ตอนที่ 331 เงารัตติกาล (ฟรี)
ตอนที่ 331 เงารัตติกาล
ขณะนั้น พวกเขาทั้งสามได้เห็นมังกรที่อยู่ไม่ไกล กำลังฝังหัวครึ่งหนึ่งลงบนกองเลือดเนื้อ เคี้ยวจนปากมีเลือดเปรอะเปื้อนไปหมด
สัตว์อสูรยักษ์ที่น่าสะพรึงกลัวซึ่งมีพลังมากจนสามารถแข่งขันกับอมตะได้ ดูเหมือนจะไม่มีอะไรพิเศษมากไปกว่าอาหารในสายตาของมังกรตัวนี้!
“แล้วเราควรจะทำไง หนีงั้นเหรอ? แค่สัตว์อสูรตัวนั้นเราเกือบตายแล้ว เราจะต้องเป็นศัตรูกับมังกรตัวนี้ได้อย่างไร?” แววตาแห่งความสิ้นหวังปรากฏชัดในดวงตาของฉินซิ่วหยวน ต่อหน้าตัวตนที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ เขาไม่คิดว่าตนจะมีโอกาสชนะแม้แต่น้อย
“หากไม่ลองจะรู้ได้ยังไงว่าสู้ได้หรือไม่ ในเมื่ออาจารย์ของน้องสามสามารถควบคุมศพมังกรได้ ทำไมเขาจึงจะทำไม่ได้บ้าง” มารเฮยเย่หรี่ตาลงเล็กน้อยแล้วค่อยพูดขึ้น
เขาไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้อะไรง่ายๆ นอกจากนี้ยังอาจกล่าวได้ว่าเขาเป็นคนหัวแข็งเลยทีเดียว เขาคงไม่ถูกศัตรูเหล่านั้นลอบโจมตี และรุมสังหาร
บัดนี้ เขาได้เกิดใหม่แล้ว นิสัยของเขาก็ไม่แปรเปลี่ยน นี่คือสิ่งที่ฝังอยู่ในกระดูกของเขา พูดได้ว่าเขาเกิดมาแบบนี้ และจะไม่สั่นคลอนต่อความคิดนี้ง่ายๆ
“พี่ใหญ่ ท่านแน่ใจเหรอว่าไม่ได้ล้อข้าเล่น? นั่นเป็นศพมังกรจริงๆ มันแข็งแกร่งกว่าอมตะทั่วไป!” ฉินซิ่วหยวนมองดูมังกรตรงหน้าด้วยความงุนงง เขาไม่รู้ว่าพี่ใหญ่ของเขาจะกล้าหาญขนาดนี้ นี่เขาไม่กลัวตายเลยเรอะ!
“เฮอะ มันก็แค่มังกรที่ตายไปแล้วแล้ว ต่อให้เป็นตอนที่มันมีชีวิตอยู่ ข้าก็มั่นใจว่าจะสามารถฆ่ามันได้!” แสงสีแดงเปล่งประกายในดวงตาของมารเฮยเย่ จิตสังหารอบอวลอยู่ในนั้น
มารเฮยเย่เป็นยักษ์แห่งวิถีมารในชาติก่อน และเขายังได้ก่ออาชญากรรมนับไม่ถ้วน ในขณะนี้ จิตสังหารทั้งหมดถูกปลดปล่อยออกมา ซึ่งน่ากลัวอย่างยิ่ง ราวกับว่ามันกำลังจะกวาดล้างโลกทั้งใบ
ฉีเหิง และฉินซิ่วหยวนไม่สามารถยืนหยัดต่อหน้าจิตสังหารอันน่าสะพรึงกลัวนี้ได้ และพวกเขาก็สูดหายใจเข้าลึกๆ
พวกเขารู้ดีว่ามารเฮยเย่ซึ่งครั้งหนึ่งเคยปกครองวิถีมารในที่สุดก็จะต้องลงมืออย่างจริงจังแล้ว!
เมื่อพวกเขาทั้งสองคิดว่ามารเฮยเย่จะพุ่งทะยานออกไป และต่อสู้จนตายไปข้างกับศพมังกรที่น่าสะพรึงกลัว เขาก็ได้กระทำสิ่งที่ทำให้ทุคนสับสน
จู่ๆ เขาก็ยับยั้งจิตสังหารที่แผ่ออกมา จากนั้นนั่งลงบนพื้น หลับตา และยังคงนิ่งเฉยเหมือนพระเฒ่าที่อยู่ในภวังค์
“พี่ใหญ่ ท่านกำลังทำอะไรอยู่?” ฉีเหิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นถามด้วยสีหน้าสับสน
ท่านไม่ได้พูดว่าจะไปสู้กับมังกรนั่นเหรอ? ทำไมถึงนั่งนิ่งอยู่ที่นี่?
“ข้าจะพักสักพักแล้วค่อยไปจัดการมันทีหลัง” มารเฮยเย่จ้องไปที่ฉีเหิง แล้วพูดอย่างไม่ใส่ใจ เขาเพิ่งผ่านการต่อสู้ครั้งใหญ่มาถึงสองครั้ง และหมดแรงแล้วในขณะนี้
แม้ว่าเขาจะค่อนข้างหยิ่ง แต่เขาก็ไม่ได้ไร้สมองจริงๆ ไม่งั้น เมื่อศพมังกรปรากฏขึ้นก่อนหน้านี้ ปฏิกิริยาแรกของเขาคงไม่ใช่การล่าถอย
ฉีเหิงหัวเราะเบาๆ เขาไม่กล้าแสดงความโกรธออกมา เขาทำได้เพียงมองดูมังกรที่อยู่ไม่ไกล ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโลภอันเปี่ยมล้น
ศพมังกรคือ สิ่งที่นักหลอมศพทุกคนต้องการอย่างแน่นอน แม้ว่าพวกเขาจะต้องจ่ายราคาสูงเสียดฟ้า ต่อให้เฉือนเนื้อหักกระดูก พวกเขาก็จะไม่ลังเลเลย
โชคดีที่ศพของสัตว์อสูรยักษ์มีขนาดค่อนข้างใหญ่ มันไม่สามารถกินได้หมดในช่วงเวลาสั้นๆ และคาดว่าจะใช้เวลาอย่างน้อยสองสามวัน
ไม่งั้น ฉีเหิงก็กลัวมากว่ามันจะบินหนีไป นั่นคือศพมังกรจริงๆ และเมื่อดูจากท่าทางของมัน ความแข็งแกร่งของมันในตอนที่มีชีวิตอยู่ต้องทรงพลังมากเป็นแน่ บางทีอาจจะดีกว่าศพมังกรที่อาจารย์ของเขาได้รับมาในอดีต
ท้ายที่สุดแล้ว ศพมังกรก็คือมังกรที่ตายแล้ว ตอนที่มีชีวิต มันจะต้องน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่า?
“เดี๋ยวก่อน ศพมังกรตัวนี้ทรงพลังมาก และคนที่จะสามารถฆ่ามันได้…” ม่านตาของฉีเหิงหดตัวเล็กน้อย ราวกับว่าเขานึกถึงบางสิ่งบางอย่าง และดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“มีบางคนที่น่าสะพรึงกลัวในแดนลับฝังมังกรแห่งนี้ ไม่อย่างนั้นคงไม่มีศพมังกรมากมายอยู่ที่นี่!” ฉีเหิงสั่นไปทั่วร่าง และเขาก็ร้องอุทาน ลมหายใจของเขาก็หยุดชะงัก
ฉีเหิงเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ไม่มีแสงแดด มีเพียงความมืดมิดอยู่ตลอดเวลา แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาดูเหมือนจะเห็นดวงตาที่ขุ่นมัวมากคู่หนึ่งอยู่เบื้องหลังท้องฟ้า
ฉีเหิงรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว เขากลืนน้ำลาย และไม่กล้าที่จะคิดถึงเรื่องนี้อีกต่อไป เพราะกลัวว่าจะดึงดูดบางสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่ามา
“หลังจากที่ข้าได้ศพมังกรแล้ว ข้าจะต้องออกจากที่นี่ทันที ไม่งั้นอาจมีเรื่องที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น!” ฉีเหิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ และพึมพำกับตัวเอง เต็มไปด้วยความกังวลใจ
“พี่ใหญ่ ท่านพักผ่อนพอแล้วหรือยัง?” หลังจากที่ฉีเหิงกลับมารู้สึกตัวแล้ว เขาก็ถามมารเฮยเย่ด้วยเสียงเบา
ในบรรดาพวกเขาทั้งสามนั้น ฉินซิ่วหยวนไร้ประโยชน์ หากพวกเขาต้องการเผชิญหน้ากับศพมังกร ก็พึ่งพาได้เพียงความแข็งแกร่งของมารเฮยเย่เท่านั้น
แน่นอนว่า ฉีเหิงก็มีไพ่ตายเช่นกัน แต่เขาสามารถใช้มันได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ดังนั้น เว้นแต่เขาจะหมดหวัง เขาจะไม่ใช้ไพ่ตายใบนี้
“ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน มันไม่ไปไหนเร็วๆ นี้หรอก ขอข้าอีก 10 นาที แล้วข้าจะไปฆ่าเจ้านั่นให้!” มารเฮยเย่กล่าวอย่างสบายๆ และไม่ได้คิดมากอะไร
แดนลับฝังมังกรอาจเป็นอันตรายอย่างยิ่งสำหรับคนอื่น แต่หลังจากที่มารเฮยเย่เข้ามาที่นี่ เขารู้สึกเหมือนปลาในน้ำ และรู้สึกสบายใจมากขึ้นกว่าที่เคย
ไม่มีเหตุผลอื่น เพราะไม่มีดวงอาทิตย์ที่นี่ มีเพียงค่ำคืนอันมืดมิด!
เมื่ออยู่ที่นี่ เขามีความแข็งแกร่งเต็มร้อยอยู่ตลอดเวลา และสามารถแสดงจุดแข็งที่มีในทุกด้านออกมาได้อย่างสมบูรณ์
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง มารเฮยเย่ก็ลืมตาขึ้น แสงวาบแวบผ่านดวงตาของเขา และใบหน้าที่เหนื่อยล้าก็ถูกเช็ดออกไป และเขาก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
ในแดนลับฝังมังกรที่จะไม่มีวันได้เห็นแสงตะวัน ความเร็วในการฟื้นตัวของมารเฮยเย่เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาจึงสามารถฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บได้อย่างรวดเร็ว
“พี่ใหญ่ ทักษะยุทธ์ที่ท่านฝึกนั้นน่าทึ่งมากจริง แค่มีเพียงทักษะยุทธ์ที่สงวนไว้ให้แค่จักพรรดิต้าเฉียนแต่ละองค์ฝึกเท่านั้นที่พอจะเทียบเคียงได้” ดวงตาของฉินซิ่วหยวนเต็มไปด้วยความอิจฉา จากนั้นเขาก็พูดอย่างช้าๆ
มารเฮยเย่รู้สึกดีมากกับคำพูดของฉินซิ่วหยวน เขาเงยคางขึ้นเล็กน้อย ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
อาจกล่าวได้ว่าเหตุผลที่เขามายืนบนจุดๆ นี้ได้ก็เนื่องมาจากทักษะยุทธ์ที่ท้าทายสวรรค์นี้!
ทักษะยุทธ์นี้ถูกเรียกว่า ‘เงารัตติกาล’ ซึ่งเขาได้รับจากซากปรักหักพังโบราณ แม้ว่าชื่อจะไม่ดูยิ่งใหญ่ แต่ก็ทรงพลัง และลึกลับอย่างยิ่ง