ตอนที่แล้วบทที่ 53 รถไฟฟ้าใต้ดินสายสี่ ขบวนสุดท้าย ตอนที่ 10
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 55 รถไฟฟ้าใต้ดินสายสี่ ขบวนสุดท้าย ตอนที่ 12 

บทที่ 54 รถไฟฟ้าใต้ดินสายสี่ ขบวนสุดท้าย ตอนที่ 11


บทที่ 54 รถไฟฟ้าใต้ดินสายสี่ ขบวนสุดท้าย ตอนที่ 11

ใกล้ถึงเวลาที่รถไฟเที่ยวสุดท้ายจะมาถึง ต้วนถิงและชิวฮุ่ยเดินลงบันไดมาพร้อมกัน แต่ชิวฮุ่ยก็หยุดกลางทาง

“เรารอให้เห็นรถไฟก่อนแล้วค่อยลงไปเถอะ”

“ก็ดีเหมือนกัน” ต้วนถิงอดชื่นชมในความรอบคอบของคนใหม่ไม่ได้ ความระมัดระวังถึงขนาดที่จะไม่ยอมเสี่ยงแม้แต่น้อย

ทั้งสองยืนกลางบันได ก้มมองลงไปด้านล่าง สถานีรถไฟฟ้าแห่งนี้ต่างจากในโลกจริง ก่อนหน้านี้ที่เคยเจอ ต้องผ่านด่านตรวจความปลอดภัยแล้วเดินไปอีกระยะถึงจะถึงชานชาลา

แต่ที่นี่ เมื่อเข้ามาแล้วสามารถมองเห็นรางรถไฟได้เลย เพียงแค่ลงไปผ่านด่านตรวจอีกนิดเดียวเท่านั้น มีแผงกระจกนิรภัยกั้นตรงบริเวณราง

หลังจากเข้ามาแล้วรู้สึกได้ว่าลมที่พัดอยู่นั้นหยุดไปทันที ด้านล่างยังคงเงียบสงบเหมือนไม่มีอะไรผิดปกติ แต่พวกเธอก็ยังไม่กล้าลงไป

เวลาที่รถไฟจะถึงชานชาลาเหลืออีกไม่ถึงหนึ่งนาที

ไม่นานนัก ทั้งสองก็ได้ยินเสียงเหมือนว่ารถไฟกำลังใกล้เข้ามา

ชิวฮุ่ยยืนตัวตรง คราวนี้เธอรู้สึกอยากจะขึ้นรถไฟให้เร็วที่สุด แต่พอเพิ่งจะก้าวเท้ากลับเหยียบพลาด หัวใจวูบ เธอลื่นกลิ้งตกบันไดไปทันที

“ชิวฮุ่ย!” ต้วนถิงตื่นตกใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน

เพียงแค่กระพริบตา สถานที่ที่เคยสว่างจ้ากลับมืดมิดไปหมด เธอไม่สามารถมองเห็นอะไรได้อีก

ต้วนถิงไม่สามารถจับความเป็นไปของสถานการณ์ได้ ความกลัวต่อความมืดทำให้เธอยังไม่กล้าลงไปต่อในทันที

เธอหันหลังจะถอยกลับ แต่ก็พบกับกำแพงเย็นเยียบ เมื่อลองลูบคลำไปก็พบว่ามันคือกำแพงจริงๆ!

ชิวฮุ่ยที่กลิ้งตกลงไปนั้น ร่างกายกระแทกพื้นหลายครั้งจนเจ็บไปทั้งตัว หนำซ้ำหัวของเธอยังปูดขึ้นมาด้วย เธอกุมหัวด้วยความเจ็บปวดจนไม่อาจลุกขึ้นได้

รอบตัวมีแต่ความมืด เธอคิดว่าอาจจะชนเข้าไปยังเส้นประสาทที่ทำให้มองไม่เห็นชั่วคราว

“พี่ถิง ฉันมองไม่เห็นเลย”

เสียงตอบรับมีเพียงเสียงหายใจแรงๆ ของต้วนถิงจากที่ไกลออกไป ชิวฮุ่ยตะโกนเรียกซ้ำอีกครั้ง “พี่ถิง พี่อยู่ไหน?”

ต้วนถิงพยายามสำรวจสถานการณ์รอบตัวและยอมรับว่าตอนนี้ไม่สามารถออกไปได้แล้ว “เสี่ยวฮุ่ย ที่เธอพูดไว้ถูกแล้ว สถานีนี้มีปัญหาจริง ตอนนี้เราโดนขังไว้แล้ว”

ได้ยินดังนั้น ชิวฮุ่ยก็พยายามจะลุกขึ้น ความคิดที่ต้องอยู่คนเดียวทำให้เธอหวาดกลัว พื้นตรงนั้นเย็นยะเยือกและหยาบกระด้าง

เดี๋ยวนะ… พื้นหยาบ?

ชิวฮุ่ยยันตัวขึ้นจากพื้น แต่ที่รองรับกลับไม่ใช่พื้นกระเบื้องเรียบลื่น เหมือนจะเป็นพื้นซีเมนต์หยาบๆ เสียมากกว่า

เธอรีบลุกขึ้นโดยไม่สนใจความเจ็บ แต่ทันทีที่ยืนขึ้นก็ล้มลงอีกครั้ง

เสียงครางด้วยความเจ็บปวดของชิวฮุ่ยทำให้ต้วนถิงที่ได้ยินรีบตะโกน “เสี่ยวฮุ่ย?”

ชิวฮุ่ยรู้สึกหายใจติดขัด “พี่ถิง…เมื่อกี้ฉันเหมือนถูกอะไรบางอย่างทำให้สะดุดล้ม”

เธอไม่กล้าขยับอีกต่อไป ความรู้สึกนั้นเหมือนกับมีมือของใครบางคนดึงเธอล้มลง

ต้วนถิงรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อเปิดไฟฉาย “รออยู่ที่นั่นนะ ฉันกำลังลงไป”

ชิวฮุ่ยรู้สึกขอบคุณเสิ่นชงหรานที่แนะนำให้เธอมาพร้อมกับต้วนถิง เพราะไม่อย่างนั้นเธอคงไม่รอดแน่

แต่ยังไม่ทันจะยินดีได้นานนัก เธอกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามีมือหนึ่งคว้าข้อเท้าขวาของเธอไว้

“หือ—หือ—” ชิวฮุ่ยหายใจหอบ “พี่ถิง ช่วย…”

คำว่า “ฉัน” ยังไม่ทันหลุดจากปาก เธอก็ถูกมือคู่นั้นดึงไปข้างหลัง

“กรี๊ด!”กรี๊ด!

พี่ถิงช่วยด้วย!”

ต้วนถิงเปิดไฟฉายส่องตามเสียงร้องขอความช่วยเหลือของชิวฮุ่ยทันที จนเห็นว่าชิวฮุ่ยถูกพลังบางอย่างดึงถอยไป

ที่นี่มีแค่พวกเธอสองคน ถ้าชิวฮุ่ยตาย เธอคงต้องเผชิญกับผีคนเดียวอย่างหวาดกลัว

ต้วนถิงรีบคว้าเอายันต์มาถือไว้ในมือก่อนจะรีบก้าวลงบันไดเพื่อไล่ตามไป เพียงแค่ไม่กี่ก้าวก็สะดุดล้มลง แต่พอดีกับที่เธออยู่ใกล้ชิวฮุ่ยพอจะจับมือของอีกฝ่ายได้ทัน

โทรศัพท์หลุดมือกระเด็นไป แต่ไฟฉายยังส่องขึ้นไปด้านบน ต้วนถิงรวบรวมสติรีบลุกขึ้นครึ่งตัวแล้วยึดมือของชิวฮุ่ยไว้แน่น

ชิวฮุ่ยเองก็ยึดมือของต้วนถิงไว้แน่นเช่นกัน ใช้แรงทั้งหมดที่มี

แม้ไฟฉายจากโทรศัพท์จะช่วยส่องสว่างได้บ้าง แต่ก็ไม่สามารถมองเห็นได้ว่าผีแบบไหนที่กำลังจับข้อเท้าของชิวฮุ่ยอยู่

ไม่กี่วินาทีต่อมา ต้วนถิงเริ่มรู้สึกว่าร่างกายไม่อาจต้านทานแรงนั้นได้ และเธอกำลังจะถูกดึงไปด้วย

“อ๊า—” “อ๊า—”

แขนเรียวบางของต้วนถิงที่ดูบอบบาง กลับระเบิดพลังที่ไม่คาดคิดออกมา ทำให้ตัวเองไม่ถูกดึงลงไป

มือของชิวฮุ่ยเจ็บปวดมาก แต่เธอก็ยังยึดมือของต้วนถิงไว้แน่นโดยไม่ปล่อย

ต้วนถิงไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงยึดมั่นได้ขนาดนี้ ในช่วงเวลาเพียงสองถึงสามวินาที สมองของเธอกลับคิดเรื่องราวมากมาย ความดีและความชั่วในใจชวนให้สับสน

"ปล่อยเถอะ ปล่อยแล้วใช้ยันต์คุ้มกันก็ยังพอเอาตัวรอดได้อยู่"

"ไม่ได้! ฉันจับมือเธอไว้แล้ว ปล่อยไปก็เท่ากับส่งเด็กคนนี้ไปตาย"

สุดท้ายเสียงตะโกนที่ทรงพลังหลุดออกจากปาก “ชิวฮุ่ย”

“ปล่อยฉันไปซะ!”

เสียงตะโกนนั้นเกือบสะเทือนไปถึงเพดาน ดูเหมือนว่าจะมีบางสิ่งตอบรับคำขอของเธอ แสงสว่างจ้าปรากฏขึ้นเบื้องหน้า

เป็นแสงไฟหน้าของรถไฟเที่ยวสุดท้ายที่คุ้นเคย

รอบๆ กลับสู่สภาพเดิมที่เป็นสถานีรถไฟ ชิวฮุ่ยรู้สึกได้ว่ามือที่จับข้อเท้าของเธอหายไป

แรงดึงหายไปกะทันหัน ต้วนถิงเสียหลักล้มลงทันที พลังที่ใช้เต็มที่เมื่อครู่ทำให้หมดแรง มือทั้งสองสั่นเทิ้ม ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เพราะแรงที่ใช้ไปเกินขีดจำกัดจนเส้นเอ็นเหมือนจะบาดเจ็บ

ชิวฮุ่ยไม่สนใจสิ่งใด เธอรีบพยุงต้วนถิงขึ้น “พี่ถิง รีบขึ้นรถไฟกันเถอะ”

ร่างของต้วนถิงอ่อนแรงจนต้องให้ชิวฮุ่ยลากขึ้นไป เมื่อประตูรถไฟเปิดออก ทั้งสองสาวเดินเข้าไปในรถไฟ

นั่งอยู่บนที่นั่งที่คุ้นเคย ต้วนถิงปล่อยความคิดไปไกล ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ผ่านไปครู่หนึ่งเธอจึงเอ่ยขึ้น “ดีนะที่เธอรอบคอบ ไม่งั้นถ้าเราลงมาก่อนหน้านี้สิบนาที มีหวังคงได้ตายกันทั้งคู่”

ชิวฮุ่ยนั่งข้างๆ ก้มหน้า พอได้ยินแบบนั้นเธอก็สะอื้นไหล่สั่น น้ำตาหยดใหญ่ร่วงลงมา

ความกลัว ความประทับใจ และความหวาดกลัวต่อสิ่งที่ยังไม่เกิดในวันพรุ่งนี้ท่วมท้นในใจ

สุดท้ายเธอก็เอ่ยขึ้นว่า “ขอบคุณค่ะพี่ถิง ขอบคุณที่ไม่ปล่อยมือฉัน”

พูดจบก็กอดแขนต้วนถิงร้องไห้โฮ น้ำตาน้ำมูกเลอะเสื้อของอีกฝ่ายไปหมด แต่นาทีนี้เธอไม่สนอะไรทั้งนั้น

ถึงสถานีถัดมา สวี่หัวที่มีสีหน้าซีดเผือดขึ้นมาบนรถ

เขาโชคดีเหลือเชื่อ พอมีธุระกะทันหันทำให้มาถึงสถานีรถไฟได้ทันในนาทีสุดท้าย แต่ก็ยังเจอผีร้าย

เขาต้องใช้ยันต์คุ้มกันไปหนึ่งแผ่นถึงจะรอดมาได้ ตอนนี้ทั้งสามคนนั่งอยู่ในสภาพไร้อารมณ์ ปล่อยความคิดลอยไป

เสิ่นชงหรานกับเฟิงอี้เฉินไม่ได้เจออะไรที่สถานี พอขึ้นรถมาเห็นท่าทีไร้ชีวิตชีวาของทั้งสามก็พอจะเดาได้ว่าอาจเจอเรื่องเหมือนกับหลิวเปิ่น

เพียงแต่ต่างกันตรงที่หลิวเปิ่นตาย แต่พวกเขารอดมาได้

เสิ่นชงหรานนั่งลงตรงข้ามต้วนถิงและชิวฮุ่ย “เจอพวกนั้นมาใช่ไหม?”

ชิวฮุ่ยพยักหน้าอย่างเหม่อลอย แล้วค่อยๆ เรียกสติกลับมา เมื่อเห็นว่าเป็นใครนั่งอยู่ตรงหน้าเธอก็พูดขึ้น “ขอบคุณที่เตือนเมื่อคืน ถ้าฉันรอรถคนเดียวล่ะก็ มีหวังคงจบลงเหมือนพี่หลิว”

เสิ่นชงหรานได้ยินดังนั้นก็รู้ทันทีว่ามีเรื่องที่เขตชานชาลา “ดูเหมือนเขตรอรถจะมีอันตรายจริงๆ”

มือของต้วนถิงเจ็บน้อยลง แต่ยังคงสั่นเบาๆ อยู่

ชิวฮุ่ยเห็นสภาพของต้วนถิงก็รวบรวมความกล้าเอ่ยกับเสิ่นชงหราน “คุณเสิ่นคะ พรุ่งนี้เราขอรอรถพร้อมคุณได้ไหม พวกเรา...พวกเรา…”

..........

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด