บทที่ 24 หลี่ไป่ลั่วคือบิดาของเขา
เสียงตื่นตะลึงและหวาดกลัวดังขึ้น จินเป่าเอ๋อเงยหน้ามองไป! เ
มื่อครู่คนที่ยังโอหังและหยิ่งผยองอย่างโหดเหี้ยมอย่างโหมกั่นเหยียนยืนขึ้นอีกครั้ง สายตาจับจ้องมาที่นาง แต่ในดวงตานั้นมีความเกรงขามผสมอยู่
สมแล้วที่เป็นผู้ฝึกเซียนระดับขั้นหลอมจิต แม้ว่าเมื่อครู่จะถูกอิทธิฤทธิ์มังกรจู่โจมโดยตรง
แต่เขาก็ลุกขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว กระนั้นเสียงที่แผ่วเบาก็แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้ไร้รอยขีดข่วน
ในขณะเดียวกัน หลี่ฉิงจิ่วก็เริ่มได้สติกลับมา รีบวิ่งเข้ามาตรวจดูบาดแผลของจินเป่าเอ๋อ ทั้งอวัยวะภายในที่บาดเจ็บหนัก รอยเลือดทั่วร่าง กระดูกที่คอได้รับความเสียหาย แถมยังหมดสิ้นซึ่งพลังวิญญาณ คงเพราะพยายามต่อสู้กลับจนพลังถูกใช้หมด
เมื่อเห็นเช่นนี้ แม้แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะสะท้านใจ! ความเจ็บปวดขนาดนี้ แต่เขาก็ไม่ได้ร้องออกมาเลย แสดงถึงความอดทนอดกลั้นของจินเป่าเอ๋อที่น่าเกรงขาม เมื่อคิดถึงตรงนี้ หลี่ฉิงจิ่วก็กระชับสีหน้าจริงจัแล้วกล่าวขึ้น
"พี่จินโปรดวางใจ! วันนี้ข้าจะไม่ให้คนผู้นั้นทำร้ายท่านอีกแน่!"
จินเป่าเอ๋อที่ลำคอได้รับบาดเจ็บ มองเห็นเพียงหลี่ฉิงจิ่วยืนขึ้นเอาหลังบังนางไว้ หันหน้าเผชิญหน้ากับโหมกั่นเหยียนด้วยท่าทีท้าทาย
“พี่จินบอกว่าท่านไม่ได้ฆ่าใคร นั่นก็ต้องหมายความว่าไม่ได้ฆ่าจริงๆ ใครจะรู้ว่าหินบันทึกภาพของท่านอาจถูกดัดแปลง เซียนระดับหลอมจิตที่มาโจมตีศิษย์ระดับหลอมปราณ ถือว่าไร้ยางอาย! รังแกคนที่อ่อนแอกว่า!”
คำพูดแสดงความกล้าหาญอย่างเปิดเผย ทว่าจินเป่าเอ๋อสังเกตเห็นขาของหลี่ฉิงจิ่วที่สั่นไหว
แม้ทั้งสองจะรู้จักกันไม่นาน แต่ความกล้าหาญนี้ก็นับว่านางไม่ได้คาดคิดมาก่อน
เมื่อถูกโต้แย้งกลางที่สาธารณะ โหมกั่นเหยียนก็โกรธจนควันออกหู ร้องตะโกนอย่างเดือดดาล
"เจ้าหนุ่มมาจากที่ไหน กล้าเข้ามายุ่งเรื่องนี้ ถ้าไม่รีบไป ข้าจะจับเจ้าด้วย!"
“จะจับด้วยอะไรหรือ ท่านอาวุโสโหมช่างมีอำนาจยิ่งใหญ่จริงๆ นะ!”
ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ เงาร่างสิบกว่าคนก็ลงมาอย่างรวดเร็ว บุคคลที่นำหน้ามาถึงได้ตัดบทโหมกั่นเหยียนก่อนที่เขาจะได้พูดจบ จินเป่าเอ๋อมองไม่เห็นระดับพลังของเขา แต่จำใบหน้านั้นได้ทันที
เขาคือ หลี่ไป่ลั่ว เจ้าสำนักหลงหู ผู้บำเพ็ญถึงขั้นกลางของหลอมจิต เป็นผู้ที่มีบุคลิกเปิดเผย กล้าหาญ ไม่เกรงกลัวต่อความถูกผิด
ในชาติก่อนนางเคยเห็นเขาแสดงฝีมือครั้งหนึ่ง การโจมตีเพียงครั้งเดียวก็สยบเหล่าอสูรร้ายได้อย่างราบคาบ เป็นผู้ที่ทรงพลังอย่างแท้จริง!
แต่มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?
“ท่านพ่อ!”
ในขณะที่นางกำลังสงสัย เสียงอุทานของหลี่ฉิงจิ่วดังขึ้น ทำให้คนตรงหน้ารีบวิ่งเข้าไปหา หลี่ไป่ลั่วทันที
“ฮืออ ท่านพ่อ! ในที่สุดท่านก็มาถึง ข้าเกือบถูกคนรังแกจนแย่แล้ว! ท่านไม่รู้เลยว่าไม่กี่เดือนมานี้ลูกชายสุดที่รักของท่านลำบากแค่ไหน กินก็ไม่ดี นอนก็ไม่ดี แล้วยังมีคนคิดจะฆ่าข้าอีก! ฮืออ ท่านดูสิ ข้าผอมลงไปตั้งเยอะ!”
ขณะที่พูด หลี่ฉิงจิ่วกอดหลี่ไป่ลั่วแน่นราวกับตัวสลอธ ร้องครวญครางว่าตนลำบากเพียงใด โดยไม่สนใจสีหน้าที่มืดดำดุจหม้อของบิดาตัวเอง และสีหน้าอดขำของคนอื่นๆ ที่มองดูด้วยความอับอาย
“คุณชายรอง ข้าแนะนำว่า…ท่านควรลงมาก่อน ที่นี่มีผู้คนมากมาย”
อีกฝ่ายเตือนเบาๆ เพราะเกรงว่าหากเขาไม่ลงมาจะทำให้เจ้าสำนักโมโหจนต้องลงมือสั่งสอนบุตรชายกลางแจ้ง ซึ่งแค่คิดก็น่าขายหน้าแล้ว!
หลี่ฉิงจิ่วได้ยินดังนั้นก็รู้สึกตัวทันทีว่ารอบข้างมีคนมุงดูอยู่ จึงรีบกระโดดลงจากหลีไป่ลั่วทันที สีหน้ากลับสู่ความเรียบร้อยพลางเอ่ยอย่างนอบน้อม
“ท่านพ่อ ท่านมาแล้ว! ข้าขอแนะนำหน่อย นี่คือพี่น้องของข้า จิน…เอ่อ พี่จิน ท่านชื่อเต็มว่าอะไรนะ”
หลี่ไป่ลั่ว: … นี่เป็นลูกแท้ๆ ของข้าใช่ไหม? หายใจเข้า หายใจออก! ลูกชายจริงๆ ของข้า!
ฝูงชน: … ที่แท้แล้วเขาไม่รู้แม้แต่ชื่ออีกฝ่ายเหรอ? เมื่อกี้ยังทำเหมือนจะปกป้องเขาจนตายเลยนะ
จินเป่าเอ๋อได้ยินดังนั้น นางกระแอมเบาๆ พลังของยาที่เพิ่งกลืนลงไปเริ่มออกฤทธิ์ ทำให้นางพยุงตัวขึ้นโดยใช้หินด้านหลังพยุงร่างไว้ สบสายตากับหลี่ไป่ลั่วด้วยความสงบ
“ข้า จินเป่าเอ๋อ ขอคารวะท่านเจ้าสำนักหลี่”
นางค่อยๆ ตระหนักได้ว่า หลี่ฉิงจิ่วเป็นบุตรชายของหลี่ไป่ลั่วจริงๆ ช่าง…คาดไม่ถึงจริงๆ!
หลี่ไป่ลั่วมองดูบุตรชายตน นิสัยดูซื่อๆตรงๆ แต่แท้จริงแล้วเก่งในการอ่านใจคน มองจินเป่าเอ๋อสักครู่ สายตาคมกล้ากวาดไปทั่วร่างนางเล็กน้อย แล้วเผยรอยยิ้มบางๆ ออกมา
“ไม่เลวทีเดียว”
ไม่แน่ชัดว่าเขาหมายถึงบุคลิกหรือพลังจิตใจ แต่จินเป่าเอ๋อก้มหน้าลง สีหน้าครุ่นคิดในใจ ข่าวลือคงเชื่อไม่ได้เสียแล้ว คนที่ว่าเป็นนักรบซื่อตรง แท้จริงแล้วเหมือนเสือร้ายที่แอบเขมือบเหยื่อ
ทันใดนั้น โหมกั่นเหยียนผู้อาวุโสจากสำนักติอวิ๋นเอ่ยขึ้นเสียงแข็ง
“ท่านเจ้าสำนักหลี่ ข้าคือโหมกั่นเหยียน ผู้อาวุโสลำดับที่หกแห่งสำนักตี้อวิ๋น บุตรของท่านเข้าใจผิด ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายเขา ข้ามาเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมจากศิษย์ผู้นี้ที่ฆ่าลูกศิษย์ข้า ความตายต้องชดใช้ด้วยชีวิต!”
หลี่ไป่ลั่วหันไปมองจินเป่าเอ๋อพร้อมถามว่า “เป็นจริงเช่นนั้นหรือ ถ้าใช่ ข้าก็ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเรื่องคนอื่น!”
พูดพลางไม่สนใจสีหน้าร้อนรนของหลี่ฉิงจิ่ว และส่งสายตาดุจนทำให้เขาต้องเงียบไป
จินเป่าเอ๋อรู้ว่าเขาเปิดโอกาสให้นางอธิบาย นางจึงจ้องไปที่โหมกั่นเหยียนอย่างสงบปราศจากความหวาดกลัว
“ท่านอาวุโสเชื่อว่าเป็นข้าฆ่าลูกศิษย์ท่านและมีหินบันทึกภาพเป็นหลักฐาน ขอเพียงเปิดให้ทุกคนชม หากเป็นจริง ข้าจะไม่ปฏิเสธแม้แต่น้อย”
โหมกั่นเหยียนไม่คิดว่านางจะกล้าโต้แย้ง จนโกรธอยากจะลงมือทันที แต่พอนึกถึงพลังประหลาดที่เพิ่งเห็น ประกอบกับสายตาเฝ้ามองของหลี่ไป่ลั่ว จึงจำต้องระงับความโกรธและหยิบหินบันทึกภาพออกมา
ภาพฉายสลับไปมา จนเห็นใบหน้าเย็นชาของจินเป่าเอ๋ออยู่เบื้องหน้าผู้ที่ใกล้ตาย
เมื่อภาพสิ้นสุด โหมกั่นเหยียนก็แผดเสียงกร้าว ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
“เจ้ามีอะไรจะแก้ตัวอีก” จินเป่าเอ๋อไม่ยอมถอย สีหน้าของนางกลับแฝงไปด้วยรอยเย้ยหยันมากขึ้นเรื่อยๆ
“ก็แค่นี้หรือ เพราะพวกเขาเห็นข้าก่อนตาย ข้าก็เลยต้องเป็นคนร้ายหรือ หรือว่าท่านโหมอาวุโสไม่เห็นรอยเท้าของฝูงอสูรที่เหยียบย่ำอยู่บนพื้น พวกเขาตายด้วยเขี้ยวอสูรเหล่านั้น มีอันใดเกี่ยวข้องกับข้าหรือ”
เมื่อเห็นนางโยนความผิดไปให้ผู้อื่นเช่นนี้ โหมกั่นเหยียนก็เตรียมจะลงมือทันที แต่พลังนั้นกลับถูกสลายด้วยการยื่นมือของหลี่ไป่ลั่ว
“เอาล่ะ หากพวกเขาไม่ได้ถูกเจ้าหนุ่มน้อยจินคนนี้สังหาร ตายด้วยฝีมืออสูรก็เพราะฝีมือต่ำกว่าผู้อื่น ท่านโหมอย่าทำให้คนบริสุทธิ์ต้องรับโทษเลยเถิด”
โหมกั่นเหยียนโกรธจัดและไม่คิดจะยอมจบเช่นนี้ เขาโวยวายขึ้นทันที!
“ฝีมือต่ำกว่าอะไร หากนางช่วยพวกเขา ศิษย์ของข้าจะต้องตายหรือ นางมองเฉยๆ ข้าก็ย่อมมีสิทธิ์คิดว่าเป็นความผิดของนาง!”
จินเป่าเอ๋อหัวเราะขึ้นมา ไหนความมั่นใจว่าตนสมควรต้องช่วยอยู่ที่ไหนกัน
“ท่านอาวุโสเป็นผู้วิเศษหรือ หรือท่านช่วยคนอื่นๆ ตลอดหรือไร ข้ามีเพียงพลังระดับหลอมปราณ ข้าไม่มีทางช่วยพวกเขาได้หรอก ยิ่งกว่านั้นศิษย์ของท่านได้โรยผงเรียกอสูรใส่ข้า หวังจะให้อสูรเปลี่ยนเป้าหมายและระบายความโกรธใส่ข้า เช่นนี้แล้ว ข้าจะต้องช่วยชีวิตพวกเขาไปทำไม ทุกอย่างก็เพราะพวกเขาได้รับผลกรรมที่ตัวเองก่อไว้เองทั้งนั้น!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ โหมกั่นเหยียนก็โกรธจนหน้าแดงก่ำและแทบลุกเป็นไฟ ความอาฆาตพุ่งจากแววตาของเขาเป็นประกายแทบจับต้องได้! สุดท้ายเขาก็เค้นเสียงเย็นออกมา
“ดีมาก! ดีมาก! จินเป่าเอ๋อใช่หรือไม่! ข้าจะคอยดูว่าเจ้าจะเดินไปได้ไกลแค่ไหน! รอวันพบกันอีกครั้งก็แล้วกัน!”
ทิ้งคำพูดที่เต็มไปด้วยความโกรธเคือง เขาก็หายตัวลอยขึ้นไปในอากาศแล้วจากไปในป่าลึก ทิ้งให้จินเป่าเอ๋อรู้ว่านางเพิ่งสร้างศัตรูที่อาฆาตแค้นอย่างยาวนาน
เมื่อเห็นดังนั้น จินเป่าเอ๋อก็โล่งใจเล็กน้อย นางที่เพิ่งเกิดใหม่ ย่อมเห็นคุณค่าในชีวิตนี้มากกว่าใคร
นางเคยคิดว่าหากหลีกเลี่ยงซูเซียนจือจนกว่าจะแข็งแกร่งก็เพียงพอแล้ว ทว่านางเกือบลืมไปว่า โลกแห่งการบำเพ็ญตบะนั้นเต็มไปด้วยภัยร้าย ไม่ใช่ว่าการใช้ชีวิตอย่างสงบเงียบจะสามารถรอดพ้นไปได้