ตอนที่ 577 การเตรียมการอย่างดี
ของขวัญชิ้นนี้ไม่ใช่ของที่มีราคาแพงอะไร แต่มันพิเศษ เพราะเป็นของที่ เย่เฉิน ตั้งใจเตรียมไว้สำหรับ ซู หนิงซวง โดยเฉพาะ
บนเครื่องบิน ซู หนิงซวง ยังคงรู้สึกตื่นเต้น และกังวลอยู่เล็กน้อย เนื่องจากเธอกำลังจะไปพบกับว่าที่พ่อแม่สามีในอนาคต
ถึงแม้จะเคยเจอพ่อแม่ของ เย่เฉิน หลายครั้งแล้ว แต่ด้วยสถานะใหม่นี้ก็ทำให้ ซู หนิงซวง อดรู้สึกประหม่าไม่ได้
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึง หลินไห่ บ้านเกิดของเขา จ้าว ซูซวน ก็ขอแยกตัวจากทั้งสองคนไป
เธอเรียกรถแท็กซี่นั่งกลับบ้าน ส่วน เย่เฉิน ที่ไม่ได้บอกพ่อแม่ล่วงหน้าว่าจะกลับบ้าน ดังนั้นจึงไม่มีใครมารับทั้งสองคน เย่เฉิน จึงเรียกรถแท็กซี่ไปยังบ้านของเขาทันที
ก่อนหน้านี้ เย่เฉิน กลับมาบ้านแล้วซื้อคฤหาสน์ติดกันหลายหลังไว้ให้ครอบครัว พ่อแม่อยู่หลังหนึ่ง คุณปู่คุณย่าอยู่หลังหนึ่ง เนื่องจากคุณปู่คุณย่าอายุมากแล้ว บ้านเดิมของพวกเขาไม่มีลิฟต์ การเดินเหินค่อนข้างลำบาก
ในความเป็นจริงตอนที่ เย่เฉิน ร่ำรวยจากเกมได้ไม่นาน เขาก็โอนเงินก้อนโตให้พ่อแม่เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่ต้องทำงานอีกต่อไป
แต่พ่อแม่ของเขากลับบอกว่า พวกเขาทำงานมาสามสิบปี หากหยุดทำงานก็ดูไม่ชินเท่าไหร่นักหากไม่ได้ทำ และยังชี้ให้เห็นถึงว่าคนที่ร่ำรวยแล้วก็ยังคงทำงานกันอยู่
เย่เฉิน พยายามเกลี้ยกล่อมพ่อกับแม่อยู่หลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ ดังนั้น เขาจึงต้องแอบใช้เส้นสาย จัดหางานที่สบายๆ ให้พวกท่าน
ทำงานไม่กี่ชั่วโมงต่อวัน ไม่มีภาระงานมาก ได้คุยกับเพื่อนร่วมงานบ้าง คล้ายกับการเกษียณอายุ แต่ยังมีสังคมไปด้วย
ครั้งนี้ที่กลับมา เย่เฉิน หวังว่าจะพูดเกลี้ยกล่อมพวกท่านอีกครั้ง ถ้าเขาเองไม่สามารถโน้มน้าวได้ก็ยังมี หนิงซวง อยู่ไม่ใช่เหรอ?
นอกจากนี้เขายังจะบอกพ่อแม่ว่าหากเบื่อบ้านเกิด ก็ย้ายไปอยู่ในเมืองใหญ่ๆ ได้ เช่น หางโจว หรือเซี่ยงไฮ้ได้เช่นกัน
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เมื่อ เย่เฉิน กับซู หนิงซวง มาถึงหน้าบ้าน พ่อแม่ของเขาทั้งตกใจ และดีใจอย่างมาก
“สวัสดีคะ คุณลุง คุณป้า”
ซู หนิงซวง กล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม
“หนิงซวง มาเร็วๆ เข้ามาเลย”
แม่ของ เย่เฉิน รีบเข้ามาจับมือดึงเธอเข้าไปในบ้าน และถามไถ่ทุกข์สุขอย่างอ่อนโยน
“เสี่ยวเฉิน ลูกนี่จริงๆ เลยนะ กลับมาบ้านทั้งทีทำไมไม่บอกเราล่วงหน้า”
แม่ของเขาบ่นลูกชายตัวเองเบาๆ
“แม่ ผมตั้งใจไม่บอกเพื่อจะเซอร์ไพรส์พ่อกับแม่ไง”
เย่เฉิน ยักไหล่
“เราไม่ได้เตรียมอาหารเย็นไว้เลยนะ พวกลูกอยากกินอะไรไหม เดี๋ยวแม่จะไปทำให้”
“พวกเราทานข้าวบนเครื่องมาแล้วครับ ไม่ต้องเตรียมอะไรหรอก”
เย่เฉิน ยิ้ม
“คราวหน้าถ้ากลับมา โดยเฉพาะถ้ามาพร้อมกับ หนิงซวง ต้องบอกเราล่วงหน้านะ ไม่งั้นล่ะน่าดูเชียว…”
แม่ของ เย่เฉิน พูดอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ยอมปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปง่ายๆ
“คุณป้าคะ อย่าตำหนิ เย่เฉิน เลยค่ะ ที่จริงเป็นความคิดของหนูเองที่อยากจะเซอร์ไพรส์คุณลุงคุณป้า”
เมื่อเห็นฉากนี้ ซู หนิงซวง รีบออกตัวแทน เย่เฉิน
เมื่อทราบว่าความคิดนี้เป็นของว่าที่ลูกสะใภ้ แม่ของ เย่เฉิน ก็ยกยิ้มทันที อารมณ์เปลี่ยนไปจากตอนคุยกับลูกชายชัดเจน
ถัดจากพวกเธอ เย่เฉิน อดบ่นในใจไม่ได้ว่าแม่แท้ๆ ก็ยังเข้าข้าง ซู หนิงซวง มากกว่าลูกชายเสียอีก
เมื่อพูดคุยกันได้สักพัก แม่ของ เย่เฉิน จึงแนะนำให้พวกเขาไปเยี่ยมคุณปู่คุณย่าที่บ้านข้างๆ :
“ป่านนี้คุณปู่คุณย่าของลูกน่าจะยังไม่ได้พักผ่อน ลองไปเยี่ยมพวกท่านหน่อยไหม?”
ทั้งสองท่านบ่นมานานแล้วว่าพวกเขาไม่ได้เจอ เย่เฉิน หลานชายมานานจนคิดถึง..
“ครับ”
เย่เฉิน ก็อยากไปเยี่ยมคุณปู่คุณย่าเหมือนกัน ดังนั้นทั้งสองคนจึงหยิบของขวัญที่เตรียมไว้เป็นพิเศษ และไปเยี่ยมพวกท่านที่คฤหาสน์ข้างๆ
เมื่อคุณปู่คุณย่าได้เห็น เย่เฉิน และซู หนิงซวง ผู้เฒ่าทั้งสองก็ดูจะยินดียิ่งกว่าพ่อแม่ของเขาเสียอีก
จริงๆ แล้ว เย่เฉิน เคยคิดจะพาคุณปู่คุณย่า และพ่อแม่ไปอยู่กับเขาในหางโจว หรือเซี่ยงไฮ้ แต่เมื่อคิดดูดีๆ และได้ลองถามความเห็น ครอบครัวแล้วก็ไม่มีใครสนใจย้ายที่อยู่
ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ หรือคุณปู่คุณย่า พวกเขาต่างใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองหลินไห่มาตลอดชีวิต มีเพื่อน และสังคมที่คุ้นเคย
การย้ายไปอยู่ในเมืองใหญ่ แม้จะทำให้ชีวิตสะดวกสบายขึ้น แต่ก็อาจทำให้พวกท่านรู้สึกเหงาได้
สำหรับ เย่เฉิน เขายังเป็นนักศึกษา มีเพื่อนร่วมรุ่นในมหาวิทยาลัย และด้วยความช่วยจากเกม ดังนั้นเมื่อย้ายไปเมืองใหม่ เขาสามารถทำความรู้จักผู้คนใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว
แต่พ่อแม่ และคุณปู่คุณย่าไม่เหมือนกัน หากพาพวกท่านไปอยู่ด้วยกันในเมืองใหญ่ พวกท่านจะรู้จักแค่ เย่เฉิน เพียงคนเดียว ซึ่ง เย่เฉิน เองก็ไม่สามารถอยู่กับพวกท่านได้ตลอดเวลา
คุณปู่คุณย่าเองมีเพื่อนฝูงในวัยเดียวที่เจอกันบ่อยครั้ง ถ้าย้ายไปเมืองใหญ่คงหาเพื่อนที่สนิทขนาดนี้ไม่ได้
การจะทำให้พวกท่านเข้ากับสังคมใหม่ และมีเพื่อนในวัยเดียวกันก็ต้องใช้เวลาอย่างมาก
ยกตัวอย่างเช่น คุณย่าที่รู้จักเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันหลายคนในเมืองหลินไห่ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะย้ายมาอยู่บ้านใหม่ แต่ก็ยังสามารถเดินทางกลับไปพบเจอกันได้ง่าย
แต่ถ้าหากย้ายไปอยู่ที่เมืองใหญ่อย่างเซี่ยงไฮ้แล้ว ท่านจะไปหากลุ่มเพื่อนใหม่ที่ไหนได้?
ดังนั้น เย่เฉิน จึงคิดว่าหากมีโอกาสก็ควรจะกลับมาเยี่ยมพวกท่านบ่อยๆ แทน
ในการกลับบ้านครั้งนี้ เย่เฉิน ยังมีเรื่องสำคัญอีกอย่างหนึ่ง นั่นคือเขาตั้งใจจะพาพ่อแม่ และคุณปู่คุณย่าไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลเอกชนชั้นนำในเซี่ยงไฮ้ซึ่งมีเทคโนโลยีการรักษาทันสมัย
เนื่องจากเมืองหลินไห่นั้นการรักษาพยาบาลยังไม่ทันสมัยเท่าที่ควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคุณปู่คุณย่าที่ควรจะตรวจสุขภาพเป็นประจำอย่างครอบคลุม
ครั้งที่ เย่เฉิน อยู่ที่หางโจว คุณปู่ ซู และคุณย่า ซู ก็ไปตรวจสุขภาพเป็นประจำ
เช่นเดียวกับที่ คุณปู่โจว ในคฤหาสน์ ถานกง บอกกับ เย่เฉิน ว่าเขามักตรวจสุขภาพบ่อยๆ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง
ดังนั้น เย่เฉิน จึงนำมาเป็นตัวอย่างให้ครอบครัว
หลังจากการโน้มน้าวของ เย่เฉิน และซู หนิงซวง ในที่สุดผู้เฒ่าทั้งสองก็ตกลงกันว่าจะลองไปเยี่ยมเซี่ยงไฮ้หากพวกเขามีเวลา
หลังจากอยู่ที่บ้านคุณปู่คุณย่าประมาณครึ่งชั่วโมง เย่เฉิน และซู หนิงซวง ก็กลับไปที่บ้านอีกครั้ง
ในวันรุ่งขึ้น เย่เฉิน ได้พบเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันนานหลายคนเพื่อสร้างความสัมพันธ์อีกครั้ง
คืนนั้น เย่เฉิน ได้รับโทรศัพท์จากลูกพี่ลูกน้อง เย่ ซิงเหยียน ที่ชวนออกไปดื่มด้วยกัน
ครั้งก่อนที่ เย่เฉิน กลับบ้าน เย่ ซิงเหยียน ไม่ได้อยู่ที่นั่น เลยไม่ได้เจอกัน คราวนี้เขารู้ว่า เย่เฉิน กลับมาแล้วจึงรีบชวน เย่เฉิน ออกไป
เย่เฉิน กับเย่ ซิงเหยียน มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ดังนั้นเขาจึงตอบตกลงทันที
ซู หนิงซวง ไม่ค่อยชอบดื่มแอลกอฮอล์ เย่เฉิน จึงไม่ได้พาเธอไปด้วย และดูเหมือนลูกพี่ลูกน้องของเขาก็ไม่ได้พาแฟนสาวของเขาไปด้วยเช่นกัน
หลังจากบอกกล่าว ซู หนิงซวง และพ่อแม่ของเขาแล้ว พ่อแม่ได้เตือนให้เขากลับเร็วๆ เย่เฉิน จึงออกจากบ้าน
เมื่อ เย่เฉิน มาถึงสถานที่นัด ก็เห็นลูกพี่ลูกน้องของเขา เย่ ซิงเหยียน ที่กำลังดื่มอยู่แล้ว
“น้องชาย!”
เย่ ซิงเหยียน กล่าวทักอย่างยินดี พร้อมเปิดเบียร์ขวดหนึ่งส่งให้ เย่เฉิน
จากท่าทีนี้ เย่เฉิน แอบรู้สึกได้ว่าบางทีลูกพี่ลูกน้อง หรือครอบครัวของเขาอาจจะมีปัญหาอะไรบางอย่าง