บทที่ 23 เลอวั่นอี้ตกตะลึง
บทที่ 23 เลอวั่นอี้ตกตะลึง
คำพูดของเลอเอินจิงยิ่งทำให้เลอวั่นอี้สับสนมากขึ้น
เลอเอินจิงเห็นเลอวั่นอี้นิ่งเงียบ เธออดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ย
“ดูเหมือนว่า เจ้าแก่หนวดเคราสีขาวคนนั่นคงจะมีวิสัยทัศน์แค่นี้ ครูแบบนี้กำลังจะถูกไล่ออก สมแล้วล่ะที่เป็น ชายชราตาฝ้าฟาง ทำไมไม่ตายไปซะ ให้ฉันเป็นคนจัดการเรื่องพวกนี้แทนดีกว่า”
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเธออยู่โรงเตี๊ยมอิสระมานาน หรือว่าเป็นเพราะเธอกำลังหลุดพ้นจากพันธนาการของตระกูลใหญ่
ตอนนี้เลอเอินจิงดูหยิ่งยโส เธอใช้ชีวิตอย่างอิสระ
เลอวั่นอี้ได้ยินคำพูดนั้น เธอเอามือปิดปากเลอเอินจิง
“ท่านอา เบาๆ หน่อยค่ะ ท่านอธิการบดีไป๋อาจจะสัมผัสได้”
ไป๋ซูคือปรมาจารย์ผู้เลิศล้ำที่สามารถทำลายล้างโลกได้
มีข่าวลือว่าไป๋ซูสามารถล่วงรู้ได้ถึงคำพูดที่คนอื่นพูดถึงเขา
เลอเอินจิงปัดมือของเลอวั่นอี้ เธอพูดอย่างไม่พอใจ “กลัวอะไรกันล่ะ? ฉันบอกความจริงกับเธอเอง ถึงแม้จะอยู่ต่อหน้าไป๋ ฉันก็ยังกล้าพูดแบบนี้”
เลอวั่นอี้มองเลอเอินจิงอย่างเศร้าใจ
“ท่านอา เย่เหรินฉีดยาอะไรท่านอามา? ทำไมท่านอาถึงชื่นชมเขาขนาดนั้น?”
“นี่เจ้าหนู นี่เธอยังไม่เชื่อในสิ่งที่อาพูดอีกเหรอ?!” เลอเอินจิงเห็นว่าเลอวั่นอี้ยังคงไม่เชื่อ เธอจึงโบกมือไปข้างหลัง
“เสี่ยวหรู ออกมาเดี๋ยวนี้”
จากนั้นเจียงเสี่ยวหรูก็เดินออกมาจากห้องด้านใน
ตอนนี้เธอดูไม่ขี้อายเหมือนก่อน เธอยิ้มให้กับเลอวั่นอี้ รอยบุ๋มน่ารักๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้ากลมๆ ของเธอ มันช่างเข้ากับฟันกระต่ายของเธอ
ความน่ารักสดใสของโลลิต้าถูกสะท้อนออกมาจากเจียงเสี่ยวหรู
“สวัสดีค่ะ อาจารย์ใหญ่เลอ ฉันขอแนะนำตัวอีกครั้ง ฉันชื่อเจียงเสี่ยวหรู นักเรียนของครูเย่ ห้อง 1/2 ค่ะ”
เลอวั่นอี้ที่เห็นเจียงเสี่ยวหรู
สายตาของเธอไม่เคยละไปจากเจียงเสี่ยวหรู แถมเธอยังขยี้ตาโดยไม่รู้ตัว
สงบนิ่ง มั่นใจ หนักแน่น
นี่...นี่มันเจียงเสี่ยวหรูจริงๆ น่ะเหรอ?
ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง บุคลิกของเธอเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เลยเหรอ?
เธอเหมือนกับ...
“เหมือนกับคนละคนเลยใช่มั้ยล่ะ?” เลอเอินจิงพูดแทรกขึ้นมา ราวกับว่าเธอสามารถอ่านใจเลอวั่นอี้ได้
“นี่มันก็แค่ภายนอกนะ สังเกตให้ดีๆ สิ” เลอวั่นอี้ที่ได้ยินคำพูดของเลอเอินจิง เธอจึงเริ่มจดจ่อและสังเกตการณ์เจียงเสี่ยวหรูอย่างละเอียด
ยิ่งสังเกตมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งตกใจ เลอวั่นอี้ถึงกับเซถอยหลัง
เลอวั่นอี้เผลอพูดออกมา “นี่...นี่มันเป็นไปไม่ได้?! เธอก้าวข้ามจากทองแดงไปยังทองงั้นเหรอ?!”
ตอนนี้เลอเอินจิงดูภาคภูมิใจมาก “อย่าถามฉันเลยว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง ฉันบอกได้แค่ว่าทุกอย่างมันเกิดจากเย่เหริน”
เลอวั่นอี้มองเลอเอินจิงอย่างไม่อยากจะเชื่อ
สีหน้าของเธอราวกับจะบอกว่า กำลังล้อเล่นอยู่รึเปล่า?
“อาจารย์ใหญ่เลอ เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงค่ะ ครูเย่พาฉันมาที่ไนต์คลับก็เพื่อที่จะพัฒนาความแข็งแกร่งของฉันค่ะ ให้ฉันค้นพบเส้นทางการฝึกฝนของตัวเอง” เจียงเสี่ยวหรูเห็นเลอวั่นอี้ไม่เชื่อ เธอจึงรีบอธิบาย เธอพยายามที่จะยืนยันคำพูดของเลอเอินจิง
เลอวั่นอี้ได้ยินคำพูดของเจียงเสี่ยวหรู เธอจึงนึกย้อนไปถึงตอนที่เธอถามเย่เหริน
เธอนึกถึงคำตอบที่เย่เหรินมอบให้
เลอวั่นอี้ยิ้มอย่างขมขื่น
เธอเข้าใจเย่เหรินผิด
เย่เหรินไม่ได้โกหกเธอ เขาพาลูกศิษย์ของเขามาที่ไนต์คลับจริงๆ ก็เพื่อพัฒนาความแข็งแกร่ง...
เลอวั่นอี้ที่นึกถึงคำพูดที่เธอพูดกับหวังเสี่ยวหม่าน เธอนึกถึงคำพูดที่ว่า ‘ตัดรากถอนโคนเย่เหริน’ เธออยากจะมุดดินหนีจริงๆ
“เป็นไงล่ะ? สามารถพัฒนานักเรียนจากระดับทองแดงไปยังระดับทองได้ภายในครึ่งชั่วโมง ด้วยวิธีการแบบนี้ เธอยังจะบอกว่า เจ้าแก่หนวดเคราขาวไม่ได้ตาฝ้าฟางได้อีกเหรอ?!”
เลอเอินจิงดูภูมิใจมาก
ตราบใดที่เธอยังสามารถสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของกับเย่เหรินในใจของเลอวั่นอี้ได้ การเป็นแม่สื่อให้กับพวกเขาก็คงจะไม่ใช่เรื่องยาก
“ฉันเข้าใจแล้ว แต่เรื่องนี้มัน...เหลือเชื่อเกินไป...” เลอวั่นอี้ตอบกลับ เธอยังคงไม่อยากจะเชื่อ
เลอเอินจิงเห็นเลอวั่นอี้ไม่เชื่อ
เธอจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังอย่างร้อนรน
เลอวั่นอี้ฟังอย่างตั้งใจ ความตกใจในใจของเธอยังไม่จางหายไปไหน
“เย่เหรินไม่เพียงแต่จะรู้ข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับโรงเตี๊ยมอิสระเท่านั้น แต่เขายังสามารถบอกได้ทันทีว่าเจียงเสี่ยวหรูคือผู้สืบทอดที่สมบูรณ์แบบของมรดกนักเยียวยาแห่งรัตติกาล ไม่เพียงเท่านั้น เขายังรู้ตัวตนที่แท้จริงของท่านอาตั้งแต่แรกอีกเหรอเนี่ย?”
เหลือเชื่อจริงๆ
สิ่งที่เลอเอินจิงบอก ได้ทำลายความรู้ที่เลอวั่นอี้มีไปอย่างสิ้นเชิง
ถ้าหากเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง
นั่นหมายความว่าเย่เหริน
สามารถพัฒนานักเรียนที่เกือบจะถูกไล่ออกจากโรงเรียนให้กลายเป็นอัจฉริยะได้
เป็นอัจฉริยะระดับแนวหน้า เป็นอัจฉริยะที่สามารถก้าวข้ามขีดจำกัดกลายเป็นปรมาจารย์ผู้เลิศล้ำ!!!
ด้วยความสำเร็จแบบนี้ ไม่ต้องพูดถึงครูดาวรุ่ง แม้แต่ท่านอธิการบดีไป๋ซูก็ยังไม่เคยสร้างผลงานแบบนี้ขึ้นมาได้...
แต่ครูแบบนี้
กลับกำลังจะถูกไล่ออก...
เลอวั่นอี้ยิ้มอย่างขมขื่น
ไม่แปลกใจเลยที่ท่านอาจะบอกว่าโรงเรียนตาบอด
หากเรื่องนี้ถูกเปิดเผย คงจะเกิดเรื่องวุ่นวายมากมายแน่ๆ
“เป็นไงล่ะ? ตกใจรึเปล่า? ไอ้หนูน้อยนั่นไม่ได้แย่อย่างที่เธอคิดเลยนะ”
เลอเอินจิงเห็นเลอวั่นอี้ตั้งสติได้
เธอก็เริ่มต้นบทบาทแม่สื่ออีกครั้ง
เลอวั่นอี้ที่ได้ยินแบบนั้น ใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดง “ท่านอา ท่านอาพูดเรื่องอะไร?”
“ฉันกำลังพูดเรื่องอะไรล่ะ? ตอนนี้เธอก็ถึงวัยแต่งงานแล้ว เจ้าหนูนั่นก็ยังไม่ได้แต่งงาน เธอเองก็ยังไม่ได้แต่งงาน ทั้งคู่เป็นเพื่อนสมัยเด็กกัน ใครใช้ให้เธอปล่อยให้เด็กดีๆ แบบนี้หลุดมือไปล่ะ?”
“ฉันจำได้ว่าก่อนหน้านี้เธอชอบเย่เหรินมากไม่ใช่เหรอ???”
เลอวั่นอี้ได้ยินคำพูดของเลอเอินจิง หัวใจของเธอก็เริ่มสั่นไหว
ถ้าหากไปบอกท่านปู่ อาจจะสำเร็จก็ได้
ใบหน้าของเลอเอินจิงเต็มไปด้วยความยินดี
แต่ไม่นานนักเลอวั่นอี้ก็เก็บความตื่นเต้นเอาไว้ เธอกลับมาสงบสติอารมณ์อีกครั้ง
“ท่านอา ช่างเถอะค่ะ ท่านปู่คงจะไม่เห็นด้วยแน่”
เลอเอินจิงได้ยินแบบนั้น ใบหน้าของเธอก็มืดมนลง เพราะเธอก็เคยเจอกับเรื่องแบบนี้มาก่อน
“ไอ้แก่นั่น!! ฉันจะไปจัดการมันเอง!!”
ยังไม่ได้เคลียร์เรื่องการแต่งงานของเธอเลย
ตอนนี้ยังจะมาขัดขวางหลานสาวของเธออีก
เลอเอินจิงโมโหจนร่างกายของเธอเต็มไปด้วยหมอกสีเทา ดูเหมือนว่าคืนนี้เธอจะต้องไปหาเรื่องชายชราคนนั้นแน่
เลอวั่นอี้รีบคว้ามือของเลอเอินจิงเอาไว้ “ท่านอา ใจเย็นๆ ก่อนเถอะค่ะ ท่านปู่...ท่านปู่ก็มีเหตุผลของท่าน...”
เลอเอินจิงทำหน้าเย็นชา “ฉันหวังว่าคำอธิบายของเขาจะทำให้ฉันพอใจได้นะ ไม่งั้นคืนนี้ฉันจะต้องบุกไปพังบ้านตระกูลเลอแน่”