EP.12 ราชามังงะศัตรูอันดับ 1 ของรัฐบาลโลก
EP.12 ราชามังงะศัตรูอันดับ 1 ของรัฐบาลโลก
"หืม! นี่มันก็เหนื่อยนิดหน่อยนะเนี่ย"
หลังจากที่ทำงานเป็นเวลา 5 ชั่วโมง ในที่สุดร็อบก็ทำสำเนาของมังงะเล่มแรกได้ประมาณ 100,000 ชุด ซึ่งจำนวนดังกล่าวก็เพียงพอสำหรับการกระจายไปยังทะเลทั้ง 4 ตามแผนของเค้าแล้ว
ใช่แล้ว ร็อบตัดสินใจที่จะเปิดร้านค้าศิลปะของเค้าอย่างน้อย 1 ที่ในทะเลทั้ง 4 และค่อยๆเผยแพร่วัฒนธรรมมังงะไปทีละเล็กละน้อยในทะเลทั้ง 4!
ท้ายที่สุดแล้ว ใครเล่าจะสนใจเรื่องราวการผจนภัยของเด็กหนุ่มโจรสลัดที่ถูกขายในทะเลทั้ง 4 ?
หรืออาจจะไม่มีใครสนใจเลย
ในตอนแรกร็อบมีความกระตือรือร้นที่จะสร้างความวหายนะให้กับทั้งโลก และไม่มีความคิดอื่นนอกจากนี้ นั่นเป็นธรรมชาติของเค้า!
ร็อบเป็นคนชั่วร้ายและวุ่นวายโดยธรรมชาติ ในชีวิตก่อนร้อบจะขโมยข้อมูลส่วนตัวของพวกคนดังก่อนจะเปิดเผยเพื่อความสนุกเท่านั้น เค้านั้นคือปีศาจที่ต้องการเห็นโลกลุกเป็นไฟ นี่คือความคิดของเค้าตั้งแต่ก่อนจนถึงเมื่อวานนี้
ตั้งแต่ที่เค้าได้สัมผัสได้ถึงตัวของโรบินน้อยในท้องของโอลิเวีย ในตอนนั้นมันก็เหมือนมีฟ้าร้องระเบิดอยู่ในหัวของเค้า และราวกับมีน้ำเย็นเทลงมาที่กลางหัวของเค้า
ความกระตือรือร้นอันชั่วร้ายของเค้าถูกระงับในทันที และเค้าก็เริ่มคิดถึงผลกระทบของการกระทำของเค้าที่จะตามมา
ร็อบมั่นใจว่าเค้านั้นจะกลายเป็นศัตรูหมายเลข 1 ของรัฐบาลโลกในอนาคต!
ใช่ หมายเลข 1 เลย!
ไม่ใช่ทั้งราชาโจรสลัด หรือกองทัพปฎิวัติ!
ราชามังงะจะกลายเป็นหนามยอกอกหมายเลข 1 ของรัฐบาลโลกที่พวกเค้าต้องการกำจัดไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม
คนที่วาดภาพเหตุการณ์ในอนาคตและน้ำเสนอให้กับคนทั้งโลกราวกับขายผักผลไม้!
นี่มันอะไรกันวะเนี่ย ?
แม้แต่สวรรค์ก็คงอยากทำลายชั้น เพราะงั้นไม่ต้องพูดถึงคนที่ปกครองโลกเลยด้วยซ้ำ
ยิ่งคิดเค้าก็ยิ่งตัวสั่นมากเท่านั้น
แม้ว่าเค้านั้นจะเป็นอมตะ และแม้ว่าภรรยาและลูกของเค้าจะได้รับการคุ้มครองจากรัฐบาลโลกไม่ว่าจะด้วยอะไรก็ตาม เค้าก็ไม่สามารถปกป้องลูกค้าของเค้าได้ หากว่ารัฐบาลโลกเริ่มต้นการสังหารหมู่คนทั้งโลกและข่มขู่ไม่ใไ้ผู้คนซื้อผลงานของเค้าละ
หากสิ่งนั้นเกิดขึ้น เค้าคงตายด้วยการลงโทษจากระบบโดยที่รัฐบาลโลกไม่อาจแทรกแทรงได้!
มันน่ากลัวมาก ตอนนี้เค้าได้รุ้แล้วว่าเกมนี้นั้นมันไม่ง่ายอย่างที่เค้าคิดในตอนแรกเลย
หากว่าเค้าไม่รีบเพิ่มระดับของระบบ เงียบๆ และไม่ดึงดูกความสนใจมากนัก เค้าก็คงจะตายอย่างน่าอนาจใจแน่
ระบบและหน้าที่ของมันคือความหวังเดียวของเค้าที่จะต่อสู้กับรัฐบาลโลก ไม่ใช่แค่ร่ายกายอมตะของเค้าเท่านั้น!
ด้วยเหตุนี้ ร็อบจึงตัดสินใจเพิ่มระดับระบบจากทะเลทั้ง 4 ก่อน เพื่อที่เค้าจะได้ฟังก์ชั่นอันทรงพลังจากระบบที่มีระดับเพิ่มขึ้น จากนั้นเค้าก็จะสามารถมุ่งหน้าไปยังแกรนด์ไลน์แล้วปล่อยให้งานศิลปะของเค้ากระจายไปทั่วโลก
ถ้าไม่มีโรบิน ร็อบคงไปเปิดร้านค้าศิลปะที่หมู่เกาะชาบอนดี้ และความลับของเค้าก็คงจะแตกด้วยความเร็วแสง
เค้าคงจะทำเรื่องโง่มากๆลงไป และเค้าจะต้องเสียใจมาก
ร็อบรู้สึกขอบคุณโรบินน้อยของเค้าตั้งแต่ก่อนที่เธอจะได้เกิดซะอีก!
ร็อบทำการจัดเรียงไพ่ของเค้าใหม่ทั้งหมด และเริ่มวางแผนอย่างจริงจังว่าเค้าควรจะทำยังไงหลังจากนี้เป็นต้นไป
ตอนนี้เค้าจึงได้รู้ว่าระบบที่ส่งเค้ามาที่นี่นั้นต้องการชมสิ่งที่น่าสนใจ ไม่ใช่ผู้ชายโง่ๆที่เดินไปตามการกระทำโง่ๆของตัวเองเท่านั้น
เพราะการตายของคนพวกนี้จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ถ้าหากว่าระบบไม่ได้บอกเค้าว่าเค้าจะตายหากไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้ เค้าก็คงจะเป็นเหมือนกับพวกคนโง่นั่นแน่
ดังนั้นเค้าจึงรู้สึกดีใจที่ระบบนั้นทำให้เค้าได้รับแรงกระตุ้นอย่างแท้จริง
ในตอนนี้ร็อบอยู่ในห้องของเค้าในร้านค้าศิลปะ ก่อนหน้านี้เค้าดัดแปลงห้องให้ใหญ่พอที่จะรองรับเรือไว้ในห้องหลายสิบลำได้ และเลือกห้องนี้เป็นห้องคลังเก็บสินค้าของเค้า
ห้องนี้นั้นไม่มีประตูหรือหน้าต่าง เค้าสามารถเข้าออกได้ผ่านระบบเท่านั้น ซึ่งจริงๆสิ่งที่เรียกว่า คลังสินค้า
ที่เป็นฟังก์ชั่นใหม่ของระบบนั้นถือว่าเจ๋งมาก ประเด็นสำคัญก็คือ เค้าสามารถเลือกเก็บของจากร้านค้าศิลปะอื่น และเอามารวมกับในคลังเก็บของของเค้าได้ ดังนั้นเค้าจึงสามารถขยายมันได้ตลอดเวลา
จากนั้น ร็อบได้นำสำเนามังงะเล่มแรกทั้งหมด 100,000 ชุดไปเก็บไว้ในคลังสินค้า
ฟังก์ชั่นใหม่ทั้งหมดนั้นเกี่ยวข้องกับร้านค้าศิลปะ และร็อบก็ฝากความหวังไว้กับฟังก์ชั่นต่างๆที่เค้าจะได้ตอนที่ระบบเป็น ระดับ 3 ระดับ 4 ตามลำดับที่สูงขึ้นจากนี้
ชะตากรรมของเค้านั้นขึ้นอยู่กับพวกมัน
แต่วันที่ 3 บนเกาะนี้ยังไม่สิ้นสุดลง
ร็อบนั้นสังเกตเห็นว่าปริมาณมังงะนั้นลดลงอย่างรวดเร็วในเวลาเพียงแค่ 2 วัน
เค้าได้สร้างพวกมันขึ้นมาจำนวน 10,000 เล่ม แต่ตอนนี้นั้นมันเหลือเพียง 7,600 เล่ม ซึ่งแปลว่าเค้าสามารถขายมันได้ 2,400 เล่มในเวลาเพียงแค่ 2 วัน และตัวเลขนี้ก็ยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆด้วย
เนื่องจากตัวร้านค้านั้นสามารถขายได้ด้วยตัวเอง ร็อบจึงไม่ได้สนใจเรื่องการขายมากนัก แต่เค้าก็ยังกลับไปเปิดหน้าต่างร้านค้าในระบบเพื่อตรวดสอบสถานะหลังการขาย
เพราะทั้งหมดนี้สามารถแสดงในระบบของเค้าได้
หากว่าลูกค้าไม่จ่ายเงิน 1,000 เบรี เค้าก็ไม่สามารถหยิบหนังสือออกจากชั้นวางได้ไม่ว่าพวกเค้าจะพยายามด้วยวิธีไหนก็ตาม แต่เมื่อพวกเค้าจ่ายเงินโดยการวางมันไว้บนชั้นวางพวกเค้าก็สามารถหยิบหนังสือเล่มนั้นออกไปได้ในทันที
จากนั้นเงินที่จ้ายก็จะโดนเทเลพอร์ตไปยังตู้เก็บของในร้าน และถูกจัดเรียงไว้อย่างเรียบร้อยให้ร็อบหยิบจับได้
เช่นเดียวกับเครื่องขายอาการและการเช่าห้องเก็บเสียง หากว่าลูกค้าไม่จ่ายเงินตามที่กำหนดพวกเค้าก็จะไม่ได้รับประโยชน์จากการบริการไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็ตาม
เพราะงั้นร็อบเลยไม่จำเป็นต้องอยู่ดูแลร้านเลย เค้าสามารถอยู่ที่บ้านและเขียนมังงะได้เลย
ระบบนี้มันถือว่าวิเศษจริงๆ! เค้าสามารถถอนเงินออกมาจากระบบได้เหมือนกับถอนเงินจากธนาคาร มันนั้นสะดวกจริงๆ
ตอนนี้ไม่ถือว่าเค้านั้นขาดเงินแล้ว
หลังจากสังเกตว่าร้านค้าศิลปะนั้นยังคงคึกคักและเต็มไปด้วยผู้คนที่คุ้นเคยกับกาแฟอร่อยๆในร้านสุดเก๋แห่งนี้
ในที่สุดร็อบก็ตัดสินใจที่จะออกจากโอฮาร่า และครั้งนี้จุดหมายปลายทางของเค้าก็คือทะเลอีกแห่งในทะเลทั้ง 4
เซาท์บลู!
เมื่อเค้ากล่าวอำลาโอลิเวียแล้ว เค้าก็รีบวิ่งหนีศาตราจารย์โคลเวอร์ และพวกนักโบราณคดีจอมกวนที่ต้องการหนังสือวันพีชเล่มใหม่ทันที! ท่ามกลางเสียงหัวเราะของดอลิเวียและเหล่านักดบราณคดีหญิง ร็อบกางปีกแล้วรีบบินไปทางใต้
กระดาษได้ร่วงหล่นไปตามเส้นทางที่เค้าบินก่อนที่พวกมันจะค่อยๆสลายกลายเป็นความว่างเปล่า
ทุกคนที่เห็นฉากการบินของเค้าต่างก็ต้องตะลึงในความงดงามของเค้า
ปีกสีดำและสีขาวของเค้านั้นมันก็ใหญ่โตมาทีเดียว
โปรดติดตามตอนต่อไป.
_______________