ตอนที่แล้วบทที่ 31 การอ่านหนังสือด้วยตนเอง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 33 บังเอิญจริงๆ

บทที่ 32 คืนดีกัน


บทที่ 32 คืนดีกัน

เจิ้งหว่า เงียบไปสักพัก แล้วพูดขึ้นว่า “จำสิ่งที่ฉันเคยบอกไว้นะ ตั้งใจเรียนให้ดี ตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกเกือบหนึ่งปีกว่าจะถึงสอบเข้ามหาวิทยาลัย ถ้าตั้งใจเรียนให้ดี ยังพอมีโอกาสสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่พอใช้ได้อยู่”

เดิมทีเจิ้งฮว่าเลิกพูดเรื่องพวกนี้กับเฉินเฉิงแล้ว ครั้งก่อนที่เขาพูดออกมาก็เพราะกลอนที่เฉินเฉิงเขียนมันดีมาก แต่สำหรับนักเรียนอย่างเฉินเฉิง เจิ้งฮว่าเคยพูดมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนแต่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง สุดท้ายก็เลยเลิกพูดไป

ในฐานะครู หากเป็นไปได้ ไม่มีใครอยากจะละทิ้งนักเรียนของตน

แต่พฤติกรรมของเฉินเฉิงในสัปดาห์นี้เป็นที่ประจักษ์ชัด แม้ว่าตอนที่เจิ้งฮว่าสังเกตนักเรียนจากนอกหน้าต่าง เฉินเฉิงจะยังไม่ยอมตั้งใจฟังเวลาเรียนวิชาอื่นๆ แต่ไม่ว่าจะเป็นการเรียนพิเศษในช่วงเช้าหรือช่วงเที่ยง เขาก็ไม่มาสายอีกเลย

เฉินเฉิงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ผมจะตั้งใจเรียนครับ อาจารย์”

“อืม ไปท่องหนังสือต่อเถอะ” เจิ้งฮว่ากล่าว

เฉินเฉิงกลับไปนั่งที่ แล้วหยิบหนังสือภาษาจีนขึ้นมาท่อง

ความจริงเมื่อวานเฉินเฉิงไม่ได้คิดว่าจะมาเรียนในเช้าวันนี้

แต่ช่วงนี้เขาเริ่มชินกับการตื่นเช้า หกโมงเช้าเฉินเฉิงก็ตื่นแล้ว

อยู่บ้านก็ไม่มีอะไรทำ เฉินเฉิงจึงถือร่มมาโรงเรียน

ฝนยังตกพรำๆ อยู่ข้างนอก หลังจากท่องหนังสือไปสักพัก เฉินเฉิงเปิดหน้าต่างด้านขวาออกเล็กน้อย ลมเย็นพัดเข้ามาพร้อมกับละอองฝน กระทบใบหน้าให้ความรู้สึกสดชื่น

ตึกเรียนของชั้นมัธยมปลายปีสามอยู่ในอาคารเดียวกันกับชั้นมัธยมปลายปีหนึ่ง ตึกเรียนนี้มีสี่ชั้น สองชั้นล่างเป็นห้องเรียนของชั้นมัธยมปลายปีหนึ่ง และสองชั้นบนเป็นของชั้นมัธยมปลายปีสาม ด้านหลังตึกเรียนนี้คือแม่น้ำอันเหอ ที่มีชื่อเสียงในอันเฉิง แม่น้ำสายนี้เป็นที่จดจำของผู้คนมากมายในเมืองอันเฉิง เฉินเฉิงเคยลงไปอาบน้ำในแม่น้ำสายนี้ และเคยตกปลาและจับกุ้งที่นี่

น้ำจากแม่น้ำอันเหอสายหนึ่งไหลเข้ามาในโรงเรียนอันเฉิงอันดับหนึ่ง ซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมเพียงแห่งเดียวในเมืองนี้ที่มีพื้นที่น้ำขนาดใหญ่

โรงเรียนอันเฉิงอันดับหนึ่งมีประวัติยาวนานกว่าร้อยปี เมื่อก่อตั้งโรงเรียนครั้งแรกก็เลือกสถานที่นี้เพราะมีแหล่งน้ำ และได้สร้างโรงเรียนที่ผลิตบุคลากรมากมายให้แก่ชาวอันเฉิงขึ้นรอบๆ ลำน้ำสายน้อยที่แยกออกมาจากแม่น้ำอันเหอ

ท่ามกลางหมอกและฝนในฤดูใบไม้ร่วง ณ ตอนนี้ แม่น้ำอันเหอให้ความรู้สึกเหมือนชนบททางตอนใต้ของจีน คล้ายกับอยู่ในดินแดนแห่งหมอกและฝน ทำให้ฝนทางตอนเหนือที่มักดูดุดันกลับกลายเป็นความอ่อนโยนแบบทางใต้

ไม่มีนักเขียนคนไหนที่ไม่ชอบเจียงหนาน แต่เฉินเฉิงกลับชอบเมืองอันเฉิงที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขามากกว่า

แม้เจียงหนานจะดี แต่เมืองอันเฉิงคือบ้านเกิดของเขา เป็นที่ที่เขาเกิดและเติบโต

เมื่อมองไปยังแม่น้ำอันเหอที่จางหายไปในม่านฝน มองไปยังแม่น้ำที่มีเพียงความทรงจำในวัยเด็กของเขา

เฉินเฉิงเหม่อลอยไปชั่วครู่

แต่ฝนก็ตกหนักขึ้น เมื่อหยดฝนที่กระทบใบหน้าของเขาเริ่มเจ็บ เฉินเฉิงจึงปิดหน้าต่าง

ไม่นานนัก เสียงกริ่งบอกเวลาเลิกเรียนพิเศษช่วงเช้าก็ดังขึ้น

“นักเรียนที่พักอยู่โรงเรียนและไม่กลับบ้าน ให้มาลงชื่อกับครู ส่วนคนอื่นให้รีบกลับบ้าน อย่าเที่ยวเล่นระหว่างทาง เดี๋ยวครูจะไปตรวจสอบร้านอินเทอร์เน็ตแถวๆ นี้ ถ้าใครไม่กลับบ้านแล้วไปเล่นอินเทอร์เน็ต ถ้าคิดว่ากระบองในมือครูยังเบาไม่พอ ก็ลองดูได้” เจิ้งฮว่ากล่าว

พอได้ยินคำพูดของเจิ้งฮว่า นอกจากนักเรียนไม่กี่คนที่ต้องไปลงชื่อกับครูแล้ว นักเรียนที่เตรียมตัวกลับบ้านก็รีบเก็บของออกจากห้องเรียนทันที

“เฉินชิง วันนี้ฉันอาจจะกลับบ้านพร้อมนายไม่ได้แล้วนะ” หวังเหยียน พูดพร้อมยิ้ม

“ทำไมเหรอ?” เฉินชิงถาม

“ฝนตกน่ะ แม่ฉันเพิ่งส่งข้อความมาบอกว่าเดี๋ยวจะมารับ” หวังเหยียนตอบ

“งั้นรีบไปเถอะ อย่าให้แม่ของนายต้องรอนาน” เฉินชิงกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

“งั้นฉันไปก่อนนะ” หวังเหยียนพูด

“อืม ไปเถอะ” เฉินชิงตอบ

หวังเหยียนหยิบกระเป๋าแล้วเดินออกจากห้องเรียนอย่างรวดเร็ว

ฝนข้างนอกตกหนักมาก หลายคนที่พักอยู่โรงเรียนไม่มีร่ม ก็ยืนอออยู่ในโถงทางเดินชั้นหนึ่ง รอให้ฝนหยุดก่อนถึงจะออกไปได้ เฉินเฉิงกางร่มแล้วเดินออกไป

บังเอิญว่าเฉินชิงก็เดินลงมาพอดีและกำลังจะเดินออกจากโถงทางเดิน

เมื่อเจอกันเข้าแล้ว เฉินเฉิงก็ยิ้มทักทาย

“บังเอิญจัง” เฉินเฉิงพูดพร้อมรอยยิ้ม

“อืม” เฉินชิงพยักหน้า

“กลับถึงบ้านแล้วฝากสวัสดีคุณลุงเฉินให้ด้วยนะ” เฉินเฉิงพูดพร้อมยิ้ม

ในชีวิตก่อนของเฉินเฉิง เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับพ่อของเฉินชิง ซึ่งก็คือเฉินซื่อ หลังจากที่เฉินเฉิงโด่งดังในชีวิตก่อน เฉินซื่อก็ได้เป็นผู้อำนวยการกรมวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของอันเฉิง

เนื่องจากเฉินเฉิงเป็นนักเขียนที่มาจากอันเฉิง และหนังสือเล่มแรกของเขาก็เกี่ยวกับเรื่องราวของอันเฉิง ทั้งคู่จึงมีโอกาสได้พบกันบ่อยครั้ง

“อืม ได้สิ” เฉินชิงตอบ

“งั้น ฉันไปก่อนนะ” เมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้มีท่าทีที่จะคุยต่อ เฉินเฉิงจึงคิดจะไปก่อน

“นายเปลี่ยนไปจากเดิมนะ” เฉินชิงพูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน

“ทุกคนย่อมเปลี่ยนแปลงไป” เฉินเฉิงยิ้มตอบ

“ทำไมนายมาถึงเช้าทุกวันเลยล่ะช่วงนี้?” เฉินชิงเอ่ยความสงสัยออกมา

“แต่ก่อนฉันเรียนไม่ดี ก็เลยอยากตั้งใจเรียนให้มากขึ้น จะได้สอบเข้ามหาวิทยาลัยดีๆ” เฉินเฉิงยิ้มตอบ

“เพราะฉันหรือเปล่า?” เมื่อได้ยินคำตอบของเฉินเฉิง เฉินชิงก็ถามออกมาอย่างไม่รู้ตัว

แต่พอพูดออกไปแล้ว เธอก็รู้สึกว่าคำพูดนั้นอาจไม่เหมาะสม จึงรีบพูดต่อว่า “ฉัน...”

“ไม่ใช่หรอก” เฉินเฉิงยิ้มตอบ “มันไม่เกี่ยวกับใครทั้งนั้น ฉันแค่รู้สึกว่าในช่วงเวลาที่ดีแบบนี้ ไม่ควรปล่อยให้ความเยาว์

วัยผ่านไปอย่างสูญเปล่า ไม่อย่างนั้นฉันจะต้องเสียใจในภายหลัง ฉันก็เลยตั้งใจเรียนให้มากขึ้น”

“อืม สู้ๆ นะ” เฉินชิงยิ้ม แล้วพูดว่า “ถ้านายต้องทบทวนอะไรเยอะ ถ้ามีตรงไหนที่ไม่เข้าใจ นายมาถามฉันได้นะ”

“ยังไงพวกเราก็ยังเป็นเพื่อนกันใช่ไหม?” เฉินชิงพูดพร้อมยิ้ม

“ใช่ เราเป็นเพื่อนกันมาตลอด” เฉินเฉิงยิ้มตอบ

หลายคนในโถงทางเดินมองไปที่สองคนที่กำลังเดินคุยกันท่ามกลางสายฝนด้วยความสงสัย

สองคนนี้ไม่ใช่ทะเลาะกันอยู่หรอกเหรอ?

ในช่วงนี้มีข่าวลือเกี่ยวกับทั้งคู่มากมาย

เริ่มจากที่เฉินเฉิงสารภาพรักกับเฉินชิง แล้วถูกเธอปฏิเสธกลางสนามบาส จากนั้นเฉินเฉิงก็ยื่นจดหมายรักให้กับเจียงลู่ซี

ต่อมาก็เกิดเรื่องที่แผงขายอาหารนอกโรงเรียนที่เฉินเฉิงปฏิเสธไม่ให้เฉินชิงแซงคิว ทั้งคู่ก็เหมือนจะไม่ลงรอยกัน

จากนั้นก็เกิดเหตุการณ์ที่แฟนหนุ่มของหลี่ตาน ซึ่งเป็นคนที่มักจะตามติดเฉินชิง ไปดักทำร้ายจางอี้ ที่ประตูโรงเรียนตอนเลิกเรียนช่วงค่ำของวันจันทร์ แล้วโจวหยวน ที่ตามเฉินเฉิงอยู่ก็พาคนมาช่วยจางอี้

ว่ากันว่าแฟนของหลี่ตาน ซึ่งชื่อจางฉี นั้นเจ็บตัวไม่น้อย

เรื่องนี้กลายเป็นข่าวดังในโรงเรียนทันที

ได้ยินมาว่าหลังจากนั้น จางฉียังไปด่าหลี่ตานว่าทำไมไม่บอกเขาว่าจางอี้เป็นคนของเฉินเฉิง

ทุกคนต่างคิดว่าตอนนี้เฉินเฉิงกับเฉินชิงคงทะเลาะกันจนมองหน้ากันไม่ติดแล้ว

หลายคนยังรอดูว่าการปะทะระหว่างเฉินเฉิงกับเฉินชิงจะเป็นอย่างไร

แต่ทำไมเพิ่งไม่กี่วัน ทั้งคู่ก็กลับมาคุยกันปกติได้อีกแล้วล่ะ?

“ฉันว่าแล้ว เฉินเฉิงชอบเฉินชิงขนาดนั้น ทั้งสองคนจะทะเลาะกันจริงๆ ได้ยังไง ช่วงนั้นเฉินชิงปฏิเสธเฉินเฉิง เฉินเฉิงก็แค่ไม่พอใจแล้วอยากกู้หน้าคืน พอกู้หน้าคืนได้ ทั้งคู่ก็คืนดีกันแล้ว”

“เมื่อวานยังมีคนในห้องสามบอกเลยว่าเฉินเฉิงเปลี่ยนใจไปชอบเจียงลู่ซีแล้ว เขาบอกว่าเฉินเฉิงช่วงนี้สนใจเจียงลู่ซีเป็นพิเศษ ทั้งช่วยทำความสะอาดและช่วยจับรถให้ เจียงลู่ซีสวยกว่าเฉินชิงก็จริง แต่ครอบครัวของเฉินชิงมีเงินมากกว่า พ่อของเฉินชิงในอนาคตหน้าที่การงานก็ก้าวหน้า เฉินเฉิงจะไปชอบเจียงลู่ซีได้ยังไง”

ขณะนั้น เจียงลู่ซีที่เพิ่งลงมาถึงโถงทางเดินชั้นหนึ่งได้ยินคำพูดเหล่านี้พอดี

เมื่อมองไปยังเฉินเฉิงและเฉินชิงที่กำลังคุยกันอย่างมีความสุข เจียงลู่ซีก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ความจริงแล้ว นี่คือสิ่งที่เธอหวังมากที่สุด

ขอแค่ทั้งคู่คืนดีกันก็พอ

เพราะแบบนี้เฉินเฉิงก็จะยังคงชอบเฉินชิงต่อไป และจะไม่มารบกวนเธออีก

เหตุการณ์ที่เฉินเฉิงช่วยจับจักรยานและช่วยทำความสะอาดให้เมื่อวันจันทร์นั้น มีนักเรียนหลายคนเห็น และข่าวลือว่าเฉินเฉิงเปลี่ยนใจมาชอบเธอก็แพร่กระจายไปทั่วโรงเรียน

เจียงลู่ซีไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เลยจริงๆ

แต่เมื่อมองออกไปข้างนอก ฝนยังคงตกหนัก เธอรู้สึกกระวนกระวาย

ตอนนี้ก็เจ็ดโมงกว่าแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เธอจะไปเป็นติวเตอร์ที่บ้านคนอื่น จะไปสายไม่ได้แน่นอน

รออีกสักพักเถอะ ถ้าฝนยังไม่หยุดตก ไม่ว่าฝนจะตกหนักแค่ไหน เธอก็ต้องไป

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด