ตอนที่แล้วบทที่ 24 ใครบอกว่าเย่เหรินยังอยู่แค่ระดับเงินกัน?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 26 ลูกศิษย์ของฉันน่ะ พวกเขาสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้

บทที่ 25 ความรักของหญิงสาวไม่มีวันจางหาย


บทที่ 25 ความรักของหญิงสาวไม่มีวันจางหาย

ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ความหวังในการเลื่อนขั้นสู่ระดับทองของเย่เหรินนั้นริบหรี่ มันชัดเจนสำหรับทุกคน

ถึงแม้ว่าตระกูลเย่จะพยายามช่วยเย่เหรินให้ก้าวข้ามขีดจำกัด

แต่ตอนนี้ท่านอาของเธอกลับบอกว่า เย่เหรินไม่ได้เป็นผู้มีพลังระดับเงินอีกต่อไปแล้ว

เลอวั่นอี้ไม่อยากจะเชื่อ

เลอเอินจิงเห็นหลานสาวตกตะลึง เธอก็พูดต่อว่า

“จริงสิ ตอนนั้นแม้แต่ฉันก็ยังไม่คิดเลย ว่าเย่เหรินจะทำได้สำเร็จ แต่เมื่อกี้นี้ เย่เหรินทำลายขีดจำกัดของตัวเองสำเร็จ เขาเลื่อนขั้นเป็นระดับทองไปแล้ว”

เลอเอินจิงนึกถึงสีหน้าสงบนิ่งของเย่เหรินหลังจากที่ก้าวข้ามขีดจำกัดได้สำเร็จ เธอก็พูดต่อ “ไอ้เด็กนั่นไม่เพียงแต่ทำลายขีดจำกัดได้สำเร็จเท่านั้น แต่เพราะว่าเขาอยู่ที่ระดับเงินมาหลายปี ทำให้ทันทีที่เขาก้าวข้ามขีดจำกัด ออร่าของเขาก็แข็งแกร่งเทียบเท่ากับผู้มีพลังระดับทองขั้นปลายไปแล้ว”

เลอวั่นอี้ได้ยินข่าวการก้าวข้ามขีดจำกัดของเย่เหริน เธอรู้สึกมีความสุข ดวงตาของเธอเป็นประกาย

ดูเหมือนว่าตอนที่เธอก้าวข้ามขีดจำกัดได้ เธอยังไม่ได้รู้สึกดีใจถึงขนาดนี้

“แต่ท่านอา ถึงแม้เย่เหรินจะก้าวข้ามระดับทองได้สำเร็จ แต่มันก็ไม่ถึงขั้นที่ท่านอาจะต้องชื่นชมเขามากมายขนาดนั้นหรอกนะคะ” เลอวั่นอี้ถามเลอเอินจิงด้วยความคาดหวัง

ดูเหมือนว่าเธอกำลังอยากจะได้ยินอะไรบางอย่างจากเลอเอินจิง

เลอเอินจิงมองเลอวั่นอี้ เธอเคาะหัวเลอวั่นอี้เบาๆ

“ทำตัวให้มันเรียบร้อยหน่อย พวกเธอยังไม่ได้แต่งงานกันเลย”

เลอวั่นอี้รู้สึกเขินอายเล็กน้อย เธอเอามือแตะหน้าผากของตัวเอง “ท่านอา เล่าให้ฟังหน่อยเถอะค่ะ”

เลอเอินจิงได้ยินคำอ้อนของเลอวั่นอี้ เธอนึกถึงเรื่องราวทั้งหมดที่เย่เหรินทำ

ทำไมเธอถึงได้ให้ความสำคัญกับเย่เหรินมากขนาดนี้?

เพราะเขาฝึกฝนเจียงเสี่ยวหรู จนสามารถสืบทอดมรดกนักเยียวยาแห่งรัตติกาลได้งั้นเหรอ?

หรือเพราะเขาสามารถทำลายขีดจำกัดที่แม้แต่ปรมาจารย์ผู้เลิศล้ำยังคิดว่าเป็นไปไม่ได้?

ทั้งหมดอาจจะเป็นเหตุผล แต่ก็ยังไม่ใช่ทั้งหมด

เหตุผลที่สำคัญที่สุดที่ทำให้เธอเชื่อมั่นว่าเย่เหรินไม่ใช่คนธรรมดาก็คือ บุคลิกของเย่เหริน

ไม่ว่าจะเป็นความรับผิดชอบที่เขามีต่อเจียงเสี่ยวหรู ความสงบนิ่งของเขาหลังจากทำลายขีดจำกัด หรือจะเป็นท่าทางที่ไม่ยอมอ่อนข้อให้กับเธอ

ทุกสิ่งที่เย่เหรินแสดงออกมา ทำให้เลอเอินจิงรู้สึกว่า เขาก็เหมือนกับปรมาจารย์ผู้เลิศล้ำคนหนึ่ง

ในฐานะปรมาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิญญาณ เลอเอินจิงมั่นใจว่า สัญชาตญาณของเธอไม่ผิดพลาด

ดวงตาของเลอเอินจิงเป็นประกาย เธอพูดกับเลอวั่นอี้ว่า “บอกเหตุผลโดยตรงไม่ได้หรอกนะ แต่เชื่อมั่นในสายตาของอาเถอะ ไม่ช้าก็เร็ว เย่เหรินจะเติบโตขึ้น เขาจะแข็งแกร่งเทียบเท่ากับฉัน หรือแม้แต่เหนือกว่าฉันก็อาจจะเป็นไปได้”

เลอวั่นอี้ได้ยินคำยืนยันของเลอเอินจิง หัวใจของเธอก็สั่นไหวเล็กน้อย

เธอไม่คิดเลยว่าท่านอาผู้ซึ่งเป็นถึงปรมาจารย์ผู้เลิศล้ำ จะชื่นชมเย่เหรินมากขนาดนี้

แต่เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ คนที่ท่านอาชื่นชมก็คือเย่เหริน

เลอวั่นอี้ก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้

เลอเอินจิงที่เห็นแบบนั้น เธอก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัว “ยังไม่ได้แต่งงาน ก็หันไปเข้าข้างคนอื่นซะแล้ว”

“ท่านอา! ท่านอาพูดอะไรเนี่ย?!” เลอวั่นอี้อ้อนเลอเอินจิง

เลอเอินจิงดุเลอวั่นอี้ “แล้วนี่เธอไม่กลัวว่าท่านปู่จะไม่ยอมเหรอ?”

เลอวั่นอี้ยิ้มออกมา “ก็มีท่านอาคอยช่วยอยู่แล้วนี่คะ...”

ท่านอาและหลานสาวกำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน แต่เย่เหรินที่อยู่ข้างนอกนั้นแทบจะทนไม่ไหวแล้ว

นับตั้งแต่ที่เย่เหรินบอกจางเจ๋อว่า เจียงเสี่ยวหรูได้สืบทอดมรดกนักเยียวยาแห่งรัตติกาลอย่างสมบูรณ์แบบ

รอยยิ้มบนใบหน้าของจางเจ๋อก็ไม่เคยจางหายไป

เขาดึงเย่เหรินและหวังเสี่ยวหม่านเข้าไปในห้องส่วนตัว พวกเขากำลังดื่มเหล้าราคาแพง

จางเจ๋อบอกว่าเขาอยากจะดื่มกับเย่เหรินให้เมา

แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่า ชายร่างใหญ่หัวล้านอย่างจางเจ๋อ จะดื่มได้แค่แก้วเดียว

ไม่ทันที่จะได้ดื่มแก้วที่สอง เขาก็โผเข้ากอดเย่เหรินพร้อมกับร้องไห้ออกมา

“น้องเย่เหริน ไม่กี่ปีมานี้ฉันลำบากมามาก ราชอาณาจักรมังกรไม่ยอมรับพวกเรา พวกเขายังอยากจะให้พวกเราทำเรื่องสกปรก แถมยังอยากจะลงโทษคนพวกนั้น ฉันอยากจะฆ่ามันให้หมดจริงๆ”

“ราชอาณาจักรมังกรไม่เห็นพวกเราอยู่ในสายตา พวกมันไม่ยอมรับพวกเรา ฉันยอมรับว่ามาตรฐานการรับคนเข้าโรงเตี๊ยมอิสระของพวกเรานั้นต่ำมาก แต่ถึงแบบนั้น พวกเราก็ไม่ได้รับทุกคนเข้ามาหรอกนะ”

“ไม่เพียงแต่ราชอาณาจักรมังกรจะรังแกพวกเรา แม้แต่สำนักงานใหญ่ก็ยังรังแกพวกเรา ทุกวันพวกมันก็คอยแต่จะขอคน ขอคน ขอคน แล้วฉันจะไปหาคนพวกนั้นมาจากไหนกัน? KPI ของแต่ละสาขาก็สูงมาก ถ้าหากทำไม่ได้ พวกมันก็จะยึดตำแหน่งฉันคืน”

“ฉันฝึกฝนอย่างหนักเพื่อที่จะใช้ชีวิตอย่างอิสระ แต่สุดท้ายแล้วฉันก็ต้องมาทำงานหนัก ฉันทนทุกข์ทรมานมาก”

“ถ้าหากปีนี้พี่ไม่ได้มอบของขวัญล้ำค่าให้ฉัน ฉันก็คงจะทำงานนี้ต่อไปไม่ได้”

จางเจ๋อกอดเย่เหรินร้องไห้ เขาดูตื่นเต้นมาก

เย่เหรินถูกร่างกายอันใหญ่โตกอดเอาไว้ เขารู้สึกอึดอัด

เย่เหรินมองหวังเสี่ยวหม่าน เขาส่งสายตาขอความช่วยเหลือ

แต่หวังเสี่ยวหม่านกลับก้มหน้าก้มตากินแตงโม

นี่มันไม่ต่างอะไรกับการมีความสุขบนความทุกข์คนอื่นเลยนะ

เย่เหรินเห็นจางเจ๋อกำลังจะสั่งน้ำมูกใส่แขนเสื้อของเขา เย่เหรินจึงหยิบเอาทิชชู่ส่งให้พร้อมกับปลอบเขาว่า

“ท่านประธานจาง...”

“เรียกฉันว่าพี่จาง!!”

“พี่จาง...ไม่ต้องเครียดไปหรอกครับ ท่านจ้าวแห่งหมอกมัวไม่ใช่เหรอครับที่ดูแลสาขาของราชอาณาจักรมังกร?”

“อย่าพูดถึงพี่สาวเลย มันยิ่งทำให้ฉันโมโห พี่สาวไม่เคยสนใจเรื่องพวกนี้ เธอสนใจแต่เรื่องการฝึกฝน นิสัยเธอก็น่ากลัวมาก พอเธอหงุดหงิดเมื่อไหร่เธอก็จะลงที่ฉันตลอด...”

จางเจ๋อพูดถึงเรื่องของจ้าวแห่งหมอกมัว เลอเอินจิง เขาก็อดไม่ได้ที่จะบ่นออกมา

จางเจ๋อไม่ทันได้สังเกตเห็นว่า ประตูห้องส่วนตัวถูกเปิดออกอย่างเงียบๆ...

เย่เหรินที่เห็นคนคนนั้น เขารีบขัดจังหวะจางเจ๋อ “ท่านจ้าวแห่งหมอกมัวเป็นคนที่ฉลาดและแข็งแกร่ง เธอคงจะอยากจะฝึกฝนพี่จางล่ะมั้ง พี่จางไม่รู้สึกเหรอว่าความอดทนของพี่จางน่ะพัฒนาขึ้นมาก?”

จางเจ๋อไม่รู้เลยว่าเย่เหรินกำลังมองเขาด้วยแววตาแบบไหน เขาพูดต่อ “น้องชาย ฉันพูดจริงๆ เลยนะ พี่สาวของฉันน่ะนิสัยเสียมาก ครั้งหนึ่งเธอเห็นฉันก้าวเท้าซ้ายเข้ามา เธอก็เลยต่อยฉัน ใครมันจะไปทนได้กัน?”

จางเจ๋อยังไม่ทันได้พูดจบ

จิตสังหารที่แผ่ออกมาจากด้านหลังก็ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัว

ขนของจางเจ๋อลุกชัน

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด