บทที่ 21 วิหคฟัก
ในใจของจินเป่าเอ๋ออดรู้สึกแปลกใจไม่ได้ สมบัติล้ำค่าที่คนในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรต่างแย่งชิงกันแทบเป็นแทบตาย กลับปล่อยให้ขึ้นตามมุมเล็กมุมน้อยเหมือนเป็นดอกหญ้าธรรมดา นางหยิบกล่องที่ทำขึ้นเฉพาะออกมาจากมิติและเก็บสมุนไพรที่หายากและมีคุณค่าบางอย่างที่นางจำได้อย่างพิถีพิถัน
หลังจากเก็บเรียบร้อย จินเป่าเอ๋อมองไปยังหลี่ชิงจิ่วที่กำลังเพลิดเพลินจนถอนตัวไม่ขึ้น นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงปลง ๆ
"สมุนไพรเหล่านี้ล้ำค่าอยู่ แต่ว่าหากเก็บมากเกินไป สรรพคุณก็จะเสื่อมถอย เปลืองเปล่าเปล่าๆ ดีกว่าเอาแค่พอใช้เถอะ"
หลี่ชิงจิ่วที่กำลังยิ้มแย้ม เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ก็หน้าสลดทันที มองดอกไม้และสมุนไพรด้วยความอาลัย ก่อนจะพยักหน้าตอบกลับ
“เจ้าพูดถูก ข้าอยากจะเก็บใส่กล่องไว้เยอะๆ แต่ถ้าเก็บมาแล้วใช้ไม่ทันก็จะเสียเปล่า น่าเสียดายจริงๆ รู้งี้ข้าน่าจะเอากล่องเก็บปราณมาด้วย!”
จินเป่าเอ๋อหัวเราะเบาๆ คิดถึงกล่องที่นางเพิ่งหยิบออกมาโดยไม่คิดมาก เห็นทีต้องขอบคุณอาจารย์ที่ใส่กล่องเก็บปราณพวกนี้ไว้ให้ในมิติ
“ต่อไปพวกเราจะไปที่ไหนกันดี ข้าอยากจะรีบออกไปแล้ว ขายได้ก็ต้องรีบขาย!”
หลี่ชิงจิ่วเก็บสมุนไพรอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะดอกมู่หลิงฮวา ดูท่าว่าจะยังรู้สึกค้างคาจากการที่เคยได้มาแค่กลีบเดียวครั้งก่อน
จินเป่าเอ๋อมองไปรอบๆ คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบ
“มิตินี้ยังไม่ปิดง่ายๆ ข้าเห็นว่าที่นี่ปราณเยอะดี พวกเราน่าจะพักฝึกที่นี่สักหน่อย ข้าก็พกเตาหลอมยาอยู่ด้วย สมุนไพรก็มีพร้อม น่าจะหลอมยาได้”
กลี่ชิงจิ่วตาลุกวาวทันที “ข้าว่าแล้วว่าเจ้าเป็นนักหลอมยา! เจ้าทั้งเก่งและยังเรียนรู้เรื่องมากมาย ข้าไม่เคยเจอใครเก่งขนาดนี้!”
พูดจบ เขาก็ชะงัก คิ้วขมวดเล็กน้อยแล้วมองมาที่จินเป่าเอ๋อด้วยความสงสัย “
แต่เจ้ารู้ได้ยังไงว่ามิตินี้จะไม่ปิดเร็วๆ นี้? ข้าจำได้ว่าบางครั้งมิติปิดไวแค่หนึ่งวัน บางครั้งนานสามเดือนหรือครึ่งปี”
จินเป่าเอ๋อนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบออกมาอย่างเรียบเฉย “เดาเอา”
แน่นอนว่าหลี่ชิงจิ่วไม่มีทางรู้ว่าแท้จริงแล้วนางเป็นคนกลับชาติมาเกิด
พอหลี่ชิงจิ่วได้ยินคำตอบ เขาก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ แล้วทำหน้าเลื่อมใสจนแทบจะประกายออกมา จินเป่าเอ๋อเตรียมเตาหลอมยาแล้วเริ่มระลึกถึงขั้นตอนการหลอมยาพร้อมสมุนไพร ขณะเดียวกันก็มีหลี่ชิงจิ่วยืนอยู่ข้างหลัง ทำท่าทางจริงจังตั้งใจเรียนรู้
แต่ไม่นาน…
“บึ้ม!”
เสียงระเบิดดังกึกก้องไปทั่วทุ่งดอกไม้ หลังจากการระเบิดครั้งที่เจ็ดหรือแปด ลี่ชิงจิ่วก็ดูเหมือนจะหมดความอดทน หันมาร้องโวยวาย
“อ๊ากกก! ไม่เรียนแล้ว! หน้าอันหล่อเหลาของข้า!”
เสียงระเบิดเพิ่งสงบลง ก็มีเสียงร้องโหยหวนของหลี่ชิงจิ่วตามมาติดๆ ศีรษะของเขาเป็นทรงฟูคล้ายระเบิด ผิวหน้าดำคล้ำราวก้นหม้อ เสื้อผ้าที่สวมใส่ฉีกขาดกระจัดกระจายจนดูน่าสงสาร เขาร้องคร่ำครวญพร้อมยิ้มแสดงฟันขาวเด่นพลางมองจินเป่าเอ๋ออย่างกล่าวโทษ
จินเป่าเอ๋อยื่นยันต์ทำความสะอาดให้โดยที่ดวงตาแสดงความรู้สึกผิดเบาๆ
เพราะเขาถูกระเบิดจากความล้มเหลวในการทำยาทุกครั้งถึงเจ็ดแปดหน เนื่องจากควบคุมไฟและส่วนผสมไม่ถูกต้อง จนเตาหลอมระเบิดและผลกระทบที่เกิดขึ้นหลี่ยืนอยู่ใกล้ๆ จึงถูกไปเต็มๆ
“แค่กๆ…เอาเป็นว่า…ข้าจะทำเอง เจ้าก็พักไปก่อนเถอะ”
ใครจะคิดว่าจินเป่าเอ๋อ ผู้มีพรสวรรค์ระดับสูงในด้านการฝึกฝน จะไร้ประโยชน์เรื่องการทำยาได้ขนาดนี้!
หลังจากถูกระเบิดทั้งบ่าย หลี่ชิงจิ่วพอได้ยินคำนี้ก็รีบขยับห่างทันที ตั้งท่าป้องกันกลัวว่าจะโดนระเบิดซ้ำ
แต่จินเป่าเอ๋อไม่ท้อถอย หลังจากทบทวนความผิดพลาดและเทียบกับวิธีที่อาจารย์ให้มาพร้อมการเลือกสมุนไพรที่เข้ากัน นางจึงเริ่มทำยาใหม่
ความพยายามไม่ทำให้ใครผิดหวัง สามวันต่อมา จินเป่าเอ๋อก็สำเร็จในการทำยา “เซ่อหวงตัน” ยาสำหรับให้ผู้ใช้ระดับต่ำกว่าขั้นจินตันตอบคำถามตามจริงโดยไม่มีความลับปกปิด
และหลี่ชิงจิ่ว ผู้ที่อยู่ใกล้เพียงคนเดียวก็กลายเป็น “หนูทดลอง” คนแรก
“เจ้าชื่ออะไร!”
“หลี่ชิงจิ่ว!”
“เจ้าปีนี้อายุเท่าไร?”
“ยี่สิบ!”
“เจ้ากลัวอะไรที่สุด?”
“เอ่อ…”
จินเป่าเอ๋อถามเรื่องนี้อย่างไม่คาดคิด ทำให้หลี่ชิงจิ่วรีบเอามือปิดปากแน่น กลัวจะเผลอพูดความลับออกมา ดวงตาเบิกกว้างด้วยความต่อต้าน
“เอาล่ะๆ หากเจ้าไม่อยากตอบ ข้าจะไม่บังคับเจ้าก็ได้”
เมื่อได้ยินดังนั้น หลี่ชิงจิ่วถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ทันทีที่เอามือลง…
“เจ้ากลัวอะไรมากที่สุด?”
คำถามที่จู่ๆ โพล่งขึ้นมาทำให้เขาตะลึง แต่ปากกลับไวกว่าใจ!
“กลัวหญิงดุดันแบบแม่ข้า!”
เสียงตอบยังไม่ทันหาย หลี่ชิงจิ่วก็ตกใจ รีบถอยหลังไปพร้อมกับหน้าซีดเผือด ไม่อยากเชื่อว่าจินเป่าเอ๋อจะทำเช่นนี้
เมื่อได้คำตอบที่ต้องการ จินเป่าเอ๋อพยักหน้าเบาๆ ยาเซ่อหวงตันระดับหนึ่ง สำเร็จ!
ทันใดนั้น กลับมีบางอย่างในอ้อมกอดของนางที่สั่นไหว จินเป่าเอ๋อสะดุ้งด้วยความตกใจและสะบัดมันทิ้งออกไป แต่เมื่อมองตามก็เห็นเป็นไข่สีเหลืองขนาดเท่าไข่นกกระจอกเทศ ด้วยสัญชาตญาณนางพุ่งตัวไปคว้ามันไว้ทันที
ยังไม่ทันจะถอนหายใจอย่างโล่งอก ก็ได้ยินเสียง “แกร๊ก” ดังเบาๆ จากยอดไข่และเห็นรอยร้าวเกิดขึ้นตามมา…
จินเป่าเอ๋อตกตะลึง นางจำได้ว่าชาติก่อน ไข่ทองคำของจินฟงนี้เพิ่งถูกขโมยไปหลังจากกลับถึงสำนักแล้วโดยซูเซียนจือ และตอนนั้นไข่เพิ่งจะฟักออกมา มีเวลาอีกเกือบเดือนกว่าจะถึงตอนนั้น ทำไมมันถึงฟักออกมาตอนนี้ได้ล่ะ?
หรือเพราะนางเพิ่งเหวี่ยงมันเมื่อครู่ทำให้ไข่แตก? แต่ไข่นี้ไม่ได้กระแทกอะไรเลย!
ด้วยความปรารถนาและความคาดหวัง จินเป่าเอ๋อจ้องมองอย่างใกล้ชิด สิ่งมีชีวิตเล็กๆ ในไข่นั้นน่ารักน่าชัง และเปราะบางอย่างยิ่ง เป็นสิ่งมีชีวิตแรกที่นางได้พบเจอที่เปราะบางเช่นนี้
เวลาผ่านไปนาน แต่ไข่ยังคงมีเพียงรอยร้าวเดียว สิ่งมีชีวิตเล็กๆ ข้างในดูเหมือนจะใช้แรงจนหมดเสียงหายใจอ่อนแรงแผ่วเบาลอยออกมา จินเป่าเอ๋อหยุดหายใจเบาๆ และเพ่งมองผ่านรอยร้าวเข้าไปข้างใน…
ภายในนั้น นางเห็นร่างกายเล็กๆ อ่อนแอและเปลือยเปล่า เป็นสีชมพูระเรื่อ ทั้งร่างกลมป้อมและนัยน์ตาเล็กน้อยที่เปิดออกเพียงเล็กน้อย กำลังพยายามดิ้นรนอย่างหนัก
คล้ายว่าเจ้าตัวน้อยจะรู้ถึงสายตาของจินเป่าเอ๋อ มันค่อยๆ เงยหน้ามองด้วยความลำบาก…
และแล้ว ในช่องแคบของรอยร้าวนั้นก็เกิดเป็นจุดเชื่อมโยงระหว่างคนกับสัตว์ตัวน้อย…
โธ่เอ๋ย น่าเกลียดจริงๆ!
ช่างเป็นมนุษย์ที่งดงามเหลือเกิน!
ในสายตาของจินเป่าเอ๋อที่คาดหวังว่ามันจะงดงาม นุ่มนวลและอ่อนแอ แต่กลับพบว่ามันทั้งน่าเกลียดและน่ารักในคราวเดียวกัน