CD บทที่ 560 นั่นกลิ่นอะไรน่ะ?
แม้จ้าวหยู่จะตามติดโจรสาวไปได้ทุกที่ แต่ส่วนที่น่าหดหู่ที่สุดก็คือละอองน้ำที่หนาทึบจนเขามองไม่เห็นอะไรเลย แต่อย่างน้อย ๆ เขาก็เห็นต้นขาขาวราวกับหิมะของเธอเป็นครั้งคราวเท่านั้น
แม้จะแค่ชั่วครู่ แต่ภาพอันเย้ายวนก็ติดตาไม่รู้ลืม
เขาเห็นผนังสั่นไหวอย่างรุนแรงผ่านกล้องมากขึ้น กระเบื้องเก่าบนผนังได้รับความเสียหายอย่างหนัก เห็นได้ชัดว่าสถานที่ที่โจรสาวอาศัยอยู่นั้นซอมซ่อมาก
ขณะที่จ้าวหยู่ขับรถด้วยความเร็วสูง เขาก็มาถึงอาคารสองชั้นที่โจรสาวอาศัยอยู่ เมื่อมองขึ้นไปก็เห็นแสงสลัว ๆ ส่องสว่างอยู่ในห้อง
หากเป็นช่วงเวลาปกติ คงไม่มีใครสังเกตเห็นสถานที่เรียบง่ายและทรุดโทรมแห่งนี้
จ้าวหยู่รู้ว่าทำไมโจรสาวถึงอาบน้ำเป็นเวลานาน สาเหตุมันมาจากเธอได้รับน้ำหอมกลิ่นหมูไปทั่วตัว เธอคงต้องใช้เวลาอาบน้ำอย่างน้อย ๆ ครึ่งชั่วโมง
ขณะที่เขารอ จ้าวหยู่ก็หยิบซองยาที่โจรสาวขโมยมาจากโรงพยาบาลจิตเวชออกมา จากนั้นเขาก็ค้นหาชื่อยาในโทรศัพท์มือถือของเขาทางอินเทอร์เน็ต
สุดท้ายแล้ว ยาทั้งหมดล้วนทำจากบิวทีโรฟีโนน ซึ่งเป็นสารเคมีที่ใช้รักษาอาการป่วยทางจิตเวช ยานี้ไม่เพียงแต่มีราคาแพงเท่านั้น แต่ยังเป็นยาที่จ่ายโดยแพทย์เท่านั้นอีกด้วย ดังนั้น ยานี้จึงไม่ใช่สิ่งที่ใคร ๆ ก็สามารถเดินเข้าร้านขายยา และซื้อมันด้วยเงินได้
ณ ตอนนี้ จ้าวหยู่ยิ่งอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น
‘ทำไมเธอถึงต้องทุ่มเทเวลา และแรงกายมากมายเพียงเพื่อขโมยยาเพียงไม่กี่ซอง หรือเป็นเพราะเธอเองก็ป่วยด้วยโรคทางจิตเวช และต้องใช้ยาเพื่อควบคุมอาการของตัวเองอย่างงั้นเหรอ?’
ขณะที่เขากำลังคิดเรื่องนี้ เขาก็ประหลาดใจที่สังเกตเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นดูเหมือนจะอาบน้ำเสร็จแล้ว โดยทั่วไปแล้ว ผู้หญิงมักจะอาบน้ำช้า แต่โจรสาวใช้เวลาอาบน้ำไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ
ทันใดนั้น หญิงคนนั้นก็ยกแขนขึ้น และกล้องบนไหล่ของเธอก็ชัดเจนขึ้นทันใด จ้าวหยู่สามารถจับตาดูได้เต็ม ๆ ขณะที่ใบหน้าของเธอปรากฏขึ้น และร่างกายของเธอเกือบทั้งหมดก็ปรากฏขึ้นหน้ากระจก
‘ว้าว…’
จ้าวหยู่เข้าใจว่าโจรสาวน่าจะกำลังหวีผมเธออยู่ ดังนั้นเมื่อเธอยกแขนขึ้น เธอก็ปรากฏตัวขึ้นในกระจก
‘โอ้พระเจ้า!’
เมื่อมองดูหญิงสาวในกระจก จ้าวหยู่ก็สูดลมหายใจเย็น ๆ โดยไม่รู้ตัว เขาตกตะลึงอย่างมากกับความงามของผู้หญิงคนนี้ แต่เขาก็รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นพวกโรคจิตที่กำลังถ้ำมองเธออยู่
‘ผู้หญิงคนนั้น…’
‘เธอดูเหมือนศพผู้หญิงในชุดโบราณมากเลย!’
ใบหน้าที่งดงามยิ่งในกระจกตอนนี้ และภาพศพผู้หญิงที่เขาเห็นทุกวันเมื่อเขาไขคดีนั้นเหมือนกันทุกประการ
เมื่อนึกถึงลักษณะภายนอกของเกอเกอ รวมถึงส่วนสูง น้ำหนัก และแม้แต่ลักษณะร่างกายของพวกเธอ เขาก็พบว่าพวกเธอเหมือนกันทุกประการ จนจ้าวหยู่เผลอคิดว่าศพผู้หญิงในชุดโบราณได้รับการฟื้นคืนชีพขึ้นมา
‘ทำไมพวกเธอถึงมีหน้าตาเหมือนกันมากขนาดนี้?’
‘เธออาจจะเป็นลูกสาวของเกอเกอหรือเปล่า?’
‘ตามความทรงจำของหลี่ซิวเซิง เกอเกอมีความสัมพันธ์สุดเร่าร้อนกับหัวหน้าใหญ่ ฮวงจิง เป็นไปได้ไหมว่าเธอคือลูกของเกอเกอกับฮวงจิง? หรือบางทีเธออาจเป็นลูกนอกสมรสที่เกอเกอให้กำเนิดก่อนจะคบหากับฮวงจิง!?’
เมื่อมองดูภาพอันเย้ายวนของโจรสาว นอกจากจะทำให้จ้าวหยู่รู้สึกขนลุกแล้ว ยังทำให้เขารู้สึกรุ่มร้อนตรงบริเวณหว่างขาของเขาอีกด้วย
เขาสงสัยว่าเป็นเพราะรูปร่างที่สมบูรณ์แบบกับใบหน้าที่ไร้เดียงสาและหน้าอกใหญ่โต หรือเป็นเพราะน้ำหอมกลิ่นหมู แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ความต้องการทางเพศของเขาได้รับการกระตุ้นขึ้น พูดง่าย ๆ ก็คือ เขารู้สึกว่าตัวเองควบคุมตัวเองไม่ได้เลย ราวกับว่าเขากำลังเต็มไปด้วยความใคร่
อย่างไรก็ตาม ความรุ่มร้อนนั้นไม่ได้คงอยู่นานนัก เนื่องจากจู่ ๆ ภาพจากวิดีโอได้มืดสนิท เขาเห็นว่าโจรสาวเพิ่งจะใส่เสื้อผ้าหลังอาบน้ำ ทันใดนั้น เขาก็ได้ยินเสียงแปลก ๆ บางอย่าง เธอตกใจและปิดไฟในห้องอาบน้ำ หวังว่าจะซ่อนตัวได้
กล้องล่องหนไม่มีระบบมองเห็นตอนกลางคืน ดังนั้นจ้าวหยู่จึงมองไม่เห็นอะไรมากนัก แต่เขาสามารถบอกได้ว่าสถานการณ์ดูไม่ค่อยดีนัก
ตามที่คาดไว้ เมื่อจ้าวหยู่มองออกไปนอกหน้าต่างรถ เขาก็เห็นทันทีว่ามีผู้ชายห้าหรือหกคนที่ปรากฏตัวในความมืด ซึ่งพวกเขากำลังเคลื่อนที่ไปยังชั้นสองที่โจรสาวพักอยู่
คนพวกนี้กำลังเดินอย่างน่าสงสัย โดยย่องขึ้นไปชั้นสอง บางคนถึงกับถือมีดด้วยซ้ำ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ใช่คนดี
ขณะที่จ้าวหยู่มองดู ชายพวกนั้นก็เปิดประตู และเข้าไปในบ้านของโจรสาว จากนั้นพวกเขาก็เปิดไฟในบ้านทันที
จ้าวหยู่เห็นเช่นนั้นและรีบเปลี่ยนมามองภาพจากกล้องในหัวของเขา ในขณะนั้นเอง ภาพจากกล้องก็สว่างขึ้น โจรสาวสังเกตเห็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญอย่างชัดเจน และหวังว่าจะหนีออกไปทางหน้าต่างด้านหลัง
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เธอไม่คาดคิดก็คือมีการซุ่มโจมตีรออยู่ด้านนอก เมื่อเธอพุ่งออกไปทางหน้าต่าง เธอก็ถูกชายร่างกำยำสองคนจับตัวได้ทันควัน
จากนั้น กล้องก็เริ่มสั่นอย่างรุนแรง ประมาณสิบวินาทีต่อมา กล้องก็กลับมานิ่งอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม เมื่อกล้องวางอยู่บนไหล่ของเธอ จ้าวหยู่สามารถมองเห็นเพียงขาของมนุษย์กำลังเคลื่อนไหวอยู่เท่านั้น ไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายได้ ขณะที่กล้องนิ่งลง ฉากตรงหน้าก็กลับมาวุ่นวายอีกครั้ง
‘เชี่ยแล้ว!’
จ้าวหยู่จึงเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น การสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงที่ทำให้กล้องสั่นไหวนั้นน่าจะเกิดจากมีคนตบโจรสาวจนล้มลงกับพื้น
เมื่อเห็นกลุ่มคนจำนวนมากกำลังรุมล้อมเธออย่างคุกคาม จ้าวหยู่ก็กังวลว่าชีวิตของโจรสาวจะตกอยู่ในอันตราย เขาไม่สามารถนั่งดูในรถได้อีกต่อไป เขาจึงลงจากรถ และตรงเข้าไปในบ้าน พร้อมกับเช็คสถานการณ์ของอีกฝ่ายไปด้วย
*เพี๊ยะ!*
ทันใดนั้น เขาก็ได้ยินเสียงตบดังอีกครั้ง เมื่อจ้าวหยู่มองผ่านช่องประตู เขาก็สังเกตเห็นว่าโจรสาวนอนอยู่บนพื้นแล้ว และมีคราบเลือดที่มุมปาก
“ฮึ่ม! สาวน้อย แกเบื่อที่จะใช้ชีวิตแล้วหรือไง!?”
คนที่พูดดูดุร้าย และมีรอยแผลเป็นที่น่าสะพรึงกลัวที่แก้มขวาของเขา
“แน่จริงก็ฆ่าฉันเลยสิ! ถุย!” โจรสาวถุยน้ำลายสีเลือดเต็มปาก จากนั้นก็จ้องไปที่ชายที่มีรอยแผลเป็น “ฉันต้องการพบนายท่านที่สอง แล้วฉันจะอธิบายให้เขาฟังเป็นการส่วนตัวเอง!”
“ฮึ่ม! ฝันต่อไปเถอะ!” ชายหน้าเป็นแผลเป็นกล่าว “ชุ่ยหลี่จู แกยังอยากกล้าต่อปากต่อคำอีกเหรอ? แกรู้มัย? เรื่องมันแพร่กระจายไปทั่วพื้นที่จินผิงแล้ว! แกไม่รู้กฎของกลุ่มเราเหรอ!? ถ้าแกอยากมีชีวิตอยู่ต่อ ก็อย่าสร้างปัญหา!”
“นายท่านที่สองสามารถตรวจสอบเรื่องนี้ได้ เขาจะต้องรู้แน่นอนว่าฉันเป็นผู้บริสุทธิ์!” โจรสาวเช็ดเลือดออกที่มุมปากแล้วตะโกน “ผางหยง รีบพาฉันไปหานายท่านที่สองเร็วเข้า!”
“ฮึ่ม! ไอ้เด็กนี่…” ชายหน้าเป็นแผลเป็นชื่อผิงหยงมองต้นขาเปลือยของชุ่ยหลี่จู และยิ้มอย่างร้ายกาจ “เฮ้อ ดูเหมือนว่าแกจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์ของตัวเองนะ แกคิดว่าตัวแกที่ไม่สามารถทำภารกิจให้สำเร็จ และยังจะมีหน้าไปพบกับนายท่านที่สองอีกงั้นเหรอ?”
“แล้วแกจะให้ฉันไปหาของพวกนั้นจากที่ไหน!?” ชุ่ยหลี่จูตะโกนด้วยความโกรธ “สิ่งที่แกทำตอนนี้มันเป็นความแค้นส่วนตัวล้วน ๆ ฉันกล้ารับประกันเลยว่า ถ้าหากนายท่านที่สองรู้เรื่องนี้เมื่อไหร่ แกจะต้องเดือดร้อนหนักแน่!”
“ฮึ่ม! อย่ามาขู่ฉันหน่อยเลย” ผางหยงจ้องเขม็งไปที่เธออย่างเคียดแค้น “แกยังไม่รู้ใช่ไหม? นายท่านที่สองถูกจับเข้าคุกไปแล้ว และเขาจะไม่ได้รับการปล่อยตัวตลอดชีวิต ตอนนี้ไม่มีมาช่วยแกได้อีกแล้ว!”
“ห๊ะ!?” ชุ่ยหลี่จูตกใจ “ไม่! แก… แกโกหก!!!”
“ฮ่า ๆ ถึงแกจะไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันพิสูจน์ให้แกเห็นว่ามันเป็นเรื่องจริง” ผางหยงมองไปที่ลูกน้องของเขาแล้วพูดว่า “เอาล่ะ พวกแกคงอยากเห็นเรือนร่างของคุณหนูชุ่ยกันใช่ไหม? โอกาสของพวแกมาถึงแล้ว ฉันขอแสดงหนังสดให้พวกแกดูก่อน ฉันรับรองว่ามันจะน่าตื่นเต้นกว่าการดูในคลิปอีก ฮ่า ๆ!”
“ผางหยง! อย่าแม้แต่จะคิดนะ!” ชุ่ยหลี่จูเบิกตากว้างด้วยความหวาดกลัว
“ฮ่าฮ่าฮ่า เยี่ยมมาก…” ลูกน้องของผางหยงยิ้มอย่างมีความสุข พวกเขารีบรุดเข้าไปหาชุ่ยหลี่จู และเตรียมปลดเสื้อผ้าของเธอออก
ทันใดนั้น ผางหยงก็ได้กลิ่นแปลก ๆ เขาจึงถามด้วยความสงสัยว่า
“เฮ้ย ทำไมมันถึงเหม็นจัง? มันเหมือนคอกหมูเลย หรือว่า... คุณหนูชุ่ยเพิ่งล้มหัวทิ่มในคอกหมูมารึไง?”