บทที่ 58 รถไฟฟ้าใต้ดินสายสี่ ขบวนสุดท้าย ตอนที่ 15
บทที่ 58 รถไฟฟ้าใต้ดินสายสี่ ขบวนสุดท้าย ตอนที่ 15
เฟิงอี้เฉินหันไปมองสองสาว “คนที่มือเจ็บมากับผม”
ชิวฮุ่ยยิ้มกว้างจับมือของต้วนถิง “งั้นขอบคุณมากนะ”
ต้วนถิงไม่คิดว่าสองคนนี้จะยอมช่วย จึงโค้งขอบคุณเล็กน้อย “ขอบคุณจริงๆ ค่ะ”
ชิวฮุ่ยก็โค้งตาม แม้การติดตามพวกเขาจะไม่ได้การันตีความปลอดภัย แต่แค่ได้อยู่ใกล้พวกเขาก็ให้ความรู้สึกปลอดภัยเหมือนมียันต์คุ้มกัน
รถไฟฟ้าเที่ยวสุดท้ายของวันที่เจ็ดมาถึงแล้ว ประตูเปิดออกและพวกเขาขึ้นรถไปทีละคน
เมื่อประตูปิดลง เสิ่นชงหรานมองออกไปด้านนอก ครั้งนี้ต่างจากก่อนหน้านี้ พอประตูปิดฉากข้างนอกก็เปลี่ยนไป เป็นสภาพทรุดโทรมและมีเปลวไฟลุกไหม้อยู่
ท่ามกลางแสงไฟ พวกเขาเห็นร่างสิบกว่าคนยืนอยู่ที่นั่น
แม้มองเห็นใบหน้าไม่ชัดเจน แต่ก็รู้สึกได้ว่าทุกสายตาจับจ้องมาทางพวกเขา
ตามแผนที่วางไว้ พวกเขาแยกกันเป็นสองกลุ่ม เดินไปที่หัวและท้ายขบวน เพื่อเริ่มตรวจสอบตั้งแต่ตู้โดยสารด้านในสุด
ชิวฮุ่ยเดินตามเสิ่นชงหรานติดๆ สายตาไม่กล้าเบี่ยงไปทางอื่น กลัวว่าจะพลาดและหลงเข้าไปในมิติแปลกๆ หรือเจอภาพหลอน
เสิ่นชงหรานเข้าใจความหวาดกลัวของเธอ “เธอแค่ตามฉันมา หากมีอะไรไม่ชอบมาพากล ให้ถอยไปด้านข้างหรือไม่ก็มาสู้ผีไปด้วยกัน”
ชิวฮุ่ยรีบตอบ “ไปด้วยกันๆ!”
ถึงจะต้องสู้ผี เธอก็ขออยู่ด้วยกันดีกว่า อยู่คนเดียวในฐานะเด็กใหม่ที่อ่อนแอแบบเธอ คงทำอะไรไม่ได้นอกจากหาทางตายเปล่า
มีตู้โดยสารทั้งหมดหกตู้ และนี่คือวันสุดท้าย พวกเขาตรวจสอบกันอย่างละเอียดมาก
ไม่นานเสิ่นชงหรานและชิวฮุ่ยก็มาถึงตู้โดยสารที่สองจากท้าย ตู้นี้ก็พังไม่ต่างจากตู้ก่อน แถมแสงสลัวลงกว่าเดิมอีก บางจุดไฟส่องสว่างยังริบหรี่
ชิวฮุ่ยไม่อยากทำให้เสิ่นชงหรานรำคาญ จึงจับชายเสื้อเธอไว้แน่นจนปลายนิ้วขาวซีด
แม้กระนั้น เธอก็ยังคุมตัวเองไม่ได้จนฟันกระทบกัน เสียงฟันกระทบกันนั้นเสิ่นชงหรานได้ยิน แต่เธอไม่ได้พูดอะไร
เสิ่นชงหรานหยิบไฟฉายที่เตรียมไว้ออกมาจากช่องเก็บของ ส่องไฟแรงสูงบนผนังตู้โดยสาร ตรวจสอบทุกนิ้วอย่างถี่ถ้วน
ชิวฮุ่ยที่อยู่ข้างหลังเธอก็ช่วยกันหาชิ้นส่วนตัวอักษรอย่างตั้งใจ
เสิ่นชงหรานเคลื่อนไหวไฟฉายช้าๆ ทำให้ชิวฮุ่ยค่อยๆ คลายความกลัวลงได้บ้าง
แต่ไม่นานนัก ชิวฮุ่ยก็รู้สึกหนาวเยือกขึ้นมาทั้งตัว
ไออุ่นที่เคยอยู่รอบๆ ทำไมกลับหนาวเย็นขึ้นกะทันหัน
ไม่เพียงแต่ชิวฮุ่ยที่สังเกตเห็น เสิ่นชงหรานเองก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติ
ทั้งสองหันกลับไปก็เห็นผีสาวที่เคยเห็นมาก่อนหน้านี้ มันยืนอยู่ตรงนั้น
“เปรี้ยะ—”
ท่อไฟด้านบนระเบิด ชิวฮุ่ยหลับตาปี๋ ใบหน้าเบี้ยวบิดด้วยความกลัว แต่ก็ยังไม่ส่งเสียงออกมา เธอค่อยๆ ปล่อยชายเสื้อของเสิ่นชงหราน ไม่อยากขัดการเคลื่อนไหวของเธอ
ร่างของผีสาวมีเศษแก้วปักอยู่เต็มตัว ขาทั้งสองบิดเบี้ยว เสียงกระดูกขยับเสียดสีกันดังชัดเจน
เสียงนั้นคมและชวนขนลุก
ในขณะเดียวกันในตู้โดยสารอีกฝั่ง เฟิงอี้เฉินลดสายตาจากเพดานที่กำลังมองหาเศษตัวอักษรลง แล้วเขาก็เห็นผีสาวผมยาว
ยังเหมือนเดิม น้ำเลือดหยดจากปลายผม ต้วนถิงรีบหยิบยันต์ออกมา
ดูเหมือนว่าเพราะเฟิงอี้เฉินเป็นผู้ชายและมีท่าทางเย็นชา ต้วนถิงจึงไม่เคยพูดอะไรกับเขาเลย
เมื่อเทียบกับผีสาวที่เต็มไปด้วยเศษแก้ว ผีสาวคนนี้ไม่มีแขนขาที่บิดเบี้ยว แต่สภาพไหม้เกรียมทั่วตัวนั้นก็บอกได้ว่าเธอตายอย่างไร
“ดูแลตัวเองด้วย” เฟิงอี้เฉินพูดพร้อมดึงดาบไม้พีชออกมา
ต้วนถิงมองเขาจากด้านหลังแล้วพยักหน้า “ฉันยังมียันต์อยู่”
เธอรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่มีหน้าที่มาปกป้องเธอ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะอิจฉาชิวฮุ่ยที่ได้อยู่กับเสิ่นชงหราน แม้เสิ่นชงหรานจะดูเย็นชา แต่ก็เห็นได้ชัดว่าภายในไม่ได้เย็นชาเหมือนที่แสดงออก
กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งในจมูก เฟิงอี้เฉินไม่ลังเล เดินถือดาบเข้าไปหาผีสาวทันที
ผีสาวยิ้มเสียงแหบห้าว “หึหึ…” ดังออกมาจากลำคออย่างน่าขนลุก
จากนั้นมันก็หายวับไปตรงหน้าเฟิงอี้เฉิน แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่จะยอมง่ายๆ เมื่อมันปรากฏตัวตรงหน้าเขาอีกครั้ง ดาบไม้พีชก็แทงเข้าไปในทันที
ผีสาวผมยาวจับดาบไม้พีชไว้แน่น แม้มือของมันจะถูกแสงสีทองจากดาบเผาไหม้จนเจ็บปวด แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยดาบ
“พวกแกสมควรตาย!” มันคำรามขึ้น หลังจากนั้นเฟิงอี้เฉินก็ออกแรงจนเส้นเลือดที่มือปูดนูน ดันดาบไม้พีชไปข้างหน้า
ต้วนถิงที่อยู่ด้านหลังเห็นฉากนี้ก็อดคิดไม่ได้ว่า คนเก่งก็คือคนเก่ง ถ้าเป็นดาบของเธอคงโดนผีสาวแย่งไปนานแล้ว
แต่ไม่นานเธอก็ไม่มีอารมณ์จะสนใจการต่อสู้ของคนเก่งๆ เพราะได้ยินเสียงขยับแปลกๆ อยู่ด้านหลัง
เหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังคลานอยู่บนพื้น
ต้วนถิงนิ่งแข็งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะค่อยๆ หันกลับไป และเมื่อสายตามองไปยังด้านหลัง ก็พบกับใบหน้าหนึ่ง!
ใบหน้าที่เกือบแนบชิดกับตัวเธอ เป็นใบหน้าที่ไหม้เกรียม อ้าปากกว้างและเบิกตาโต
“ฮ้า—!”
ถึงแม้จะเคยเจอผีมาก่อน ต้วนถิงก็ยังอดร้องออกมาด้วยความตกใจแล้วถอยหลัง ผีที่มีร่างเหมือนถ่านไหม้กางแขนออกพร้อมท่าทางเหมือนกำลังจะพุ่งเข้าใส่ในวินาทีถัดไป
มือที่สั่นเล็กน้อยของต้วนถิงรีบหยิบยันต์ออกมา โดยไม่สนใจคู่ที่กำลังสู้กันอยู่ด้านหลัง
การเผชิญหน้ากินเวลาราวสองนาที ผีถ่านนั้นยังคงนิ่งเฉย ต้วนถิงหายใจถี่ด้วยความกังวล กลิ่นเหมือนเนื้อไหม้คละคลุ้งจนเธอรู้สึกคลื่นไส้
ในขณะนั้นเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของผีสาวผมยาวดังขึ้นด้านหลัง ต้วนถิงอยากหันกลับไปมอง ตาของเธอเหลือบไปทางนั้นก่อนจะเห็นเงาดำที่ปลายสายตาพุ่งเข้าใส่
เมื่อหันกลับมาผีถ่านก็พุ่งเข้ามาจริงๆ!
“กรี๊ดดดด!” แม้จะทำภารกิจมาหลายครั้ง ต้วนถิงก็ยังอดกรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัวไม่ได้
แต่ยันต์ในมือก็ยังคงทำให้เธอมีความกล้าพอ ยื่นยันต์ไปแปะที่ผีถ่านในทันที ทำให้มันเหมือนถูกแรงกระแทกใหญ่ กระเด็นหายไปอย่างรวดเร็ว
ยันต์ใช้ได้ผล ทำให้เธอรอดมาได้ แต่ตอนนี้อุปกรณ์ป้องกันของเธอแทบไม่เหลือแล้ว
ขณะเดียวกัน เฟิงอี้เฉินไม่สนใจว่าต้วนถิงด้านหลังจะเป็นอย่างไร เมื่อเขาดันดาบไม้พีชไปข้างหน้า แสงสีทองจากดาบก็ส่องสว่างยิ่งขึ้น
ผีสาวผมยาวรีบยื่นมือมาจับดาบไม้พีชไว้ไม่ให้โดนตัวมัน มืออีกข้างตบลงบนไหล่ของเฟิงอี้เฉิน
แต่เฟิงอี้เฉินตอบโต้รวดเร็ว เขามีช่องเก็บของพกพา จึงหยิบยันต์ออกมาในทันทีแล้วแปะลงบนมือของผีสาว
ยันต์แปะลงบนมือของผีสาว สัญลักษณ์สีแดงบนกระดาษสีเหลืองเคลื่อนไหวแล้วลุกไหม้ทันที ทำให้ผีสาวบาดเจ็บ
“อ๊ากกก—”
แต่ผีสาวผมยาวยังไม่ยอมแพ้ เฟิงอี้เฉินใช้ยันต์ที่มีแต้มคะแนนเพียงสองคะแนนซึ่งเป็นยันต์ที่ถูกที่สุด ทำให้มันไม่ได้ผลในการขับไล่ผี โชคร้ายที่พลังของผีสาวยังเพิ่มขึ้นจากการฆ่าคนสองคนก่อนหน้านี้
ผีสาวดูเหมือนจะโกรธจัด กระดูกนิ้วมือของมันดังกรอบแกรบ ดวงตาจ้องมองเฟิงอี้เฉินจากผมที่ตกลงมาปิดหน้า
อุณหภูมิรอบๆ ลดลงอย่างรวดเร็วตามอารมณ์โกรธของผีสาว ต้วนถิงที่เพิ่งจัดการกับผีถ่านได้กอดอกตัวเองแน่น
ลมหายใจของเธอกลายเป็นไอขาว และผนังตู้โดยสารก็เริ่มปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง
เฟิงอี้เฉินจับดาบไม้พีชแน่น ยกดาบขึ้นฟันไป
..........