นน่ะ"

"เฮ้อ ผมไม่ได้หมายความแบบนั้นนะ"

หลี่จิ้งส่ายหน้าแล้วยิ้มอย่างจนใจ พูดว่า

"ผมแค่คิดว่าพี่ซือซือก้าวขึ้นสู่ีะดัยที่สองแล้ว น่าจะมีแผนอื่นและทิศทางการพัฒนาต่อไป อาจจะไม่มีเวลามากพอที่จะดูแลร้านไก่ จะหาคนมาช่วยดูแลจะดีกว่าไหม?"

พูดจบ หลิวซือซือก็มองมาด้วยสีหน้าระแวง

"อื้ม! นี่นายหมายตาร้านไก่ของฉันงั้นเหรอ?"

"......"

หลี่จิ้งอึ้งไป

เห็นอีกฝ่ายพูดจาเสียดสี หลิวซือซือก็หัวเราะพรืด พูดอย่างสนุกสนานว่า

"เรื่องหาคนมาช่วยดูแลน่ะ ฉันก็กำลังพิจารณาอยู่เหมือนกัน แต่ตอนนี้ยังไม่รีบร้อน อย่างน้อยตอนนี้ฉันก็ยังมีเวลาอยู่ ฉันอายุป่านนี้แล้ว จะบอกว่าไปเรียนต่อที่สถาบันวิชาก็คงไม่เหมาะ ไปอยู่กับเด็กอายุสิบเจ็ดสิบแปดพวกนั้น พวกเขาอาจไม่รังเกียจ แต่ฉันรังเกียจนะ"

พูดพลางเอามือเท้าคาง

"เดี๋ยวฉันว่าจะไปสมัครเรียนหลักสูตรเสริมสำหรับผู้ใหญ่ อย่างน้อยก็ได้เรียนรู้สิ่งที่คนระดัยที่สองควรรู้บ้าง ส่วนเรื่องวิชาเวทมนตร์นั้นเร่งไม่ได้หรอก แม้จะมีอาจารย์จากสถาบันวิชาทิพย์มาสอนก็ต้องดูว่าแต่ละคนจะเข้าใจได้แค่ไหน ได้แต่ค่อยๆ ลองผิดลองถูกไปเอง ส่วนพวกที่แอบเปิดสอนนอกระบบน่ะ ไม่เอาดีกว่า ถึงเขาสอนฉันก็ไม่กล้าเรียนหรอก ถ้าเกิดเจอพวกหลอกลวงแล้วฝึกผิดวิธีขึ้นมาจะยุ่งเอานะ”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด