บทที่ 22 โรงเรียนเธอตาบอดรึไง?
บทที่ 22 โรงเรียนเธอตาบอดรึไง?
เย่เหรินที่ได้ฟังคำชมของเลอเอินจิง ตอบกลับ "ท่านอา ขอบคุณมากนะครับ แต่ท่านอาควรจะไปพบกับเลอวั่นอี้ซักครั้ง ตั้งแต่ที่ท่านอาออกไปจากตระกูล เธอก็ดูเหมือนจะเป็นคนละคน นับตั้งแต่นั้นมาเธอก็ไม่ค่อยยิ้มอีกเลย”
ถึงแม้ว่าเย่เหรินจะเป็นคนที่เดินทางข้ามเวลามา แต่เขาก็ยังคงมีความทรงจำในอดีต โดยเฉพาะความทรงจำเกี่ยวกับเลอวั่นอี้
ทั้งสองคนเป็นเพื่อนสมัยเด็ก ทั้งคู่เติบโตมาด้วยกัน
ถ้าหากเขาสามารถแก้ปมในใจของเลอวั่นอี้ได้ เย่เหรินก็ยินดีที่จะช่วย
เลอเอินจิงได้ยินคำพูดของเย่เหริน เธอก็รู้สึกเข้าใจอะไรบางอย่าง เธอรีบดับบุหรี่ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“โอ้~~ นี่คือจุดประสงค์ของนายงั้นเหรอ? ฉันนึกว่าพวกเธอจะมีปัญหากันซะอีก เธอควรจะบอกฉันให้เร็วกว่านี้นะ”
“ไม่ใช่แบบนั้นครับ ท่านอา...”
เย่เหรินรู้สึถึงบางอย่างที่ผิดแปลกไป ท่านอาเอินจิงเหมือนจะกำลังเข้าใจผิดอะไรไป...
เลอเอินจิงขัดจังหวะเย่เหริน “โอเคๆ หยุดพูดเถอะ เรื่องนี้เป็นความผิดของอาเอง ฉันเกลียดที่สุดเลยก็คือคนที่ทำลายความรักของคนอื่น ตราบใดที่พวกเธอยังรักกัน ถึงแม้จะต้องเผาบ้านตระกูลเลอ ฉันก็จะทำให้พวกเธอได้แต่งงานกัน!!!”
เลอเอินจิงอยากจะเห็นหลานสาวของตัวเองมีความสุข เธออยากจะให้หลานสาวเจอสามีที่ดี
ในเมื่อเย่เหรินยังมีความรู้สึกดีๆ ให้กับเลอวั่นอี้แบบนี้ เธอไม่มีเหตุผลที่จะไม่ช่วยทั้งสองคน
“ไม่...”
ก่อนที่เย่เหรินจะพูดจบ เขาก็ถูกผลักออกจากประตู
“ให้เลอวั่นอี้เข้ามา ส่วนคนอื่นๆ รออยู่ข้างนอก!!”
เลอวั่นอี้ได้ยินเสียงที่ดังออกมาจากประตู เธอมองไปที่เย่เหรินอย่างสับสน ทำไมปรมาจารย์ผู้เลิศล้ำถึงรู้ชื่อของเธอ? และยังเรียกเธอให้เข้าไปอีก?
เย่เหรินมองไปที่เลอวั่นอี้ เขายิ้มเจื่อนๆ “ข้างในไม่มีอันตรายหรอก เข้าไปเถอะ แต่อย่าไปฟังคำพูดไร้สาระของเธอล่ะ”
คำพูดของเย่เหรินทำให้เลอวั่นอี้ยิ่งสับสน
แต่เธอก็เดินเข้าไปในห้อง
“ปัง!!” ทันทีที่เลอวั่นอี้เดินเข้าไป ประตูก็ถูกปิดลง
ไม่เพียงเท่านั้น หมอกสีเทาก็เริ่มแผ่กระจายไปทั่วบริเวณประตู มันปิดกั้นทุกอย่าง
ราวกับด้านในกำลังกลัวว่าใครจะได้ยินบทสนทนา
เย่เหรินมองไปที่ประตูที่ถูกปิดลง เขาพูดไม่ออก
นี่คือความสามารถของโรงเตี๊ยมอิสระงั้นเหรอ? หวังว่าในอนาคตเจียงเสี่ยวหรูจะไม่เป็นแบบนี้...
ภายในห้อง
เลอวั่นอี้ยืนอยู่ที่หน้าประตู เธอมองไปรอบๆ อย่างหวาดระแวง
“เข้ามาสิ มีอะไรให้กลัวกัน?” เสียงที่ดังออกมาทำลายความเงียบสงบภายในห้อง
เลอวั่นอี้ได้เห็นหญิงสาวที่สวยงามคนหนึ่งนอนอยู่บนโซฟา
เธอตกตะลึงจนเผลอพูดออกไปว่า
“ท่านอา...ท่านอาเองเหรอ?!”
เลอเอินจิงมองเลอวั่นอี้ เธอยิ้มออกมา “อะไรกัน? จำฉันไม่ได้ หรือคิดว่าฉันตายไปแล้ว?”
เลอเอินจิงลุกขึ้นยืน เธอเดินไปข้างหน้า
เธอมองเลอวั่นอี้ด้วยความชื่นชม
“ดีมาก นี่เธอไปถึงระดับแพลทินัมแล้วสินะ ความสวยของเธอน่ะ ไม่แพ้ฉันเลย”
ในเวลานี้เอง เลอวั่นอี้ก็ตั้งสติได้
ท่านอา เป็นท่านอาจริงๆ...
เลอวั่นอี้ดีใจมาก ใบหน้าที่เย็นชาของเธอผ่อนคลายลง
เธอกอดเลอเอินจิง “ท่านอา หนูคิดถึงท่านอาจังเลย!!!”
ตั้งแต่เด็กจนโต
เพราะพ่อแม่ของเลอวั่นอี้เสียชีวิตเร็ว
ทำให้มีเพียงแค่ท่านปู่ ท่านอา และเย่เหรินเท่านั้นที่ใจดีกับเธอ
คนพวกนี้คือคนที่มอบความสุขให้กับเธอในช่วงวัยเด็ก
ตอนนี้ท่านปู่กำลังยุ่งอยู่กับการบริหารตระกูลเลอ ส่วนท่านอาก็ออกจากตระกูลเลอไป
และเย่เหรินก็เริ่มห่างเหินจากเธอ มันเป็นเพราะความก้าวหน้าในการฝึกฝนที่หยุดชะงัก
มันทำให้ชีวิตของเลอวั่นอี้ในตระกูลเลอน่าเบื่อมาก
เธอฝึกฝนหนักทั้งวันทั้งคืน เธอยังต้องคอยไกล่เกลี่ยความขัดแย้งภายในครอบครัว
ตั้งแต่วันนั้น
เลอวั่นอี้ก็ชินกับการอยู่คนเดียว เธอชินกับการเก็บงำรอยยิ้ม
และทำหน้าเย็นชาใส่ทุกคน
ไม่แปลกใจเลย ที่เมื่อได้เจอเลอเอินจิง เลอวั่นอี้จะเก็บอาการไม่อยู่
เธอพุ่งเข้าไปกอดเลอเอินจิง
เลอเอินจิงลูบหัวเลอวั่นอี้ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความยินดี เธอบ่นออกมา
“นี่เธอเป็นถึงผู้มีพลังระดับแพลทินัมแล้วนะ ทำตัวเป็นเด็กน้อยไปได้ ไม่กลัวคนอื่นหัวเราะเยาะเหรอไง?”
“ช่างเขาสิ หนูอยากจะกอดท่านอา!!”
เลอวั่นอี้กอดแขนของผู้เป็นอาแน่นมากขึ้น
ราวกับกลัวว่าอาคนนี้อาจะทิ้งเธอไปในวินาทีต่อไป
“โอเคๆ เด็กโง่ ถ้าเธอกอดแรงยิ่งกว่านี้ เอวฉันคงจะหักแน่” เลอเอินจิงผลักเลอวั่นอี้ เลอวั่นอี้ยังคงอ้อนเธอไม่หยุด มันทำให้เลอเอินจิงรู้สึกจนใจ
“ฉันถามเธอหน่อยเถอะ ทำไมเธอไม่เป็นผู้ใหญ่เหมือนกับเด็กหนุ่มจากตระกูลเย่กันล่ะ?” เลอเอินจิงพูดออกมา
เลอวั่นอี้ได้ยินแบบนั้น เธอตกตะลึงเล็กน้อย เธอมองไปที่เลอเอินจิง
“ตระกูลเย่? ท่านอาพูดถึงใคร?”
“ก็เด็กหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าประตูนั่นไง จะใครล่ะ!”
“เขาน่ะเหรอ??!!” เลอวั่นอี้ลากเสียงยาว ราวกับว่ามันยังไม่เพียงพอที่จะแสดงความประหลาดใจของเธอ
เลอเอินจิงถาม "มีปัญหาอะไร? ฉันไม่ได้เจอเย่เหรินมาหลายปีแล้ว เขาดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก สงบนิ่ง ดูมีสง่าราศี เป็นระเบียบ และยังเก่งเรื่องการสอนศิษย์อีกด้วย แต่พลังของเขายังอ่อนหัดไปหน่อย แต่ถ้าให้เวลาเขา ไอ้หมอนี่ต้องเป็นกำลังสำคัญของตระกูลเย่แน่”
เลอวั่นอี้ฟังคำวิจารณ์ของเลอเอินจิงที่พูดถึงเย่เหริน เธอรู้สึกมีความสุข
แต่เมื่อคิดทบทวน เธอก็ตกตะลึง
คำวิจารณ์พวกนั้น มันไม่มีส่วนไหนที่ตรงกับเย่เหรินในความทรงจำของเธอเลย...
เลอเอินจิงเห็นเลอวั่นอี้สับสน เธอจึงขมวดคิ้วเล็กน้อย
เธอไม่รู้ว่าเย่เหรินเป็นยังไงบ้างในโรงเรียน
เธอคิดว่าเลอวั่นอี้อาจจะไม่พอใจที่เธอชมเย่เหริน
เลอเอินจิงครุ่นคิด
ดูท่าแล้ว คนที่มีปัญหาไม่ใช่เย่เหริน แต่เป็นเลอวั่นอี้ที่กำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่
แต่ทำไมถึงมองเย่เหรินแบบนั้นล่ะ? ทั้งๆ ที่เย่เหรินเป็นเด็กที่ยอดเยี่ยมล่ะ???
แบบนี้ไม่ได้ จะต้องมัดเด็กดีๆ แบบนี้ไว้ในตระกูลเลอให้ได้
วิญญาณนักจับคู่ในหัวใจของเลอเอินจิงกำลังลุกโชน
วันนี้ไม่ว่าจะยังไง เธอก็จะจับคู่เด็กทั้งสองคนนี้ให้ได้!
“วั่นอี้ นี่เธอเป็นอะไร?”
เลอวั่นอี้ได้ยินคำถาม เธอจึงตอบกลับเลอเอินจิง
“ท่านอา ท่านอาเข้าใจอะไรผิดรึเปล่า? เย่เหรินไม่ได้ดีอย่างที่ท่านอาพูดหรอกค่ะ”
“คิดว่าอาโกหกเธองั้นเหรอ?”
เลอวั่นอี้โบกมือ “เปล่าค่ะ ท่านอา แต่ตอนนี้ฉันเป็นอาจารย์ใหญ่ของนักศึกษาใหม่ในสถาบันเกาอู่แห่งมหานครเวทมนตร์ ส่วนเย่เหรินเป็นแค่ครูผู้สอนนักศึกษาใหม่ ท่านอาน่าจะรู้นะคะ ว่าเขาเป็นยังไง?”
“เธอก็พูดมาสิว่าเขาเป็นยังไง?”
เลอวั่นอี้ตอบกลับ
“เขาเป็นครูผู้สอนของชั้นเรียนที่แย่ที่สุดในตอนนี้ แถมยังถูกลดขั้นไปเป็นครูฝึกสอน ถ้าหากไม่มีผลงานอะไรในตอนท้ายภาค เขาอาจจะถูกไล่ออก”
เลอเอินจิงตกตะลึงเมื่อได้ยินแบบนั้น เธอมองเลอวั่นอี้ด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“ไล่ออกงั้นเหรอ? โรงเรียนของเธอตาบอดรึไง?”