ยอดกายากำราบยุค ตอนที่ 19 ทะลวงระดับ
ยอดกายากำราบยุค ตอนที่ 19 ทะลวงระดับ
ภายในโถงตำหนัก กู้ฉางเซิงมิได้ล่วงรู้ว่า ณ เบื้องหน้าภูเขาตระกูลกู้ ฉู่เหยาเยวี่ยได้คุกเข่าลง ตั้งใจรอพบเขา
เพราะเขาได้กล่าวปฏิเสธไปแล้ว ฉู่เหยาเยวี่ยจะคิดเช่นไร นั่นเป็นเรื่องของนาง
ในเวลานี้ เขากำลังนั่งขัดสมาธิ เตรียมพร้อมสำหรับการก้าวเข้าสู่ระดับแยกปฐพี
ระดับตบะ แบ่งออกเป็น ระดับเนื้อหนังมังสา ระดับห้วงสมุทรปราณ ระดับผสานวิญญาณ และระดับตำหนักดวงจิต แต่ละระดับแบ่งออกเป็นสี่ระยะ นั่นคือ ระยะต้น ระยะกลาง ระยะปลาย และระยะสมบูรณ์ นับเป็นขั้นตอนแรก
เพียงแค่สร้างตำหนักดวงจิต หลอมรวมวิญญาณก่อกำเนิด จึงจะเรียกตนเองว่าผู้บำเพ็ญได้
เพราะวิญญาณแท้มิแตกดับ จึงสามารถสร้างร่างกายขึ้นมาใหม่ หรือแย่งชิงร่างกายผู้อื่น
เพราะทำเช่นนั้นได้ จึงเรียกว่าผู้บำเพ็ญ
ขั้นตอนแรก เป็นเพียงขั้นตอนของคนธรรมดาสามัญ
ขั้นตอนต่อมา คือ ระดับแยกปฐพี ระดับเบิกฟ้า และระดับหวนเอกา นับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่
กู้ฉางเซิงได้บรรลุระดับตำหนักดวงจิตระยะสมบูรณ์แล้ว
ห้วงสมุทรวิญญาณปฐมโกลาหลหนึ่งแสนลี้ ปราณวิญญาณทุกสายล้วนแฝงไว้ด้วยกลิ่นอายปฐมโกลาหล
เพียงแค่ขยับร่างกาย ก็ราวกับสอดคล้องกับสวรรค์ พลังเวทกว้างใหญ่ ไร้ขอบเขต ไร้จุดสิ้นสุด
“ระดับแยกปฐพี สาเหตุที่เรียกว่าแยกปฐพี เพราะในระดับนี้ ผู้บำเพ็ญมีพลังเวทอันยิ่งใหญ่ มีพลังอำนาจในการแยกปฐพี หากอยู่ในโลกภายนอก ก็สามารถเป็นถึงขุนนาง ปกครองดินแดนนับหมื่นลี้”
กู้ฉางเซิงกล่าวพึมพำ
แยกปฐพีเก้าวัฏ ทุกวัฏที่เพิ่มขึ้น ล้วนเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
หนึ่งถึงสามวัฏ เรียกว่า ขุนนางสามัญ
สี่ถึงหกวัฏ เรียกว่า ขุนนางทรงอำนาจ
เจ็ดถึงเก้าวัฏ เรียกว่า ขุนนางไร้เทียมทาน!
สมุนไพรวิญญาณโอสถแทพล้ำค่ามากมายนับไม่ถ้วนถูกเขากลืนกินลงไป แปรเปลี่ยนเป็นพลังอันยิ่งใหญ่
ราวกับว่าภายในร่างกาย มีดวงดาวมากมายอาศัยอยู่
สามวันต่อมา
ภายในห้วงสมุทรแห่งปัญญา พระสูตรเตาหลอมไท่ชู บทแยกปฐพี ปรากฏขึ้นโดยฉับพลัน
ผู้ที่เกิดมาเป็นอริยะ ก่อนที่จะบรรลุระดับอริยะ ย่อมไม่มีพันธนาการใด ๆ
เมื่อสั่งสมถึงขีดจำกัด เพียงแค่คิด ก็สามารถบรรลุเป้าหมายได้อย่างง่ายดาย
ตู้ม!
ภายในร่างกาย ราวกับมีดวงอาทิตย์นับพันดวง กำลังสั่นสะเทือน
กู้ฉางเซิงสะบัดแหวนเก็บของ
ทันใดนั้น หินวิญญาณระดับสูงสุดมากมายนับไม่ถ้วน ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า ถูกกองรวมกันเป็นภูเขา น้ำหนักเกือบสิบล้านจิน
ปราณวิญญาณภายในโถงตำหนัก หนาแน่นจนน่าตกใจ
ในชั่วขณะนี้ ยิ่งท่วมท้นโถงตำหนักทั้งหมด
ปราณวิญญาณที่หนาแน่นจนแทบจะกลายเป็นของเหลว เริ่มต้นเดือดพล่าน แปรเปลี่ยนเป็นวังวนขนาดใหญ่บนท้องฟ้า น่ากลัวยิ่งนัก
ดวงตากู้ฉางเซิงลึกลับ จากนั้นจึงลุกขึ้นยืนอย่างช้า ๆ ปรากฏตัวเหนือโถงตำหนัก ยืนหยัดอยู่ใต้ความว่างเปล่า
ใบหน้าเลือนรางถูกปกคลุมด้วยหมอกควัน ชุดขาวบริสุทธิ์ ไร้สิ่งแปดเปื้อน
ในชั่วขณะนี้ ห้วงสมุทรวิญญาณปฐมโกลาหลอันไร้ขอบเขต ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า กว้างใหญ่ไพศาลถึงสิบลี้
ภายในนั้น กลิ่นอายปฐมโกลาหลส่องประกาย แปรเปลี่ยนเป็นเส้นใยมากมาย ลอยขึ้นลง
บัวเขียวหนึ่งต้นที่ดูเหมือนจะทะลวงผ่านท้องฟ้า เริ่มต้นสั่นไหว โบกสะบัด ปลดปล่อยแสงสว่าง
หลักธรรมแห่งฟ้าดิน ความลึกลับแห่งสวรรค์ พุ่งทะยานเข้าไป
เหนือใบบัว ตราประทับที่ถูกปกคลุมด้วยปราณม่วงปรากฏขึ้นอย่างเลือนราง ลอยขึ้นลง ปลดปล่อยกลิ่นอายอันน่ากลัวออกมา
เพียงแค่ปราณม่วงหนึ่งสาย ก็สามารถทำลายความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตได้
“ปราณวิญญาณมากมายเช่นนี้ หรือว่าบุตรเทพกำลังทะลวงระดับครั้งใหญ่?”
รอบเกาะเทพ ผู้บำเพ็ญมากมายมองดูด้วยความตกใจและประหลาดใจ
ใต้ความว่างเปล่า กู้ฉางเซิงยืนหยัดอยู่ ชุดขาวปลิวไสว ราวกับกำลังจะเหาะเหินขึ้นไป
ปราณวิญญาณมากมายล้อมรอบกายของเขา พุ่งทะยานเข้าไปภายในห้วงสมุทรวิญญาณปฐมโกลาหล น่าตกใจยิ่งนัก ยิ่งทำให้เขาดูเหมือนเซียนที่พ้นโลกีย์
ภายในโถงตำหนัก
หินวิญญาณนับหมื่นจินหลอมละลาย แสงสว่างส่องประกายทะลวงผ่านท้องฟ้า ราวกับจะแปรเปลี่ยนสถานที่แห่งนี้เป็นสระเซียน
ปราณวิญญาณหนาแน่นจนแทบจะกลายเป็นของเหลว ไหลรินลงมา
ผู้อาวุโสคนหนึ่งเริ่มต้นลงมือ ปลดปล่อยยันต์วิเศษมากมายเชื่อมต่อกัน ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ที่คิดร้ายเข้ามารบกวนการทะลวงระดับของกู้ฉางเซิง
“หากไม่ผนึกท้องฟ้า เกรงว่าแสงสว่างแห่งนี้จะทะลวงผ่านชั้นฟ้า ทั่วทั้งฟ้าดินคงต้องมืดมัวลง”
มีคนกล่าวขึ้นด้วยความตกใจ
ตู้ม!
นั่นคือเสียงของห้วงสมุทรวิญญาณปฐมโกลาหลที่กำลังขยายตัว
ทันใดนั้น แสงสว่างก็ทะลวงผ่านชั้นฟ้า ทะลวงท้องฟ้าขึ้นไป
ทั่วทั้งฟ้าดินเต็มไปด้วยแสงสว่าง ทำให้ผู้คนไม่อาจลืมตาขึ้นได้
ภายในห้วงสมุทรวิญญาณปฐมโกลาหล ราวกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่เพิ่งจะถือกำเนิด
แสงสว่างนับพันสาย รัศมีนับพันสาย ห้าสีเจ็ดแสง ล้อมรอบกายของเขา ดูศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่ง ราวกับว่ากำลังแยกฟ้าดิน
ภายในห้วงสมุทรแห่งปัญญาและตำหนักดวงจิต แสงเซียนสว่างไสว ใต้ต้นโพธิ์ วิญญาณก่อกำเนิดสีทองขนาดเล็กยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น
ภาพเหตุการณ์เช่นนี้ ดำเนินต่อไปครึ่งชั่วยาม จึงค่อย ๆ สลายหายไป
กลิ่นอายของกู้ฉางเซิง จากระดับตำหนักดวงจิตระยะสมบูรณ์ บรรลุถึงระดับแยกปฐพีหนึ่งวัฏ
แต่ยังไม่จบเพียงเท่านี้
ตามการทะลวงระดับของเขา ฟ้าดินราวกับกำลังตอบแทน
ปราณวิญญาณมากมายนับไม่ถ้วน แปรเปลี่ยนเป็นวังวนขนาดใหญ่ พุ่งทะยานเข้ามาอีกครั้ง
สมุนไพรวิญญาณโอสถเทพมากมาย ถูกกู้ฉางเซิงกลืนกินลงไป แปรเปลี่ยนเป็นพลังอันยิ่งใหญ่
แยกปฐพีสองวัฏ!
สามวัฏ!
สี่วัฏ!
……
เจ็ดวัฏ!
เมื่อบรรลุถึงระดับแยกปฐพีเจ็ดวัฏ วังวนปราณวิญญาณที่ราวกับทะเล จึงค่อย ๆ สลายหายไป
ทั่วทั้งฟ้าดินกลับมาสงบนิ่ง
กู้ฉางเซิงสะบัดชุดขาว เดินลงมาจากโถงตำหนัก แสงสว่างในดวงตาทั้งสองข้างสลายหายไป กลายเป็นความสงบนิ่ง
ราวกับว่าการทะลวงระดับมากมายเช่นนี้ เป็นเรื่องง่ายดายสำหรับเขา
แน่นอน นี่เป็นเรื่องง่ายดายจริง ๆ
ซูเสี่ยวเซวียนและทั่วป๋าซืออวี่ที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ต่างก็เบิกตากว้าง
“คุณชายที่พวกเราติดตาม เป็นตัวประหลาดอันใดกันแน่!”
ทั้งสองมองหน้ากัน เห็นเพียงความตกใจและความเหลือเชื่อในดวงตาของอีกฝ่าย
แต่สมาชิกตระกูลกู้กลับสงบนิ่ง
เพราะพวกเขาเห็นจนชินแล้ว
“แยกปฐพีเจ็ดวัฏ พลังอำนาจแข็งแกร่งกว่าเดิมมาก” กู้ฉางเซิงสัมผัสถึงพลังอำนาจในร่างกาย กล่าวพึมพำ
แต่เขามิได้สนใจมากนัก นี่เป็นเพียงขั้นตอนที่ต้องเกิดขึ้น
แน่นอน หากเป็นผู้บำเพ็ญธรรมดาสามัญ ในระดับแยกปฐพี หากไม่ได้บำเพ็ญเพียรอย่างหนักหลายสิบปี ยากที่จะทะลวงระดับได้
“ขอแสดงความยินดีกับบุตรเทพ!”
“ขอแสดงความยินดีกับบุตรเทพ!”
ในเวลานี้ รอบกายปรากฏแสงสว่างมากมายพุ่งลงมา เป็นสมาชิกตระกูลกู้มากมาย พวกเขากล่าวด้วยความเคารพ
กู้ฉางเซิงพยักหน้าเล็กน้อย กล่าวว่า “ไม่ต้องมากพิธี”
ซูเสี่ยวเซวียนยังคงตกตะลึง นางอดไม่ได้ที่จะกล่าวขึ้นว่า “คุณชาย ท่านน่ากลัวยิ่งนัก ข้าบำเพ็ญเพียรอย่างหนักเป็นเวลานาน จึงสามารถทะลวงระดับแยกปฐพีได้ แต่กลับติดอยู่ที่หนึ่งวัฏถึงครึ่งปี”
นางรู้สึกกลุ้มใจอย่างยิ่ง
ตอนนี้ ตบะของนางอยู่ที่ระดับแยกปฐพีหนึ่งวัฏ ในบรรดาอัจฉริยะฟ้าประทานรุ่นเดียวกัน นับว่าเป็นระดับกลาง
แต่เมื่อเทียบกับคุณชายแล้ว แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน……
ทั้งสองมิได้อยู่ในระดับเดียวกัน ไม่อาจเปรียบเทียบได้
ทั่วป๋าซืออวี่ตกใจยิ่งกว่า
ต้องรู้ว่าก่อนหน้านี้ ตบะของเขาอยู่ที่ระดับแยกปฐพีเก้าวัฏระยะสูงสุด แต่กลับมิอาจต้านทานฝ่ามือเดียวของกู้ฉางเซิงได้
แต่ตอนนี้ กู้ฉางเซิงทะลวงระดับไปกี่ระดับแล้ว?
มุมปากของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น คิดในใจ “การเกิดในยุคเดียวกันกับคุณชาย เป็นเรื่องน่าเศร้าอย่างยิ่ง”
ได้ยินคำพูดของซูเสี่ยวเซวียน กู้ฉางเซิงจึงหัวเราะเบา ๆ กล่าวว่า “หากความพยายามมีประโยชน์ เหตุใดจึงต้องมีพรสวรรค์ด้วยเล่า?”
ได้ยินเช่นนั้น ผู้คนโดยรอบต่างก็มีสีหน้าแข็งค้าง พูดไม่ออก