ยอดกายากำราบยุค ตอนที่ 22 มุ่งหน้าสู่สุสานศักดิ์สิทธิ์เป่ยหวง
ยอดกายากำราบยุค ตอนที่ 22 มุ่งหน้าสู่สุสานศักดิ์สิทธิ์เป่ยหวง
วิหคเทพเก้าเศียร รูปลักษณ์คล้ายหงส์ แต่ละตนมีกลิ่นอายแข็งแกร่งยิ่งนัก ทำให้สัตว์ร้ายมากมายในสถานที่แห่งนี้รู้สึกกระวนกระวาย
ภายในรถม้า เงาร่างหญิงสาวผู้เลอโฉมนั่งขัดสมาธิอยู่ ผ้าโปร่งปกปิดใบหน้า ดวงตาทั้งสองข้างราวกับความฝัน งดงามราวกับเทพธิดา แต่กลับแฝงไว้ด้วยความโอหังและความเฉียบคมดุจดั่งหงส์
กู้หมิงหวง นางคือหนึ่งในอัจฉริยะรุ่นเยาว์ของตระกูลกู้
ในวันที่นางถือกำเนิด ปรากฏเงาหงส์เทพจากเก้าสวรรค์ชั้นฟ้า วิหคมากมายต่างคำนับ แสงเมฆาพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า ภายในร่างกายของนางยังมีไฟสุริยันแท้ สามารถเผาผลาญสรรพสิ่ง
พรสวรรค์อันน่ากลัวยิ่งนัก!
มีข่าวลือกล่าวว่า เมื่อนางเติบโตขึ้น ได้ออกเดินทางไปทั่วใต้หล้า และได้รับโลหิตแก่นแท้หงส์เทพ รวมไปถึงมรดกของหงส์เทพ!
“คารวะท่านผู้อาวุโส!”
กู้หมิงหวงก้าวออกมาจากรถม้า ดวงตาเป็นประกาย กวาดมองไปรอบ ๆ จากนั้นจึงกล่าวคารวะผู้อาวุโสที่เพิ่งจะกล่าววาจา
ภายในใจของนางรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เพราะนางไม่พบเจอกับบุตรเทพผู้ลึกลับ
“หมิงหวงกลับมาแล้ว” ผู้อาวุโสกล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม ท่าทีที่แสดงออกมานั้น แตกต่างจากผู้อื่นโดยสิ้นเชิง
ในเวลาเดียวกัน ภายในรถศึกโบราณที่ม้าเทพทองคำเก้าตนลากอยู่ ชายหนุ่มผมทองผู้มีรูปลักษณ์ราวกับบุตรเทพสุริยันก็เดินออกมา
รูปร่างของเขาสูงใหญ่ สวมชุดเกราะที่สร้างขึ้นจากทองคำเซียนประกายแสง รอบกายมีวงแหวนศักดิ์สิทธิ์หลายร้อยวงปกคลุม กลิ่นอายน่าเกรงขามยิ่งนัก!
ยืนอยู่ตรงนั้นราวกับบุตรแห่งสุริยัน!
กู้กวงหมิง!
มีกายาเทพประกายแสง สามารถแปรเปลี่ยนเป็นพลังเทพประกายแสง ตราบใดที่แสงสว่างไม่ดับสูญ พลังอำนาจก็จะไร้ขอบเขต!
นอกจากนี้ เขายังสามารถหลอมกายาเทพประกายแสง หากแสงสว่างไม่ดับสูญ กายาก็จะมิแตกดับ!
ในยุคบรรพกาล กายาเทพประกายแสงที่ยังไม่บรรลุถึงระดับสูงสุด ก็ยังคงสามารถต่อกรกับจอมสรรพสิ่งได้
“คารวะท่านผู้อาวุโส” กู้กวงหมิงกล่าวคารวะผู้อาวุโส
แม้ว่าจะเป็นสมาชิกลำดับรุ่นเยาว์ของตระกูลกู้ แต่ก่อนที่จะเป็นทายาท พวกเขายังคงต้องแสดงความเคารพต่อเหล่าผู้อาวุโส
“กวงหมิงก็กลับมาแล้ว แต่เจินเซวียนเล่า? เขายังคงเดินทางอยู่หรือ?”
ผู้อาวุโสเอ่ยถามพร้อมกับรอยยิ้ม
กู้เจินเซวียน!
เขาเป็นสมาชิกลำดับรุ่นเยาว์อีกคนหนึ่ง ที่จะเดินทางไปยังสุสานศักดิ์สิทธิ์เป่ยหวง
อย่างไรก็ตาม เมื่อกล่าวถึงชื่อของเขา กู้กวงหมิงและกู้หมิงหวงต่างก็มีแววตาหวาดกลัวและเคร่งขรึม
แม้ว่าจะเป็นสมาชิกลำดับรุ่นเยาว์เหมือนกัน แต่ความแตกต่างนั้นมากมายนัก
กู้เจินเซวียนเป็นหนึ่งในสมาชิกลำดับรุ่นเยาว์สิบลำดับแรก
“เจินเซวียน เขาน่าจะกำลังเดินทางมาแล้ว” กู้หมิงหวงขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นจึงกล่าว
พวกเขาเพิ่งจะเดินทางมาจากดินแดนมรรคาอื่น เพื่อที่จะเข้าร่วมงานชุมนุมล่าสัตว์
กู้เจินเซวียนอาจจะยังคงเดินทางอยู่
อย่างไรก็ตาม หากไม่เกิดเรื่องบุตรเทพขึ้น ผู้นำของพวกเขาก็คือกู้เจินเซวียน
ในเวลานั้น ชายหนุ่มผู้มีดวงตาที่สะท้อนเงาของสายฟ้าเคราะห์ ทุกครั้งที่ลืมตา ก็ปรากฏสายฟ้าเคราะห์มากมาย เดินออกมาจากกลุ่มคนของตระกูลกู้ กล่าวอย่างเคารพว่า “เรียนท่านผู้อาวุโส นายท่านกล่าวว่าเขาเดินทางไปยังสุสานศักดิ์สิทธิ์เป่ยหวงก่อนแล้ว ให้พวกเราไม่ต้องรอเขา”
กู้เล่ย เป็นอัจฉริยะฟ้าประทานรุ่นเยาว์ผู้มีกายาวิญญาณอัสนี เขาเป็นผู้ติดตามของกู้เจินเซวียน
ผู้คนมากมายในสถานที่แห่งนี้รู้จักเขา ภายในใจจึงเกิดความคิดมากมาย
บรรยากาศพลันเปลี่ยนไป
เดิมที ตระกูลกู้ตกลงกันว่าจะให้กู้เจินเซวียนเป็นผู้นำ
แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นบุตรเทพ!
ยิ่งไปกว่านั้น กู้เจินเซวียนยังเดินทางไปยังสุสานศักดิ์สิทธิ์เป่ยหวงก่อนแล้ว มิได้ปรากฏตัว
เช่นนี้แล้ว เขากำลังแสดงความไม่พอใจหรือ?
กู้หมิงหวงและกู้กวงหมิงมองหน้ากัน พวกเขาต่างก็เห็นความสิ้นหวังในดวงตาของอีกฝ่าย
ผู้อาวุโสขมวดคิ้วเล็กน้อย ราวกับว่ารู้สึกไม่พอใจ
แต่ไม่นานนัก เขาก็ส่ายหน้า กล่าวว่า “เช่นนั้นก็ออกเดินทางได้”
“ออกเดินทางได้แล้วหรือ? แล้วบุตรเทพเล่า? เหตุใดข้าจึงไม่เห็นเขา”
กู้หมิงหวงตกตะลึงเล็กน้อย ภายในใจของนางรู้สึกอยากรู้เรื่องราวของบุตรเทพผู้ลึกลับ เอ่ยถามขึ้น
กู้กวงหมิงก็มีสีหน้าจริงจัง รอฟังคำตอบ
“เมื่อเดินทางไปถึงสุสานศักดิ์สิทธิ์เป่ยหวง พวกเจ้าก็จะพบเจอกับบุตรเทพเอง”
ผู้อาวุโสไม่ตอบคำถาม จากนั้นก็สะบัดชุดคลุม แสงสว่างสลัวปรากฏขึ้น ต่อมา เขาก็จุดไฟเผากระดาษทองคำที่ส่องประกายเจิดจรัส
แสงสว่างมากมายนับไม่ถ้วนแผ่กระจายออกไป ยันต์วิเศษมากมายราวกับมหาสมุทร
วูบ วูบ วูบ!
ความว่างเปล่าเบื้องหน้าเริ่มต้นบิดเบี้ยว ปรากฏเส้นทางเชื่อมต่อโลกอีกใบหนึ่ง
รถศึกโบราณ สัตว์ประหลาด ต่างก็พุ่งทะยานเข้าไป ปกคลุมทั่วทั้งฟ้าดิน น่ากลัวยิ่งนัก!
……
สุสานศักดิ์สิทธิ์เป่ยหวง!
เป็นซากปรักหักพัง ตั้งอยู่ในจวนเป่ยไท่ เมืองเป่ยหวง
จวนเป่ยไท่ เป็นขุมอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในมณฑลเป่ยไท่ ตั้งอยู่ห่างจากดินแดนมรรคาหนานเซิ่งเป็นระยะทางสิบล้านลี้
ก่อตั้งขึ้นเมื่อหนึ่งแสนปีก่อน ภายในตระกูลเคยมีผู้บำเพ็ญบรรลุถึงระดับอริยะ เคยรุ่งเรืองอยู่ช่วงหนึ่ง
เมื่อสิบปีก่อน ณ สุสานโบราณที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของจวนเป่ยไท่ เป็นระยะทางสามหมื่นลี้ ปรากฏตำหนักน้ำแข็งโบราณบินออกมา ลอยอยู่บนท้องฟ้าเก้าวันไม่ตกลงมา
ตำหนักน้ำแข็งโบราณแห่งนี้มีอายุอย่างน้อยหนึ่งล้านปี ปกคลุมพื้นที่โดยรอบเป็นระยะทางหมื่นลี้ให้กลายเป็นน้ำแข็ง ปราณเย็นยะเยือกทำให้ดวงจันทร์ต้องปกคลุมไปด้วยหิมะ
ปราณเย็นยะเยือกสามารถทำลายดวงวิญญาณ แม้แต่ผู้ยิ่งใหญ่ระดับเบิกฟ้าก็ยังไม่กล้าเข้าใกล้
ท่ามกลางหิมะที่โปรยปราย เสียงดนตรีเซียนอันไพเราะดังก้องสะท้อนไปทั่ว นานถึงเก้าวัน ดึงดูดวิญญาณมากมายถึงหกล้านดวง ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีข่าวลือกล่าวว่ามีสมบัติศักดิ์สิทธิ์ปรากฏตัวขึ้น
ผู้บำเพ็ญมากมายเดินทางไปสำรวจ
น่าเสียดาย ผู้ที่เข้าไป ล้วนต้องพบเจอกับความตาย
เพราะตำหนักน้ำแข็งโบราณแห่งนี้เป็นสุสาน ภายในนั้นมีร่างกายของอริยะถูกฝังอยู่
สุสานศักดิ์สิทธิ์เป่ยหวงจึงมีชื่อเช่นนี้
“ช่วงนี้เมืองเป่ยหวงไม่สงบสุขเลยแม้แต่น้อย บนท้องฟ้ามักจะมียอดฝีมือเดินทางผ่านไปมา แม้แต่ศิษย์ของขุมอำนาจต่าง ๆ ก็ยังคงมุ่งหน้ามายังที่แห่งนี้”
“เพราะมีข่าวลือกล่าวว่า ภายในสุสานศักดิ์สิทธิ์เป่ยหวงมีสิ่งของมิแตกดับปรากฏตัวขึ้น และรอบ ๆ ยังคงมีสัตว์อสูรเสื่อมทรามปรากฏตัวขึ้น พวกมันสูญเสียจิตวิญญาณ มุ่งมั่นที่จะสังหาร”
“นี่! สิ่งของมิแตกดับ! น่ากลัวยิ่งนัก! กล่าวกันว่าเพียงแค่สัมผัสเล็กน้อย ก็สามารถทำลายจิตวิญญาณของผู้บำเพ็ญ แม้แต่อริยะก็ยังคงไม่สามารถต้านทานได้!”
ภายในเมืองเป่ยหวง ผู้บำเพ็ญมากมายต่างก็กล่าวถึงเรื่องนี้
ทันใดนั้น
“โฮก……”
เสียงมังกรคำรามลั่นสะท้อนไปทั่วฟ้าดิน
ณ ที่ไกล มังกรฟ้าเก้าตนขนาดใหญ่โตมโหฬาร ปกคลุมทั่วทั้งฟ้าดิน บินผ่านท้องฟ้า ราวกับเทือกเขาที่ทอดยาว
เบื้องหลังมังกรฟ้าเก้าตน รถม้าหยกขาวแล่นผ่านความว่างเปล่าอย่างรวดเร็ว
ผู้ที่ขับรถม้าคือชายหนุ่มผู้มีรูปลักษณ์ราวกับเทพมาร รูปร่างของเขาสูงใหญ่ ปลดปล่อยกลิ่นอายบรรพกาล
บนรถม้ามีตัวอักษร ‘กู้’ ทำให้ผู้คนมากมายมีสีหน้าเปลี่ยนไป
“ตระกูลอมตะ!”