บทที่ 59 รถไฟฟ้าใต้ดินสายสี่ ขบวนสุดท้าย ตอนที่ 16
บทที่ 59 รถไฟฟ้าใต้ดินสายสี่ ขบวนสุดท้าย ตอนที่ 16
คอของผีสาวผมยาวยืดออกเรื่อยๆ แล้วบิดไปมา จ้องมองเสิ่นชงหรานและชิวฮุ่ยเขม็ง
ชิวฮุ่ยกลัวจนร้องไห้ออกมา เมื่อหลอดไฟบนเพดานแตกกระจาย แสงสว่างเดียวที่เหลือคือไฟฉายในมือของเสิ่นชงหราน
“ถือไว้” เสิ่นชงหรานยื่นไฟฉายให้ชิวฮุ่ย
ชิวฮุ่ยรับไฟฉายมาถือไว้ แต่กลับคุมมือสั่นไม่ได้ เสิ่นชงหรานเห็นแสงไฟสั่นไหวขึ้นลงไม่หยุด
“อย่าลืมส่องไปทางฉัน” เสิ่นชงหรานพูด
ชิวฮุ่ยพยักหน้ารัวๆ แต่ในใจคิดว่า “อยากให้เธอช่วยปกป้องฉันมากกว่า”
เสิ่นชงหรานยกดาบแล้วก้าวขึ้นไป ผีสาวผมยาวยังจ้องมองเธอโดยไม่ละสายตา แม้แสงไฟจะสั่นไหวไปมา
ทันใดนั้นผีสาวก็เคลื่อนที่วาบมาข้างหน้า มือเย็นเฉียบจับไหล่ของเสิ่นชงหรานไว้แน่น รั้งให้เธอหยุดชะงักกลางคัน
ขณะที่เสิ่นชงหรานพยายามดิ้นให้หลุด ผีสาวก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา ใบหน้าที่แหลกละเอียดยังคงจ้องมองใกล้จนสัมผัสได้
ใบหน้าที่อยู่ใกล้ขนาดนี้ทำให้เธอข่มความรู้สึกไม่ไหว แต่ในใจกลับมีเพียงความโกรธที่แน่นอัดอยู่
“เธอโกรธอะไร?”
เสียงเยือกเย็นของเสิ่นชงหรานดังก้องในตู้โดยสารแคบๆ หยุดรอยยิ้มอันชั่วร้ายของผีสาวให้แข็งค้าง
เสิ่นชงหรานจ้องลึกลงไปในตาของมันอย่างไม่กลัว “เธอโกรธอะไรอยู่กันแน่?”
เธอคิดว่าความรู้สึกหลักของเด็กสาวคนนี้หลังตายไปน่าจะเป็นความแค้นหรือความคับแค้นใจ
มือของผีสาวสั่นไหว
“อ๊ากกกก!” “อ๊ากกกก!”
มันคำรามออกมาอย่างโกรธแค้นและประหลาดใจที่มนุษย์คนนี้รู้ว่ามันโกรธ
เสียงคำรามของมันทำให้ไฟฉายในมือของชิวฮุ่ยดับวูบลง ทุกอย่างกลับสู่ความมืดอีกครั้ง
ชิวฮุ่ยทรุดลงนั่งกอดเข่ากับพื้น เมื่อไฟฉายดับลง บริเวณที่ผีสาวและเสิ่นชงหรานเคยยืนอยู่ก็เงียบสงัดราวกับทั้งคู่หายไปจากที่นั่นแล้ว
ชิวฮุ่ยอยากเรียกชื่อเสิ่นชงหราน แต่ก็กลัวว่าหากส่งเสียงจะดึงดูดผีเข้ามา
เธอเบิกตามองพยายามมองไปรอบๆ แต่ไม่เห็นอะไรนอกจากความมืด
ในที่สุด เธอก็ปิดตาลงภาวนาให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปโดยเร็ว
แต่แล้ว เสียงบางอย่างก็ดังขึ้น
เสียงที่คุ้นเคยนั้น คล้ายเสียงที่เธอได้ยินในวันแรกของภารกิจนี้ เสียงคลานของร่างที่ไหม้เป็นถ่านกำลังขยับบนพื้น
ร่างกายของชิวฮุ่ยเกร็งแน่น มือจับยันต์ที่ต้วนถิงให้มาอย่างไม่ปล่อย
เมื่อมือของผีถ่านนั้นสัมผัสข้อเท้าของเธอ ร่างกายที่เกร็งก็อ่อนยวบลงทันที ชิวฮุ่ยหายใจหอบล้มตัวลงไปข้างๆ
เธอใช้แรงเฮือกสุดท้ายพยายามคลานออกห่างจากมือของผีถ่านนั้น
เหงื่อเย็นผุดขึ้นมาจนเปียกโชกเส้นผมที่หน้าผาก ราวกับความคิดของเธอได้หลุดลอยออกจากร่าง
ในหัวของเธอมีเพียงเสียงเดียว “คลานออกไป!”
เธอเตะเท้าจนหลุดจากมือของผีถ่านได้ แล้วคลานไปข้างหน้าโดยที่มองไม่เห็นอะไร หวังว่าผีถ่านนั้นจะหายไปแล้ว
เธอคลานไปถึงขอบของตู้โดยสาร ยันตัวขึ้นนั่งพิงไว้
แต่ยังไม่ทันจะหายใจคลายความหวาดกลัว ข้อเท้าของเธอก็ถูกจับอีกครั้ง ผีถ่านยังคงตามติดเธออยู่
ชิวฮุ่ยส่ายหัวสุดชีวิต
เธออยากกรีดร้อง อยากร้องไห้
แต่ไม่มีแรงเหลือแล้ว ทำได้เพียงหายใจเท่านั้น
มือของผีถ่านเลื่อนจากข้อเท้า ขึ้นมาตามขา จนคลุมไปครึ่งตัวของเธอ
แม้จะมองไม่เห็นอะไร ชิวฮุ่ยก็จินตนาการได้ว่าผีตัวนั้นกำลังจ้องหน้าเธออยู่ตรงนั้น
“ทำอะไรสักอย่าง…”
“ทำอะไรสักอย่างเถอะ!”
ชิวฮุ่ยเร่งเร้าตัวเอง ลมหายใจหอบถี่ขึ้น กลิ่นอายชีวิตของเธอคงเป็นเสน่ห์ดึงดูดผีถ่านนั้นอย่างมาก
เธออยากทำอะไรสักอย่าง แต่ร่างกายเหมือนไม่ใช่ของเธอแล้ว
เธออ้าปากจะขอความช่วยเหลือ แต่ไม่มีเสียงใดหลุดออกมา
ในหัวของเธอกลายเป็นเพียงความยุ่งเหยิงว่างเปล่า
ผีถ่านจับไหล่ทั้งสองข้างของเธอแน่น คล้ายจะขยับเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
“ไม่นะ…” ชิวฮุ่ยพึมพำออกมาเสียงแผ่ว
“ไม่… ไม่…”
“ฉันไม่อยากตาย…”
เธอไม่อยากตาย!
“ชิวฮุ่ย เธอต้องจำไว้ว่า ในภารกิจนี้ มีแต่การช่วยตัวเอง ไม่มีใครจะมาช่วยเธอ”
คำพูดนี้แวบเข้ามาในหัวของชิวฮุ่ย เป็นคำพูดของต้วนถิงที่เคยบอกไว้ก่อนหน้านี้
ร่างกายที่ถูกความเย็นแผ่ซ่านเข้าครอบคลุมค่อยๆ กลับมามีความอบอุ่น
ใช่แล้ว เธอต้องช่วยตัวเอง ต้วนถิงยังให้ยันต์เธอไว้ด้วย เธอจะมัวมานั่งรอความตายไม่ได้!
เธอรู้สึกได้ว่าหน้าของผีถ่านเข้ามาใกล้เธอมากขึ้น ถ้ามันเข้ามาอีกนิดเดียวมันคงสัมผัสตัวเธอได้
ลมหายใจที่เคยหอบถี่เริ่มกลับมาเป็นปกติ มือขวายกขึ้นอย่างรวดเร็ว
สัญลักษณ์บนยันต์เรืองแสงขึ้น นำแสงสีแดงอ่อนสว่างขึ้นในความมืด ชิวฮุ่ยมองเห็นใบหน้าที่บิดเบี้ยวของผีถ่านนั้น
น้ำตารื้นขึ้นมาจนมองเห็นไม่ชัด เธอหลับตาปาดน้ำตาออกเพื่อมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้ชัดเจน
ยันต์เริ่มลุกไหม้ราวกับเป็นเปลวไฟที่แผดเผาผิวของผีถ่าน มันให้ความอบอุ่นแก่หัวใจที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวของเธอ
ท่ามกลางแสงเพลิงนั้น ชิวฮุ่ยมองเห็นปลายขาของใครบางคน
ปลายขานั้นมีเศษแก้วปักอยู่ เมื่อเห็นเช่นนั้นเธอรู้ทันทีว่ามันเป็นขาของใคร
ก่อนที่เปลวไฟจะดับ เธอยังเห็นอีกหนึ่งคู่ขา นั่นเป็นขาของเสิ่นชงหราน
แท้จริงแล้ว ในสภาพคับขันนี้ เธอได้คลานมาถึงใกล้กับพวกเขาแล้ว
ผีสาวยืนนิ่งหลังจากคำรามใส่เสิ่นชงหราน มันยังคงเผชิญหน้ากับเธออย่างไม่ละสายตา
เมื่อรู้ว่ามีคนคลานเข้ามาใกล้ มันก็ยังไม่สนใจใครอื่นนอกจากเสิ่นชงหราน
ไม่นานนัก เสิ่นชงหรานขยับตัวเล็กน้อยและเงยหน้าขึ้น แม้จะถูกผีสาวจับไหล่ไว้แน่น แขนของเธอยังขยับได้
เธอฟันดาบไม้พีชออกไป ตัดผ่านท้องของผีสาว
พันธนาการที่แขนคลายลง เสิ่นชงหรานเซเล็กน้อยแต่ยังคงยืนได้มั่นคง
ผีสาวปล่อยเธอไป แต่เธอมองไม่เห็นรอบตัวและเป้าหมายก็หายไปจากสายตา
เสิ่นชงหรานยื่นมือออกไปควานหา และพบว่ามือของเธอสัมผัสกับที่จับประตูรถไฟ
ทันใดนั้น มือเย็นเฉียบข้างหนึ่งคว้าตัวเธอ ความเย็นนั้นแทรกเข้าไปถึงกระดูก
เสิ่นชงหรานยกดาบฟันไปทางข้างหลัง แต่กลับฟันในอากาศ
“เปรี้ยง!”
ประตูรถไฟตรงหน้าก็เปิดออกเองอย่างกะทันหัน เสิ่นชงหรานรู้สึกถึงแรงผลักอันใหญ่พาเธอไปข้างหน้า
เธอไม่อาจต้านแรงนั้นได้ และถูกดันเข้าไปยังตู้โดยสารถัดไป เศษแก้วที่เกลื่อนพื้นทำให้เธอถูกบาด
เสิ่นชงหรานพยายามไม่สนใจความเจ็บปวด พยุงตัวขึ้นยืน ขณะฝ่าเท้าเหยียบไปบนเศษแก้ว
รู้ตัวดีว่าเป็นเป้าสำคัญ เธอจึงยืนตั้งมั่นรอผีสาวแสดงตัว ดีกว่าเสียแรงตามหามันในความมืด
เสิ่นชงหรานถือดาบไม้พีชและแปะยันต์ไว้ที่หลังตัวเอง
อาจจะเพราะเธอเริ่มชินกับความมืด จึงค่อยๆ มองเห็นโครงร่างของสิ่งต่างๆ รอบตัว
มีที่นั่ง ราวจับ และประตูตู้โดยสารนั้น
เธอสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่แผ่มาจากด้านหลัง เป็นปฏิกิริยาของยันต์ที่เธอแปะไว้
เสิ่นชงหรานยกดาบไม้พีชแทงออกไปข้างหลังทันที และเธอก็แทงโดนเข้าเต็มๆ
เธอหันกลับไปอย่างรวดเร็ว ผีสาวไม่ส่งเสียงอะไรออกมา มีแต่คว้าดาบไม้พีชไว้แน่นและเริ่มออกแรงบีบ
เสิ่นชงหรานรู้ว่ามันพยายามทำอะไร มันต้องการหักดาบไม้พีชของเธอ
มันแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม
แสงสีทองจากดาบไม้พีชส่องสว่างจ้า เสิ่นชงหรานจับด้ามดาบแน่นและในมือซ้ายก็ปรากฏตราประทับขนาดฝ่ามือที่เธอกดลงไปที่หน้าอกซ้ายของผีสาวทันที
“อ๊ากกกก—!”
ผีสาวร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เป็นเสียงเดียวกับที่เสิ่นชงหรานเคยได้ยินในท้องทะเลแห่งความมืด
“ทำไม!” มันคำรามด้วยความโกรธ
นี่คือตราประทับระดับขาวที่เสิ่นชงหรานซื้อไว้หลังจากภารกิจครั้งก่อน สามารถใช้กดข่มผีร้ายได้เต็มประสิทธิภาพในภารกิจระดับต่ำเช่นนี้
แสงสีทองสาดส่องไปทั่วตู้โดยสาร
“หยุดโกรธเถอะ” เสิ่นชงหรานพูดกับมัน
ที่ตำแหน่งหัวใจของผีสาว ปรากฏชิ้นส่วนตัวอักษรขึ้นมา เธอยื่นมือไปหยิบขึ้นมา มันคือชิ้นส่วนตัวอักษรชิ้นสุดท้าย
..........