ตอนที่แล้วตอนที่ 615 เรื่องเล่าของฮู่เตียน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 617 บัวสวรรค์

ตอนที่ 616 ขโมยมาขโมยกลับ(ฟรี)


(ตอนเดียวนะครับ เคลียงานที่ออฟฟิต เลยแปลไม่ทัน ขออภัยด้วยครับ)

ที่เมืองยูทู่ ไกลจากเชิงเขาของตำหนักเจ้าเมือง

ซูจีมองไปยังยอดเขาและพูดด้วยน้ำเสียงที่ต่ำ

“จะเข้าไปทั้งแบบนี้เลยจริงๆ หรอหัวหน้า”

เธอและลี่เยว่มายังเมืองยูทู่เพื่อนำต้นไม้ลึกลับจากตำหนักเจ้าเมืองยูทู่กลับไป

โดยถือว่าเป็นการให้ของขวัญคืนกับเจ้าเมืองยูทู่ ในเมื่อเขาให้คนมาขโมยปลาอัญมณี มู่เหลียงเองก็จะขโมยพืชลึกลับของเขากลับไป

“ด้วยชุดเกราะกับตัวเก็บเสียง ไม่มีอะไรที่จะต้องกังวล”

เสียงอันเย็นชาของลี่เยว่ตอบกลับ

“..ถ้างั้นหัวหน้าต้องช่วยฉันนะ”

ซูจีกระซิบเบาๆ

“ที่จริงเธอแข็งแกร่งกว่าฉันนะ…”

ลี่เยว่ตอบอย่างไร้ความรู้สึก

ขั้นพลังของลี่เยว่อยู่ที่ขั้น 5 ระดับต้น แต่ของซูจีนั้นอยู่ที่ขั้น 5 ระดับกลาง อีกทั้งยังได้สวมชุดเกราะภูติผีอีกด้วย

“เอิ่ม..แฮะๆ จริงด้วย”

ซูจีหัวเราะแห้งๆ เธอแทบจะลืมเรื่องขั้นพลังของตัวเองไปเลยหลังจากที่สวมชุดเกราะภูติผี

“ไปกันได้แล้ว”

ลี่เยว่ออกคำสั่งเพื่อเปลี่ยนเรื่อง

เพราะจริงๆ แล้วเธอเองก็รู้สึกไม่สบายใจเท่าไหร่ ที่คนในหน่วยมีพลังมากกว่าเธอ

ทั้งสองมุ่งหน้าสู่ภูเขา โดยตลอดทางทั้งคู่ได้หลบยามเฝ้ามาหลายคน

“พวกเขามองไม่เห็นจริงๆ งั้นหรอ…”

แววตาของซูจีเต็มไปด้วยความประหลาดใจ และลองโบกมือต่อหน้ายามคนหนึ่ง

“ลมอะไรพัดเข้าหน้า….”

ยามคนนั้นพูดออกมาด้วยความมึนงง เพราะรู้สึกเหมือนมีอะไรพัดอยู่ตรงหน้าเขา

และเมื่อได้ยินแบบนั้นซูจีก็ถึงกับกลั้นลมหายใจ และออกไปจากตรงนั้นทันที

ซูจีเดินทางมาเรื่อยๆ จนมาถึงบนยอดเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของตำหนักเจ้าเมืองยูทู่

“ฟับ ฟับ ฟับ”

ซูจีส่งเสียงเล็กน้อย

-มันคือสัญญาณเสียงสำหรับสื่อสารกับคนที่ล่องหนอยู่

“ฉันอยู่ตรงนี้”

ลี่เยว่พูดอย่างแผ่วเบา

“ยังไงต่อดีหัวหน้า”

ซูจีเมื่อได้ยินเสียงของลี่เยว่ตอบกลับมาก็โล่งอก พร้อมกับถามกลับไป

ลี่เยว่คิดอยู่เล็กน้อย ก่อนที่จะตอบ

“เข้าไปข้างในแล้วสำรวจดู”

ซูจีกระซิบตอบด้วยความประหลาดใจ

“จะเข้าไปทั้งแบบนี้เลยงั้นหรอ?”

“ใช่ ไม่เป็นไรหรอก”

ลี่เยว่ตอบกลับไป

สำหรับเธอแล้ว งานลอบเร้นแบบนี้เธอทำมาจนเคยชินแล้ว

“...เอาก็เอา”

ซูจีตอบด้วยสีหน้าที่หนักใจ ก่อนที่จะพยายามปลุกความเป็นโจรของเธอขึ้นมาอีกครั้ง

ยังไงครั้งหนึ่งเธอเองก็เป็นโจรที่มีชื่อ และยิ่งได้รับการเสริมพลังจากเกราะภูติผี เธอจะยอมเสียหน้าได้ยังไง

ทั้งสองเดินอย่างแผ่วเบาตรงไปยังตำหนัก และหยุดที่ประตูทางเข้า

ยามที่เฝ้าประตูอยู่ยังไม่รู้สึกถึงการมาของทั้งสอง และปล่อยให้ทั้งลี่เยว่และซูจีผ่านเข้าไปได้

ลี่เยว่เดินอย่างช้าๆ เมื่อผ่านประตูทางเข้า และมองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง

เมื่อเธอผ่านประตูเข้าไปแล้ว และตรวจสอบจนแน่ใจว่าไม่มีคน เธอก็พูดขึ้น

“ซูจีเธอเคยมาที่นี่มาก่อนไหม”

ซูจีเงียบไปก่อนที่จะตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“นี้เป็นตำหนักของเจ้าเมืองยูทู่ ฉันคงไม่มีปัญญาเข้ามาที่นี่แน่”

“งั้นก็ค่อยๆ หาแล้วกัน”

ลี่เยว่ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้

ตำหนักของเจ้าเมืองยูทู่นั้นไม่ได้เล็กๆ และเทียบได้กับตำหนักเนินสูงของเมืองเต่าทมิฬ

ตุบๆ

มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากสุดปลายทางเดิน ทำให้สองสาวรีบกลั้นลมหายใจและหลบออกข้างทาง

“ผลึกสัตว์อสูรต้อง 350,000 ก้อน แบบนี้มันปล้นกันชัดๆ”

ยูฟูบ่นออกมาด้วยความเกรี้ยวกราก

ก่อนที่ยูเตียจะตำหนิด้วยนำเสียงที่ต่ำ

“หยุดพูดไร้สาระ ตราบใดที่เมืองยูทู่ยังคงอยู่ เราก็ยังหาผลึกสัตว์อสูรใหม่ได้”

“เข้าใจแล้วครับพ่อ”

ยูฟูตอบอย่างไม่เต็มใจ แต่เขาก็ไม่กล้าขัดคำสั่ง

เขารู้ดีว่าผลึก 3 แสนก้อนแลกกับเมืองยูทู่ถือว่าคุ้มค่าแล้ว แต่อีกใจของเขาก็ไม่อย่าเสียผลึกสัตว์อสูรจำนวนมหาศาลขนาดนี้ไป

ยูฟูกับยูเตียเดินไปตามทางเดินเพื่อไปรวบรวมผลึกสัตว์อสูรตามคำสั่งของผู้นำตระกูล

“โห…นี้เจ้าเมืองของเราขอผลึกสัตว์อสูรต้อง 350,000 ก้อนจากเมืองยูทู่ได้ด้วยงั้นหรอ”

เมื่อสองพ่อลูกเดินผ่านไปซูจีก็อุทานออกมาเบาๆ

“แต่ดูเหมือนว่า พวกเขาจะไม่เต็มใจมอบให้เท่าไหร่”

ลี่เยว่พูดเสริมขึ้น

“ใช่”

ซูจีเห็นด้วย ก่อนที่ทั้งคู่จะพากันเดินสำรวจเข้าไปในตำหนักเจ้าเมืองยูทู่ต่อ

ทั้งสองเดินไปรอบๆ ตำหนัก โดยหลีกเลี่ยงเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลที่เดินไปมาภายในตำหนักราวกับหนูติดจั่นเพื่อที่จะรวบรวมผลึกสัตว์อสูร

จนในที่สุดทั้งสองก็มาโผล่ที่สวนหลังตำหนัก

ที่ทางเข้าสวนมียามสองคนยืนเฝ้าอยู่ ด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย

“นี้พอจะรู้ไหมมันเกิดอะไรขึ้นข้างนอก มีเสียงดังโครมครามตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”

ยามหนุ่มได้ถามขึ้นอย่างสงสัย

“แล้วฉันจะรู้ไหมล่ะ เอาไว้ออกกะแล้วฉันจะไปลองถามดู”

ยามที่ดูมีอายุพูดขึ้นอย่างไม่สนใจ

“เห้อ…งานเฝ้าประตูนี้มันน่าเบื่อชะมัด”

ยามหนุ่มบ่นออกมาอย่างอดไม่ได้

ยามแก่เลยพูดเตือน

“ถ้ารู้สึกอะไรก็คิดแค่ภายในใจ อยากให้ผู้นำตระกูลได้ยินคำพูดของแกเมื่อกี้ไหม?”

“เออๆ…รู้แล้วน่า”

ยามหนุ่มตอบรับปากแบบส่งๆ ไป

แต่ในใจของเขาก็คิดถึงความโหดเหี้ยมของผู้นำตระกูล และอดไม่ได้ที่จะหวาดกลัวหากถูกจับได้ว่าพูดแบบนั้นออกไป เขามองไปรอบๆ เพื่อตรวจดูให้มั่นใจว่าผู้นำตระกูลไม่ได้อยู่แถวนี้ ก่อนที่จะถอนหายใจอย่างโล่งอก

แต่ที่ยามทั้งสองคนไม่รู้เลยคือมีคนสองคนกำลังแอบฟังสิ่งที่ทั้งคู่พูดอยู่

ลี่เยว่กับซูจีที่ล่องหนนั้นกำลังจะเข้าไปในสวนเพื่อหาสิ่งที่น่าสงสัยว่าจะเป็นพืชลึกลับ

ซูจีเมื่อเข้ามาก็มองไปรอบๆ ก็เห็นเข้ากับบ่อน้ำเล็กๆ ที่มีพืชสีเขียวอยู่กลางบ่อ เธอจึงพูดขึ้นด้วยความประหลาดใจ

“นั่น…นั่นจะใช่พืชลึกลับรึป่าว”

ลี่เยว่ที่ได้ยินก็หันไปมอง ที่บ่อน้ำและเห็นปลาอัญมณีอยู่ในนั้นด้วยยิ่งทำให้เธอมั่นใจมากขึ้น

“พืชนั้นฉันไม่เคยเห็นมาก่อน อาจจะใช่พืชลึกลับที่โจรพวกนั้นบอก”

ลี่เยว่นั่งยองๆ ลงข้างบ่อน้ำ และเอื้อมมือไปแตะใบของพืชที่ลอยอยู่บนผิวน้ำเบาๆ

บุ๋ง

ปลาอัญมณีที่อยู่ในบ่อน้ำเมื่อเห็นคนเข้ามาใกล้มันก็สาดน้ำขึ้นมา ทำให้น้ำตกลงบนใบไม้ที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ

และสิ่งที่ซูจีเห็นคือน้ำพวกนั้นกลายเป็นเม็ดหยดน้ำและกลิ้งไปมาบนใบไม้

“น่าสนใจมากเลย”

ซูจีพูดออกมาเบาๆ

ลี่เยว่ยกเลิกการล่องหน ก่อนที่จะโน้มตัวไปข้างหน้าและเอามือยื่นลงไปในน้ำ

“ช่วยกันขุดมันขึ้นมา”

“ได้”

ซูจีก็ยกเลิกการล่องหน และทำแบบเดียวกับลี่เยว่

สองสาวเอามือลงไปขุดในบ่อน้ำเพื่อที่จะเอาพืชนี้ขึ้นมา

มันเลยทำให้น้ำขุ่นขึ้น ในขณะเดียวกันปลาอัญมณีตัวน้อยก็สาดน้ำไปมา ทำให้น้ำยิ่งขุ่นมากขึ้นไปอีก

“เราต้องขุดดินออกมา”

สายตาของลี่เยว่หรี่ลง ก่อนที่เธอจะดึงไปที่โคนรากของพืชซึ่งติดอยู่ในโคลน

“ระวังด้วย”

ซูจีพูดขึ้นด้วยความรู้สึกเป็นกังวล เธอพยายามช่วยขุดโคลนรอบๆ ออก และในขณะเดียวกันก็มองไปรอบๆ เพื่อดูว่ามีใครเข้ามาหรือไม่

ทั้งสองช่วยกันขุดรากอยู่เกือบสิบนาที จนในที่สุดก็สามารถเอาพืชออกมาจากบ่อน้ำได้

“รากของมันดูแปลกประหลาดมาก”

ซูจีมองด้วยความสนใจ

รากของพืชนี้นั้นเชื่อมถึงกับใบไม้ที่อยู่บนผิวน้ำอีกด้วย

“กลับกันเถอะ ได้ของมาแล้ว”

ลี่เยว่พูดขึ้นในขณะที่ตรวจดูพืชตอนนี้อย่างระมัดระวัง หลังจากนั้นเธอก็ใช้พลังของเกราะภูติผีทำให้สิ่งที่เธอสัมผัสล่องหน

ซูจีได้เตือนขึ้นก่อน

“หัวหน้า อย่าลืมสะบัดน้ำออกไปก่อน ไม่งั้นระหว่างที่เรากลับออกไปพวกเขาจะสังเกตเห็นรอยน้ำหยดได้”

แม้ว่าจะมองไม่เห็น แต่น้ำที่หยดลงมาจากพืชนั้นยังคงเห็นได้อยู่

“อื้ม”

ลี่เยว่เขย่าๆ รากพืชเบาๆ จนพอที่จะแห้งขึ้นมาเล็กน้อย

ก่อนที่ทั้งสองจะออกไปก็มองปลาอัญมณีด้วยความลังเล และได้ล้มเลิกความคิดที่จะพามันกลับไปด้วย

เพราะเธอคิดว่าหากเอาปลาอัญมณีกลับไปด้วย อาจจะเกิดเรื่องขึ้นมากกว่านี้

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากตำหนัก และลงออกไปจากภูเขาอย่างไร้ร่องรอย

ด้วยการล่องหนทำให้พวกเธอรอดออกมาจากเมืองยูทู่จนมาถึงหน้าป้อมซานไห่ได้อย่างง่ายดาย

เมื่อมาถึงหน้าป้อมซานไห่ทั้งสองก็ยกเลิกการหายตัว

“รถม้ามารออยู่แล้วครับท่าน”

ทหารพร้อมกับเว่ยกังได้เข้ามาแสดงความเคารพ

“พาพวกเราไปส่งที่เมืองชั้นใน”

ลี่เยว่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นๆ

รถม้าได้เตรียมไว้ก่อนแล้ว เพื่อรอรับทั้งสองกลับไปยังเมืองชั้นใน

“ครับ”

ทหารยกมือขึ้นแสดงความเคารพ

หลังจากนั้นทั้งซูจีและลี่เยว่ก็ขึ้นรถม้ากลับเข้าไปในเมืองชั้นใน

ในรถม้าซูจีถอดหมวกเกราะ และจัดผมเภาของเธอใหม่

ลี่เยว่หันมองซูจี และดูลังเลที่จะพูดออกมา

ซูจียิ้มเล็กน้อย ก่อนที่ใบหน้าและสีผมของเธอจะเปลี่ยนเป็นแบบเดียวกับลี่เยว่

สิ่งนี้ทำให้ลี่เยว่สะดุ้งเล็กน้อย เมื่อได้เห็นใบหน้าของเธอบนตัวคนอื่น เธออ้าปากเมื่อจะพูดแต่ก็ไม่กล้าพูดออกมา

ซูจีมองและถามด้วยน้ำเสียงขี้เล่น

“อยากเห็นท่านมู่เหลียงแบบที่มีผมเหมือนหัวหน้าไหม”

แววตาของลี่เยว่เป็นประกายขึ้นมาเล็กน้อยก่อนที่จะคืนกลับเป็นปกติ

เธอคิดในใจว่า มันคงแปลกที่จะมีใบหน้าของมู่เหลียงและมีผมยาวแบบเธอบนร่างของซูจี แค่คิดเธอก็ขนลุกแล้ว

“อย่าเลย”

ลี่เยว่รีบตอบปฏิเสธ

“ว่าแย่จัง…”

ซูจีแสดงสีหน้าเสียดายเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะเปลี่ยนใบหน้ากลับคืน

“นี่คือหน้าตาที่แท้จริงของเธองั้นหรอ”

ลี่เยว่เห็นแบบนั้นก็ถามขึ้น

“ไม่ ฉันไม่มีหน้าตาที่แท้จริง”

ซูจีตอบอย่างง่ายๆ

ลี่เยว่พยักหน้าอย่างครุ่นคิด

อสูรแปดเขี้ยวนั้นลากรถม้าได้เร็วมาก ไม่นานก็เกือบจะออกจากเขตชั้นนอกแล้ว

ครึ่งชั่วโมงต่อมา รถม้าก็มาถึงเขตเมืองชั้นใน และตรงไปยังเนินสูงก่อนที่จะหยุดลง

เมื่อประตูรถม้าเปิดออก ลี่เยว่ก็ลงมาจากรถม้าและตรงกลับไปยังเนินสูงทันที

ซูจีเองก็รีบตามไปติดๆ เพื่อที่จะรายงานภารกิจกับมู่เหลียง และหวังว่าจะได้ของรางวัลตอบแทน

“หัวหน้าลี่เยว่!”

อาชิงเมื่อเห็นก็พูดขึ้นด้วยแววตาที่เป็นประกาย

“ตอนนี้ท่านมู่เหลียงอยู่ตำหนักไหม”

ลี่เยว่ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

อาชิงรีบพยักหน้าและตอบ

“ค่ะ ตอนนี้ท่านมู่เหลียงยังอยู่ในเนินสูง ท่านเพิ่งจะกลับมาเมื่อไม่นานนี้”

“ดี”

ลี่เยว่ตอบอย่างสบายๆ และเดินไปยังลิฟต์ทันที

ไม่นานลี่เยว่กับซูจีก็มาถึงชั้นบนสุดของเนินสูง และเดินตรงไปยังห้องทำงานของมู่เหลียงทันที

ก็อกๆ

“ฉันกลับมาแล้ว”

เธอเคาะประตูและพูดขึ้น

“เข้ามา”

เสียงที่ดูอ่อนโยนตอบกลับออกมาจากในห้อง

ปึง

ประตูห้องถูกเปิดออก ก่อนที่ลี่เยว่กับซูจีจะเดินเข้าไป

“ยินดีต้อนรับกลับ ไม่ได้รับบาดเจ็บตรงไหนใช่ไหม”

มู่เหลียงถามด้วยน้ำเสียงที่ดูเป็นห่วง

ลี่เยว่ถอดหมวกเกราะออก และผมสีขาวของเธอก็สยายออกมา

“พวกเราไม่ได้รับบาดเจ็บ และทุกอย่างก็ราบรื่น”

“ขอบคุณพวกเธอมาก”

มู่เหลียงตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“มันคือหน้าที่ของเราค่ะ”

ซูจียิ้มและตอบอย่างระมัดระวัง

“มู่เหลียงฉันเจอสิ่งนี้ในสวนของเจ้าเมืองยูทู่ มันน่าจะเป็นพืชลึกลับที่พูดถึงกัน”

ลี่เยว่ก้าวไปข้างหน้า และส่งพืชแปลกประหลาดให้มู่เหลียง

“เดี๋ยวนะนี้มัน…”

เมื่อได้เห็นแววตาของมู่เหลียงก็เป็นประกายขึ้นมาทันที

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด