ตอนที่แล้วบทที่ 23 เลอวั่นอี้ตกตะลึง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 25 ความรักของหญิงสาวไม่มีวันจางหาย

บทที่ 24 ใครบอกว่าเย่เหรินยังอยู่แค่ระดับเงินกัน?


บทที่ 24 ใครบอกว่าเย่เหรินยังอยู่แค่ระดับเงินกัน?

เลอวั่นอี้ได้เห็นว่าเลอเอินจิงเป็นห่วงเธอมากขนาดนี้

เธอก็รู้สึกอบอุ่นใจ นานมากแล้วที่เธอไม่ได้สัมผัสกับความรู้สึกแบบนี้จากครอบครัว

“ท่านอา ยังจำเหตุผลที่เย่เหรินท้อแท้ได้รึเปล่าคะ?” เลอวั่นอี้เล่าเรื่องราวในอดีต “ตอนนั้นเย่เหรินมีพรสวรรค์มาก แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาจึงเลือกที่จะไม่บอกผู้ใหญ่เรื่องที่เขากำลังจะก้าวข้ามระดับทอง”

“สุดท้ายแล้ว ผลลัพธ์ก็เป็นอย่างที่ท่านอาเห็น การก้าวข้ามระดับทองล้มเหลว เย่เหรินไม่ยอมแพ้ เขาลองอีกหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็จบด้วยความล้มเหลว มันทำให้เขาก้าวข้ามระดับทองไม่ได้อีกต่อไป”

พูดจบ

เลอวั่นอี้ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ หากไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

ตอนนี้เธอก็คงจะแต่งงานกับเย่เหรินไปแล้ว...

“ฉันรู้เรื่องนี้นะ เย่เหรินมีพรสวรรค์มาก แต่เขากลับมั่นใจในตัวเองมากเกินไป มันเลยทำให้เขาเจอผลลัพธ์แบบนั้น” เลอเอินจิงพูดต่อ

เลอวั่นอี้ส่ายหน้า “ไม่ใช่แบบนั้นค่ะท่านอา มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด”

เลอวั่นอี้เล่าเรื่องราวในอดีตต่อ “ตั้งแต่ที่เย่เหรินท้อแท้ ฉันก็ได้คุยเรื่องนี้กับท่านปู่”

“ท่านปู่บอกฉันว่า ตอนที่เย่เหรินก้าวข้ามระดับทองล้มเหลวครั้งแรก ท่านปู่ได้ตรวจดูอาการบาดเจ็บของเย่เหรินอย่างละเอียด เพื่อรักษาเย่เหรินให้หาย ท่านปู่ได้ใช้ทักษะที่สืบทอดกันมาในตระกูลเลอ ชิงซินเซิ่งเจว๋”

“ท่านอาก็รู้ดี ทักษะของตระกูลเลอของเรามุ่งเน้นไปที่จิตวิญญาณ โดยเฉพาะทักษะชิงซินเซิ่งเจว๋ สามารถกวาดล้างแปลกปลอมทั้งหมดในจิตวิญญาณได้”

“เดิมทีท่านปู่คิดว่านี่เป็นเรื่องเล็กน้อย แต่เมื่อท่านปู่ใช้ทักษะชิงซินเซิ่งเจว๋ตรวจสอบอาการบาดเจ็บ ท่านปู่ก็พบว่าอาการบาดเจ็บของเย่เหรินไม่ได้เกิดจากการก้าวข้ามขีดจำกัดที่ล้มเหลว”

ใบหน้าของเลอวั่นอี้มืดมนลง เธอพูดซ้ำในสิ่งที่ท่านปู่เคยบอกกับเธอ “ตอนนั้น ท่านปู่พูดกับฉันเพียงแค่แปดคำ ‘หากสองความภาคภูมิใจร่วมมือกัน งูหลามจะกลืนกินมังกร’”

เลอเอินจิงได้ยินคำพูดของเลอวั่นอี้

เธอก็สงบลง ออร่าที่รุนแรงของเธอก็หายไป

“เธอหมายความว่าการที่เย่เหรินก้าวข้ามขีดจำกัดล้มเหลวหลายครั้ง ไม่ใช่เพราะความประมาทของเขา แต่เป็นเพราะมีคนจงใจวางกับดักงั้นเหรอ?”

เลอเอินจิงรวบรวมความคิดจากคำพูดของเลอวั่นอี้ “งูหลามกลืนกินมังกร มังกรหมายถึงมังกรหมึกแห่งตระกูลเย่ ส่วนงูหลาม...”

เลอเอินจิงหยุดพูด มีเพียงแค่สองสำนักในโลกนี้ที่เกี่ยวข้องกับงูหลาม

เลอวั่นอี้ยิ้มอย่างขมขื่น “ท่านอาคงเดาออกแล้วสินะ พวกเขาคือตระกูล... แต่หนูไม่รู้ว่าทำไม

แต่ตั้งแต่ที่ท่านปู่รู้เรื่องนี้ ท่านปู่ก็เตือนหนูว่าอย่าไปยุ่งเกี่ยวกับตระกูลเย่

ตระกูลเย่อาจจะสามารถต่อกรกับตระกูลพวกนั้นได้ แต่ตระกูลของเรานั้น...”

เลอวั่นอี้ดูเศร้าใจ

ปัญหาใหญ่ที่สุดของตระกูลเลอก็คือการขาดผู้สืบทอด

จนถึงทุกวันนี้ หัวหน้าตระกูลก็ยังคงเป็นท่านปู่ของเลอวั่นอี้

ส่วนพ่อของเลอวั่นอี้ ทายาทตระกูลเลอ เสียชีวิตตั้งแต่ยังหนุ่ม

ลุงที่เหลือของเลอวั่นอี้ ไม่เพียงแต่จะไม่มีความสำเร็จในการฝึกฝนเท่านั้น แต่ยังมัวแต่ต่อสู้แย่งชิงอำนาจกันอีก

ตระกูลที่ขาดเสาหลัก

หากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของตระกูลอื่นๆ ก็ไม่ต่างอะไรกับการหาเรื่องใส่ตัว

เลอเอินจิงครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง เธอไม่ได้พูดอะไรออกมา

เธอไม่คิดเลยว่าเบื้องหลังความล้มเหลวในการก้าวข้ามระดับทองของเย่เหริน ะเกี่ยวข้องกับการต่อสู้ของสามตระกูลใหญ่

“แปลกๆ นะ”

เลอเอินจิงพูดขึ้น “ถ้าเรื่องมันเป็นแบบนี้  เจ้าแก่คนนั่นก็น่าจะขังเธอไว้ในตระกูล ทำไมถึงปล่อยให้เธอออกมายังไงล่ะ? แถมยังเป็นถึงอาจารย์ใหญ่ของนักศึกษาใหม่ในสถาบันเกาอู่แห่งมหานครเวทมนตร์อีก”

เลอเอินจิงรู้จักพ่อของเธอเป็นอย่างดี เมื่อก่อนเขาก็จัดการเรื่องของเธอแบบนี้

เลอวั่นอี้ได้ยินคำถาม เธอยิ้มอย่างขมขื่น

“เหตุผลที่หนูออกมาได้ ไม่ใช่เพราะความตั้งใจของท่านปู่ แต่เป็นความตั้งใจของเหล่าลุงค่ะ ในการประชุม พวกเขาต่างก็เห็นพ้องต้องกันว่าฉันมีพรสวรรค์และเป็นผู้ใหญ่ ฉันควรจะออกไปหาประสบการณ์”

“สุดท้ายแล้วท่านปู่ก็ทนแรงกดดันไม่ไหว ท่านปู่ถามฉันว่าอยากจะไปไหน ฉันก็เลยเลือกสถาบันเกาอู่แห่งมหานครเวทมนตร์”

เลอเอินจิงได้ยินแบบนั้น สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป

สายเลือดของเลอวั่นอี้ถือว่าเป็นสายตรงของตระกูลเลอ พ่อของเลอวั่นอี้ก็คือทายาทที่ชายชรามอบหมายให้

แต่ตอนนี้ สมาชิกในครอบครัวของเลอวั่นอี้กลับคิดที่จะเตะนางออกจากตระกูล

เจตนาของเหล่าสาขาย่อยนั้นชัดเจน

เลอเอินจิงหรี่ตาลง เธอพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “การควบคุมตระกูลของเจ้าแก่นั่นย่ำแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ?”

เลอวั่นอี้พยักหน้า “ท่านปู่อายุมากแล้ว ทุกครั้งที่ท่านปู่ใช้พลัง ท่านปู่อาจจะเสียชีวิตได้ เพื่อปกป้องตระกูล ท่านปู่จึงไม่ค่อยได้ใช้พลัง แถมท่านปู่ยังมอบหมายงานต่างๆ ให้กับเหล่าลุงแทน”

“สารเลว” เลอเอินจิงสบถออกมา หมอกสีเทารอบๆ ตัวเธอเริ่มปรากฏขึ้น พลังของเธอกำลังพุ่งสูงขึ้น

“พอพี่ใหญ่ไม่อยู่แล้ว พวกมันถึงได้กล้าทำแบบนี้สินะ?”

เลอเอินจิงมองเลอวั่นอี้ ดวงตาของเธอเปล่งประกายความชั่วร้ายออกมา

“ครั้งหน้า ถ้าหากเธอจะกลับไปที่ตระกูลเลอก็บอกฉันด้วย ฉันจะไปกับเธอเอง ถ้าหากเจ้าแก่นั่นจัดการเรื่องนี้ไม่ได้ ก็ต้องให้คนอื่นจัดการแทน”

คำพูดของเลอเอินจิงเต็มไปด้วยจิตสังหาร

ถึงแม้ว่าปกติแล้วเธอจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของตระกูลเลอก็ตาม

แต่เลอวั่นอี้ก็คือหลานสาวของเธอ เธอเห็นเลอวั่นอี้เติบโตขึ้นมา การรังแกเลอวั่นอี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการรังแกเธอ

ถ้าหากไม่รู้ก็แล้วไป

แต่ในเมื่อรู้แล้ว เธอจะทนได้ยังไง ในเมื่อเธอเป็นถึงคนของโรงเตี๊ยมอิสระ

“แล้วทำไมเธอถึงเลือกสถาบันเกาอู่แห่งมหานครเวทมนตร์ล่ะ?” เลอเอินจิงถาม เลอวั่นอี้

เลอวั่นอี้ไม่ได้ตอบ เธอก้มหน้าลงเล็กน้อย

เลอเอินจิงที่เห็นแบบนั้น เธอตบมืออย่างดีใจ

“ดีๆๆ ในเมื่อเธอรักเขา และฉันก็สนใจในตัวเขา”

เลอเอินจิงพูดอย่างองอาจ “ครั้งหน้า ถ้าหากเธอจะกลับบ้าน ก็พาเย่เหรินไปด้วย ฉันจะช่วยจัดการเรื่องแต่งงานของพวกเธอให้! ไม่ต้องกังวลไป ตราบใดที่ฉันยังอยู่ ตระกูลเลอก็อย่าหวังว่าจะพรากพวกเธอออกจากกันได้!!”

“แต่...ท่านปู่บอกว่า การต่อสู้ของสามตระกูลใหญ่ ไม่ใช่สิ่งที่ตระกูลเลอของเราจะทนได้”

เลอวั่นอี้ยังคงกังวล

เลอเอินจิงส่ายหัว “อย่าพูดถึงเรื่องความสัมพันธ์ของตระกูลเลย เอาเป็นว่าด้วยศักยภาพที่เย่เหรินมีแล้ว ถึงแม้จะมีสามตระกูลใหญ่ขัดขวาง แต่มันก็ยังคุ้มค่าที่จะต่อสู้อยู่ดี”

เลอวั่นอี้ประหลาดใจเล็กน้อยที่ได้ยินเลอเอินจิงพูดถึงเย่เหรินแบบนั้น

“แต่ เย่เหรินอาจจะอยู่แค่ระดับเงินไปตลอดชีวิต...”

เลอวั่นอี้ชอบเย่เหริน เธอไม่สนใจเรื่องความแข็งแกร่ง เธอคิดว่าเย่เหรินคือสามีที่ดีที่สุดในโลก

แต่เธอก็ยังรู้จักตัวเองดี

ท้ายที่สุดแล้ว เย่เหรินก็เป็นได้แค่ผู้มีพลังระดับเงิน...คุณค่าของเขาจะสูงส่งขนาดนั้นจริงๆ เหรอ?

“ใครบอกว่าเย่เหรินยังอยู่แค่ระดับเงินกัน?”

คำพูดของเลอเอินจิงทำให้เลอวั่นอี้ตกตะลึงอีกครั้ง

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด