บทที่ 1 โลกแห่งภูตผีปีศาจ ศิษย์เอกของนักพรตจอมปลอม
บทที่ 1 โลกแห่งภูตผีปีศาจ ศิษย์เอกของนักพรตจอมปลอม
"ศิษย์เอ๋ย... อาจารย์คงอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว มีบางอย่างที่เจ้าควรจะรู้เสียที อาจารย์ไม่ใช่นักพรตตัวจริง อาจารย์ไม่รู้วิชาอาคมอะไรทั้งนั้น ท่าทางเหล่านั้นก็แค่เลห์ลวงในยุทธภพเท่านั้น"
"เจ้าไม่ได้ฟังผิดหรอก อาจารย์เป็นแค่นักต้มตุ๋น"
"ตอนนั้นที่เพิ่งมาถึงเมืองฉิวหลง อาจารย์ตั้งใจจะปลอมตัวเป็นนักพรตไล่ผี หลอกเงินแล้วก็เผ่นหนี ใครจะไปคิดว่าคนในเมืองนี้จะคิดว่าอาจารย์มีวิชาจริง พวกเศรษฐีเจ้าที่ดินทั้งหลาย ต่างก็ทุ่มเงินขอให้อาจารย์อยู่ต่อ"
"มันต้องโทษอาจารย์เองที่โลภมาก เห็นว่าหาเงินได้เยอะ... ก็เลยไม่อยากจากไป อยู่มาจนถึงยี่สิบกว่าปีแล้ว"
"โชคดียิ่งนัก อาจารย์ไม่เคยเจอภูตผีปีศาจตัวจริงเลย"
"ศิษย์เอ๋ย อย่าโทษอาจารย์เลยที่หลอกเจ้ามาตั้งยี่สิบปี อาจารย์กลัวว่าเจ้ายังเด็ก จะพูดจาพลาดท่าออกไป ถ้าเรื่องแบบนี้แพร่งพราย โอกาสทำเงินก็จะหาย แถมเราสองคนอาจจะซวยด้วย!"
"อาจารย์ใกล้จะจากไปแล้ว เงินสี่พันกว่าตำลึงที่เก็บหอมรอมริบ ข้าได้ซ่อนมันไว้ในรูปปั้นเทพเจ้าเจิ้นหวู่ในศาลเจ้าสำนักเต๋า"
"เจ้าเกิดมามีพละกำลังเยอะ รูปร่างก็สูงใหญ่ เงินสี่พันกว่าตำลึงเจ้าแบกไปได้แน่นอน เอาเงินแล้วรีบหนีออกจากเมืองฉิวหลงไปซะ!"
"ถ้าอาจารย์ตายแล้ว คนในเมืองฉิวหลงพบเจอเรื่องแปลกๆ อะไรขึ้นมา ต้องมาหาเจ้าให้ช่วยแก้ปัญหาแน่ๆ ถ้าเป็นเรื่องลวงโลกก็แล้วไป แต่ถ้าเจอของจริงขึ้นมาล่ะ! เดินริมแม่น้ำ ไหนเลยรองเท้าจะไม่เปียก ข้ากลัวเจ้าจะเอาชีวิตไม่รอดน่ะ!"
"จริงสิ อาจารย์ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว นอกจากเจ้าที่เก็บมาเลี้ยงแล้ว อาจารย์ยังมีบุตรสาวอีกคน"
"ว่าตามจริง นางเป็นพี่สาวของเจ้า เจ้าหนุ่ม! อย่าคิดอกุศลเชียวนะ บุตรสาวอาจารย์อายุสี่สิบกว่าแล้ว สามีนางก็เป็นถึงขุนนางใหญ่!"
"ถึงเจ้าจะเป็นแค่ศิษย์ แต่อาจารย์ก็เลี้ยงเจ้าเหมือนบุตรจริงๆ อาจารย์หลอกคนมาทั้งชีวิต แต่คำพูดพวกนี้เป็นเรื่องจริง"
"น่าเสียดายที่อาจารย์กับนางไม่ค่อยถูกกัน ข้าไม่อยากจะไปอาศัยอยู่ในจวนเจ้าเมือง ถ้าเจ้ามีน้ำใจ ก็ช่วยเอาจดหมายฉบับนี้ไปส่งที่จวนเจ้าเมืองหนานจวิ้นแห่งราชวงศ์ต้าโจวของเรา บุตรสาวอาจารย์เป็นฮูหยินของเจ้าเมือง!"
"เงินสี่พันกว่าตำลึงที่อาจารย์เก็บไว้ ก็ถือว่าเป็นค่าเดินทางและค่าตอบแทนของเจ้าแล้วกัน!"
"พอเจ้าไปเจอพี่สาวเจ้า บอกความจริงกับนางไป เผื่อจะมีโอกาสร่ำรวยขึ้นมานะ"
"แค่กๆๆ..."
"..."
ฟ่านหวู่ถือจดหมายอยู่ในมือ นึกถึงคำพูดที่อาจารย์จอมปลอมสารภาพกับเขาก่อนตาย
ใครจะไปคิดว่า นักพรตไล่ผีผู้มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วเมืองฉิวหลง แท้จริงแล้วจะเป็นนักต้มตุ๋น!
ส่วนตัวเองก็เป็นศิษย์ของนักต้มตุ๋นผู้นี้!
ช่างเป็นเรื่องที่น่าขันเสียจริง…
สามปีก่อน ตอนที่ฟ่านหวู่เพิ่งมาถึงโลกใบนี้ใหม่ๆ เขาก็พบว่าตัวเองกลายเป็นศิษย์ศาลเจ้าไปแล้ว
หลังจากรับรู้ความทรงจำของร่างนี้ เขาก็เข้าใจความแปลกประหลาดของโลกใบนี้ได้อย่างรวดเร็ว
นี่คือโลกแห่งภูตผีปีศาจ!
ปีแรกที่ทะลุมิติมา เขายังรู้สึกดีใจ คิดว่าตัวเองโชคดี เพราะศิษย์ศาลเจ้าสามารถเรียนวิชาอาคม! ถ้าเรียนวิชาขับไล่ภูตผีปีศาจได้ ก็จะมีที่ยืนในโลกใบนี้
ปีที่สอง ฟ่านหวู่ก็เริ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่เพราะยังมีความเกรงกลัวต่อโลกและผู้คนที่ไม่คุ้นเคยอยู่บ้าง เขาจึงไม่ได้ถามอะไรออกไป
ปีที่สาม เขาก็อยู่จนอาจารย์ตาย คำพูดก่อนตายของอาจารย์ ทำให้ฟ่านหวู่รู้ว่าลางสังหรณ์ของเขาไม่ผิด
"แต่ท่านบอกช้าไปแล้ว!"
ฟ่านหวู่เก็บจดหมายเข้าที่
ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากโกยเงินหนี
แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขาซวย หรือเพราะอะไรก็ตาม ไม่นานหลังจากอาจารย์จอมปลอมของเขาตาย ก็เกิดเรื่องประหลาดขึ้นในเมืองฉิวหลง
ในฐานะศิษย์เอกของ "นักพรตไล่ผี" ผู้ได้รับ "วิชาขับไล่ภูตผีที่แท้จริง" ฟ่านหวู่...
เขาก็ถูกเจ้าเมืองฉิวหลงเชิญตัวไป
ตอนนั้นเขายังไม่ได้ทันทุบรูปปั้นเทพเจ้าเจิ้นหวู่ เพื่อเอาเงินออกมาด้วยซ้ำ!
ฟ่านหวู่ที่ถูกเชิญตัวไปขับไล่ภูตผี รู้ดีว่าตัวเองไม่สามารถพูดความจริงได้
ถ้าพูดความจริง โทษเบาสุดก็แค่ติดคุก โดนตีตายคาที่ก็ไม่แปลก
เขาทำได้แค่แสร้งทำพิธีกรรมไปงั้นๆ
หลังจากนั้นเรื่องประหลาดก็เหมือนจะเงียบหายไป ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญ หรือแค่ตกใจไปเอง
ฟ่านหวู่สลัดความคิดฟุ้งซ่านออกไป
ค่อยๆ หายใจเข้าลึกๆ
ร่างกายที่กำยำล่ำสันมาตั้งแต่เกิด ได้พับแขนเสื้อขึ้น เผยให้เห็นกล้ามเนื้อแขนที่แข็งแรง ในช่วงสามปีที่ทะลุมิติมา เขาไม่ได้ฝึกวิชาอาคมอะไรเลย แต่กลับฝึกกล้ามเนื้อจนเต็มตัว
มองแวบแรก เขาไม่เหมือนนักพรตเลยสักนิด
ดูเหมือนขุนศึกที่ผ่านสงครามมานานปีมากกว่า
ฟ่านหวู่หยิบค้อนเหล็กขนาดใหญ่ที่เตรียมไว้ขึ้นมา มองไปที่รูปปั้นเทพเจ้าเจิ้นหวู่
ในใจเขายังรู้สึกหวั่นๆ อยู่บ้าง
ทุบรูปปั้นเทพเจ้าในโลกแห่งภูตผีปีศาจแบบนี้ จะไม่เป็นไรจริงๆ ใช่ไหม? แต่ถ้าไม่ทุบ แล้วจะเอาเงินหนีได้ยังไง?
"ตอนนี้ก็เย็นแล้ว ต้องรีบทุบก่อนที่ฟ้าจะมืด พอถึงกลางคืนก็จะได้เอาเงินหนีออกจากเมืองฉิวหลง ร่างกายนี้ก็ถือว่ามีพละกำลังมากอยู่แล้ว แบกเงินพวกนี้วิ่งไปสักหลายสิบลี้... ถึงจะเหนื่อยหน่อย แต่ก็ไม่น่ามีปัญหา!!"
"ถ้าอาจารย์ไม่ได้โกหกข้า งั้นข้าก็เอาจดหมายฉบับนี้ไปที่จวนเจ้าเมืองหนานจวิ้น มอบให้บุตรสาวของท่าน เผื่อจะได้เจอญาติ ไม่ต้องลำบากไปอีกหลายสิบปี"
ฟ่านหวู่เหวี่ยงค้อนขึ้นเตรียมจะทุบลงไป แต่ในจังหวะนั้น เขาก็หยุดชะงัก
เขามองรูปปั้นเทพเจ้าเจิ้นหวู่อย่างงงๆ สายตาจับจ้องไปที่หัวของรูปปั้น
เพราะ...
เขาเห็นตัวหนังสือหนึ่งบรรทัด!
[รูปปั้นเทพเจ้าเจิ้นหวู่ที่มีพลังศรัทธาเล็กน้อย - อายุขัย: ? - พลัง: ? - ทักษะ: ?]
ฟ่านหวู่: "?"
หา?
ตัวหนังสือคล้ายๆ กับค่าสถานะในเกม ปรากฏขึ้นบนหัวโตๆ ของรูปปั้นเทพเจ้าเจินหวู่ ทำให้ฟ่านหวู่ถึงกับงงไปชั่วขณะ
เขาหลับตาลง
แล้วลืมตาขึ้น
ตัวหนังสือเหล่านั้นก็ไม่ได้หายไป ยังคงปรากฏอยู่บนรูปปั้นเทพเจ้าเจินหวู่
จากนั้น...
ข้อมูลบางอย่างก็ปรากฏขึ้นในหัวสมองของฟ่านหวู่โดยไม่ทันตั้งตัว ทำให้เขาที่กำลังถือค้อนเหล็กอยู่ต้องวางแขนลงโดยไม่รู้ตัว หัวค้อนที่เป็นสนิมถูกเขากระแทกลงบนพื้น
ฟ่านหวู่ใช้เวลาสักพักกว่าจะตั้งสติได้
ในที่สุดเขาก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาได้ปลดล็อกนิ้วทองคำ!
ฟ่านหวู่ก้มมองมือของตัวเอง
หน้าต่างสถานะของเขา...
มันปรากฏขึ้น!
[ชื่อ: ฟ่านหวู่]
[อายุขัย: 89+]
[พลัง: 4+]
[ทักษะ: ไม่มี]
[แต้มสถานะอิสระ: 0]
นี่คือนิ้วทองคำที่ฟ่านหวู่เพิ่งปลดล็อกมา ฟังก์ชันของมันเรียบง่ายมาก
นอกจากจะทำให้เขามองเห็น [อายุขัย] และ [พลัง] ของสิ่งลี้ลับได้แล้ว... อีกฟังก์ชันหนึ่งก็คือ เขาสามารถรับแต้มสถานะได้จากการสังหารภูตผีปีศาจ และนำแต้มเหล่านั้นมาเพิ่มค่าสถานะของตัวเองได้
พูดง่ายๆ ก็คือ: ฆ่ามอนสเตอร์ → ได้แต้มสถานะ → เพิ่มค่าสถานะให้เก่งขึ้น!
ค่า [อายุขัย] หมายถึงอายุขัยของฟ่านหวู่ หมายความว่าเมื่ออายุ 89 ปี ฟ่านหวู่ก็จะได้ไปนอนในโลงแล้ว
ดูเหมือนว่าเขาจะอายุยืนพอสมควรสินะ?
ค่า [พลัง] หมายถึงพละกำลัง ความเร็ว ปฏิกิริยาตอบสนอง ฯลฯ โดยรวมแล้วก็คือพลังต่อสู้ของเขานั่นเอง ค่า [พลัง] ของผู้ใหญ่ปกติทั่วไปจะอยู่ที่ 1-2
ฟ่านหวู่คิดว่าตัวเองน่าจะมีพละกำลังมากตั้งแต่เกิด บวกกับที่เคยฝึกวิชาการต่อสู้มาบ้าง ถึงจะเป็นวิชาธรรมดาๆ แต่ก็พอมีฝีมือนิดหน่อย
ดังนั้นค่า [พลัง] ของเขาจึงสูงกว่าคนอื่น
[ทักษะ] หมายถึงทักษะพิเศษที่ฟ่านหวู่มี เช่น วิชาอาคม วิชาควบคุมกระบี่... อะไรพวกนี้ที่ดูลึกลับหน่อย
ตำราที่อาจารย์จอมปลอมให้เขามานั้นล้วนเป็นของปลอม ฟ่านหวู่รู้แค่ทักษะการต่อสู้ทั่วๆ ไปเท่านั้น
ดังนั้น [ทักษะ] จึงเป็น "ไม่มี"
แต่...
ดูเหมือนว่านิ้วทองคำนี้ จะไม่สามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของเขาได้ในทันที ถ้าอยากใช้นิ้วทองคำเพิ่มค่าสถานะให้เก่งขึ้น ก่อนอื่นก็ต้องมีพลังพอที่จะสังหารภูตผีปีศาจได้ก่อน
ไม่ต้องพูดถึงว่าศิษย์เอกของนักพรตจอมปลอมอย่างเขามีพลังพอหรือเปล่า แค่จะหาภูตผีปีศาจเจอก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว
อาจารย์จอมปลอมของเขาอยู่ในเมืองฉิวหลงมานานขนาดนี้ ยังไม่เคยเจอเหตุการณ์ผีหลอกจริงๆ เลยสักครั้ง
หลังจากฟ่านหวู่ตั้งสติได้ เขาลูบด้ามค้อนเหล็ก แล้วถอนหายใจออกมา "ทำไมศาลเจ้าที่พวกคนโง่โดนหลอกมาตั้งยี่สิบกว่าปีสร้างให้นักพรตจอมปลอม ถึงมีรูปปั้นเทพเจ้าจริงๆ อยู่ได้ล่ะ?"
แบบนี้ ต่อให้รู้ว่าเงินสี่พันกว่าตำลึงซ่อนอยู่ในรูปปั้นเทพเจ้าเจิ้นหวู่ เขาก็เอาออกมาไม่ได้อยู่ดี
ใครจะรู้ว่าถ้าเขาทุบลงไป จะโดนอะไรบ้าง?
นี่มันเทพเจ้าเจิ้นหวู่ที่มีค่าสถานะเป็นเครื่องหมายคำถามทั้งนั้นเชียวนะ!
ปังๆๆ!!!
ปังๆๆ!!!
ทันใดนั้น...
ประตูศาลเจ้าที่ปิดสนิทก็ถูกใครบางคนทุบอย่างรุนแรง พร้อมกับเสียงตะโกนด้วยความร้อนใจ "ท่านนักพรตฟ่าน! ท่านนักพรตฟ่าน! เกิดเรื่องใหญ่แล้ว! ไอ้สิ่งสกปรกที่ท่านทำพิธีสะกดไว้เมื่อวันก่อน... มันออกมาอาละวาดอีกแล้ว!!!"
ฟ่านหวู่: "..."
...
…