บทที่ 107: ไหน ๆ ท่านก็มาแล้ว
“เป็นไปไม่ได้” มู่ไป๋ไป่ส่ายหัว “ที่นี่ไม่มีใครมีวรยุทธสูงกว่าอวี้เซิ่ง ถ้ามีคนตามเรามาจนถึงวัดฮู่กั๋วจริง ไม่มีทางที่เขาจะไม่รู้เรื่องนี้”
อวี้เซิ่งที่อยู่บนหลังคา “...”
เขารู้ แต่เขาเพียงแค่ไม่พูด!
“ช่างเถอะ ๆ ไม่ต้องคิดมากหรอก มันคงเป็นความเข้าใจผิดของข้าเอง” คนตัวเล็กโบกมือก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุย “เจ้าจำสิ่งที่ข้าเพิ่งบอกเจ้าไปได้หรือไม่?”
“ข้าจะไปพูดโน้มน้าวอวี้เซิ่งให้เขาร่วมมือกับเรา แล้วพรุ่งนี้เช้าพวกเจ้า 2 คนก็ช่วยข้าแกล้งทำเป็นป่วยเพื่อหาข้ออ้างกับไทเฮาและท่านแม่”
“ส่วนหมอหลวงฉินคนนั้นก็จัดการได้ยากเสียด้วย”
“หลังจากที่พวกเขากลับไปกันหมดแล้ว เราจะแอบลงเขาเพื่อไปตามหาพี่จวินเฉากัน”
บนหลังคาในขณะเดียวกัน มีแสงสลัวแล่นผ่านดวงตาของอวี้เซิ่ง เขารีบวางจอกสุราแล้วกระโดดลงจากหลังคา จากนั้นเขาก็เอ่ยถามว่า “คนที่องค์หญิงหกเพิ่งพูดถึงเป็นใครกัน?”
“ตาเถร!”
จู่ ๆ ก็มีคนตกลงมาจากฟ้ากลางดึกโดยไม่คาดคิด ทำให้มู่ไป๋ไป่ตกใจมากจนหัวใจแทบวาย ส่วนหลัวเซียวเซียวก็ตกใจเช่นกัน แต่นางไม่ได้ส่งเสียงร้องเหมือนอีกคน
มีเพียงจื่อเฟิงที่อยู่ด้านข้างเท่านั้นที่เขม็งมองชายหนุ่มพร้อมกับแยกเขี้ยว ราวกับว่านี่เป็นปฏิกิริยาโต้ตอบของร่างกายโดยอัตโนมัติ
“องค์หญิงหก ข้ามีเรื่องจะถามพระองค์” อวี้เซิ่งก้าวเข้ามาด้วยสีหน้าที่ดูหนักใจเล็กน้อย “ข้าได้ยินว่าพระองค์เพิ่งพูดถึง ‘พี่จวินเฉา’ เขาคนนั้นเป็นใคร?”
“จวินเฉา เสิ่นจวินเฉา” มู่ไป๋ไป่ไม่รู้ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงมีปฏิกิริยาเช่นนี้ “คุณชายแห่งตระกูลเสิ่น พ่อค้าผู้ร่ำรวยที่สุดในเมืองหลวง ท่านรู้จักเขาหรือ?”
“เสิ่นจวินเฉา?” นักฆ่าหนุ่มขมวดคิ้ว “แซ่เสิ่น?”
“ใช่” เด็กหญิงพยักหน้าตอบ “มีอะไรหรือ?”
ใบหน้าของอวี้เซิ่งอ่อนลงเล็กน้อยในขณะที่เขากล่าวว่า “ไม่มีอะไร ข้าแค่ได้ยินผิดไป”
สิ้นเสียงพูดเขาก็หันหลังเตรียมจะจากไป แต่มู่ไป๋ไป่ไม่อยากปล่อยโอกาสที่ส่งมาถึงหน้าประตูให้หลุดลอยไปเฉย ๆ เธอจึงวิ่งเข้าไปกอดต้นขาของอีกฝ่ายพลางเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มกว้างให้กับเขา “ไหน ๆ ท่านก็มาแล้ว...”
“...”
นางกำลังจะร้องขออะไรกัน?
“เรามานั่งคุยกันสักพักเถอะ” มู่ไป๋ไป่หันไปส่งสายตาให้หลัวเซียวเซียวซึ่งอยู่ด้านข้าง ในไม่ช้านางก็รินชาให้อวี้เซิ่ง ก่อนจะเช็ดทำความสะอาดม้านั่งอย่างแข็งขัน
“นี่พี่ใหญ่ ดูสิ เซียวเซียวเช็ดเก้าอี้ให้ท่านแล้ว ท่านควรนั่งลงสักหน่อยดีหรือไม่?” เด็กน้อยพูดพร้อมกับดึงคนตัวโตกว่าไปที่ม้านั่งหิน
ขณะนั้นอวี้เซิ่งกล่าวว่า “องค์หญิงหก หากพระองค์มีอะไรอยากจะพูดก็พูดมาเถอะ นี่ก็ดึกมากแล้ว ข้าต้องกลับไปพักผ่อน”
“เมื่อกี้ท่านได้ยินสิ่งที่เรา 3 คนพูดหรือไม่?” มู่ไป๋ไป่เลิกอ้อมค้อมและพุ่งเข้าประเด็นทันที “เสิ่นจวินเฉาเป็นสหายคนใหม่ของข้า เขาเองก็หายตัวไปเช่นกัน พรุ่งนี้เราจะลงจากภูเขาเพื่อไปสอบสวนการหายตัวไปของเขา”
“เป็นอย่างไร ท่านจะไปกับข้าหรือไม่?”
“ที่แท้วันนี้องค์หญิงหกลงจากเขาก็เพื่อเรื่องนี้นี่เอง” อวี้เซิ่งพยักหน้าอย่างครุ่นคิด “แล้วเสิ่นจวินเฉาคนนั้นมีความสำคัญสำหรับองค์หญิงหกมากหรือไม่?”
เมื่อครู่นี้เขาเหมือนจะได้ยินเจ้าตัวเล็กเรียกอีกฝ่ายว่า ‘เทพเจ้าแห่งโชคลาภ’
“แน่นอนว่าเขาย่อมสำคัญ!” มู่ไป๋ไป่ไม่ปฏิเสธว่าวันนี้ตนแอบลงจากภูเขาไป ในขณะที่เธอพยักหน้าอย่างจริงจัง “เขาสำคัญมาก! ดังนั้นอวี้เซิ่ง ท่านไปกับข้าเถอะนะ”
“หากเราพบพี่จวินเฉา เขาย่อมไม่ลืมขอบคุณท่าน”
นักฆ่าหนุ่มหรี่ตาลงแล้วถามว่า “ทำไม ข้าดูเหมือนคนที่ขาดเงินขนาดนั้นเลยหรือ?”
“มันไม่เหมือนกัน” เด็กหญิงส่ายหัว “ใครบ้างจะปฏิเสธการมีเงินเยอะ ๆ”
“นอกจากนี้ ท่านเองก็เป็นนักฆ่ามาก่อนที่จะเข้าไปอยู่ในวังหลวงไม่ใช่หรือ?”
“ข้าได้ยินมาว่าในยามที่ท่านถูกจ้างวานให้ฆ่าใครสักคน ค่าตอบแทนจะต้องจ่ายเป็นทองคำ”
“อย่างไรก็เถอะ ตอนนี้ท่านได้ออกจากวังหลวงแล้ว ถือว่านี่เป็นการรับงานส่วนตัว แต่เปลี่ยนรายละเอียดเล็กน้อยจากการฆ่าคนเป็นช่วยชีวิตคน”
“เช่นนี้ไม่ดีหรือ?”
อวี้เซิ่งที่ได้ยินเช่นนี้ก็หัวเราะออกมาเสียงดัง “คารมขององค์หญิงหกดูเหมือนจะคมคายมากขึ้นเรื่อย ๆ เสียจริง”
นั่นทำให้ดวงตาของมู่ไป๋ไป่เป็นประกายทันที “แสดงว่าท่านตกลงแล้วใช่หรือไม่?”
“มันขึ้นอยู่กับว่าใครจะมอบเงินมัดจำให้แก่ข้าเท่าไหร่” ชายหนุ่มพูดขึ้นด้วยท่าทางจริงจัง “จะเกิดอะไรขึ้นถ้าองค์หญิงหกเบี้ยวเงิน แล้วถ้าเสิ่นจวินเฉาไม่สามารถจ่ายเงินได้ล่ะ แบบนี้การลงทุนลงแรงของข้าจะไม่สูญเปล่าเช่นนั้นหรือ?”
“ไม่ ไม่!” ทันทีที่คนตัวเล็กเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มผ่อนปรนแล้ว เธอก็หยิบเงินก้อนเล็ก ๆ ของตัวเองออกมาจากกระเป๋า จากนั้นก็นับตั๋วแลกเงินปึกหนึ่งมามอบให้เขา “เท่านี้เพียงพอหรือไม่?”
“ถ้าหากท่านต้องการทองคำ ข้าก็สามารถพาท่านไปที่ร้านแลกเงินเพื่อแลกตั๋วเงินพวกนี้เป็นทองคำหลังจากที่ลงเขาไปในวันพรุ่งนี้”
อวี้เซิ่งเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยจนแทบสังเกตไม่เห็น “องค์หญิงหกเป็นคนที่ใจกว้างมาก...”
ทำไมเขาจำไม่ได้ว่ามู่เทียนฉงให้เงินกับองค์หญิงหกมากมายขนาดนี้?
“อิอิ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร” มู่ไป๋ไป่เกาแก้มตัวเองเล็กน้อยก่อนจะเก็บตั๋วแลกเงินที่เหลืออย่างทะนุถนอม “ท่านยอมรับเงินไปแล้ว ท่านอย่าได้เปลี่ยนใจทีหลังล่ะ”
“พรุ่งนี้เช้าข้าจะแกล้งป่วย…”
จากนั้นเด็กหญิงก็บอกแผนการที่เธอเคยคุยกับอีก 2 คนให้อวี้เซิ่งฟัง “แค่นี้แหละ ใครมีคำถามอะไรหรือไม่?”
หลัวเซียวเซียวกับจื่อเฟิงส่ายหัวเบา ๆ เป็นการบอกว่าไม่มีปัญหา
ส่วนอวี้เซิ่งยกมือขึ้น “ข้ามีคำถาม ถึงแม้ว่าองค์หญิงหกจะแกล้งป่วยจนสามารถตบตาไทเฮากับหว่านผินได้ แต่พระองค์จะหลอกหมอหลวงอย่างไร?”
“เอ่อ… ข้ายังไม่ได้คิดเรื่องนี้เลย” มู่ไป๋ไป่เกาหัวอย่างคิดไม่ตก “ถ้ามันไม่ได้ผล ข้าคงต้องบอกว่าข้ารู้สึกไม่สบาย เช่นนี้หมอหลวงจะทำอะไรข้าได้”
ถึงแม้ว่ามันจะไร้ยางอายไปสักหน่อย แต่เธอก็ไม่เหลือวิธีอื่นแล้ว
“ไม่เป็นไร แต่ข้าเกรงว่าหมอหลวงที่ตรวจพระองค์จะถูกไทเฮาลงโทษ” นักฆ่าหนุ่มพูดขึ้นเหมือนกับว่าเรื่องนี้ไม่ได้ร้ายแรงอะไร
สีหน้าของมู่ไป๋ไป่ชะงักค้างไปทันที
ใช่ เธอเกือบลืมเรื่องนี้ไปแล้ว
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าไทเฮาอยากจะมาคอยดูแลเธอในวันพรุ่งนี้ หมอหลวงฉินจะต้องโทษหลอกลวงเบื้องสูงหรือไม่?
ชายชราคนนั้นเป็นคนที่ค่อนข้างใจดี ถึงอย่างไรเขาก็เคยช่วยเธอรักษาเจ้าหมาป่ามาก่อน
บัดนี้มู่ไป๋ไป่ยกมือขึ้นมากัดเล็บอย่างเป็นกังวล แล้วทันใดนั้นเธอก็นึกถึงบางสิ่งบางอย่างก่อนจะเดินไปหาชายหนุ่มด้วยรอยยิ้ม “พี่อวี้เซิ่ง~ ในเมื่อท่านพูดเช่นนี้ ข้าคิดว่าท่านจะต้องมีทางแก้”
อวี้เซิ่งเป็นใครกัน?
เขาเป็นถึงนักฆ่าที่เก่งที่สุดในโลก!
แล้วคนเช่นเขาจะไม่รู้จักวิชาแปลก ๆ ได้อย่างไร?
“พระองค์ฉลาดมาก” นักฆ่าหนุ่มพยักหน้าและยื่นมือออกไป “แต่ความช่วยเหลือของข้ามีค่าใช้จ่าย”
มู่ไป๋ไป่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เธอจะเข้าใจความหมายของอีกฝ่าย นั่นทำให้มุมปากของเธอกระตุก และเธอก็หยิบตั๋วแลกเงินออกมาด้วยสีหน้าบูดบึ้ง ก่อนจะยื่นมันให้เขา “ทำไมข้าถึงไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อนเลยว่าท่านเป็นคนขี้งกขนาดนี้?”
“ข้าเองก็เหมือนไม่รู้จักองค์หญิงหกมาก่อนเช่นกัน” อวี้เซิ่งยิ้มพร้อมกับรับตั๋วแลกเงินจากมือเล็ก ๆ มาถือ “ไม่ใช่ว่าพระองค์เข้าใจ สัจธรรมที่ว่าไม่มีใครไม่อยากมีเงินมากเกินไปหรอกหรือ?”
“...”
ทำไมเธอรู้สึกเหมือนตกหลุมพรางที่ตัวเองขุดไว้กัน?
“จำจุดนี้ไว้”
จู่ ๆ อวี้เซิ่งก็คว้ามือของมู่ไป๋ไป่ไปกดแรง ๆ ที่ข้อศอกด้านใน แล้วความเจ็บปวดก็ลามไปตามเส้นลมปราณของเธอทันที
“โอ๊ย!” เด็กน้อยที่ตั้งตัวไม่ทันแทบจะกระโดดหนีไปจากตรงนั้น “เจ็บนะ!”
“ปล่อย!” จื่อเฟิงที่อยู่ด้านข้างได้ยินเสียงร้องของมู่ไป๋ไป่จึงรีบพุ่งเข้าไปหมายจะผลักอวี้เซิ่งออกไป แต่เขาก็ถูกอีกฝ่ายหยุดเอาไว้ด้วยมือข้างเดียว