ยอดกายากำราบยุค ตอนที่ 24 ข่าวหลุด
ยอดกายากำราบยุค ตอนที่ 24 ข่าวหลุด
ข่าวการปรากฏตัวของบุตรเทพตระกูลกู้ ณ เมืองเป่ยหวง แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ราวกับมีปีกบินไปยังเมืองโบราณโดยรอบ
ภาพเหตุการณ์ในวันนั้นที่อดีตเจ้าเมืองออกมารับด้วยตนเอง ไม่อาจเป็นเรื่องโกหก เพราะมีผู้คนมากมายพบเห็น
ขุมอำนาจมากมายต่างตกตะลึง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่านิกายใหญ่ที่มีมรดกสืบทอดมายาวนาน พวกเขาเคยคาดเดาเกี่ยวกับกายาของบุตรเทพตระกูลกู้
แต่ไม่คิดเลยว่าบุตรเทพจะเริ่มต้นเดินทางท่องเที่ยวทั่วใต้หล้าเร็วถึงเพียงนี้
แน่นอน อาจเป็นไปได้ว่าบุตรเทพผู้นี้และบุคคลที่ทำให้นิมิตอันน่ากลัวปรากฏขึ้นเมื่อสิบสามปีก่อน มิใช่คนเดียวกัน
แม้จะมีการคาดเดาต่าง ๆ นานา แต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะตรวจสอบ
ตราบใดที่ชื่อเสียงของตระกูลอมตะยังคงอยู่ ก็ไม่มีผู้ใดกล้าล่วงเกิน!
ต่อมา ผู้บำเพ็ญนับไม่ถ้วนก็พากันมุ่งหน้าสู่เมืองเป่ยหวง ราวกับคลื่นซัดสาด
บันทึกระดับสูงสุดบนอนุสาวรีย์มรรคาสวรรค์นั้น น่ากลัวยิ่งนัก ผู้บำเพ็ญมากมายต่างอยากที่จะเห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของบุตรเทพผู้ลึกลับผู้นี้
ต้องการรู้ว่าเขาเป็นอสูรร้ายเช่นใด
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีวาสนา!
บุตรเทพตระกูลกู้คงไม่เดินทางไปยังเมืองเป่ยหวงโดยไม่มีเหตุผล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไม่นานมานี้ สุสานศักดิ์สิทธิ์เป่ยหวงมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
อาจจะเป็นไปได้ว่าสมบัติลับอันใดอันหนึ่งได้ถือกำเนิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม ผู้บำเพ็ญส่วนใหญ่ที่คิดเช่นนี้ ล้วนเป็นผู้บำเพ็ญอิสระ
ส่วนผู้บำเพ็ญที่มีภูมิหลังเป็นสำนักหรือตระกูลต่างรู้ดีว่า นี่คือสัญญาณของงานชุมนุมล่าสัตว์ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นในอีกไม่นาน
“คนพวกนี้ช่างบ้าคลั่งยิ่งนัก! ผ่านไปนานแล้ว แต่ยังคงร้องขอพบเจอ! การเป็นผู้ติดตามของคุณชาย มิใช่เรื่องง่าย!”
ซูเสี่ยวเซวียนได้ยินเสียงร้องขอพบเจอที่ดังกึกก้องราวกับคนเสียสติจากภายนอกโถงตำหนัก จึงได้แต่หดคอ กล่าวขึ้น ร่างกายของนางสั่นเทา ราวกับนกกระทาตัวน้อย
หากมิใช่เพราะทั่วป๋าซืออวี่ปิดกั้นอยู่หน้าประตู นางคิดว่าคนพวกนั้นคงจะพุ่งเข้ามา แม้กระทั่งความตายก็มิอาจหยุดยั้งพวกเขาได้
กู้ฉางเซิงสวมชุดยาวสีขาวจันทรา เส้นผมสีดำขลับราวกับหยก ปล่อยสยาย ในเวลานี้ เขากำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ข้างหน้าต่าง มือของเขาถือตำราโบราณเล่มหนึ่ง พลิกอ่านอย่างสบายใจ
ท่าทางผ่อนคลาย สงบนิ่ง
“ตอนที่เจ้าพบเจอข้าครั้งแรก เจ้าก็มิได้แตกต่างจากพวกเขา” ได้ยินเช่นนั้น เขาก็กล่าวตอบอย่างแผ่วเบา
“ข้ากับพวกเขาแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง คุณชาย ท่านอย่าใส่ร้ายข้า! ข้าเป็นอัจฉริยะมรรคกระบี่ ในอนาคตสามารถกวาดล้างอุปสรรคทั้งหมดให้กับท่านได้!”
ได้ยินเช่นนั้น ซูเสี่ยวเซวียนก็ไม่พอใจ รีบเชิดหน้าอกที่ยังคงแบนราบ กล่าวเสียงดัง
หลังจากที่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับกู้ฉางเซิงมาสักพัก นางก็รู้ดีว่าคุณชายเป็นคนสุภาพ อ่อนโยน และเข้าถึงได้ จึงไม่เกร็งเช่นเดียวกับในอดีต
ยิ่งไปกว่านั้น ในสายตาของกู้ฉางเซิง เด็กสาวผู้นี้ดู ‘โง่งม’ เล็กน้อย
หรืออาจจะกล่าวได้ว่า จิตวิญญาณของนางยังไม่สมบูรณ์ จึงมักจะทำเรื่องโง่เขลา
“เช่นนั้นเจ้าปอกผลไม้วิญญาณเสร็จแล้วหรือ?”
เขาวางตำราโบราณลง มองดูซูเสี่ยวเซวียน เอ่ยถาม
“ใช่แล้ว ปอกเสร็จแล้วเจ้าค่ะ คุณชาย ท่านลองชิมดูสิเจ้าคะ ข้าเพิ่งจะปอก ปราณวิญญาณคงจะยังไม่สลายไปมากนัก” ซูเสี่ยวเซวียนรู้สึกตัว รีบยกจานหยกที่บรรจุผลไม้วิญญาณมาวางไว้เบื้องหน้า กล่าวขึ้น
“มรรคกระบี่ของเจ้า เหมาะสำหรับการปอกผลไม้วิญญาณเท่านั้น” กู้ฉางเซิงกล่าวอย่างดูถูก
“คุณชาย ท่านช่างใจร้ายยิ่งนัก……” ซูเสี่ยวเซวียนกล่าวอย่างน้อยใจ
แม้ว่านางจะยอมรับว่ามรรคกระบี่ของนางด้อยกว่าคุณชาย แต่ก็ไม่ควรกล่าวเช่นนั้น
“อย่างไรก็ตาม คุณชาย เหตุใดพวกเขาถึงรู้ว่าท่านพักอยู่ที่นี่ อดีตเจ้าเมืองคงจะไม่เปิดเผยเรื่องราวของคุณชายกระมัง” ทันใดนั้น ซูเสี่ยวเซวียนก็ขมวดคิ้ว กล่าวด้วยความสงสัย
กู้ฉางเซิงมองดูนางด้วยความประหลาดใจ ไม่คิดเลยว่าเด็กสาวผู้นี้จะสังเกตเห็น
“ผู้ใดต้องการพบเจอคุณชาย ต้องผ่านข้าไปให้ได้ พวกเขาจะเป็นหรือตาย ก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตา”
ภายนอกตำหนัก ทั่วป๋าซืออวี่ยืนตระหง่าน ราวกับกำแพงทองแดง ร่างกายสูงใหญ่ กำยำปิดกั้นทางเข้าเอาไว้ ดวงตาทั้งสองข้างของเขาดุดัน ราวกับเทพมาร น่ากลัวยิ่งนัก!
ผู้บำเพ็ญที่ต้องการพบเจอกู้ฉางเซิงต่างก็หวาดกลัว
เพียงแค่ผู้ติดตามก็มีตบะครึ่งก้าวระดับทรงฤทธิ์แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น อายุของเขายังน้อยกว่าพวกเขา
ปราณโลหิตพลุ่งพล่าน ราวกับเตาหลอม
“แม้แต่ข้า พวกเจ้ายังไม่สามารถเอาชนะได้ ยังคิดจะพบเจอคุณชายอีกหรือ? ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการเป็นผู้ติดตาม พวกเจ้ายังไม่คู่ควร!” ทั่วป๋าซืออวี่กล่าวอย่างเย็นชา
“สหาย ท่านพ่อของข้าคือเจ้าตระกูลจ้าว แห่งเมืองเป่ยหวง……”
“ไสหัวไป!”
เห็นว่ายังคงมีผู้ไม่รู้จักความตายเข้ามา ทั่วป๋าซืออวี่จึงปลดปล่อยปราณมารออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง แปรเปลี่ยนเป็นดาบมารสองเล่มที่สร้างจากรูปอักขระ
“อั๊ก!” ชายหนุ่มที่กำลังพูดอยู่ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด จากนั้นก็ถูกกระแทกจนกระเด็นออกไป ราวกับกระสอบทราย ชนเข้ากับกำแพงฝั่งตรงข้าม
เป็นตายร้ายดีอย่างไรไม่ทราบ!
เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ ในที่สุดผู้บำเพ็ญก็หวาดกลัว เริ่มต้นถอยห่าง
แต่ทั่วป๋าซืออวี่กลับขยับหู สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขายื่นมือออกไป คว้าตัวผู้บำเพ็ญคนหนึ่งเอาไว้ เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ผู้ใดบอกเจ้าว่าคุณชายพักอยู่ที่นี่?”
หากมิใช่เพราะคุณชายส่งกระแสจิตมาบอกเล่า เขาก็คงไม่คิดเช่นนั้น
ต้องมีผู้ใดจงใจเปิดเผยเรื่องราวของคุณชายอย่างแน่นอน
แม้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ก็น่ารำคาญ ทำให้รู้สึกขยะแขยง
ผู้บำเพ็ญที่ถูกทั่วป๋าซืออวี่คว้าตัวไว้ ตกใจจนใบหน้าซีดเผือด กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเทาว่า “คือ… คือคนของจวนเจ้าเมืองบอกพวกเรา เขายังกล่าวว่าบุตรเทพตระกูลกู้ยังขาดแคลนผู้ติดตาม ให้พวกเรารีบคว้าโอกาส”
คนของจวนเจ้าเมือง?
ได้ยินเช่นนั้น กู้ฉางเซิงที่อยู่ภายในโถงตำหนักก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
น่าสนใจ
เพิ่งจะเดินทางมาถึงเมืองเป่ยหวง ก็มีผู้ไม่พอใจเขาแล้วหรือ?
“เขาผู้นั้นมีรูปร่างเช่นใด?” ทั่วป๋าซืออวี่มีสีหน้าเย็นชา เอ่ยถามต่อ
“ข้าจำได้เพียงว่าเขาผู้นั้นมิใช่เผ่ามนุษย์ แต่รูปร่างคล้ายกับเผ่ายักษา”
ทั่วป๋าซืออวี่มีจิตสังหารปรากฏขึ้นในดวงตาทั้งสองข้าง กล่าวว่า “เปิดเผยเรื่องราวของคุณชาย คนผู้นี้สมควรตาย!”