ตอนที่แล้วบทที่ 21 วิหคฟัก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 23 การตื่นขึ้นของบุคคลลึกลับ

บทที่ 22 พันธสัญญา


สีหน้าของจินเป่าเอ๋อแข็งทื่อเล็กน้อย ใครจะไปคิดว่านกฟินิกซ์ที่สูงศักดิ์และทรงพลังอย่าง “จินหวง” นั้น ตอนแรกเกิดจะมีรูปร่างหน้าตาน่าขบขันแบบนี้ ดูไปเหมือนลูกเจี๊ยบไร้ขน หัวโตเท่าลำตัว แถมตายังกลมแป๋วเป็นสีดำสนิท!

ส่วนลูกนกน้อยที่เพิ่งฟักออกมานั้น ดูเหมือนจะมีความคิดเห็นตรงกันข้าม เมื่อมันหันมามองจินเป่าเอ๋อก็เห็นว่า "โอเค หน้าตาใช้ได้" มันพึงพอใจพร้อมให้การยอมรับ

ทันใดนั้นเอง เจ้าลูกนกก็สังเกตเห็นแววตารังเกียจเล็กๆ ที่แฝงในสายตาของจินเป่าเอ๋อ ทำให้หัวใจดวงน้อยๆ ของมันแทบแตกสลาย

"เอ๊ะ! นั่นอะไรน่ะ เจ้าไปเก็บไข่ไก่จากที่ไหนมา? พอดีข้ากินยาอิ่มท้องจนเบื่อแล้ว ขอเอามาทอดเป็นไข่กินดีไหม"

หลี่ชิงจิ่วที่เห็นจินเป่าเอ๋อวิ่งออกไปนานแล้วไม่กลับมา ก็เลยเดินตามมาดู พอเห็น “ไข่ใบใหญ่” ที่จินเป่าเอ๋อกำลังกอดอยู่ สายตาของเขาก็แวววาวขึ้นทันที

จินเป่าเอ๋อหันไปมองเขาพลางเตรียมอธิบายว่านี่คือไข่ของเทพอสูร แต่จู่ๆ ไข่ในมือของนางก็เริ่มกระตุกอย่างแรง เจ้าลูกจินหวงที่อยู่ในไข่เหมือนจะได้ยินคำพูดของหลี่ชิงจิ่วเข้า จนโกรธสุดขีด จากเดิมที่คิดจะเลิกพยายามฟักตัว ตอนนี้มันฮึดสู้ทันที เมื่อถูกเจ้านายที่เลือกเองมาดูถูกยังไม่พอ ยังมีมนุษย์เพศผู้โง่เขลาคิดจะกินมันอีก! ยังบังอาจเรียกมันว่า “ไข่ไก่” อีกหรือ

มันพยายามดันตัวออกมาจากเปลือกไข่จนเกิดรอยแตกกว้างขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุด มันก็เผยให้เห็นหัวกลมๆอ้วนๆ โผล่ออกมา...

เมื่อเปลือกไข่แตกออกหมด ลูกนกตัวน้อยที่มีตัวสีชมพูอ่อนนอนอยู่บนฝ่ามือของจินเป่าเอ๋อ หายใจหอบถี่ๆ พร้อมกับจ้องเขม็งใส่หลี่ชิงจิ่วด้วยความโกรธจัด ร่างกายที่อ่อนแอและบอบบางนั้นทำให้จินเป่าเอ๋อเผลอคิดว่านางอาจจะได้ไข่ผิดใบมา…ไม่สิ! ไข่จินหวงต่างหาก!

หลี่ชิงจิ่วตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า "นี่…นี่…กินได้ไหมเนี่ย"

ทันทีที่ได้ยินคำว่า “กิน” เจ้าลูกนกก็พลิกตาอย่างแรง เกือบจะลุกขึ้นมาฟาดหน้าเขาเข้าให้!

จินเป่าเอ๋อที่ไม่เคยเลี้ยงสัตว์อสูรมาก่อน ก็ได้แต่พยายามโน้มน้าวตัวเองว่าเพราะมันเพิ่งเกิดใหม่ ร่างกายยังโตไม่เต็มที่ คงต้องเลี้ยงดูไปสักพักถึงจะงดงามขึ้น

“หลี่ชิงจิ่ว เจ้าเลี้ยงสัตว์อสูรเป็นใช่ไหม” จินเป่าเอ๋อจำได้ว่าเคยมอบสัตว์อสูรให้ลี่ชิงจิ่วไปเลี้ยง เลยส่งลูกจินหวงไปให้เขาดูแลแทน เพราะกลัวจะเลี้ยงไม่รอด

ลูกนกน้อยรับรู้ถึงการกระทำของนางและรู้สึกตกใจมาก เกรงว่านางจะเอามันไปให้คนอื่นเลี้ยงจริงๆ แม้ว่าตอนนี้มันจะดูน่าเกลียดไปบ้าง แต่มันสัญญาว่าจะสวยสง่าในอนาคต ขอแค่เก็บมันไว้เถอะ!

ตากลมโตสีดำของมันแทบจะกินพื้นที่ทั้งใบหน้า จ้องมองจินเป่าเอ๋ออย่างวิงวอน แต่ทว่า จินเป่าเอ๋อไม่รู้สึกถึงความน่ารักของมันเลย มือที่ยื่นไปนั้นไม่มีท่าทีจะหดกลับ

เจ้าลูกนกหมดความอดทน คิดว่าถ้าอย่างนั้นต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว มันอ้าปากงับนิ้วของจินเป่าเอ๋ออย่างแรง! เลือดที่ไหลออกมาได้ถูกมันดื่มเข้าไปอย่างรวดเร็ว จินเป่าเอ๋อรู้สึกเจ็บที่นิ้ว แต่ก็ดึงสติกลับมาทันที ก่อนจะอดกลั้นความรู้สึกอยากบีบเจ้าลูกนกให้ตายไปเสีย

หลังจากได้ดื่มเลือดของจินเป่าเอ๋อจนพอใจ ลูกนกก็นอนลงอย่างพึงพอใจ พลางเปล่งแสงสีทองล้อมรอบทั้งร่างก่อนจะจมหายไปในฝ่ามือของนาง...

สัญญาผูกพันเสร็จสิ้น!

ตัวอักษรแวบเข้ามาในความคิดของนาง จินเป่าเอ๋อถึงกับอึ้งไป…ยืนยันได้แล้วว่านี่คือไข่จินหวงของแท้! ไม่มีสัตว์ธรรมดาหรือสัตว์อสูรที่ไหนทำได้ขนาดนี้

คราวนี้นางคงปฏิเสธการดูแลเจ้าตัวน้อยนี้ไม่ได้แล้ว เพราะนางรู้สึกถึงสัญญาผูกพันที่เป็นพันธะร่วมชีวิต!

พันธะนี้ต่างจากสัญญาแบบนายบ่าว หรือสัญญาเสมอภาค เพราะเป็นสัญญาที่หายากและซับซ้อนกว่า หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตาย อีกฝ่ายก็ต้องตายตามไป ไม่มีทางเลี่ยงได้ ซึ่งมักจะเป็นสัญญาระหว่างคู่รักสัตว์อสูรที่ภักดีต่อกัน

และที่สำคัญคือ! พันธสัญญานี้มีผลเพียงต่อนางเท่านั้น หากนางตาย เจ้าตัวน้อยจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย!

หมายความว่า… เจ้าตัวน้อยนี้ยอมยกชีวิตให้กับนางแล้วหรือนี่? ช่างโง่งมเสียจริง! หากนางต้องเผชิญหน้ากับแม่ของมันในภายภาคหน้า นางจะไม่โดนไล่ล่าหรอกหรือ?

พอนึกเช่นนั้น ทันใดนั้นทั้งมิติลับเริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ความรู้สึกต่อต้านแผ่กระจายไปทั่วทุกทิศทาง พร้อมกับพลังมหาศาลที่ผลักดันให้นางหลุดออกจากมิตินั้นทันที

ในขณะเดียวกัน ในทะเลจิตของนางก็ปรากฏการเชื่อมโยงที่คุ้นเคยขึ้นมา คฤหาสน์เซียนยอมรับนางเป็นนายแล้ว!

ย้อนไปช่วงก่อนหน้า

ซูเซียนจือและพวกฝ่าดงก้อนหินที่แตกกระจายเข้าไปยังดินแดนแห่งหิมะหนาวเหน็บได้ก็เพราะการที่จินเป่าเอ๋อทำลายค่ายกลหินใหญ่

ด้วยพลังแห่งโชคลาภ ซูเซียนจือ “บังเอิญ” เจอลูกอสูรที่มีระดับสูงถึงขั้นจินตัน และแน่นอน การที่นางพบมันก็ย่อมดึงดูดเหล่าอสูรเข้ามาไล่ล่าพวกเขา นางและเพื่อนๆ จึงหนีตายกันจ้าละหวั่น เหนื่อยล้าจนบาดเจ็บ

ภายในถ้ำ

“เจ้าไปเอาอะไรมา? ทำไมอสูรพวกนั้นถึงได้คลุ้มคลั่งเช่นนี้!”

ปิงหนิงที่ทนไม่ไหวมาแต่แรก พูดออกมาเสียงเข้ม พวกเขาอยู่ด้วยกันสามวันแล้ว พอคลาดสายตากันแค่ครู่เดียว ซูเซียนจือก็หายตัวไปแล้วกลับมาพร้อมกับฝูงอสูรหิมะที่ไล่ล่ามาอย่างบ้าคลั่ง ในกลุ่มนั้นยังมีอสูรขั้นจินตัน หากพวกเขาไม่มีไพ่ตายติดตัว เกรงว่าคง…

ท่ามกลางคำตำหนิ ซูเซียนจือเบิกตากว้าง มองพวกเขาด้วยดวงตาเต็มไปด้วยความไร้เดียงสาและความรู้สึกผิด

“ข้า…ข้าไม่รู้จริงๆ ข้าแค่เผลอหลงทาง กว่าจะหาพวกท่านเจอ เหล่าอสูรหิมะก็โผล่มาพอดี ขอโทษ ข้าผิดเอง หากข้าไม่วิ่งพล่าน พวกท่านก็คงไม่…”

หญิงสาวในชุดขาวที่อ่อนแอสวยงาม แววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและเสียใจจนแทบล้นออกมา มือเล็กๆ บีบชายเสื้อด้วยความประหม่า ท่าทางนั้นชวนให้ผู้อื่นรู้สึกสงสาร ความโกรธที่คุกรุ่นพลันลดลงครึ่งหนึ่งทันที…

“ศิษย์น้องหนิง ซูเซียนจืออาจเพียงแต่หลงเข้าไปในเขตแดนอสูรหิมะโดยบังเอิญ พวกอสูรจึงเข้าใจผิดว่าเป็นผู้บุกรุกและไล่ล่าพวกเรา ตราบใดที่เราออกจากดินแดนของพวกมัน พวกมันคงไม่ไล่ตามมาอีก”

จูผิงชวนมองปิงหนิงอย่างเหนื่อยใจ เอ่ยปลอบอย่างไม่แยแส แม้ว่าเขาเองจะเสียสมบัติที่ช่วยชีวิตไปด้วย แต่เมื่อเห็นท่าทีเช่นนี้ของซูเซียนจือ… ก็คงไม่ใช่เจตนา

ไม่ทันไร เขาก็ได้รับสายตาขอบคุณจากซูเซียนจืออีกครั้ง แววตาอ่อนโยนซ่อนความละอายไว้ในที ช่วยลดความหงุดหงิดในใจของจูผิงชวนให้สงบลงอีก

“เหอะ จริงหรือ? ศิษย์พี่ช่างมีน้ำใจเสียจริง ไม่รู้ว่าใครเป็นศิษย์ร่วมสำนักกันแน่!”

ปิงหนิงที่ไม่ใช่คนเช่นเขา ย่อมไม่อาจทนเห็นท่าทีของซูเซียนจือได้ ในน้ำเสียงมีแต่ความประชดประชันและความหึงหวงเบาบาง

จูผิงชวนยังอยากพูดอะไรอีก แต่ก็ถูกอีกคนหนึ่งขัดไว้

“พอเถอะ! ตอนนี้สิ่งสำคัญคือคิดหาทางออกไปจากที่นี่ ข้าไม่อยากตายใต้กรงเล็บของอสูรหิมะ!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด