บทที่ 22 เฉิงเหวิน
บทที่ 22 เฉิงเหวิน
“พอปีหน้าฉันสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้คะแนนดี ๆ ฉันจะพาพวกเธอไปอยู่ที่บ้านฉันนะ ตอนนั้นฉันคงจะได้ทุนการศึกษาอีกก้อน และฉันจะไปทำงานพิเศษช่วงปิดเทอมด้วย ฉันเชื่อว่าคุณยายก็คงยอม” เจียงลู่ซีพูดขณะที่ลูบหัวพวกมันหลังจากที่พวกมันกินรำข้าวที่เธอวางไว้หมดแล้ว เธอยิ้มพร้อมพูดว่า
“ตอนนั้นพวกเธอก็จะมีบ้านอยู่ ไม่ต้องเร่ร่อนแบบนี้อีกแล้ว” เมื่อเห็นสภาพที่สกปรกและผอมโซของพวกมัน เจียงลู่ซีรู้สึกสงสารเล็กน้อย
“พอแล้วล่ะ ฉันต้องไปแล้ว” เจียงลู่ซีกวักมือให้พวกมัน แล้วค่อย ๆ ลุกขึ้น เดินออกจากตรอกที่มืดสนิทอย่างระมัดระวัง
ตรอกนี้มืดเกินไป เธอไม่อยากสะดุดอีก ไม่อย่างนั้นถ้าคุณยายรู้เข้า คงจะเป็นห่วงเธอมากขึ้นอีก คุณยายเริ่มแก่แล้ว เจียงลู่ซีไม่อยากให้ท่านต้องเป็นห่วงมากเกินไป
เมื่อกลับมาถึงบ้าน เจียงลู่ซีปิดประตูบ้านและใช้แผ่นไม้สองแผ่นค้ำยันประตูไว้ หลังจากนั้นเธอก็ล้างมือและเดินเข้าครัว
ในบ้านของพวกเธอมีเพียงเธอกับคุณยายเท่านั้น ถ้าอันเฉิงเป็นเมืองที่จนที่สุดในบรรดาเมืองรอบข้างแล้ว พิงหูก็คงเป็นส่วนที่จนที่สุดของอันเฉิง
ถึงแม้ที่นี่จะไม่ใช่ชนบท แต่ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่
เพราะเหตุนี้สถานที่แบบนี้จึงมีความยุ่งเหยิงเป็นพิเศษ การใช้แผ่นไม้พิงประตูไว้เพื่อความปลอดภัยจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น
คุณยายได้ทำอาหารเสร็จแล้วเ จียงลู่ซีเปิดฝาหม้อหยิบหมั่นโถวจากถาดนึ่งออกมา
ในถาดนึ่งยังมีพริกกับไข่ที่นึ่งไว้ในถ้วย เจียงลู่ซีหยิบถ้วยออกมา แล้วใส่เกลือกับผงชูรสนิดหน่อย จากนั้นคนให้เข้ากัน เพียงเท่านี้พริกนึ่งไข่ก็เสร็จเรียบร้อย
เธอยังตักซุปมันแดงสองชามออกมาอีกด้วย
“วันนี้หางานทำได้หรือเปล่า?” คุณยายของจางลู่ซีถาม
“ไม่ได้ค่ะ” เจียงลู่ซีส่ายหัวและพูดว่า “วันนี้ไม่มีใครมา ฉันว่าจะไปลองใหม่พรุ่งนี้เช้า”
“ไม่ต้องฝืนหรอก บ้านเราไม่ได้ลำบากขนาดนั้น เงินทุนที่ได้จากตอนสอบเข้ามัธยมต้นเราก็ยังใช้ไม่หมดเลย พื้นที่นาที่ให้คนอื่นเช่าไปก็กำลังจะถึงเวลาเก็บเกี่ยวแล้ว พวกเขาก็ควรจะจ่ายเงินให้ อีกไม่นานก็จะได้เงินจากการขายไก่อีก พอถึงปีหน้าเราก็ยังอยู่ได้สบาย ๆ” คุณยายของจางลู่ซีพูด
“ฉันแค่อยากลองไปดูอีกสักวัน ถ้าไม่ได้จริง ๆ ก็จะเลิกแล้ว” เจียงลู่ซีตอบ
“ก็ได้ ถ้างั้นก็ลองดูอีกวัน” คุณยายของเจียงลู่ซีรู้ว่าเธอดื้อรั้นมาก จึงพยักหน้าและพูดว่า “เฮ้อ ยายแก่แล้ว ไม่งั้นหลานก็คงไม่ต้องลำบากตั้งแต่เด็กแบบนี้เลย ทุกวันนี้มีบ้านไหนที่เด็กผู้หญิงต้องเหนื่อยขนาดนี้บ้าง”
“ไม่เหนื่อยหรอกค่ะคุณยาย” เจียงลู่ซียิ้มและพูดว่า “อีกหน่อยชีวิตเราจะดีขึ้นแน่นอน”
เช้าวันต่อมา เจียงลู่ซีตื่นแต่เช้า
ยังไม่ถึงหกโมงเช้า ท้องฟ้ายังไม่สว่าง เธอก็ลุกขึ้นมาเปิดประตูบ้านแล้วเข็นจักรยานออกไป
เพราะทางจากพิงหูไปถึงถนนเสวียนจื่อมีไฟถนนแค่เป็นช่วง ๆ ห่างกันไกลมาก เจียงลู่ซีจึงไม่กล้าปั่นเร็ว จนกระทั่งประมาณหกโมง ท้องฟ้าสว่างขึ้น เธอถึงเริ่มปั่นเร็วขึ้น แต่เมื่อไปถึงถนนเสวียนจื่อก็เกือบจะแปดโมงแล้ว
เจียงลู่ซีจอดจักรยานข้างถนนใกล้ร้านหนังสือซินหัว เธอดื่มน้ำแล้วนำป้ายที่เขียนไว้ออกมาตั้งหน้าจักรยาน เปิดร้านเล็ก ๆ ของเธอขึ้น แต่เหมือนเมื่อวาน เจียงลู่ซีรอตั้งแต่แปดโมงเช้าจนถึงบ่ายสองบ่ายสาม ก็ยังไม่มีใครมาติดต่อเธอแม้แต่คนเดียว แม้ว่าจะมีคนเดินผ่านมาบ้าง แต่ก็ไม่ได้ต้องการหาครูสอนพิเศษ มีเพียงเจ้าของร้านหนังสือซินหัวที่เห็นว่าเธอยืนรอนานแล้วน่าสงสาร จึงให้พนักงานซื้อขวดน้ำมาสองขวดส่งให้เธอ
แต่เจียงลู่ซีก็ไม่ได้รับน้ำขวดนั้น
เมื่อเห็นดวงอาทิตย์เคลื่อนตัวไปใกล้ช่วงบ่ายสามหรือสี่โมง เจียงลู่ซีถอนหายใจ เธอเก็บป้ายใส่ตะกร้าหน้าจักรยาน และคิดว่าจะกลับบ้านแล้ว วันนี้คงกลับบ้านช้าไม่ได้เหมือนเมื่อวาน ตอนนั้นเกือบจะทุ่มหนึ่งแล้วกว่าจะถึงบ้าน คุณยายบ่นเธอไปเยอะแล้ว
อีกทั้งต่อให้รอถึงตอนนี้ เธอก็คงสอนไม่ทันแล้ว
เพราะยังไงก็ตามก่อนที่ฟ้าจะมืด เธอต้องถึงบ้านให้ได้
แต่ทันใดนั้น ก็มีคนเดินเข้ามาหาเธอ
“สวัสดีค่ะ ที่นี่รับสอนพิเศษใช่ไหมคะ?” ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งน่าจะอายุประมาณยี่สิบกว่าปีเดินเข้ามาถาม
“รับสอนค่ะ”เจียงลู่ซีพยักหน้าและพูดว่า “แต่ว่าวันนี้คงทำไม่ได้แล้วนะคะ มันช้าไปหน่อย”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันอยากหาครูสอนพิเศษให้ลูกพี่ลูกน้องของฉัน ไม่ต้องเริ่มวันนี้ก็ได้ ถ้าเธออยากทำ วันนี้แค่ไปพบพ่อแม่ของเขาก่อนก็ได้ พ่อแม่เขาอยู่บ้านกันทั้งคู่ ถ้าพวกเขาตกลงล่ะก็ เราเริ่มกันสัปดาห์หน้าได้” ผู้หญิงคนนั้นพูดพร้อมกับยิ้ม “น้องชายของฉันมีปัญหาเรื่องการเรียนเยอะ ถ้าเธอได้งานนี้ เธอคงไม่ต้องเหนื่อยยืนรอคนแบบนี้ทุกวันแล้ว และค่าตอบแทนก็ไม่น้อยเลย”
“ฉันจะทำได้เหรอคะ?”เจียงลู่ซีถามด้วยความไม่มั่นใจ
ผู้หญิงคนนั้นหัวเราะแล้วพูดว่า “เธอจะไม่มีความมั่นใจได้ยังไง เธอเป็นนักเรียนที่มีผลการเรียนดีที่สุดของโรงเรียนมัธยมอันเฉิงเลยนะ ถ้าพูดถึงเรื่องสอบแล้ว ครูสอนพิเศษที่นี่จะมีใครที่เก่งกว่าเธอล่ะ”
“คุณรู้จักฉันเหรอคะ?”เจียงลู่ซีถามอย่างงง ๆ
“ฉันเคยเจอเธอมาก่อน” เธอยิ้มตอบ
“อ๋อ” เจียงลู่ซีอยากจะถามว่าเจอเธอตอนไหน แต่ก็ไม่ได้ถามออกไป
“ว่าไง จะลองไปดูไหม?” ผู้หญิงคนนั้นถาม
“อืม อยากค่ะ”เจียงลู่ซีพยักหน้า
“งั้นไปกันเถอะ” เฉิงเหวินยิ้ม
เจียงลู่ซีถามว่า “บ้านอยู่ไกลไหมคะ? ถ้าไกลมาก ฉันไปสัมภาษณ์สัปดาห์หน้าก็ได้ค่ะ ฉันจะมาให้เช้า ๆ”
“ไม่ไกลหรอก แค่สิบกว่านาทีเอง” เฉิงเหวินตอบ
“อ๋อ งั้นก็ดีค่ะ” ถ้าแค่สิบกว่านาทีก็ไม่ได้ไกลมาก และไม่น่าจะกระทบกับการกลับบ้านเร็วของเธอ
“ไม่ต้องเกรงใจนะ เรียก
ฉันว่าเจ๊เหวินก็ได้” เฉิงเหวินพูดยิ้ม ๆ
“ค่ะ”เจียงลู่ซีพยักหน้า
“งั้นเข็นจักรยานตามฉันมาเถอะ” เฉิงเหวินพูด
เจียงลู่ซีเข็นจักรยานตามหลังเธอไป
เฉิงเหวินเดินนำหน้าไป และส่งข้อความหาเฉินเฉิงผ่าน QQ
“เจ้าตัวแสบ จัดการได้แล้ว คนกำลังจะไปถึง”
เฉินเฉิงที่กำลังปอกแอปเปิลอยู่ที่บ้าน เห็นข้อความ QQ นี้ก็ส่งแอปเปิลให้แม่ แล้วพูดว่า “แม่ครับ ผมมีธุระต้องออกไปข้างนอกสักครู่ ที่ผมหาครูสอนพิเศษไว้น่าจะมาถึงเร็ว ๆ นี้ แม่กับพ่อช่วยดูเธอหน่อยนะ ถ้าเธอเหมาะสมก็ทำสัญญาไว้เลยครับ เพราะเราต้องการระยะยาว ไม่ใช่แค่วันสองวัน”
“ได้จ้ะ แม่รู้แล้ว” เติ้งอิงพูด
หลังจากนั้นเฉินเฉิงก็ออกจากบ้านและตอบข้อความของเฉิงเหวิน
“เจ๊ วันนี้พี่ช่วยผมได้มากเลย พรุ่งนี้พี่ก็ต้องกลับไปเรียนแล้ว คืนนี้ผมขอเลี้ยงส่งนะครับ”
เฉิงเหวินยิ้มหลังจากได้รับข้อความ แล้วตอบว่า “เจียงลู่ซีคนนี้ฉันเคยเห็นแล้ว ตอนที่ยังไม่ปิดเทอมฉันไปหาพี่ที่โรงเรียนไง ครูประจำชั้นของนายก็คือครูวิชาภาษาจีนตอนที่ฉันอยู่ปี 4 ไง เมื่อปีก่อนตอนที่ฉันไปเยี่ยมเขา เขาก็พูดถึงเด็กคนนี้ บอกว่าตอนนี้ที่โรงเรียนมีเด็กคนหนึ่งผลการเรียนดีมาก และมีโอกาสสอบติดมหาวิทยาลัยชิงหัวหรือเป่ยต้าได้ ตอนที่ฉันไปโรงเรียนเลยสังเกตเธอไว้หน่อย”
“เธอเป็นครูสอนพิเศษให้คงจะดีแน่ ๆ แต่เฉินเฉิง ฉันได้ยินเรื่องประวัติครอบครัวของเธอจากผู้อำนวยการ เธอมีพื้นฐานครอบครัวที่ไม่ดีเท่าไหร่ นายห้ามไปแกล้งเธอหรือคิดร้ายกับเธอนะ”
เฉิงเหวินส่งสติกเกอร์หน้ายิ้ม แล้วพิมพ์ต่อว่า “แต่นายจะคิดร้ายก็ไม่มีทางสำเร็จหรอกนะ เด็กผู้หญิงแบบนี้ไม่เหมือนคนทั่วไป เธอไม่เหมือนเฉินชิงแน่ ๆ ต่อให้นายจีบเฉินชิงติด แต่คนอย่างเจียงลู่ซีไม่มีทางจีบติดหรอก”
เฉิงเหวินหัวเราะนิดหน่อย แล้วพิมพ์ต่อว่า “ฉันคงเป็นพี่สาวที่ไม่ได้เรื่อง นายถึงไม่อยากให้ฉันสอนพิเศษนายเลย ตอนนี้นายกลับอยากเรียนแล้ว เด็กผู้หญิงคนนี้มีเสน่ห์จริง ๆ สินะ มีเสน่ห์กว่าที่เฉินชิงเคยมีซะอีก ฉันจำได้ว่าเฉินชิงเคยพยายามบอกให้นายตั้งใจเรียนด้วยนี่”
“ไม่เกี่ยวกับคนอื่นหรอก ตอนนี้ผมแค่อยากเรียนเองจริง ๆ” เฉินเฉิงตอบ