บทที่ 7 การประลองครั้งแรก
ในที่สุด วันประลองใหญ่ของนิกายก็มาถึง เมื่อจินเป่าเอ๋อออกจากการปิดด่านฝึกฝน นางก็พบกับแถวศิษย์พี่สุดหล่อที่ยืนเรียงกันอยู่หน้าประตู ทำให้นางอดไม่ได้ที่จะแสดงความประหลาดใจ
“ศิษย์พี่ทั้งเจ็ด อาจารย์ ท่านทั้งหลายมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรเจ้าคะ”
“แน่นอนว่าพวกข้ามารอต้อนรับศิษย์น้องน้อยของพวกเราไงล่ะ...อืม ไม่เลวเลยนะ ถึงขั้นฝึกพลังสี่แล้ว!”
ศิษย์พี่รองยังคงพูดด้วยท่าทีเรียบเฉยตามแบบฉบับของเขา แม้ท่าทางเขาจะดูไม่สนใจ แต่สายตาอันตื่นตะลึงก็ไม่ได้หลุดรอดสายตาของจินเป่าเอ๋อไปได้
ศิษย์พี่คนอื่นๆ ก็เช่นกัน โดยเฉพาะศิษย์พี่สาม หลัวหนานซาน ที่เดินมาพร้อมหม้อดินสีขาวในมือ มองนางด้วยความเป็นห่วงและภาคภูมิใจ
“ศิษย์น้องน้อยปิดด่านฝึกถึงครึ่งเดือน ดูผอมไปนะ! ไม่มีสารอาหารเอาเสียเลย! ช่างน่าสงสาร หน้าเจ้าผอมลงไปมาก! มา มา ศิษย์พี่ทำหมูตุ๋นให้ ต้องกินให้เยอะๆ นะ!”
ท่าทางเวทนาที่ดูโอเวอร์นั้นทำให้จินเป่าเอ๋อถึงกับเขินอาย นางจึงรับตะเกียบและชามมาในที่สุด หมูตุ๋นชิ้นนุ่มสีทองในหม้อนั้นช่างหอมหวนจนยั่วน้ำลาย หมูนี้เป็นเนื้อหมูอสูรชนิดหนึ่งที่จับได้ยาก เพราะแม้พลังจะไม่สูง แต่ก็มีความรวดเร็วมาก เนื้อของมันอร่อยและเต็มไปด้วยพลังวิญญาณ ทำให้เป็นที่นิยมในหมู่ผู้บำเพ็ญ
“ขอบคุณศิษย์พี่สาม อร่อยมากเจ้าค่ะ!”
หลัวหนานซานยิ้มกว้างขึ้นเมื่อได้ยินคำชม ความพยายามที่นั่งรอคอยหมูตัวนี้ที่หลังภูเขาหนึ่งวันหนึ่งคืนก็คุ้มค่าแล้ว
ศิษย์พี่รองเห็นดังนั้นก็ขมวดคิ้วพร้อมทำสีหน้ารังเกียจ
“ศิษย์น้องน้อย เจ้าควรกินไขมันให้น้อยหน่อยนะ ถ้าโตขึ้นแล้วอ้วนเหมือนศิษย์พี่สาม เจ้าจะหาคู่ได้อย่างไร หญิงสาวควรจะอ่อนช้อยและเพรียวบางถึงจะดูดี”
ศิษย์พี่สามที่ถูกแขวะถึงกับหยุดทานมองรูปร่างตัวเองพลางหน้าแดงด้วยความเขิน ก่อนจะหันไปหาจินเป่าเอ๋อด้วยท่าทีอึดอัดใจ
“ข้า…ข้าไม่รู้หรอกนะ กินแค่มื้อเดียวคงไม่อ้วนหรอก ใช่ไหม”
ท่าทีระมัดระวังจนดูน่าสงสารของเขาทำให้จินเป่าเอ๋อรู้สึกผิดเล็กน้อย
“อย่าฟังศิษย์พี่รองพูดเล่นเลย ข้าไม่กลัวอ้วนหรอกเจ้าค่ะ ข้าฝึกฝนทุกวัน กินมื้อเดียวคงไม่เป็นไรหรอก”
ไม่นาน การประลองใหญ่ของนิกายก็เริ่มขึ้น นักบำเพ็ญระดับฝึกพลังต่ำจะถูกจัดให้แข่งขันที่เวทีข้างๆ
เมื่อจินเป่าเอ๋อและศิษย์พี่ทั้งเจ็ดเดินเข้าสู่สนามประลองก็เป็นที่สะดุดตาของผู้คนจำนวนไม่น้อย...
“นั่นคือศิษย์พี่ไป๋อี้เหลิ่งในตำนานหรือเปล่า สมกับเป็นอัจฉริยะสายบำเพ็ญจริงๆ พลังช่างน่าเกรงขามยิ่งนัก!”
เหล่าศิษย์หญิงบางคนที่แอบมองไป๋อี้เหลิ่งกระซิบกระซาบกัน สายตาพวกนางจับจ้องไปที่เขาไม่ละสายตา
ชาวภูเขาฮวาหมิงต่างคุ้นเคยกับสถานการณ์เช่นนี้แล้ว จึงไม่ได้สนใจสายตาของคนอื่น จินเป่าเอ๋อยิ่งไม่สนใจ เพราะนางถูกจับสลากให้เป็นผู้ป้องกันเวทีคนแรก!
การประลองของนิกายใช้รูปแบบการต่อสู้แบบต่อเนื่อง ซึ่งเน้นการทดสอบความอึดของพลังวิญญาณ นักบำเพ็ญในระดับตั้งต้นที่จะเข้าร่วมการประลองครั้งนี้มีทั้งหมด 26 คน ซึ่งหมายความว่าผู้ที่ขึ้นเวทีคนแรกจะเสียเปรียบที่สุด!
เมื่อเห็นสายตาห่วงใยจากศิษย์พี่ นางก็พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเดินขึ้นเวทีด้วยท่าทีสงบนิ่ง…ในตอนนี้ นางยังไม่สามารถเหาะเหินไปได้
ผู้ชมส่วนใหญ่เป็นศิษย์จากสำนักเดียวกันของผู้เข้าแข่งขัน แม้แต่ผู้ตัดสินก็เป็นเพียงผู้อาวุโสระดับจินตัน เป็นที่แน่ชัดว่าไม่มีใครให้ความสำคัญกับการประลองของศิษย์ระดับต่ำ นางจึงกำหมัดแน่นเล็กน้อย สักวันหนึ่งนางจะต้องเป็นผู้บำเพ็ญที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกนี้
“เริ่มการประลองได้! การประลองรอบแรก ผู้ป้องกันเวทีจากภูเขาฮวาหมิง จินเป่าเอ๋อ!”
เสียงพูดคุยซุบซิบดังแว่วเข้าหูจินเป่าเอ๋อ เหล่าผู้ชมต่างพากันดูถูกไม่คิดว่าเด็กสาวอายุยังไม่ถึงสิบเอ็ดคนนี้จะมีความสามารถอะไรนัก
“น่าสงสารศิษย์น้องตัวน้อยแบบนี้ หากถูกอัดจนฝังใจ อนาคตก็คงลำบากแน่ การได้อันดับหนึ่งในการทดสอบจะมีค่าอันใด”
“ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง!”
...
จินเป่าเอ๋อเพียงแค่ปรับสีหน้าให้สุขุม ตั้งสมาธิรับมือการโจมตีของผู้ท้าประลองที่พุ่งเข้ามาอย่างไม่ลังเล ร่างเล็กๆ ของนางยกมือขึ้นต้านรับใบดาบของศิษย์ได้อย่างมั่นคง ดูเผินๆ แล้ว ดาบนั้นใหญ่กว่าร่างของนางเสียอีก ทำให้ทุกคนอดกลั้นหายใจด้วยความตกใจ!
จินเป่าเอ๋อรู้สึกประหลาดใจในความแข็งแกร่งของตนเองเล็กน้อย นางมองไปที่ไป๋อี้เหลิ่งอย่างเต็มไปด้วยความขอบคุณ ก็เพราะการฝึกฝนร่างกายของศิษย์พี่ใหญ่ตลอดสองเดือนที่ผ่านมานั้นทำให้ร่างกายของนางแข็งแกร่งมากขึ้น
จากนั้นนางออกแรงผลักใบดาบไปด้านหลัง ก่อนจะเตะผู้ท้าประลองลงจากเวทีสำเร็จ! การป้องกันเวทีครั้งแรกสำเร็จด้วยเวลาเพียงห้าวินาที ทำให้เด็กหนุ่มผู้ถือดาบนั้นตกตะลึงจนอ้าปากค้าง
ทันใดนั้น ชายหนุ่มอีกคนกระโดดขึ้นมายืนบนเวที เขามีใบหน้าที่ดูอ่อนโยนแต่เต็มไปด้วยความหยิ่งยโสและรังเกียจ มองดูจินเป่าเอ๋อด้วยแววตาดูถูก
“เซียวสือจากภูเขาหลินหลาง ขอมอบบทเรียน!”
สำหรับความรังเกียจอันไร้สาเหตุนี้ จินเป่าเอ๋อขมวดคิ้วเล็กน้อย เซียวสือ? เขาเป็นคนที่ภักดีต่อซูเซียนจือในชาติก่อน! เขารู้สึกไม่พอใจต่อนางอยู่เสมอ และตอนที่นางถูกขับไล่ออกจากนิกายก็เป็นคนที่สะใจที่สุดที่เห็นนางตกต่ำ ตอนนี้เขากลับกลายเป็นผู้บำเพ็ญในระดับฝึกพลังขั้นสูงสุด?
เมื่อเซียวสือเห็นจินเป่าเอ๋อเงียบไม่พูด เขายิ่งรู้สึกไม่พอใจ คิดว่านางหยาบคาย เขารีบรวบรวมพลังวิญญาณเพื่อพุ่งเข้าใส่นาง หวังจะจัดการนางในท่าเดียว แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม!
จินเป่าเอ๋อเม้มริมฝีปาก ภาพความอัปยศจากชาติก่อนแวบเข้ามาในความคิด นางเบี่ยงตัวหลบการโจมตีด้วยพลังวิญญาณของเขา มือข้างหนึ่งปล่อยความเย็นแผ่ซ่านออกมา ก่อเกิดเป็นดาบน้ำแข็งอย่างรวดเร็ว นางใช้ดาบนี้ฟันเฉียดคอของเขาทันที
ความเย็นเฉียบแทงทะลุเข้าสู่ลำคอ ทำให้เซียวสือไม่ทันตั้งตัว เขารู้สึกหนาวเย็นจนเหมือนศีรษะของเขาจะหลุดออกไปในพริบตา...
ทุกคนในที่นั้นต่างตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเด็กสาวในระดับฝึกพลังจะมีความเร็วเช่นนี้ และสามารถใช้พลังวิญญาณสร้างเป็นดาบได้! นี่เป็นทักษะที่ผู้บำเพ็ญระดับจินตันเท่านั้นที่จะทำได้!
จินเป่าเอ๋อจ้องมองเซียวสือด้วยสายตาเย็นชาและกล่าวด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ
“เจ้าแพ้แล้ว!”
ร่างของเซียวสือแข็งทื่อ เขารู้สึกได้ว่าจินเป่าเอ๋อไม่ใช่หญิงสาวธรรมดาอย่างที่เขาเคยคิด…
ผู้ตัดสินที่ตกตะลึงพลันตั้งสติได้และรีบประกาศชัยชนะของจินเป่าเอ๋อ นางเอาชนะศิษย์ที่มีระดับสูงกว่านางถึงสองขั้นด้วยท่าเดียว! พรสวรรค์เช่นนี้ช่างน่าทึ่งยิ่งนัก แม้แต่เซียนจุนเองก็คง…
ผู้ตัดสินกลั้นความประหลาดใจเอาไว้และมองไปยังสี่คนที่นั่งเงียบอยู่บนตำแหน่งของภูเขาฮวาหมิง เมื่อเห็นพวกเขานั่งอย่างไร้อาการตกใจ ความสงสัยในใจก็ยิ่งเพิ่มขึ้น!
จากนั้นผู้ท้าชิงคนที่สาม คนที่สี่…ล้วนพ่ายแพ้ให้กับจินเป่าเอ๋อ ผู้ชมที่อยู่รอบๆ เริ่มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนแม้แต่นักบำเพ็ญในระดับสร้างรากฐานของเวทีข้าง ๆ ก็เริ่มหันมาสนใจ…
ใครจะไปคิดว่าการประลองระดับฝึกพลังจะมีคนที่โดดเด่นเช่นนี้ นางสามารถรับมือกับการต่อสู้แบบหมุนเวียนเจ็ดคนได้อย่างไม่ขาดตก เพียงแค่มีการหายใจที่เริ่มกระชั้นขึ้นเท่านั้น…
“ข้าขอประลองด้วย!”
ในขณะนั้นเอง หญิงสาวผู้หนึ่งในชุดขาวพลันลงมาจากฟ้า เสียงนุ่มนวลของนางน่าฟัง ใบหน้าที่สวยอ่อนช้อยทำให้ผู้คนรู้สึกสงสาร
“นั่นคือศิษย์ของโหลวหยุนเซียนจุน! ได้ยินมาว่านางใช้เวลาเพียงครึ่งเดือนก็ทะลุถึงขั้นฝึกพลังสาม!”
“น่าจะเป็นซูเซียนจือใช่ไหม เป็นศิษย์ของเซียนจุน ระดับฝีมือของนางจึงถือว่าไม่ธรรมดาเช่นกัน”
ทันทีที่เห็นนางขึ้นเวที การพูดคุยกันในหมู่ผู้ชมก็ดังขึ้นทันที ศิษย์ที่ถูกขนานนามว่าเป็นอัจฉริยะของนิกายเพียวเมี่ยว ซูเซียนจือ ต้องเผชิญหน้ากับจินเป่าเอ๋อที่เป็นอันดับหนึ่งในการทดสอบเข้า ใครจะเหนือกว่ากันแน่?