ตอนที่ 62 ต้องพาเขามาอยู่ในกองทัพหลินเจียงให้ได้
ตอนที่ 62 ต้องพาเขามาอยู่ในกองทัพหลินเจียงให้ได้
“ไม่เป็นไรพี่เซียง ไม่ใช่ความผิดของพี่หรอก ไม่มีใครคิดว่าผู้ฝึกฝนอมตะคนนี้จะเก่งกาจอย่างที่พวกเขาพูดถึงจริงๆ...ก่อนที่ฉันจะมาที่นี่ ฉันยังบอกเฉียวเอ๋อว่าโลกนี้ไม่มีผู้ฝึกฝนอมตะ ถ้ามีจริงๆ พวกเขาคงตายไปนานแล้ว และคงไม่ปล่อยให้ดาวเคราะห์ไห่หลันชิงวินาศมาจนถึงทุกวันนี้กว่าจะมาปรากฏตัว” หลี่เตี่ยมู่เห็นความรู้สึกผิดบนใบหน้าของเซียงซิง จึงพูดปลอบใจเขา
เซียงซิงถอนหายใจออกมาสองสามครั้งและพยักหน้าเล็กน้อย
หลังจากที่ฉู่เสวียนนำวิญญาณของงูเหลือมสองหัวออกไปแล้ว เขาก็เอาร่างของมันไปด้วย โดยที่ไม่สนใจผู้คนที่ดูอยู่รอบๆเลยแม้แต่น้อย หลังจากที่จัดการเรื่องทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้วเขาก็ก้าวขึ้นไปบนดาบบังเหินเทียนกังและหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
ปล่อยให้คนที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังได้แต่มองหน้ากัน
การกระทำของฉู่เสวียนในครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อช่วยชีวิตผู้คน แต่เพื่อฆ่างูเหลือมสองหัวและเอาวิญญาณของมันไปเป็นจิตวิญญาณหลักให้แก่ค่ายกลของเขา
โดยธรรมชาติแล้ว เขาย่อมไม่สนใจความซาบซึ้งใจใดๆของผู้คนอยู่แล้ว
หลี่เตี่ยมู่จึงกระซิบว่า "พี่เซียง แก่นวิญญาณขั้น 3 หายไปแล้ว แบบนี้เราจะกลับไปบอกท่านนายพลว่าอย่างไรดีละ?"
เซียงซิงกล่าวอย่างเคร่งขรึม "มันหายไปก็ยังดีกว่าปล่อยให้แก๊งฉวนปังได้รับมัน "
หลังจากหยุดชั่วครู่ เขาก็พูดว่า "ให้ส่งข่าวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้กลับไปแจ้งให้สำนักงานใหญ่ทราบโดยเร็วที่สุด"
"ได้ครับ" หลี่เตี่ยมู่พยักหน้า
...
โรงแรมห่าวไท่
บนดาดฟ้าของโรงแรม
ในตอนนั้นก็มีลมแรงพัดเข้ามา ไม่นานฉู่เสวียนก็ร่อนลงบนดาดฟ้าอย่างราบรื่น จากนั้นฉู่เสวียนก็ปล่อยเสี่ยวหลง เสี่ยวหู่ และเสี่ยวเป้าออกมาจากหอเลี้ยงศพ และไม่นาน ร่างใหญ่ของงูเหลือมสองหัวก็ถูกโยนออกมาจากถุงเก็บของเช่นกัน
เสี่ยวหลงอยากรู้อยากเห็นเล็กน้อย และเขาก็นั่งลงและดึงร่างของงูเหลือมสองหัวอย่างระมัดระวัง
เสี่ยวหู่ยังคงเหมือนเดิม เขายืนอยู่ข้างๆฉู่เสวียนด้วยความภัคดี
ชั่วพริบตา หางงูก็เข้าไปอยู่ในปากของเสี่ยวเป้า มันยิ้มอย่างมีความสุข
เสี่ยวหู่ที่เหลือบมองและเห็นว่าหางของงูอยู่ในปากของเสี่ยวเป้าเขาก็คำรามออกมา “โฮ่ โฮ่ โฮ!”
ดูเหมือนว่าเขากำลังดุเสี่ยวเป้าที่รบกวนเจ้านายของเขา
เสี่ยวเป้าคร่ำครวญด้วยความหงุดหงิดและทำได้เพียงคายหางงูออกมาเท่านั้น
ฉู่เสวียนรู้สึกขบขันเมื่อเห็นท่าทางเล็กๆ น้อยๆ นี้ของพวกเขา
“คราวนี้พวกเจ้าสองคนทำได้ดีมาก นี้คือรางวัล” ฉู่เสวียนดีดยาไท้ส่วยสีดำสองเม็ดออกมาวางบนมือของเขา
ดวงตาของเสี่ยวหู่และเสี่ยวเป้าเป็นประกาย ทั้งสองรีบมารับยาและยัดเข้าปากของตนเองไปทันที
ทั้งที่พวกเขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ตามสัญชาตญาณแล้ว อะไรที่เรียกว่ารางวัลย่อมเป็นสิ่งที่ดีอย่างแน่นอน
ดังนั้นก็อย่าคิดให้มันยุ่งยาก รีบๆกินเข้าไปซะ!
และตอนนี้เสี่ยวหู่และเสี่ยวเป้าก็ได้เลื่อนขั้นมาเป็นพลทหารศพขั้นที่ 8 แล้ว หากก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง ก็จะสามารถทะลวงไปเป็นนายพลศพได้ ซึ่งการให้ยาไท้ส่วยแก่ทั้งสอง ยังสามารถเร่งกระบวนการนี้ให้เร็วขึ้นไปอีก
ฉู่เสวียนไม่ได้กังวลอะไร เพราะยังมียาไท้ส่วยอยู่ในมือของเขาอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งก็เพียงพอทำให้ศพหยินทั้งสามตัวที่อยู่ภายใต้อำนาจของเขาก้าวเข้าสู่การเป็นนายพลศพได้
ส่วนเสี่ยวหลงที่ได้กลิ่นของยาไท้ส่วย ดวงตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวในทันที
“สำหรับศพของงูเหลือมสองหัวนี้ ข้าจะปล่อยให้เป็นอาหารของพวกเจ้าก็แล้วกัน” พูดจบฉู่เสวียนก็โบกมือออกมา ทันใดนั้นศพหยินมากกว่าหนึ่งโหลก็ถูกปล่อยออกจากหอเลี้ยงศพ
ระดับของศพหยินเหล่านี้ไม่ได้ดีเท่ากับเสี่ยวหลง เสี่ยวหู่ และเสี่ยวเป้า แต่ก็ถือว่าค่อนข้างเป็นที่พอใจสำหรับเขาไม่น้อย
เมื่อเทียบกับซอมบี้ธรรมดาๆของดาวเคราะห์โลกาวินาศแห่งนี้ ศพหยินของเขาสามารถบดขยี้ซอมบี้ระดับสูงลงได้อย่างง่ายดาย แค่อบรมเพียงเล็กน้อย ก็สามารถใช้งานได้แล้ว และอาจจำเป็นจะต้องใช้งานพวกมันในภายหลัง
หลังจากได้รับคำสั่งจากเจ้านาย ศพหยินก็เข้าไปรุมกินร่างของงูเหลืออย่างเอร็ดอร่อย!
“พวกเจ้าช่วยไปจับซอมบี้ที่ทรงพลังมาให้ข้าที” จากนั้นฉู่เสวียนก็สั่งการออกมาต่อ
“โฮ่ โฮ่!” เสี่ยวหลง เสี่ยวหู่ และเสี่ยวเป้ารับคำสั่งและรีบวิ่งออกไปทำผลงานทันที
ไม่นานหลังจากนั้น ซอมบี้ที่แข็งแกร่งจำนวนยี่สิบตัวก็ถูกโยนลงตรงหน้าของฉู่เสวียนรวดเร็วทันใจ
ฉู่เสวียนเหลือบมองและรู้ว่าซอมบี้เหล่านี้ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน อย่างน้อยพวกมันก็เป็นซอมบี้ที่อยู่ในขั้นที่ 1 และยังวิวัฒนาการจนมีแก่นปราณอยู่ในร่างกายของพวกมันด้วย
“เยี่ยม ส่วนนี่คือรางวัลของพวกเจ้า” ฉู่เสวียนโยนยาไท้ส่วยไปทางเสี่ยวหลง
เสี่ยวหลงรีบหยิบมันขึ้นมาและเอาใส่เข้าไปในปากโดยตรง จากนั้นก็วิ่งไปด้านข้างเพื่อทำการดูดซับยาไท้ส่วยนั้นทันที
เสี่ยวเป้าที่รู้สึกอิจฉาก็ได้กลอกตาไปมา จากนั้นมันก็เข้ามาหาซอมบี้เหล่านั้น และใช้กรงเล็บของเขาเจาะเข้าที่ร่างกายของพวกมันทันที
จากนั้นเขาก็นอนลงต่อหน้าฉู่เสวียนเหมือนสุนัขที่ขี้ประจบประแจงเจ้านายราวกับว่าเขามีความสามารถมาก
ฉู่เสวียนมองไปที่ซอมบี้ที่ถูกกรงเล็บของเสี่ยวเป้าด้วยความหัวเสียและอดไม่ได้ที่จะเอามือจับหน้าผากของตัวเอง
หากต้องการใช้ซอมบี้เหล่านี้มาทำเป็นเตาหลอม จะต้องเจาะตรงบริเวณที่มีเลือดมาบรรจบกัน และฝังเมล็ดพืชลงไป จะมาเจาะร่างของซอมบี้สุ่มสี่สุ่มห้าแบบนี้ได้ยังไง?
“ดึงเขาออกไปสั่งสอนให้เข็ดหลาบซะ” ฉู่เสวียนสงบสติอารมณ์ลงและพูดอย่างใจเย็น
“โฮ่ โฮ่!” เสี่ยวหู่พยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า
จากนั้นข้อมือใหญ่คู่หนึ่งก็คว้าขาของเสี่ยวเป้าแล้วโยนเขาลงมาจากดาดฟ้าโรงแรม
เสี่ยวเป้าที่ไม่ทันได้ตั้งตัวก็ตกใจ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวอย่างบอกไม่ถูก
ไม่นานก็มีเสียงกระทบดังมาจากด้านล่าง
“ซอมบี้เหล่านี้คงจะไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป” ฉู่เสวียนตัดสินใจใช้เทคนิคกลั่นโลหิตเพื่อดึงเลือดทั้งหมดออกจากร่างกายของซอมบี้ จากนั้นก็เอามากลั่นเป็นลูกปัดโลหิตเม็ดใหญ่
สำหรับซอมบี้ที่เหลือนั้น เขาก็ได้เจาะหลุมเลือดบนร่างกายของพวกมันทีละหลุมตามตำแหน่งที่ต้องการและฝังเมล็ดพืชต่างๆลงไป
เนื่องจากว่าพืชวิญญาณเหล่านี้จำเป็นจะต้องดูดซับเลือดเนื้อของสิ่งมีชีวิตในการเติบโต ตัวอย่างเช่นต้นไท้ส่วย, ต้นเขี้ยวปีศาจโลหิต ฯลฯ
เมื่อได้ผลผลิตมาแล้ว ก็จะทำให้ศพหยินและแมลงกู่ของเขาได้รับการพัฒนาขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง
ในอนาคต เขาจะต้องหาซอมบี้มาให้ได้มากขึ้นกว่าเดิม เพื่อเอามาเป็นวัสดุปลูกหรือที่เรียกอีกอย่างว่าเตาหลอม
"ข้าจะต้องสร้างฟาร์มซอมบี้และใช้ซอมบี้เป็นวัสดุปลูกเพื่อจะได้ไม่ต้องทำงานหนักในการออกตามหาซอมบี้มาทุกครั้งแบบนี้" ฉู่เสวียนเอามือเท้าคางครุ่นคิด
บนดาวเคราะห์โลกาวินาศแห่งนี้จะมีซอมบี้วางไข่บ้างหรือไม่?
ข้าอยากจะสร้างสนามสำหรับให้ซอมบี้มาวางไข่จริงๆ แต่น่าเสียดายที่นี่คือโลกแห่งความเป็นจริง ไม่ใช่เกม
"พวกเจ้าก็ตามสบายเลย" ฉู่เสวียนโบกมือ ปล่อยให้เสี่ยวหลงและศพหยินตัวอื่น ๆ เล่นตามที่พวกเขาพอใจ
ส่วนตัวเขาก็ได้ควบคุมดาบบังเหินเทียนกังและบินไปที่ค่ายกลยึดวิญญาณปีศาจหยินที่ได้ทำไว้
ภายในค่ายกลยึดวิญญาณปีศาจหยินยังคงพลั่งพรูไปด้วยปราณปีศาจที่โพยพุ่งออกมา
ในสายตาของผู้บำเพ็ญฝ่ายธรรมนั้น สถานที่แห่งนี้ถือว่าเป็นสถานที่ชั่วร้ายอย่างยิ่ง เป็นนรกที่ไม่ควรมีอยู่บนดินและควรถูกทำลาย แต่ในสายตาของผู้บำเพ็ญสายมารแล้ว สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยพลังชีวิต และความเป็นอมตะ
ฉู่เสวียนหายใจเข้าลึก ๆ และรู้สึกว่าร่างกายของเขาเบาราวกับปุยเมฆและรู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก
เขาเอื้อมมือออกไปเพียงเล็กน้อย ทันใดนั้นเชือกยึดวิญญาณก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา
วิญญาณของฮุยคงก็ได้ออกมาเช่นกัน เขารู้สึกเหมือนกับว่าได้อยู่บนสวรรค์
ในที่แห่งนี้มีปราณปีศาจอยู่ทุกหนทุกแห่ง
ฮุยคงคำรามออกมาด้วยความตื่นเต้น รีบดูดซับปราณปีศาจทั้งหมดที่อยู่รอบๆตัวเข้าไป
ฉู่เสวียนยังได้ปล่อยวิญญาณของงูเหลือมสองหัวออกมาหลังจากนั้น
มันก็เป็นไปตามที่เขาคาดไว ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างที่แปลกๆเกี่ยวกับงูเหลือมสองหัวนี้จริงๆ
เพราะสิ่งมีชีวิตพิเศษนั้นไม่สามารถทนต่อพลังของค่ายกลยึดวิญญาณปีศาจหยินนี้ได้
หากว่าเข้ามาอยู่ในนี้ได้สักพัก พวกมันก็จะตายลงไป นับประสาอะไรกับวิญญาณดิบเช่นนี้
แต่วิญญาณของงูเหลือมสองหัวที่ถูกปราณปีศาจครอบงำไปเจ็ดถึงแปดครั้ง มันก็แค่เบาบางลงไปเล็กน้อยเท่านั้น
หากมองใกล้ ๆ ก็จะเห็นได้ว่าวิญญาณของมันกำลังหลอมรวมเข้ากับปราณปีศาจไปทีละนิดๆ!
ไม่น่าแปลกใจเลยที่มันจะสามารถเก็บปราณปีศาจไว้ในร่างกายของมันได้
“ดูเหมือนว่าข้าจะได้พบกับสมบัติแล้ว” ฉู่เสวียนยิ้มออกมา
เขาเพียงแต่ต้องเอาวิญญาณของงูเหลือมสองหัวมาไว้ที่นี่ และทำการปรับแต่งมันสักพัก เชื่อว่าไม่ช้าก็เร็วมันจะกลายเป็นวิญญาณชั่วร้ายที่ทรงพลังอย่างแน่นอน
เมื่อถึงตอนนั้น พลังของมันก็คงเพียงพอที่จะทำหน้าที่เป็นจิตวิญญาณหลักของค่ายกล
“ตอนนี้ถึงตาของข้าที่จะเริ่มทำการบ่มเพาะแล้ว” ฉู่เสวียนนั่งขัดสมาธิลงตรงกลางค่ายกล สงบสติอารมณ์และหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะทำการบ่มเพาะของตัวเองอีกครั้ง
เวลานี้คือเวลาในการบ่มเพาะ ฉู่เสวียนต้องการเพ่งสมาธิไปที่การฝึกฝนของเขาเท่านั้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในโลกภายนอก ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา
...
เมืองหลงเจียง กองบัญชาการของกองทัพหลินเจียง
เย่หนานเทียนวางโทรศัพท์ดาวเทียมลง เขาเหม่อลอยไปเป็นเวลานานเพราะผลรายงานสถานการณ์ของเซียงซิงยังคงติดอยู่ในใจของเขาไม่หาย
"...ท่านนายพล หลินเฉียวถูกงูเหลือมสองหัวกินจนเสียชีวิตไปแล้ว...เราไม่สามารถปราบงูเหลือม 2 หัวได้ แต่มีผู้ฝึกฝนอมตะลึกลับปรากฏตัวขึ้นมาและสังหารงูเหลือม 2 หัวลงอย่างง่ายดาย อีกทั้งยังดึงวิญญาณของงูเหลือมสองหัวออกมาด้วย ร่างของงูเหลือมสองหัวก็ถูกผู้ฝึกฝนอมตะเอาไป เราไม่สามารถนำแก่นปราณกลับมาได้"
เย่หนานเทียนมองไปทางทิศใต้ หัวใจของเขาสั่นไหวและเป็นการยากที่จะสงบสติอารมณ์ได้
“หลังจากที่ฉันได้รับการเลื่อนขั้นเป็นผู้เหนือธรรมชาติขั้นที่ 4 ฉันก็คิดกับตัวเองว่าฉันจะสามารถจัดการมันได้ แต่ว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่คิด ฉันไม่สามารถฆ่ามันได้ แต่คนที่ฆ่ามันได้อย่างง่ายดายคือผู้ฝึกฝนอมตะ งูเหลือมสองหัวตัวนั้น อย่างน้อยก็เป็นสิ่งมีชีวิตพิเศษขั้นที่ 5 ถ้าอย่างนั้นแล้วความแข็งแกร่งของผู้ฝึกฝนอมตะจะอยู่ในระดับไหนกัน! ความแข็งแกร่งเช่นนี้ สามารถส่งผลกระทบต่อความสมดุลของกองกำลังแต่ละกองกำลังได้ เราจะต้องดึงเขาให้มาอยู่กับกองทัพหลินเจียงของเราให้ได้ ไม่ว่ายังไงเราก็ปล่อยให้เขาถูกแก๊งฉวนปังแย่งตัวไปไม่ได้เด็ดขาด”