ตอนที่ 64 ทายาทของราชินีซอมบี้
ตอนที่ 64 ทายาทของราชินีซอมบี้
ผู้อาวุโสเคาะโต๊ะ “จีเฉิงหยู เหอเฉิงเหลียง... สองคนนี้อยู่กับแก๊งฉวนปังมานานกว่าหนึ่งปีแล้ว คาดว่าพวกเขาคงไม่มีความคิดที่จะอยู่กับเราต่อไป ตอนนี้ได้หายตัวไปกะทันหัน ไม่บอกไม่กล่าว และยังเอาไวน์ไปอีกครึ่งกล่อง…”
จากนั้นผู้อาวุโสก็เอามือกุมหัวแล้วนึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมา “ตอนที่พวกเขามาอยู่ที่แก๊งฉวนปังเป็นครั้งแรก ดูเหมือนว่าพวกเขาจะกำลังตามหาความทรงจำที่หายไป โดยหวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากผู้อยู่เหนือธรรมชาติที่จะสามารถเสริมสร้างสมองของพวกเขาได้ และตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกเขาจะตั้งเป้าไปที่ผู้ฝึกฝนอมตะ เป้าหมายของพวกเขาปรากฏตัวในมณฑลหลินเจียง?”
ผู้อาวุโสถอนหายใจ สองคนนั้นถูกซอมบี้ระดับสูงโจมตีและกำลังจะตาย แต่เขาก็ได้เข้าไปช่วยไว้ทัน ชายตัวเล็กจึงได้ปลุกพรสวรรค์ขึ้นเขาขึ้นมา ซึ่งทำให้สมองของเขาเร็วกว่าคนปกติหลายเท่า และสามารถประมวลผลข้อมูลทุกประเภทได้อย่างรวดเร็ว
ซึ่งสมาชิกส่วนใหญ่ในแก๊งฉวนปังล้วนมีพรสวรรค์ด้านร่ายกายเป็นส่วนใหญ่ พวกเขาจึงต้องการพรสวรรค์ของเหอเฉิงเหลียงคนนี้ ดังนั้น ในตอนแรกเขาแทบไม่ได้สร้างเงื่อนไขใดๆ แก่ทั้งสองเลย แค่หวังว่าทั้งสองคนจะอยู่กับแก๊งฉวนปังต่อ
แต่ต่อมาทั้งสองคนก็ได้มาตกลงกับเขาว่า จะอยู่ในแก๊งฉวนปังต่อเป็นเวลาหนึ่งปี เพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณที่ได้ช่วยชีวิตพวกเขา หากว่าผ่านไปหนึ่งปีแล้ว จะอยู่ต่อหรือไปก็ได้ โดยไม่คาดคิด ว่าพวกเขาเลือกที่จะจากไปจริงๆ
ผู้อาวุโสได้แต่ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ เขาเสียใจมากที่สองคนนี้จากไป แต่ความต้องการที่จะจากไปของคนทั้งสองก็ชัดเจนมาก และมันไม่ใช่สิ่งที่เขาจะสามารถทำอะไรได้...นอกจากปล่อยให้ทั้งสองจากไป
สำหรับผู้ฝึกฝนอมตะที่ปรากฏตัวในเมืองตงหูนั้น...เป็นการดีกว่าที่แก๊งฉวนปังจะไม่เข้าไปยุ่ง และบอกพวกเขาว่าอย่ายั่วยุผู้ฝึกฝนอมตะคนนี้
เมื่อคิดถึงเรื่องต่างๆ ผู้อาวุโสก็ได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจเบา ๆ
แก๊งฉวนปังดูเหมือนจะแข็งแกร่ง แต่จริงๆแล้วกลับหละหลวม เขาในฐานะผู้อาวุโส คำพูดของเขาแม้จะมีน้ำหนักมาก แต่ก็ขึ้นอยู่กับสมาชิกด้วยว่าจะฟังหรือไม่ และสิ่งที่สำคัญกว่าในตอนนี้ก็คือราชินีซอมบี้ที่น่าสะพรึงกลัวกำลังเดินทางมายังตอนเหนือของมณฑลฮั่นไห่ เขาไม่สามารถปล่อยให้มันผลิตลูกหลาน และขยายพันธ์ออกไปอย่างไร้ขีดจำกัดได้
...
สองปีผ่านไปในพริบตา
ฉู่เสวียนกำลังนั่งอยู่ในค่ายกลยึดวิญญาณปีศาจหยินโดยที่ไม่แม้แต่จะขยับตัวเลย
ในช่วงเวลานี้ วิญญาณของงูเหลือมสองหัวได้แสดงเจตจำนงชั่วร้ายต่อเขาหลายครั้ง
แต่มันก็ถูกวิญญาณของฮุยคงทุบตีอย่างแรง
เพราะก่อนที่ฉู่เสวียนจะเข้าสู่ช่วงบ่มเพาะอย่างเข้มข้น เขาได้บอกกับฮุยคงว่าหากวิญญาณของงูเหลือมสองหัวจะเข้ามาโจมตีเขา ก็ให้ฮุยคงจัดการได้ตลอด
แต่ถ้าฮุยคงเห็นแล้วแต่ไม่คิดจะหยุดมัน หรือไม่เห็นเพราะละเลยหน้าที่ เขาก็จะทำโทษฮุยคงแทน
ดังนั้นเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องมาถูกลงโทษ ฮุยคงจึงไม่ยอมให้วิญญาณของงูเหลือมสองหัวเข้าใกล้ฉู่เสวียนแม้แต่น้อย
เมื่อคิดจะเข้าใกล้ ฮุยคงก็จะทุบตีมันหลายครั้ง จนวิญญาณของงูเหลือมสองหัวเริ่มที่จะสงบลง
มันทำได้เพียงดูดซับปราณปีศาจรอบๆค่ายกล และไม่กล้าที่จะเข้าใกล้ฉู่เสวียนอีก
ในขณะนี้ ออร่าที่พลุ่งพล่านในร่างกายของฉู่เสวียนก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ และดูเหมือนว่าเขากำลังจะทะลวงผ่านเขตแดนอีกครั้งแล้ว
หนึ่งปีที่ผ่านมา ฉู่เสวียนประสบความสำเร็จในการทะลวงเข้าสู่ขั้นที่ 3 ของช่วงสร้างรากฐาน ภายใต้การดูดซับปราณปีศาจเพื่อช่วยให้การบ่มเพาะเร็วยิ่งขึ้น และสิ่งที่เขากำลังจะทะลวงผ่านในตอนนี้คือขั้นที่ 4 ของช่วงสร้างรากฐาน
เมื่อเขาได้ทะลวงผ่านเข้าสู่ขั้นที่ 4 ของช่วงสร้างรากฐานแล้ว เขาก็จะเป็นผู้บำเพ็ญช่วงสร้างรากฐานระดับกลางในที่สุดและด้วยไพ่เด็ดที่ฉู่เสวียนมี เขาก็ไม่กลัวแม้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับผู้บำเพ็ญช่วงสร้างรากฐานขั้นที่ 7 ก็ตาม
หากเขาเปิดใช้งานระฆังบุญโดยตรง โดยที่ไม่กลัวว่าจะต้องเปิดเผยไพ่เด็ดของตัวเองออกมา ฉู่เสวียนก็จะไม่กลัวว่าจะรับมือผู้ที่อยู่เหนือกว่าไม่ได้!
บัซ!
พลังวิญญาณที่พลุ่งพล่านในร่างกายของฉู่เสวียนตอนนี้ไม่ต่างไปจากมังกรพิโรธ
มันกระแทกใส่คอขวดที่มองไม่เห็นอย่างต่อเนื่อง
หนึ่งครั้ง! สองครั้ง! สามครั้ง!
ไม่รู้ว่าโดนไปกี่ครั้ง
จนในที่สุดคอขวดของเขาก็เปิดกว้าง!
ทันใดนั้น มันก็เหมือนกับมังกรที่ซ่อนอยู่ได้โผล่ออกมาจากหุบเหว!
ออร่าอันสง่างามพุ่งทะยานออกไปทุกทิศทาง
ปราณปีศาจบางจุดที่พวยพุ่งอยู่ในค่ายกลยึดวิญญาณปีศาจหยินได้ถูกทำลายลงไปโดยตรงด้วยออร่าที่เปล่งออกมานี้
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่พวกมันตายลงไป ชิ้นส่วนของพวกมันก็จะกลับคืนสู่ค่ายกลและกลายเป็นสารอาหารให้กับปราณปีศาจที่ยังเหลืออยู่แทน
ในขณะนี้ ฉู่เสวียนก็ลืมตาขึ้น การบ่มเพาะของเขาตอนนี้ได้ทะลวงไปสู่ช่วงสร้างรากฐานขั้นที่ 4 แล้ว!
เขายิ้มอย่างรู้เท่าทัน...การได้นั่งบ่มเพาะอยู่ในค่ายกลที่เต็มไปด้วยปราณปีศาจที่เข้มข้นเช่นนี้ทุกวันก็ไม่ต่างกับการได้กินยาอายุวัฒนะที่เข้าไปเพิ่มพลังวิญญาณในร่างกายและเร่งการบ่มเพาะให้เร็วขึ้น
ตอนนี้แค่ฉู่เสวียนคิด ฮุยคงก็กลับเข้ามาสิงสู่อยู่ในเชือกยึดวิญญาณอย่างเชื่อฟังแล้ว
จากนั้นฉู่เสวียนจึงได้ลุกขึ้น และเดินออกจากค่ายกลไปในพริบตา
ก่อนจะควบคุมดาบบังเหินเทียนกังให้ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า เดินทางออกไปอย่างไร้จุดหมาย
เนื่องจากเขากำลังตามหาสถานที่ที่มีซอมบี้จำนวนมาก เพื่อทดสอบวิชาอาคมพรสวรรค์บทใหม่ที่เขาพึ่งได้รับมา
……
ในเวลาเดียวกัน
ณ เมืองซวงหยง
หญิงสาวและชายตัวเล็กได้มายืนอยู่บนดาดฟ้าของตึกสูงแห่งหนึ่ง ทั้งคู่มองไปที่ตึงสูงอีกหลังที่อยู่ข้างๆ
ตึกสูงอีกหลังนั้นดูแปลกมาก มันมีเยื่อบางอย่างที่เหมือนกับเส้นเลือดและเส้นเอ็นห่อหุ้มอยู่ด้านนอก มันไม่เหมือนกับอาคารที่ทำจากอิฐ แต่เหมือนอาคารที่ทำขึ้นมาจากเลือดเนื้อมากกว่า
จีเฉิงหยูถอนหายใจด้วยความเหน็ดเหนื่อย "เราใช้เวลาสองปีเต็มกว่าจะเดินทางมาถึงที่นี่ ระหว่างทางเราพบเจอแต่อันตรายไม่สิ้นสุด ทั้งถูกซอมบี้ขั้นที่ 5 และสิ่งมีชีวิตพิเศษขั้นที่ 5 ตามล่า แต่ในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงเมืองซวงหยงจนได้ หากว่าเดินทางไปอีกไม่นานก็จะถึงเมืองตงหู ที่ซึ่งผู้ฝึกฝนอมตะอาศัยอยู่ เราต้องรีบไปพบเขาพร้อมกับของขวัญที่เราตั้งใจจะเอาไปมอบให้”
เหอเฉิงเหลียงพูดอย่างใจเย็น "มีซอมบี้ขั้นที่ 4 หนึ่งตัว ซอมบี้ขั้นที่ 3 เก้าตัว และซอมบี้ระดับต่ำอีกจำนวนมาก ซอมบี้ระดับ 4 นั้นเป็นผู้สืบทอดของราชินีซอมบี้ที่อยู่ทางตอนเหนือของมณฑลฮั่นไห่ มันมีพรสวรรค์พิเศษด้วย ตามการคาดการณ์ของผม มีโอกาส 72% ที่พี่จะฆ่ามันได้ และก็มีโอกาส 25% ที่พี่จะเสมอกับมัน ส่วนที่เหลืออีก 3% นั้นพี่อาจจะตายลงเพราะน้ำมือของมัน พี่แน่ใจแล้วหรือว่าต้องการฆ่ามันเพื่อเอาไปเป็นของขวัญให้กับผู้ฝึกฝนอมตะ”
จีเฉิงหยูพูดออกมา “แน่นอนว่า มีเพียงแก่นปราณขั้นที่ 4 เท่านั้นที่จะเหมาะสมเอาไปเป็นของขวัญให้กับผู้ฝึกฝนอมตะ หากว่ามันมีระดับต่ำเกินไป เขาก็จะดูถูกเราได้”
เหอเฉิงเหลียงพยักหน้า "ถ้าอย่างนั้น ผมจะช่วยกำจัดซอมบี้ระดับต่ำรอบตัวพี่ให้เอง"
“ซอมบี้ขั้นที่ 4 นี้มีพลังการสร้างที่แข็งแกร่งมาก ผมคาดว่ามันจะใช้เวลาเพียง 20 นาทีในการสร้างซอมบี้ออกมาเพิ่มอีกร้อยตัว และอาจมีซอมบี้ขั้นที่ 1 ออกมามากมาย”
จีเฉิงหยูยิ้มและพยักหน้า กำลังจะก้าวออกไป
แต่ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างอยู่บนท้องฟ้า จึงเงยหน้าขึ้นทันที
พวกเขาทั้งสองเห็นร่างหนึ่งกำลังลอยอยู่บนท้องฟ้า
ราวกับเทพเจ้า!
สีหน้าของทั้งสองเปลี่ยนไปเล็กน้อย และพวกเขาก็รีบซ่อนตัวอยู่ใต้ร่มเงาของอาคารข้างๆ
เหอเฉิงเหลียงกระซิบว่า "ที่เราเห็นคือผู้ฝึกฝนอมตะอย่างนั้นเหรอ?"
จีเฉิงหยูพยักหน้า “ทำไมเขาถึงมาที่นี่”
ขณะนี้...ฉู่เสวียนก็มาหยุดอยู่ที่หน้าอาคารสูง
เขาตั้งใจที่จะมุ่งหน้าไปต่อ แต่ก็ถูกอาคารสูงที่มีลักษณะแปลกตานี้ดึงดูดความสนใจของเขาในทันที
อาคารสูงหลังนี้ดูแปลกมาก ทั้งอาคารถูกปกคลุมไปด้วยเนื้อเยื่อที่เหมือนกับเส้นเลือดและเส้นเอ็น
มันแตกต่างจากอาคารสูงหลังอื่นๆ ที่อยู่รอบๆอย่างเห็นได้ชัด
ซึ่งหลังจากฉู่เสวียนสังเกตดูคร่าวๆ แล้ว เขาก็พบว่าอาคารสูงหลังนี้พลังชีวิตอยู่....ซึ่งมันก็คือซอมบี้
การปรากฏตัวของซอมบี้เหล่านี้ก็แปลกมากเช่นกัน พวกมันมีขนาดเล็กกว่าซอมบี้ธรรมดาที่ฉู่เสวียนเคยเห็น โดยตัวที่สูงที่สุดคือสูงครึ่งหนึ่งของมนุษย์เท่านั้น แต่มีความคล่องแคล่วและรวดเร็วมากกว่า นอกจากนี้ยังมีถ้วยดูดที่แขนขาของพวกมันเพื่อช่วยให้สามารถเคลื่อนที่บนผนังและเพดานได้อย่างรวดเร็ว
สิ่งที่ทำให้ฉู่เสวียนประหลาดใจยิ่งไปกว่านั้นคือซอมบี้เหล่านี้ไม่มีปากและไม่มีความสามารถในการกิน
พวกมันเป็นเหมือนมดงานหนักที่ขนอินทรียวัตถุต่าง ๆ เข้าไปในอาคารสูงแห่งนี้
กิจวัตรประจำวันของพวกมันคือการเดินเข้าๆออกๆอาคารแห่งนี้ราวกับไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเลย