ตอนที่แล้วบทที่ 319 จริงๆ แล้วจะล้างมลทินให้ข้าหรือ?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 321 คำขอร้องของเหล่าเทพี

บทที่ 320 มนุษย์สร้างเทพีแห่งรัตติกาลทั้งสาม


[แปลโดยฝีมือ...ยักษาแปร...มาติดตามได้ที่แฟนเพจหรือเพื่อติดตามเอาข่าวสารได้นะ\]

[Thai-novelจะทำการลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ เป็นจำนวน 5 ตอน แต่เรื่องราคาแพงกว่าที่อื่นนิดหน่อย]

[หลังแปลจบ คิดว่าจะมีการเกลาคำเบื้องต้น แก้คำผิด ปรับสำนวนให้สละสลวย เทียบคำต่อคำ ขอบคุณที่ให้การสนับสนุนกันเสมอมานะครับ]

บทที่ 320 มนุษย์สร้างเทพีแห่งรัตติกาลทั้งสาม

เอสโซรีลถึงกับตาค้าง ดวงตากลมโตทั้งหมดยืนขึ้นแข็ง ลูกตาสั่นระริก

"โอ้พระเจ้า! นี่ท่านทำได้ยังไงกันวะเนี่ย? !"

ดูสิ นี่คือฝีมือของเย่เหริน

ทำเอาเอสโซเรียลผู้สูงส่งถึงกับหลุดสำเนียงบ้านนอกออกมา

ตลอดชีวิตอันยาวนาน ในฐานะเทพผู้สูงส่ง เอสโซรีลรักษาภาพลักษณ์มาโดยตลอด

เทพอย่างเขาไม่ควรพูดคำหยาบ ...เว้นแต่จะอดใจไม่ไหวจริงๆ  !

เย่เหรินยักไหล่ "มันยากตรงไหน?"

เอสโซเรีลพูดไม่ออก อยากพูดก็พูดไม่ได้ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เอ่ยปากชม "สุดยอด"

ต้องรู้ว่าในความคิดของเขา สิ่งมีชีวิตที่ถูกมลทินกลืนกินไปแล้วแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะกลับคืนสู่สภาพเดิม

เปรียบเหมือนกระดาษขาวที่ถูกย้อมด้วยหมึก จะลบหมึกออกให้หมดสิ้น ยากเย็นแสนเข็ญ

ด้วยเหตุนี้เขาจึงยอมแพ้รื่องนครแห่งรัตติกาลและดินแดนต้นกำเนิดอื่นๆ  ไปโดยสิ้นเชิง

ทว่าเย่เหรินกลับทำในสิ่งที่เขาไม่กล้าแม้แต่จะคิด ...

ไม่ใช่แค่ล้างมลทิน แต่ยังทำให้พวกเขากลับคืนสู่สภาพเดิมได้อีก!

แม้แต่เทพก็ไม่อาจทำได้!

เย่เหรินเบะปาก "รู้ว่าใจร้อน แต่อย่าเพิ่งรีบ นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้น"

เอสโซรีล "?"

เริ่มต้น?

เดี๋ยวก่อน เจ้าอย่าบอกนะว่า ...

เย่เหรินสะบัดดาบโลหิตสูญญากาศ แสงสีแดงเลือดพุ่งออกมาในพริบตา!

"วู้ม——!"

หมอกสีเลือดแผ่ไปทั่ว ถนนหนทางที่เคยบิดเบี้ยวจากมลทินก็ค่อยๆ  กลับมาเรียบเนียน

ราวกับเวลาหมุนย้อนกลับ ทุกสิ่งกำลังคืนสู่สภาพเดิม!

สิ่งที่น่าตกตะลึงที่สุดคือการเปลี่ยนแปลงของสิ่งมีชีวิตในห้วงลึก ...

ร่างกายที่บิดเบี้ยวของพวกมันเริ่มเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงภายใต้การชำระล้างของหมอกสีเลือด

แขนขาและอวัยวะที่ผิดรูปร่างหายไปในพริบตา

แขนที่เคยฟาดฟาดเหมือนหนวดปลาหมึกกลับคืนสู่รูปลักษณ์เดิม

ใบหน้าที่น่าเกลียดน่ากลัวก็ค่อยๆ  อ่อนโยนลง ฟันแหลมคมหดหายไป

ในที่สุด เมื่อหมอกสีเลือดจางหายไป สิ่งมีชีวิตในห้วงลึกก็กลับคืนสู่ร่างมนุษย์อย่างสมบูรณ์

ชาวนครแห่งรัตติกาล ทุกคนกลับมาเป็นเหมือนเดิม!

"แม่เจ้า ..."

เอสโซรีลพูดไม่ออก

เขายืนนิ่งอยู่ตรงนั้น สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

ท่ามกลางยามราตรี เมืองทั้งเมืองกลับตกอยู่ในความเงียบสงัดอย่างน่าประหลาด

ผู้คนมากมายในเมืองต่างมองไปรอบๆ  อย่างเหม่อลอย ดวงตาเต็มไปด้วยความสับสนและไร้จุดหมาย

การปรากฏตัวของเย่เหริน ได้ดึงพวกเขาออกจากห้วงลึกแห่งมลทิน ทำให้พวกเขากลับคืนสู่สภาพเดิม

ทว่าการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ ทำให้พวกเขารู้สึกไม่ทันตั้งตัว

แต่ไม่ว่าอย่างไร อารยธรรมขั้นสูงก็ยังคงเป็นอารยธรรมขั้นสูงอยู่วันยังค่ำ

ไม่นานนัก จากฝูงชนที่เงียบงัน ก็มีบุคคลพิเศษผู้หนึ่งเดินออกมา

บุคคลผู้นี้มีรูปร่างสูงใหญ่ ศีรษะล้านเกลี้ยงเกลา ดวงตาสี่คู่เปล่งประกายแห่งปัญญา

เขาคือผู้ปกครองสูงสุดแห่งอารยธรรมยามราตรี นักปราชญ์แห่งรัตติกาล อับราฮัม!

อับราฮัมกวาดสายตามองไปรอบๆ  มองดูผู้คนในเมืองที่ยังคงสับสน ดวงตาเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและความจนใจ

เขารู้ดีว่า ผู้คนเหล่านี้ต้องการเวลาเพื่อปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน

จากนั้น อับราฮัมก็รีบตรงไปยังเย่เหริน ก่อนจะโค้งคำนับอย่างนอบน้อม แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเคารพและซาบซึ้งใจ

"ท่านผู้ทรงเกียรติ ข้าขอเป็นตัวแทนแห่งอารยธรรมยามราตรี ขอบพระคุณท่านจากใจจริง!"

อับราฮัมแสดงท่าทีที่อ่อนน้อมถ่อมตน

เพราะแม้เขาจะไม่รู้จักเย่เหริน แต่เขารู้จักเอสโซรีล!

และท่าทีระมัดระวังของเอโซรีลเมื่ออยู่ต่อหน้าเย่เหริน ทำให้อับราฮัมตระหนักได้อย่างเฉียบแหลมว่าควรปฏิบัติต่อเย่เหรินเช่นไร

เย่เหรินยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ

"ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย"

สำหรับเขา นี่เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยจริงๆ  เป้าหมายที่แท้จริงคือการลบล้างมลทินในเขตต้นกำเนิด

แต่อับราฮัมกลับไม่ได้คิดเช่นนั้น!

เขามองดูท่าทางที่สงบนิ่งของเย่เหริน ยิ่งรู้สึกเคารพยำเกรง

ผู้ยิ่งใหญ่ก็คือผู้ยิ่งใหญ่จริงๆ  !

ท่าทาง สายตา และน้ำเสียงที่เปี่ยมด้วยอำนาจเช่นนี้ เขาคงไม่มีวันเลียนแบบได้

จากนั้น อับราฮัมก็มองไปยังเย่เหริน ดวงตาเต็มไปด้วยความหวังและความคาดหวัง

"ท่านผู้ทรงเกียรติ..." อับราฮัมเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงใจ "ท่านพอจะช่วยพวกเราได้หรือไม่?"

เย่เหรินเลิกคิ้วเล็กน้อย

"ยังมีอะไรที่ฉันต้องช่วยอีกเหรอ?"

เขาลบล้างมลทินของเมืองทั้งเมืองไปแล้วไม่ใช่เหรอ?

ยังมีอะไรที่ต้องช่วยอีก?

แต่ความจริงพิสูจน์แล้วว่าเย่เหรินคิดง่ายเกินไป

พลังมลทินแห่งความกลัวของเขามีคุณสมบัติในการลบล้างมลทินก็จริง แต่ในทางทฤษฎี คุณสมบัตินี้ใช้ได้ผลกับสิ่งมีชีวิตในห้วงลึกที่ยังไม่ได้รับการเปลี่ยนแปลงอย่างสมบูรณ์เท่านั้น

หากสิ่งมีชีวิตถูกเปลี่ยนเป็นสิ่งมีชีวิตในห้วงลึกอย่างสมบูรณ์แล้ว พลังมลทินแห่งความกลัวก็ไม่อาจทำให้มันกลับคืนสู่สภาพเดิมได้

ส่วนที่ชาวเมืองสามารถกลับคืนสู่สภาพเดิมได้ด้วยพลังมลทินแห่งความกลัว

เป็นเพราะพวกเขายังไม่ถูกเปลี่ยนเป็นสิ่งมีชีวิตในห้วงลึกอย่างสมบูรณ์

แน่นอนว่ายังมีเหตุผลอื่นๆ  อีก

"ท่านผู้ทรงเกียรติ ท่านทราบหรือไม่ว่า พวกเราได้สร้างเทพีขึ้นมาสามองค์"

น้ำเสียงของอับราฮัมเต็มไปด้วยความเคารพ "ด้วยการมีอยู่ของพวกนาง ชาวเมืองจึงไม่ถูกเปลี่ยนเป็นสิ่งมีชีวิตในห้วงลึกอย่างสมบูรณ์"

เย่เหรินรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที

เอสโซรีลเพิ่งกล่าวถึงผลงานชิ้นเอกของอารยธรรมแห่งรัตติกาล นั่นคือเหล่าเทพีที่ถูกสร้างขึ้น

ว่ากันว่าเทพีทั้งสามองค์นี้มีพลังอันแข็งแกร่งเทียบเคียงได้กับชิ้นส่วนเทพเจ้า

เทพีทั้งสามมีนามว่า...

เทพีแห่งรัตติกาลนิรันดร์ ซอมนุส

เทพีแห่งดวงดาว แอสตร้า

เทพีแห่งความฝัน นอสทัส

"แต่..." น้ำเสียงของอับราฮัมแฝงไปด้วยความโศกเศร้าและสิ้นหวัง "เทพีทั้งสามของพวกเราต่างก็ถูกมลทินกัดกิน บัดนี้คงเหลือพลังเพียงน้อยนิด"

ก่อนเย่เหรินจะปรากฏตัว อับราฮัมแทบจะสิ้นหวัง

หรืออาจกล่าวได้ว่า...

ชาวนครแห่งรัตติกาลทุกคนต่างก็สิ้นหวัง

เพราะทุกคนต่างเห็นเทพีถูกมลทินครอบงำทีละองค์ ก่อนจะลุกลามมาถึงตนเอง

ทุกคนต่างเห็นญาติมิตรและผู้คนรอบข้างกลายเป็นสิ่งมีชีวิตในห้วงลึกทีละคนๆ  ต่อหน้าต่อตา

ลองคิดดูสิว่ามันเจ็บปวดทรมานเพียงใด?

แต่บัดนี้อับราฮัมมองเห็นความหวังที่จะทำให้เทพีกลับคืนสู่สภาพเดิม!

"ท่านสามารถช่วยพวกเราได้ บางทีท่านอาจจะช่วยเทพี..."

เมื่อคิดถึงตรงนี้อับราฮัมก็รู้สึกหัวใจเต้นรัว

เย่เหรินยักไหล่ "ตราบใดที่พวกเธอยังไม่ถูกกลืนกินโดยสมบูรณ์ ฉันก็สามารถดึงพวกเธอกลับมาได้"

นี่คือความมั่นใจของผู้ผิดปกติระดับจินตภาพ!

อับราฮัมนำเย่เหริน เอสโซรีล และผู้กลืนกินลงสู่เบื้องลึกใต้ดินของเมืองแห่งรัตติกาล

ที่แห่งนี้คือสถานที่สำคัญที่สุดของอารยธรรมแห่งรัตติกาล และเป็นที่สถิตของเทพีทั้งสามแห่งรัตติกาล

"ที่นี่ล่ะ" อับราฮัมชี้นิ้วไปข้างหน้า

เบื้องหน้าปรากฏรังไหมขนาดมหึมาตั้งตระหง่านอยู่

มันดูราวกับภูเขาที่ผุดขึ้นมาจากใต้พิภพ หรือร่องรอยสุดท้ายที่เทพเจ้าโบราณทิ้งไว้ในโลกนี้

เย่เหรินและพรรคพวกยืนอยู่เบื้องหน้ารังไหมขนาดยักษ์ ราวกับมดปลวกตัวเล็กๆ  ที่ไม่อาจเทียบเคียง

ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:ยักษาแปร ผู้แปลลงแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับผม หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิกกระซิก ;-;_

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด