ตอนที่ 61 หากนี่ไม่เรียกว่าเทพพระเจ้า แล้วจะเรียกว่าอะไรได้อีก?
ตอนที่ 61 หากนี่ไม่เรียกว่าเทพพระเจ้า แล้วจะเรียกว่าอะไรได้อีก?
“นั่นเป็นเพียงแค่ซอมบี้ที่ผู้ฝึกฝนอมตะเลี้ยงไว้ หากว่าเป็นผู้ฝึกฝนอมตะลงมือเองล่ะก็ งูเหลือมสองหัวตัวนี้ไม่มีทางรอดไปได้อยู่แล้ว” ถังจินชวนถอนหายใจ
หวังกังเจี้ยนและคนอื่น ๆ ซึ่งเดิมทีกังวลเล็กน้อยเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของผู้ฝึกฝนอมตะคนนี้ ตอนนี้พวกเขาต่างก็พยักหน้ายอมรับในความแข็งแกร่งของฉู่เสวียน
“ฟ่อ!” หัวหนึ่งของงูเหลือมสองหัวระเบิดออก ทำให้อีกหัวหนึ่งร้องคร่ำครวญออกมาด้วยความเจ็บปวดทันที
หลังจากที่ดึงสติกลับมาได้แล้ว ดวงตาทั้งสองดวงที่เหลืออยู่ก็จ้องมองไปที่ฉู่เสวียนด้วยความเคลียดแค้น มันเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและความต้องการฆ่า จากนั้นมันก็ได้อ้าปากและโจมตีออกมาอีกครั้ง
จู่ๆ ร่างเล็กที่ดูแข็งแกร่งอีกร่างหนึ่งก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมา เขาโจมตีเข้าไปที่ร่างอันใหญ่โตของงูเหลือมสองหัวอย่างรุนแรงและทรงพลัง
หนามอัคคี!
บูม!
ไฟหยินระเบิดขึ้นไปบนท้องฟ้า
งูเหลือมสองหัวถูกลูกไฟนี้ตัดร่างของมันออกจนเป็นสองส่วน เนื้อและกระดูกของมันปลิวว่อนออกไปทุกทิศทาง
ฉากที่ไม่คาดคิดนี้ทำให้ผู้คนที่เฝ้าดูอยู่ตกใจขึ้นมาอีกครั้ง
แล้วร่างอีกร่างนี้มาจากไหน?
“เหมือนเคยได้ยินผู้ฝึกฝนอมตะเรียกว่าเสี่ยวหู่และเสี่ยวเป้า เขาน่าจะเป็นซอมบี้สองตัวที่ปรากฏตัวพร้อมกันเมื่อกี้นี้”
“ไม่น่าแปลกใจเลย! ก่อนหน้ามีซอมบี้ร่างใหญ่ที่เหมือนกับนักรบปรากฎตัวขึ้นก่อน ต่อมาซอมบี้ร่างเล็กกว่าที่เหมือนกับนักฆ่าก็ปรากฏตัวขึ้น! ส่วนนี่คือผู้อมตะ!”
คำพูดของทุกคนเต็มไปด้วยความตกใจ
งูเหลือมสองหัวที่พวกเขาไม่สามารถฆ่าได้แม้จะเกณฑ์คนมาทั้งกองทัพ แต่ตอนนี้พวกมันกลับถูกซอมบี้สองตัวของผู้ฝึกฝนอมตะโจมตีจนร่างกายขาดเป็นสองท่อน !
ช่องว่างระหว่างพวกเขากับผู้ฝึกฝนอมตะคนนี้ใหญ่เกินไป
โห่! เสี่ยวหู่และเสี่ยวเป้ามาปรากฏตัวข้างๆ ฉู่เสวียนอีกครั้ง
เสี่ยวหู่รู้สึกภาคภูมิใจที่เขาได้ทำภารกิจที่เจ้านายมอบให้ได้สำเร็จแล้ว
ส่วนเสี่ยวเป้าก็มีเนื้องูติดอยู่ในปาก ซึ่งตอนนี้มันกำลังเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย
ฉู่เสวียนมองลงไปที่งูเหลือมสองหัวตัวนั้น
สัตว์ร้ายตัวนี้หัวขาดไปหนึ่งหัว ครึ่งล่างของลำตัวก็ถูกตัดออก จนเลือดของมันไหลออกมาไม่หยุด
แต่มันกลับไม่ตาย
พลังชีวิตของมันยิ่งใหญ่กว่าที่ฉู่เสวียนได้จินตนาการไว้ แม้ว่าแก่นวิญญาณจะด้อยกว่าพลังงานมากแต่พลังชีวิตของสัตว์พิเศษตัวนี้ แทบจะเทียบได้กับพลังวิญญาณเลย
"ฟ่อ!"ดวงตาทั้งสองข้างที่เหลือของงูเหลือมสองหัวเต็มไปด้วยความไม่พอใจต่อฉู่เสวียน มันรู้ว่ามันไม่มีโอกาสรอด แต่เหตุผลที่มันยังไม่ยอมตาย ก็เพราะว่ามันไม่สามารถยอมรับความจริงนี้ได้ มันโกรธและไม่พอใจเป็นอย่างมาก ! มันต้องการลากมนุษย์คนนี้ให้ถูกฝังไปพร้อมกับมัน!
ครู่ต่อมา จู่ๆ งูเหลือมสองหัวก็เปิดปากและพ่นปราณปีศาจจำนวนมากออกจากร่างกายของมันอีกครั้ง มันต้องการปลดปล่อยปราณปีศาจทั้งหมดในร่างกายของมันออกมาเพื่อฆ่าแขกที่ไม่ได้รับเชิญคนนี้ซะ!
แต่เมื่อเห็นก๊าซสีดำลอยอยู่เต็มท้องฟ้า ฉู่เสวียนก็แสดงรอยยิ้มออกมา “เจ้าตั้งใจส่งมันมาให้ข้าหรือ ?”
ปราณปีศาจเหล่านี้ก็ไม่ต่างไปจากยาชูกำลังสำหรับฉู่เสวียนที่เป็นผู้บำเพ็ญสายมาร!
ในช่วงก่อนหน้านี้ เขาได้ไปนั่งขัดสมาธิอยู่กลางค่ายกลยึดวิญญาณหยินเพื่อดูดซับปราณปีศาจเข้ามาช่วยเร่งการบ่มเพาะ เพื่อที่เขาจะได้ฝึกฝนอย่างรวดเร็วและไปถึงขั้นที่ 2 ของช่วงสร้างรากฐานให้ได้
แม้ว่าปราณปีศาจที่งูเหลือมสองหัวพ่นออกมานั้นจะไม่เข้มข้นนัก แต่ก็สามารถดูดซับเข้าไปเพื่อเร่งการฝึกฝนได้ฉู่เสวียนเพียงแค่ใช้พระสูตรกลั่นโลหิตปีศาจเข้ามาช่วย
ในตอนนั้นปราณปีศาจก็ได้ลอยเข้ามาปกคลุมร่างกายของฉู่เสวียน ดวงตาทั้งสองข้างที่เหลือของงูเหลือมสองหัวเต็มไปด้วยความสุข
น่าขัน! อ่อนแอมาก!
มันไม่รู้ว่าปราณปีศาจนี้น่ากลัวแค่ไหน!
แต่ชายคนนี้กลับยอมให้ตัวเองถูกปราณปีศาจปกคลุมร่างกายเอาไว้จริงๆ
ดูเหมือนว่ามันจะสามารถเอามนุษย์เวรนี่ ฝังไปพร้อมกับมันได้แล้ว!
ผู้คนโดยรอบได้แต่เฝ้ามองดูฉากนี้อย่างใจจดใจจ่อ ในใจของพวกเขาได้แต่วิตกกังวลไปตามๆกัน
“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมผู้ฝึกฝนอมตะถึงปล่อยให้ปราณปีศาจปกคลุมเช่นนี้?”
“เมื่อกี้ฉันเห็นว่าผู้ฝึกฝนอมตะนิ่งเฉยราวกับว่าเขาไม่กลัวมันเลยแม้แต่น้อย”
“ทำไมผู้ชายคนนั้นถึงไม่กลัวมันเลย ผู้ฝึกฝนอมตะก็เป็นมนุษย์เหมือนกับเราไม่ใช่เหรอ เพียงแต่ว่าเขาทรงพลังกว่าเท่านั้น”
ผู้คนต่างก็พูดคุยและแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ออกมา
ซ่งต้ายี่จึงได้กระซิบถามออกมาว่า "ผู้ฝึกฝนอมตะจะรับมือกับก๊าซสีดำที่เข้มข้นแบบนั้นได้ไหมนะ"
หวังกังเจี้ยนดูจะไม่มั่นใจและลังเลเล็กน้อย "พื้นที่ที่เขายืนอยู่เต็มไปด้วยก๊าซสีดำ แต่เขาก็ไม่คิดจะหนีเลย ไม่แน่ว่าเขาน่าจะมีบางอย่างที่จำเป็นจะต้องพึ่งพาก๊าซสีดำนั้น...ใช่แล้ว”
ในตอนนั้นถ้าจำไม่ผิดเขาเองก็ไม่เคยเห็นฉู่เสวียนย่างกายเข้าไปในกลุ่มหมอกนั้นเลยด้วยซ้ำ สิ่งที่เขาเห็นคือฉู่เสวียนยืนอยู่นอกกลุ่มหมอกและยังเตือนเขาว่าอย่าเข้าใกล้
หากว่าตัดสินจากท่าทีของอีกฝ่ายที่เขาได้เห็นมา ก็แสดงว่าก๊าซนี้เป็นอันตรายต่อผู้ฝึกฝนอมตะเหมือนกัน
ทว่าดวงตาของถังจินชวนแน่วแน่ "ฉันเชื่อว่าก๊าซสีดำนี้ไม่สามารถทำอะไรเขาได้!"
เซียงซิงและหลี่เตี่ยมู่ที่เดิมทีดูมีความหวัง แต่เมื่อพวกเขาเห็นฉู่เสวียนถูกก๊าซสีดำเข้าครอบงำ หัวใจของพวกเขาก็สั่นไหวขึ้นมาอีกครั้ง
“แย่ชะมัด! ทำไมเขาไม่หลบมันล่ะ เขาดูไม่เจ๋งเอาซะเลย!” หลี่เตี่ยมู่อยากจะรีบเข้าไปดึงฉู่เสวียนออกมา เขาได้แต่ตะโกนด้วยความไม่พอใจใส่หูของเซียงซิง
เซียงซิงได้แต่ถอนหายใจ "อย่าใจร้อน รอดูไปก่อน บางทีเขาอาจมีไพ่เด็ดอยู่ก็ได้"
ทว่าครู่ต่อมา ปราณปีศาจที่ห่อหุ้มร่างของฉู่เสวียนก็สงบลงทันทีและหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ฉู่เสวียนลืมตาขึ้นมาด้วยความลังเล ก่อนจะมองไปที่งูเหลือมสองหัวแล้วพูดว่า "ยังมีอีกไหม?"
ดวงตาของงูเหลือมสองหัวที่ที่ดูจะพอใจเมื่อครู่ บัดนี้ดูตกตะลึงขึ้นมาอีกครั้ง
เกิดอะไรขึ้น?
ปราณปีศาจที่คอยกัดกินวิญญาณของผู้คนหายไปไหนแล้ว?
อย่าบอกว่ามนุษย์เวรนี่เป็นคนดูซับมันเข้าไปจนหมดแล้ว?
หวังกังเจี้ยนและคนอื่น ๆ ก็มีสีหน้าที่ตกตะลึงเหมือนกัน
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับก๊าซสีดำนั้น แม้แต่ผู้อยู่เหนือธรรมชาติที่ได้สัมผัสมันก็ล้มตายได้ แต่ผู้เป็นอมตะคนนี้ กลับถามว่ามีอีกไหม
เกิดอะไรขึ้น?
ถังจินชวนมีความคาดหวังบนใบหน้าของเขา "ฉันบอกแล้ว... "
เมื่อครู่หลี่เตี่ยมู่ยังตะโกนออกมาว่าทำไมเขาไม่หลบ แต่วินาทีต่อมาเมื่อเขาเห็นฉากนี้ สีหน้าหงุดหงิดของเขาก็หายไปจากใบหน้าของเขาทันที “ฉัน...ฉัน…”
ซงซิงหัวเราะ “ดูสิ! เขามีไพ่เด็ดจริงๆ เขาไม่กลัวก๊าซสีดำนี้จริงๆ!”
“เจ้าแข็งแกร่งกว่าที่ข้าคิดไว้มาก เจ้ามีคุณสมบัติที่จะเป็นจิตวิญญาณหลักในค่ายกลของข้า” ฉู่เสวียนพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ตอนนี้เขารับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งของงูเหลือมสองหัวนี้ได้อย่างถ่องแท้แล้ว
งูเหลือมสองหัวคำรามด้วยความโกรธ แม้ว่ามันจะไม่รู้ว่าจิตวิญญาณหลักของค่ายกลคืออะไร แต่ก็รู้ว่าฉู่เสวียนกำลังดูถูกเหยียดหยามมันอยู่
ตั้งแต่ต้นจนจบ ฉู่เสวียนไม่เคยถือว่ามันเป็นคู่ต่อสู้ที่อยู่ในระดับเดียวกันเลยแม้แต่น้อย
งูเหลือมสองหัวร้องขู่ออกมาอย่างสิ้นหวัง ลากร่างที่เหลืออยู่ครึ่งหนึ่งของมันโจมตีฉู่เสวียนเป็นครั้งสุดท้าย
ปากที่เปื้อนเลือดดูเหมือนจะกลืนพื้นที่ทั้งหมดที่อยู่รอบ ๆ ฉู่เสวียนลงไปได้
"ข้าจะพาเจ้าขึ้นมาอยู่ข้างบนนี้เอง" ฉู่เสวียนไม่ได้หลบเลี่ยงแม้แต่น้อย มันก็แค่คลื่นน้ำธรรมดาๆ
จู่ๆ เชือกยึดวิญญาณก็ถูกดึงออกมา แค่เขาฟาดออกไปเบาๆ หัวงูเหลือมที่เหลืออยู่อีกหนึ่งหัวก็ถูกตัดออกจากร่างของมันอย่างง่ายดาย
ดวงตาขนาดใหญ่ของมันยังคงเบิกโพงด้วยความโกรธและความอาฆาตพยาบาทไม่จบสิ้น แต่กว่าจะรู้ตัว มันก็ตายลงไปแล้ว
ฉู่เสวียนรีบร่ายมนตร์เพื่อดึงวิญญาณของมันออกมาจากร่าง ไม่นานวิญญาณของงูเหลือสองหัวก็ถูกเขาดึงออกมาอย่างแรง
“นั่นคือวิญญาณอย่างนั้นเหรอ!” ผู้คนต่างตกใจเมื่อเห็นมัน
ดึงวิญญาณ!
นี่เป็นสิ่งที่มีเพียงผู้ฝึกฝนอมตะเท่านั้นที่จะสามารถทำได้!
หวังกังเจี้ยนและอีกสี่คนให้ความเคารพและย้ำเกรงฉู่เสวียนมากยิ่งขึ้น
เซียงซิง, หลี่เตี่ยมู่ และทหารของกองทัพหลินเจียงที่แต่ก่อนเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจในตนเอง บัดนี้ความภาคภูมิใจนั้นได้หายไปอย่างสมบูรณ์ ในใจของพวกเขามีเพียงความเคารพต่อฉู่เสวียน
เหาะเหินเดินอากาศได้!
ดึงวิญญาณออกจากร่างไป!
หากนี่ไม่เรียกว่าเทพเจ้า แล้วจะเรียกว่าอะไรได้อีก?
ทว่าในใจของเซียงซิงตอนนี้กลับมีแต่ความเสียใจไม่จบสิ้นเกิดขึ้น ถ้าเขายอมลดทิฐิลงและไปที่โรงแรมห่าวไท่เป็นครั้งที่สามเพื่อเชิญให้ผู้ฝึกฝนอมตะผู้ลึกลับคนนี้เข้าร่วมกับพวกเขาเพื่อจัดการกับงูเหลือมสองหัวตั้งแต่แรก เกรงว่าผลลัพธ์คงจะไม่น่าเศร้าแบบนี้ กระดูกสันหลังของกองทัพหลินเจียงอย่างหลินเฉียวก็คงจะไม่ต้องมาตายเช่นนี้ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะความเย่อหยิ่งของเขาทั้งนั้น ที่นำไปสู่ผลลัพธ์อันเลวร้ายที่สุด และตอนนี้เขาก็รู้สึกผิดอย่างสุดซึ้งแล้ว