บทที่ 10 : เด็กอัจฉริยะที่น่าประหลาดใจ!
บทที่ 10 : เด็กอัจฉริยะที่น่าประหลาดใจ!
เวลาบ่ายสามโมง
ณ ลานกว้างกลางวิทยาลัยชิงหลง
เหล่านักเรียนและอาจารย์ที่ปรึกษาของแต่ละชั้นปี ต่างมารวมตัวกันเพื่อร่วมพิธีต้อนรับนักเรียนใหม่
เสียงพลุดังขึ้น เเละมันเป็นสัญญาณเริ่มต้นพิธีการ
เซียวซิงหยูที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน ได้เงยหน้ามองไปยังเวที
อาจารย์ใหญ่ หลินคัง ปรากฏตัวพร้อมรอยยิ้มแจ่มใส
“นักเรียนใหม่ทุกคน ยินดีต้อนรับเข้าสู่วิทยาลัยชิงหลง”
หลินคังเป็นคนที่พูดจาเยิ่นเย้อ หลังจากแนะนำประวัติความเป็นมาของวิทยาลัยชิงหลงเสร็จสิ้น เขาก็เริ่มแนะนำศิษย์เก่าที่โดดเด่นอย่างต่อเนื่อง
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป
เซียวซิงหยูยืนหาวหวอดๆ
เขาต้องประคองสติเเละปรบมือตามนักเรียนคนอื่นไปเรื่อยๆ
เเละทันใดนั้น, หลินคังก็กระแอมไอ
“เอ่อ…สิ่งที่ผมควรพูดก็พูดไปหมดแล้ว”
“ต่อไป ขอเชิญท่านอธิการบดีกล่าวคำอวยพรแก่นักเรียนใหม่ครับ!”
ทันทีที่หลินคังพูดจบ เสียงคำรามของสิงโตก็ดังกึกก้องมาจากท้องฟ้า จนหมู่เมฆแตกกระจาย
จากนั้น สตรีผู้สง่างามที่กำลังขี่หลังสิงโตมีปีกก็โผบินลงมาจากฟากฟ้า
“ท่านอธิการบดีซูมาแล้ว!”
“สมกับเป็นอธิการบดีที่สวยที่สุดในประเทศ งดงามมากจริงๆ!”
“ได้ข่าวว่าท่านอธิการบดีอายุเกินสี่สิบแล้วนะ…แต่เธอดูแลตัวเองดีมากเลย!”
“ท่านอธิการบดีซูเป็นปรมาจารย์อสูรระดับเจ็ดดาว เธอสุดยอดวีรสตรีจริงๆ!”
ขณะที่ทุกคนกำลังสนใจอธิการบดี, เซียวซิงหยูกลับจ้องมองไปที่สัตว์อสูรสายพันธุ์สิงโตเป็นอันดับแรก
สัตว์อสูรตัวนี้คือสิงโตผู้สง่างาม, มันมีขนาดใหญ่เท่ากับบ้านสามชั้น นอกจากนี้ยังมีกรงเล็บเเหลมคมที่มีเปลวเพลิงสีม่วงลุกโชอยู่ตลอดเวลา
ที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นคือ บนหลังของมันมีปีกคริสตัลสีม่วงงอกออกมา
สิงโตยที่สามารถบินได้เเบบนี้ เซียวซิงหยูเพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก
“ราชสีห์ปีกเพลิงม่วง สัตว์อสูรระดับราชา ธาตุไฟ…”
เซียวซิงหยูพึมพำเบาๆ
ตอนนี้ ดวงตาเทพอสูรของเขาสามารถมองเห็นข้อมูลทั้งหมดของราชสีห์ปีกเพลิงม่วงได้อย่างง่ายดาย
เเละเจ้าของราชสีห์ปีกเพลิงม่วงคือสาวสวยสะพรั่ง ผมยาวสีแดงสยาย ใบหน้าคมคาย ดูมีเสน่ห์แบบสาวต่างชาติ
นี่คืออธิการบดีของวิทยาลัยชิงหลง, ซูหรูหยาน
ซูหรูหยานสวมชุดคลุมสีม่วง หน้าอกประดับด้วยตราสัญลักษณ์รูปดาวเจ็ดดวง
เเละนี่คือสัญลักษณ์ของปรมาจารย์อสูรระดับเจ็ดดาว
‘ปกติแล้ว การจะเลื่อนขั้นเป็นปรมาจารย์อสูรระดับเจ็ดดาวได้ ต้องสามารถฝึกฝนสัตว์อสูรตนหนึ่งจนถึงระดับจักรพรรดิ’
‘ราชสีห์ปีกเพลิงม่วงเป็นแค่สัตว์อสูรระดับราชา ดังนั้นผู้หญิงคนนี้ต้องมีสัตว์อสูรตัวอื่นอีกแน่’
ปรมาจารย์อสูรที่แข็งแกร่งจะมีพลังวิญญาณมากมาย ดังนั้นพวกเขาจะไม่ทำพันธสัญญากับสัตว์อสูรแค่ตัวเดียว
เเละสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งที่สุด มักจะเป็นไพ่ตายที่จะไม่ถูกเรียกออกมาในยามปกติ
เซียวซิงหยูมั่นใจว่า ราชสีห์ปีกเพลิงม่วงเป็นเเค่สัตว์อสูรตัวที่สองหรือสามของซูหรูหยานเท่านั้น
สัตว์อสูรตัวแรกของซูหรูหยาน จะต้องมีระดับสูงกว่าระดับราชาอย่างแน่นอน
……
ณ ขณะนี้
ซูหรูหยานยืนอยู่บนเวที มองลงมาที่นักเรียนใหม่เขม็ง
“นักเรียนทุกคน ขอแสดงความยินดีที่พวกคุณได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของวิทยาลัยชิงหลงของเรา”
“เเต่ฉันขอเตือนพวกคุณทุกคนไว้ตรงนี้เลย”
“เมื่อเข้ามาในวิทยาลัยชิงหลงแล้ว ไม่ว่าคุณจะเป็นลูกหลานตระกูลใหญ่โต หรือมาจากครอบครัวธรรมดา”
“ทุกคนต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบของวิทยาลัยชิงหลงอย่างเคร่งครัด”
เซียวซิงหยูและนักเรียนใหม่ทุกคนถือหนังสือคู่มือกฎระเบียบของวิทยาลัยอยู่ในมือ
กฎข้อที่ 8 สะดุดตามากเป็นพิเศษ
กฎข้อที่ 8 ของวิทยาลัย:
[หากนักเรียนมีเรื่องขัดแย้งกัน ไม่ว่าใครถูกใครผิด จะต้องแก้ปัญหาด้วย “การประลองบนเวที”]
[ฝ่ายแพ้ต้องขอโทษฝ่ายชนะ]
กฎข้อนี้ดูไม่ค่อยยุติธรรมนัก เพราะมันปฏิเสธความถูกผิดโดยสิ้นเชิง เเละอาจทำให้เกิดการรังแกกันในวิทยาลัยได้
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังเซ็งแซ่ นักเรียนต่างพากันบ่นพึมพำ
แต่เซียวซิงหยูกลับอมยิ้ม เขารู้ว่ากฎข้อนี้ที่ดูเหมือนจะไม่ยุติธรรม เเต่แท้จริงแล้วมันคือความหวังดีของซูหรูหยาน
“นักเรียนใหม่ทุกคน ต่อไปนี้ขอให้สนุกกับชีวิตในวิทยาลัยตลอดสามปีข้างหน้า”
“สามปีต่อจากนี้ พวกคุณจะเป็นมังกรหรือเป็นแค่แมลง…มันก็ขึ้นอยู่กับว่าสามปีนี้พวกคุณจะสามารถขัดเกลาพรสวรรค์ หรือปล่อยเวลาให้ผ่านไปอย่างไร้ค่า”
“สุดท้ายนี้ ขอให้พวกคุณก้าวขึ้นเป็นปรมาจารย์อสูรระดับสูงโดยเร็วที่สุด!”
หลังจากกล่าวสุนทรพจน์จบ ซูหรูหยานก็ขี่ราชสีห์ปีกเพลิงม่วงหายลับไปจากสายตาของทุกคน
เเละหลังจากพิธีจบลง นักเรียนใหม่ทุกคนก็กลับไปยังห้องเรียนของตน
……
ณ ห้องเรียนปีหนึ่งห้องสาม
นี่คือห้องเรียนของเซียวซิงหยู
เเละเฉินฉีเหนียนคืออาจารย์ที่ปรึกษาประจำชั้น
“นักเรียนทุกคน นั่งตามเลขที่ได้เลยนะ”
ที่นั่งของเซียวซิงหยูอยู่ริมหน้าต่าง แถวสุดท้ายของห้อง
และที่นั่งนี้มีความพิเศษ คือมีโต๊ะตัวเดียว
ซึ่งนั่นหมายความว่าเซียวซิงหยูจะไม่มีเพื่อนร่วมโต๊ะ
‘นึกว่าจะมีสาวสวยมานั่งข้างๆเสียอีก’
‘ช่างเถอะ ผู้แข็งแกร่งมักจะเดียวดาย’
‘หลังห้องริมหน้าต่าง นี่คือบ้านของราชา’
เซียวซิงหยูปลอบใจตัวเองในใจ
“เซียวซิงหยู…สวัสดี ฉันชื่อ อู๋เซิงโหย่ว!”
เซียวซิงหยูหันไปมองตามเสียง และได้รู้จักเพื่อนคนแรก
ที่นั่งของเซียวซิงหยูอยู่ริมหน้าต่างด้านซ้ายสุดของแถวหลัง
ส่วนอู๋เซิงโหย่วนั่งอยู่ริมประตูหลังด้านขวาสุดของแถวหลัง
ทั้งคู่ต่างนั่งโต๊ะเดี่ยวๆ จนดูเหมือนเพื่อนร่วมชะตากรรม
“สวัสดี อู๋เซิงโหย่ว”
“เซียวซิงหยู ฉันได้ยินเรื่องราวอันยิ่งใหญ่ของนายมาหมดแล้ว ค่าพลังวิญญาณเริ่มต้นของนาย น้อยกว่ารุ่นพี่เย่ซวงหนิง อัจฉริยะประจำวิทยาลัย…แค่ 2 คะแนนเท่านั้นเอง!”
นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ ที่เซียวซิงหยูได้ยินชื่อเย่ซวงหนิง
เพราะค่าพลังวิญญาณเริ่มต้น ชื่อของเซียวซิงหยูจึงมักจะถูกพูดคู่กับเย่ซวงหนิงอยู่เสมอ
“เย่ซวงหนิงอีกแล้ว…”
“ฉันพอจำได้ว่าเธอเป็นนักเรียนปีสองของวิทยาลัยชิงหลง เป็นรุ่นพี่ของฉัน”
อู๋เซิงโหย่วเป็นเด็กอ้วนร่าเริง หลังจากคุยกับเซียวซิงหยูได้ไม่นาน ทั้งคู่ก็กลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน
“เซียวซิงหยู…บังเอิญจังเลย ฉันยก็อยู่ห้อง 312 เหมือนกัน!”
“เราช่างมีวาสนาต่อกันจริงๆ ไม่ใช่แค่เป็นเพื่อนร่วมชั้น แต่ยังเป็นเพื่อนร่วมห้องกันอีกด้วย!”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายเริ่มเสียงดัง, เซียวซิงหยูก็เอ่ยเตือนทันที
“อู๋เซิงโหย่ว อย่าพูดเสียงดังขนาดนั้น อาจารย์เฉินกำลังมองเราอยู่นะ”
…….
หลังจากนั้น
เมื่อแจกหนังสือเรียนเสร็จ เสียงกริ่งเข้าเรียนคาบแรกก็ดังขึ้น
เฉินฉีเหนียนยืนอยู่บนเวทีเเละเริ่มบรรยาย
“นักเรียนทุกคน เทอมนี้ ในช่วงคาบเรียนทฤษฎี เราต้องเรียนหนังสือให้จบทั้ง 13 เล่มนี้”
“ทฤษฎีคือพื้นฐานของการปฏิบัติ, หากต้องการเอาชนะสัตว์อสูร ก็ต้องเข้าใจนิสัยและจุดอ่อนของมันเสียก่อน”
“เปิดหนังสือภาพประกอบสัตว์อสูร เราจะเริ่มเรียนบทแรก…”
เซียวซิงหยูมองกองหนังสือเรียนหนาๆบนโต๊ะ ทันใดนั้นริมฝีปากของเขาก็ยกยิ้มเล็กน้อย
ขณะที่เฉินฉีเหนียนกำลังสอนอย่างเชื่องช้าบนเวที เซียวซิงหยูก็เปิดอ่านหนังสืออย่างรวดเร็ว
ดวงตาเทพอสูรมีความสามารถในการจำได้ในทันที
ดังนั้นไม่ถึงสามนาที เซียวซิงหยูก็จำเนื้อหาในหนังสือเรียนทั้ง 13 เล่มได้ทั้งหมด…นอกจากนี้ยังสามารถเชื่อมโยงความรู้ทั้งหมดเข้าด้วยกันได้อีกด้วย
อู๋เซิงโหย่วไม่ชอบอ่านหนังสือ ดีงนั้นเขาจึงแอบส่งกระดาษโน้ตให้เซียวซิงหยู
ข้อความในโน้ต: [เซียว เย็นนี้จะกินข้าวที่โรงอาหาร หรือไปกินข้าวนอกบ้านดี…ฉันเลี้ยงเอง!]
[ไม่เป็นไร พี่สาวของฉันเตรียมข้าวกล่องมาให้แล้ว แค่เอาเข้าไมโครเวฟก็กินได้เลย]
[นายมีพี่สาวด้วยเหรอ อิจฉาจัง!]
ป๊าบ!
เเต่ทันใดนั้นเอง
ชอล์กก้อนหนึ่งก็ลอยมาโดนหัวของอู๋เซิงโหย่วอย่างเเม่นยำ
“อู๋เซิงโหย่ว เซียวซิงหยู ทำไมพวกนายไม่ตั้งใจเรียน มัวเเต่ส่งโน้ตหากันทำไม!”
เฉินฉี่เหนียนแสดงอำนาจของอาจารย์ที่ปรึกษาออกมา
“พวกนายเป็นนักเรียนใหม่รุ่นที่แย่ที่สุดที่ฉันเคยสอนมาเลย!”
หลังจากระบายอารมณ์เสร็จ เฉินฉีเหนียนก็เริ่มถามคำถาม
“อู๋เซิงโหย่ว ตอบคำถามข้อนี้ซิ”
“จุดอ่อนของกิ้งก่าอสูรคืออะไร?”
อู๋เซิงโหย่วอ้ำอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบว่า
“มันชอบคิดถึงบ้านครับ”
ทันใดนั้น ทั้งห้องก็ระเบิดเสียงหัวเราะ
เเต่เฉินฉีเหนียนทุบโต๊ะดังปัง
“เจ้าเด็กบ้า คิดว่านี่เป็นข้อสอบวิชาภาษาจีนรึไง!”
“ยืนเรียนไปสามคาบ!”
“เซียวซิงหยู นายหัวเราะอะไร ลุกขึ้นมาตอบคำถามด้วย!”
เฉินฉีเหนียนตั้งใจจะทำโทษให้เป็นเยี่ยงหย่าง ให้นักเรียนคนอื่นๆรู้ว่าการไม่ตั้งใจเรียนมีผลอย่างไร เซียวซิงหยูจึงไม่รอดเช่นกัน
“จุดอ่อนของกิ้งก่าอสูรคืออะไร?”
“ถุงพิษใต้ท้องครับ”
เฉินฉีเหนียนชะงักไปเล็กน้อย
“นายก็เจ๋งเหมือนกันนะ ไม่ฟังการสอนยังตอบถูกอีก”
“อย่าเพิ่งนั่ง ตอบคำถามต่อไป”
“จระเข้ยักษ์น้ำแข็ง มักอาศัยอยู่แถวไหน?”
“บริเวณทะเลสาบทางตอนใต้ของประเทศ และน้ำตกใต้ธารน้ำแข็งบนภูเขาคุนหลุนครับ”
เฉินฉีเหนียนประหลาดใจอีกครั้ง
“นายนี่มัน…ฟังคำถามต่อไป!”
“ถ้าเจอเสือเขี้ยวกัดกินวิญญาณในป่า ควรทำอย่างไร?”
“คาบบัตรประชาชนไว้ในปาก แล้วไปนอนใต้ร่มไม้ครับ”
เฉินฉีเหนียนขมวดคิ้ว “ทำไม?”
“เพราะเสือเขี้ยวกัดกินวิญญาณเป็นสัตว์อสูรระดับราชาชนิดกลายพันธุ์ มีเพียงปรมาจารย์อสูรระดับหกดาวขึ้นไปเท่านั้นที่พอจะสู้ได้”
“พวกเราที่เป็นแค่เด็กใหม่ ถ้าเจอมันในป่า มีแต่ควายตายเท่านั้นที่รออยู่”
“ผมจึงเลือกคาบบัตรประชาชนไว้ในปาก เพื่อให้ญาติๆ ง่ายต่อการระบุตัวตน”
“ส่วนการไปนอนใต้ร่มไม้ ก็เพื่อไม่ให้ศพเน่าเหม็น”
หลังจากเซียวซิงหยูตอบคำถามจบ ทั้งห้องก็เงียบกริบ จากนั้นทุกคนหันไปมองเฉินฉีเหนียน
เฉินฉีเหนียนกระตุกมุมปาก นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดว่า
“คำตอบนี้ คะแนนเต็มสิบ”
“เซียวซิงหยู คำถามที่ฉันถามนายเป็นเนื้อหาบทท้ายๆ ของหนังสือเรียนนะ”
“ฉันเพิ่งเริ่มสอนบทแรก ทำไมนายถึงตอบได้…”
“ผมอ่านจบทั้ง 13 เล่มแล้วครับ” เซียวซิงหยูตอบอย่างใจเย็น
“อะไรนะ?”
“คาบแรกเพิ่งผ่านไป 20 นาที หมอนี่เรียนจบทั้งเทอมแล้วเหรอ?”
“เวอร์เกินไปแล้ว หมอนี่มันโอ้อวดเกินไปจริงๆ!”
“เเต่ชื่อเซียวซิงหยู ชื่อเขาคุ้นๆนะ…”
“นึกออกแล้ว หมอนี่คือเซียวซิงหยูที่เป็นข่าว คนที่ค่าพลังวิญญาณเริ่มต้นน้อยกว่าเย่ซวงหนิงแค่ 2 คะแนน!”
จนถึงตอนนี้ เซียวซิงหยูกับเย่ซวงหนิงยังไม่เคยเจอหน้ากันเลย
แต่ทุกครั้งที่มีคนพูดถึงชื่อของคนใดคนหนึ่ง อีกคนก็จะถูกพูดถึงด้วยตลอด
บทที่ 11 : เข้าห้องสมุดและเรียนรู้ทักษะการต่อสู้ของสัตว์อสูร!
"นักเรียนทุกคน อ่านเนื้อหาในหนังสือเรียนกันไปก่อนนะ"
เฉินฉีเหนียนบอกกับเหล่านักเรียนก่อนจะหันมาทางเซียวซิงหยู
"เซียวซิงหยู ออกมาหาฉันข้างนอกหน่อย"
ที่ระเบียงทางเดินนอกห้องเรียน เฉินฉีเหนียนหันมาคุยกับเซียวซิงหยูเป็นการส่วนตัว
"นายนี่มันไม่ธรรมดาจริงๆ ใช้เวลาไม่ถึง 20 นาทีก็เรียนเนื้อหาภาคทฤษฎีจบทั้งเทอมแล้ว"
เฉินฉีเหนียนมองเซียวซิงหยูด้วยความสนใจราวกับมองสิ่งมหัศจรรย์
เซียวซิงหยูยิ้มและพูดอย่างถ่อมตัว
"ก็อาจารย์เฉินสอนดีนี่ครับ"
"เหอะๆ" เฉินฉีเหนียนส่ายหน้า
"อย่าเอาฉันไปยอเลย ตอนนี้ฉันเริ่มสงสัยแล้วว่าตัวเองมีคุณสมบัติพอที่จะสอนนายรึเปล่า นายมันอัจฉริยะตัวจริงเสียงจริง!"
คำว่า "อัจฉริยะ" เป็นคำยกย่องสูงสุดสำหรับปรมาจารย์อสูรรุ่นเยาว์
ในประเทศมังกรมีการจัดอันดับอัจฉริยะซึ่งเปิดเผยต่อสาธารณะ ผู้ที่ติดอันดับล้วนเป็นปรมาจารย์อสูรรุ่นเยาว์ที่มีพรสวรรค์โดดเด่น
เเละหลังจากการสอบระดับประเทศครั้งก่อน, เซียวซิงหยูก็ติดอันดับที่ 24 ในบัญชีอัจฉริยะทั้งหมด
"ด้วยพรสวรรค์ขนาดนี้ อันดับของเด็กคนนี้คงจะพุ่งสูงมากกว่านี้ในอีกไม่นานแน่ๆ" เฉินฉีเหนียนพึมพำในใจ
"ว่าเเต่อาจารย์เฉิน เรียกผมออกมาข้างนอกเเบบนี้มีอะไรรึเปล่าครับ?" เซียวซิงหยูถามอย่างสงสัย
เมื่อได้ยินเช่นนี้, เฉินฉีเหนียนก็ยื่นบัตรสีทองใบหนึ่งให้เซียวซิงหยู
บัตรใบนั้นสลักรูปหัวมังกรชิงหลง
"นี่คือบัตรยืมหนังสือของห้องสมุดชิงหลง นายสามารถใช้บัตรใบนี้เข้าออกห้องสมุดได้ตลอด 24 ชั่วโมง แถมยังยืมหนังสือได้ฟรีอีกด้วย"
เมื่อได้ยินเช่นนี้, เซียวซิงหยูก็ตาลุกวาวด้วยความดีใจทันที
"ดีใจขนาดนั้นเลยเหรอ มุมปากของนายเเทบจะฉีกถึงหูอยู่แล้ว" เฉินฉีเหนียนเอ่ยแซว
"ขอบคุณครับอาจารย์เฉิน!"
เซียวซิงหยูรู้สึกขอบคุณเฉินฉีเหนียนมาก
บัตรยืมหนังสือใบนี้มีความสำคัญกับเขามากจริงๆ
วิทยาลัยฝึกสัตว์อสูรทั้งสี่แห่งต่างก็มีห้องสมุดเป็นของตัวเอง ห้องสมุดชิงหลงของวิทยาลัยชิงหลงมีหนังสือเกี่ยวกับการฝึกสัตว์อสูรและการรับมือกับสัตว์อสูรนับแสนเล่ม
ที่สำคัญที่สุดคือมันมีหนังสือประเภท "ตำราทักษะต่อสู้" อยู่ด้วย
สัตว์อสูรส่วนใหญ่ต้องใช้ทักษะในการสู้รบ ทักษะเหล่านี้เรียกว่าทักษะการต่อสู้
บางทักษะเป็นทักษะติดตัวที่สัตว์อสูรเกิดมาพร้อมกับมัน เช่น ทักษะ "พันธนาการนรก" และ "คำรามอเวจี" ของหมาป่าวายุนรก
เเต่ทักษะต่อสู้บางทักษะต้องเรียนรู้เพิ่มเติม
สำหรับโลกใบนี้, อารยธรรมปรมาจารย์อสูรพัฒนามา 300 ปีแล้ว
เหล่าปรมาจารย์อสูรรุ่นก่อนได้ร่วมมือกันสร้างตำราทักษะต่อสู้ขึ้นมามากมาย ตำราเหล่านี้ถูกแบ่งประเภทตามคุณสมบัติและรูปแบบการต่อสู้ของสัตว์อสูร
ยกตัวอย่างเช่น "ตำราทักษะต่อสู้สำหรับสัตว์อสูรตระกูลหมาป่า" หรือ "บันทึกทักษะการต่อสู้ธาตุไฟ"
"เอาล่ะ เอาบัตรไปใช้ที่ห้องสมุดได้เลย" เฉินฉีเหนียนเร่ง
"แล้วคาบเรียนของอาจารย์ล่ะครับ?"
"นายเรียนเนื้อหาภาคทฤษฎีจบทั้งเทอมแล้ว ถ้าจะนั่งอยู่ในห้องเรียนต่อมันก็เสียเวลาเปล่าๆ ฉันอนุญาตเป็นกรณีพิเศษ ให้นายไม่ต้องเข้าเรียนภาคทฤษฎี ไปใช้เวลาที่ห้องสมุดได้เลย"
คำพูดของเฉินฉีเหนียนทำให้เซียวซิงหยูรู้สึกอบอุ่นใจ
ในยุคที่ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะอยู่รอด มันจึงมีเพียงอัจฉริยะเท่านั้นที่จะได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษ
ทันใดนั้น เฉินฉีเหนียนก็พูดเสริมต่อ
"จริงสิ ถึงนายไม่ต้องเข้าเรียนภาคทฤษฎี แต่ห้ามขาดเรียนภาคปฏิบัติเด็ดขาดนะ…นายเข้าใจไหม?"
เซียวซิงหยูพยักหน้ารับ เขาเข้าใจว่าภาคปฏิบัติมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับนักเรียนใหม่
เพราะในท้ายที่สุดแล้ว ทฤษฎีทั้งหมดจะต้องนำไปใช้ในทางปฏิบัติ ถึงจะสามารถต่อกรกับกองทัพสัตว์อสูรที่กำลังจ้องจะทำลายมนุษยชาติ
…….
ณ ห้องสมุดชิงหลง
ในขณะที่เพื่อนนักเรียนคนอื่นๆ ยังคงเรียนเนื้อหาบทแรกในห้องเรียน เเต่เซียวซิงหยูกลับกำลังใช้สิทธิพิเศษเพื่อเข้ามาในห้องสมุดชิงหลง
"ห้องสมุดนี่ใหญ่โตโอ่อ่าเหมือนพระราชวังโบราณเลยเเฮะ..."
ภายในห้องสมุดตกแต่งอย่างหรูหรา
กลางห้องโถงมีเสาขนาดใหญ่ตั้งตระหง่าน บนเสามีชั้นหนังสือฝังอยู่เต็มไปหมด
"เคล็ดลับพัฒนาสัตว์อสูรฉบับเร่งรัด"
"เทคนิคในการสอบปรมาจารย์อสูรระดับสองดาว"
"สอนรับมือกับสัตว์อสูรเผ่าร้ายภายในสามนาที"
"การดูแลแม่หมูหลังคลอด"
"หนังสือในห้องสมุดนี่หลากหลายจริงๆ..."
หมาป่าวายุนรกมีคุณสมบัติทั้งธาตุไฟและธาตุลม เซียวซิงหยูจึงพยายามเลือกตำราทักษะต่อสู้สองเล่มที่ตรงกับคุณสมบัติทั้งสองนี้
จากนั้นเขาก็หาที่นั่งตามมุมห้องแล้วเริ่มอ่านหนังสือ
ด้วยพลังของดวงตาเทพอสูร เซียวซิงหยูใช้เวลาเพียงหนึ่งนาทีก็สามารถอ่านหนังสือทั้งสองเล่มจบ
แต่การที่จะฝึกฝนสัตว์อสูรให้เรียนรู้และเชี่ยวชาญทักษะต่อสู้ใหม่ๆได้นั้น…มันก็ต้องขึ้นอยู่กับพรสวรรค์ของสัตว์อสูรตัวนั้นๆด้วย
อย่างไรก็ตาม, โชคยังดีที่เซียวซิงหยูมียาเพิ่มความเข้าใจอยู่ในระบบ
เมื่อให้หมาป่านรกกินยาชนิดนี้ สติปัญญาของมันจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก…มันไม่เพียงแต่จะเรียนรู้ทักษะต่อสู้ได้เร็วขึ้น แต่ยังสามารถเรียนรู้ทักษะต่อสู้ระดับสูงได้อีกด้วย
…..
เวลาผ่านไปสองชั่วโมง
หลังจากอ่านหนังสือจบเล่มที่ 1032 จบ เซียวซิงหยูก็ถอนหายใจออกมา
"ใกล้เวลาเลิกเรียนแล้ว พี่สาวคงมารอที่หน้าโรงเรียนแล้วล่ะ"
เซียวรั่วเสวี่ยไม่อยากให้เซียวซิงหยูกินข้าวที่โรงอาหาร เธอจึงเตรียมข้าวกล่องมาให้ที่หน้าโรงเรียนทุกวัน เพื่อให้น้องชายได้กินอาหารที่สะอาดและมีประโยชน์
เเละก่อนออกจากห้องสมุด เซียวซิงหยูได้หยิบหนังสือ "สารานุกรมทักษะการต่อสู้ธาตุความมืด" มาเล่มหนึ่ง
บรรณารักษ์เป็นคุณตาอ้วนใจดี ไม่มีใครรู้จักชื่อของเขา...แต่ทุกคนในโรงเรียนเรียกเขาว่า ลุงสาม
"ลุงสาม ผมขอยืมหนังสือเล่มนี้กลับไปอ่านที่หอพักนะครับ"
เมื่อเห็นชื่อหนังสือ, ลุงสามก็ทำหน้างงเล็กน้อย
"เซียวซิงหยู สัตว์อสูรของเธอมีคุณสมบัติธาตุไฟและธาตุลม ทำไมเธอถึงยืมตำราทักษะการต่อสู้ธาตุความมืดล่ะ?"
เซียวซิงหยูยิ้มรับ แล้วตอบปัดๆไปว่า
"ผมแค่อยากอ่านเล่นๆน่ะครับ"
เมื่อได้ยินเช่นนี้, ลุงสามก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อ
เเละเซียวซิงหยูก็มีบัตรยืมหนังสือ, ไม่ว่าเขาจะยืมหนังสือเล่มไหนมันก็ไม่ผิดกฎ
"เอาล่ะ ลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว อย่างช้าสุดต้องคืนภายในสามวันนะ"
"ครับผม พรุ่งนี้เช้าผมก็เอามาคืนแล้วครับ!" เซียวซิงหยูตอบพร้อมรอยยิ้ม
หลังจากออกจากห้องสมุด เซียวซิงหยูก็กลับไปที่ห้องเรียน นั่งรอประมาณสิบนาที เสียงกริ่งเลิกเรียนก็ดังขึ้น
………
"ในที่สุดก็เลิกเรียนสักที!"
"หิวแล้ว ไปกินข้าวที่โรงอาหารกันเถอะ!"
"ได้ยินมาว่ามีร้านปิ้งย่างอยู่หลังโรงเรียน ไปกินปิ้งย่างกันไหม?"
"ไปสิ ฉลองเปิดเทอมกัน คืนนี้ต้องเมาให้หลับกันไปข้าง!"
นี่แหละคือพลังของนักเรียนปีหนึ่งที่เต็มไปด้วยความสดใสร่าเริง เเละยังไม่รู้จักความโหดร้ายของการฝึกเเบบนรก
เเต่ทันใดนั้น, เฉินฉีเหนียนก็ตบโต๊ะเรียกความสนใจ
"ทุกคน พรุ่งนี้ตอนบ่ายเราจะเริ่มเรียนภาคปฏิบัติคาบแรก กลับไปพักผ่อนให้เต็มที่ เตรียมสัตว์อสูรของตัวเองให้พร้อมสำหรับการฝึกพรุ่งนี้ด้วย!"
หลังจากกำชับนักเรียนเสร็จ เฉินฉีเหนียนก็ออกจากห้องเรียนไป
เมื่อเห็นอาจารย์ไปแล้ว, อู๋เซิงโหย่วก็รีบวิ่งเข้ามาหาเซียวซิงหยูด้วยสีหน้าชื่นชม
"เซียวซิงหยู ฉันนับถือนายจริงๆ!"
"เเค่วันแรกของการเปิดเทอม อาจารย์เฉินก็ให้บัตรยืมหนังสือนายเป็นกรณีพิเศษ แถมยังอนุญาตให้นายไม่ต้องเข้าเรียนภาคทฤษฎีอีกต่างหาก"
เมื่อเห็นอู๋เซิงโหย่วพูดไม่หยุด เซียวซิงหยูก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ แล้วคิดในใจ
"เจ้านี่เป็นหนูขี้เม้าท์ตัวจริงเสียงจริงเลย"
หลังจากเก็บหนังสือใส่กระเป๋า เซียวซิงหยูและอู๋เซิงโหย่วก็เดินออกจากอาคารเรียนด้วยกัน
"เซียวซิงหยู ฉันจะไปกินข้าวที่โรงอาหาร นายไม่ไปด้วยกันเหรอ?"
"ฉันบอกไปแล้วไง ว่าพี่สาวฉันจะเอากล่องข้าวมาให้" เซียวซิงหยูกล่าวเเล้วเดินตรงไปที่ประตูโรงเรียน
ด้วยความอยากรู้อยากเห็น อู๋เซิงโหย่วจึงแอบมองเซียวซิงหยูจากระยะไกล
ที่หน้าประตูโรงเรียน
สาวสวยผมสีเงิน ยืนถือกระเป๋าเก็บความร้อนรออยู่ท่ามกลางสายลม
แม้ว่าเธอจะแต่งตัวเรียบง่าย แต่มันก็ไม่อาจปกปิดใบหน้าที่งดงามและออร่าความอ่อนโยนของเธอได้
"พี่สาว!"
"เสี่ยวหยู!"
เซียวซิงหยูรีบวิ่งเข้าไปรับกระเป๋าเก็บความร้อนจากมือเซียวรั่วเสวี่ย
ข้างในนั้นมีกล่องข้าวที่จัดเตรียมไว้อย่างสวยงาม
ในนั้นมีกับข้าวสองอย่าง ผักหนึ่งอย่าง และขนมหวานอีกนิดหน่อย เน้นสารอาหารครบถ้วน
เซียวซิงหยูเป็นม้ามืดที่โด่งดังอยู่แล้ว ส่วนเซียวรั่วเสวี่ยก็เป็นสาวสวยผมเงินที่สะดุดตา พี่น้องคู่นี้จึงตกเป็นเป้าสายตาของนักเรียนคนอื่นๆอย่างง่ายดาย
"ผู้หญิงผมเงินคนนั้นสวยมาก!"
"เหมือนเธอจะเป็นพี่สาวของเซียวซิงหยูนะ"
"ทำไมพี่สาวผมเงิน แต่น้องผมดำ สงสัยจะไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ"
"เซียวซิงหยูเหรอ? เด็กคนนั้นมีพรสวรรค์มากนี่…แถมยังมาจากเมืองเล็กๆอีก"
เซียวซิงหยูไม่สนใจสายตาของคนรอบข้าง
เขาหาต้นไม้แถวนั้นนั่งพิงแล้วเริ่มกินข้าวเย็นฝีมือพี่สาวอย่างเอร็ดอร่อย
บทที่ 12 : ทักษะการต่อสู้ธาตุมืด
"พี่สาว เต้าหู้ราดซอสต้นหอมกับไก่ผัดซีอิ๊วที่พี่ทำอร่อยระดับเชฟโรงแรมห้าดาวเลย!" เซียวซิงหยูพูดชมพี่สาว
จากนั้นไม่ถึงห้านาที กล่องข้าวก็ว่างเปล่า ไม่มีแม้แต่เม็ดข้าวหรือน้ำซุปเหลืออยู่
"ค่อยๆกินสิ เดี๋ยวก็ติดคอหรอก ดื่มน้ำซุปไก่นี่หน่อย"
เซียวรั่วเสวี่ยนั่งลงข้างๆแล้วตักน้ำซุปไก่ป้อนน้องชาย
พี่น้องทั้งสองนั่งอยู่หน้าประตูโรงเรียน โดยไม่สนใจสายตาของคนอื่นเเละคุยกันอย่างสนุกสนาน
"เสี่ยวหยู พี่สังเกตว่าโรงเรียนเรามีสาวสวยเยอะเหมือนกันนะ~" เซียวรั่วเสวี่ยพูดแซว
"เหรอครับ? ผมว่าไม่มีใครสวยเท่าพี่สาวหรอก"
ในสายตาเซียวซิงหยู เซียวรั่วเสวี่ยคือคนที่สวยที่สุด
ทันใดนั้น, เซียวรั่วเสวี่ยก็โน้มตัวมากระซิบข้างหูน้องชาย
"เราก็ 18 แล้วนะ…เป็นผู้ใหญ่แล้ว ถ้าจะมีแฟนมันก็เป็นเรื่องปกติ"
"พี่สาวจะพูดอะไรกันแน่เนี่ย?"
"พี่แค่อยากจะบอกว่า ถ้าน้องจะมีแฟนพี่ก็ไม่ห้าม แต่อย่าไปคบกับผู้หญิงตระกูลเย่เด็ดขาด!"
เซียวรั่วเสวี่ยเน้นเสียงหนักแน่น
"ตระกูลเย่? ผมไม่รู้จักผู้หญิงตระกูลเย่สักคน..."
เซียวซิงหยูงุนงงเล็กน้อย, แต่พอคิดอีกที
"ตระกูลเย่? เย่ซวงหนิงก็ตระกูลเย่นี่ แต่ผมยังไม่เคยเจอหน้าเธอเลยสักครั้ง จะไปคบกันได้ยังไง"
"เอาเถอะ, จำไว้ว่าสามารถหาแฟนได้ แต่อย่าหาจากตระกูลเย่" เซียวรั่วเสวี่ยย้ำอีกครั้ง
"ทำไมล่ะครับ? ตระกูลเย่มาโกงเงินหรือขโมยข้าวบ้านเราเหรอ?"
"ก็เพราะ...เอ๊ะ บอกให้จำก็จำไปเถอะ อย่าถามมากน่า"
เมื่อเห็นว่าเซียวรั่วเสวี่ยไม่สามารถอธิบายได้ เซียวซิงหยูก็ยิ่งงงเข้าไปใหญ่
ช่วงนี้พี่สาวของเขาดูแปลกๆไปหน่อยนะ
…….
หลังจากนั้นเมื่อฟ้าเริ่มมืด
"พี่สาว ผมไปส่งพี่กลับบ้านนะครับ"
"ไม่ต้องหรอก อพาร์ทเมนท์อยู่บนถนนหลังโรงเรียน เดินแค่สิบนาทีก็ถึงเเล้ว"
"โอเครครับ, ว่าเเต่พรุ่งนี้ผมอยากกินปลาเก๋านึ่งซีอิ๊วที่พี่ทำนะ"
"ได้สิ พรุ่งนี้พี่จะเอามาให้นะ"
ตั้งแต่เซียวซิงหยูเข้าเรียนที่วิทยาลัยชิงหลง เซียวรั่วเสวี่ยก็เตรียมตัวที่จะทำข้าวกล่องให้น้องชายตลอดสามปี
จริงๆแล้วโรงอาหารของวิทยาลัยชิงหลงก็ไม่ได้แย่ เพราะมันเป็นถึงหนึ่งในสี่วิทยาลัยปรมาจารย์อสูรชั้นนำของประเทศ
แต่ข้าวโรงอาหารจะไปสู้ข้าวกล่องฝีมือพี่สาวได้ยังไง
หลังจากมองส่งเซียวรั่วเสวี่ยจนลับตา เซียวซิงหยูก็เดินกลับเข้าโรงเรียน
ระหว่างที่เดินเล่นอยู่ที่สนามเด็กเล่น, เขาเงยหน้าขึ้นไปก็เห็นป้ายโฆษณาบนจอที่มีข้อความบนป้ายเขียนว่า:
[ขอแสดงความยินดีกับเย่ซวงหนิง, อัจฉริยะสาวที่อายุน้อยที่สุดที่ได้เลื่อนขั้นเป็นปรมาจารย์อสูรระดับห้าดาว!]
บนโปสเตอร์เป็นรูปของสาวสวยผมสีฟ้า ใบหน้าของเธอสวยงามราวกับงานแกะสลัก, แม้จะเป็นเพียงรูปภาพ แต่ดวงตาที่เปล่งประกายของเธอก็ดูน่าเกรงขาม
เธอเป็นสาวสวยสไตล์เย็นชาที่ดูเข้าถึงยาก แต่ก็ทำให้คนอยากเอาชนะ
"นี่สินะ เย่ซวงหนิง”
“สวยจริงๆนั่นแหละ ขายาวขนาดนี้ไม่ไปปั่นสามล้อเสียดายแย่”
“แต่ก็ยังสู้พี่สาวของฉันไม่ได้ หน้าอกก็เหมือนจะเล็กกว่าพี่สาวเยอะด้วย”
เอาจริงๆถ้าอยู่ในสมัยโบราณ ความสวยและรูปร่างของเย่ซวงหนิงคงทำให้บ้านเมืองล่มจมได้
…..
ในค่ำคืนดึกสงัดเเบบนี้ สนามเด็กเล่นของสถาบันชิงหลงจึงเงียบสงบมาก
เวลานี้นักเรียนส่วนใหญ่กลับไปที่หอพัก คุยเล่น เล่นเกมกัน สนามเด็กเล่นที่กว้างใหญ่จึงเหลือเพียงเซียวซิงหยูอยู่คนเดียว
"เฮยเฟิง!"
เซียวซิงหยูเปิดตราอสูรและเรียกหมาป่าวายุนรกออกมา
อ๊าว~
"เบาๆหน่อย นี่วิทยาลัยชิงหลงนะ อย่าส่งเสียงดังไป"
"เราต้องฝึกซ้อมกันเงียบๆ แล้วค่อยไปอวดให้ทุกคนตะลึง!"
พรสวรรค์ที่เหนือชั้นไม่ได้น่ากลัว, สิ่งที่น่ากลัวคือคนที่มีพรสวรรค์เหนือชั้นเเละขยันฝึกฝนมากกว่าคุณ
"เฮยเฟิง ปรับลมหายใจ รวมพลังที่ลำคือถึงจะเรียนรู้ทักษะ 'ลูกไฟระเบิด' ได้"
"ใช่เเล้ว, จังหวะการหายใจแบบนี้แหละ"
"อย่าส่ายหัว, มันจะทำให้ความแม่นยำของทักษะลดลง"
เฮยเฟิงเชื่อฟังเเละทำตามที่เซียวซิงหยูบอก
มันฝึกฝนทักษะใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่หยุดพัก
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง, เฮยเฟิงก็เริ่มมั่นใจมากขึ้น
จากการแนะนำของเซียวซิงหยูบวกกับฤทธิ์ของยาเพิ่มความเข้าใจ, มันก็ทำให้เฮยเฟิงเรียนรู้ทักษะต่อสู้ใหม่ได้อย่างรวดเร็ว
"เฮยเฟิง พักสักหน่อย เราจะเริ่มฝึกทักษะใหม่กันต่อแล้ว"
"เเละทักษะนี้จะเป็นหนึ่งในทักษะไม้ตายของแก"
หลังจากพูดจบ, เซียวซิงหยูก็หยิบตำรา "สารานุกรมทักษะต่อสู้ธาตุความมืด" ออกมาจากกระเป๋า
จากนั้นก็หยิบ "ศิลาหลอมรวมธาตุความมืด" ออกมาจากระบบแล้วโยนให้เฮยเฟิงกิน
ในยามดึกสงัด ที่สนามเด็กเล่น
คนหนึ่งคนกับหมาป่าหนึ่งตัวฝึกซ้อมทักษะต่อสู้ด้วยกันอย่างขะมักเขม้น, จนบางครั้งมันก็มีเงาสีม่วงดำปรากฏขึ้นรอบตัวเฮยเฟิง
……
เวลาเที่ยงคืน, เซียวซิงหยูถึงยอมกลับไปที่ห้องพักหมายเลข 312
พอเปิดประตูเข้าไป เขาก็เห็นเพื่อนร่วมห้องสามคนที่กำลังนั่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน
"เซียวซิงหยู กลับมาแล้วเหรอ!" อู๋เซิงโหย่วโชว์เดินพุงพลุ้ยออกมาต้อนรับเซียวซิงหยู
เพื่อนร่วมห้องอีกสองคนพูดพร้อมกัน
"ยินดีต้อนรับกลับห้อง!"
"พวกนายคือ..."
"ฉันชื่อซ่งหู่ อยู่ปีหนึ่งห้องสามเหมือนนาย"
ซ่งหู่สูงเกือบสองเมตร ดูเหมือนพวกนักเลง แต่กลับมีดวงตาที่ใสซื่อบริสุทธิ์
"นึกออกแล้ว นายนั่งแถวเจ็ดเเถมชอบแขะขี้มูกแล้วป้ายใต้โต๊ะ"
ซ่งหู่ทำหน้าเขินๆ
"อย่าแฉฉันสิ~"
ห้องพักเป็นห้องนอนสำหรับสี่คน เซียวซิงหยู อู๋เซิงโหย่ว และซ่งหู่ อยู่ห้องสาม, เพราะเซียวซิงหยูนั่งแถวสุดท้าย เขาจึงเห็นทุกการกระทำของเพื่อนร่วมชั้น
ส่วนเพื่อนร่วมห้องอีกคนมาจากห้องสอง
"สวัสดี ฉันชื่อเฉินอี๋ฝู่ จากห้องสอง"
"ความฝันของฉันคือการได้เป็นหน่วยซัพพอร์ตที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่ปรมาจารย์อสูร!"
เฉินอี๋ฝู่เป็นคนที่ผอมที่สุดในห้อง
เขาใส่แว่นสายตาหนาเตอะ เเละดูจากการแต่งกายแล้ว มันเหมือนเฉินอี๋ฝู่จะมาจากเมืองเล็กๆ เหมือนกับเซียวซิงหยู
เซียวซิงหยูมองรอยคล้ำใต้ตาของเฉินอี๋ฝู่แล้วเอ่ยแซว
"ฉันเชื่อว่านายจะต้องเป็นซัพพอร์ตที่เก่งที่สุดในประเทศได้แน่ แต่อย่าลืมดูแลสุขภาพด้วยล่ะ…เบาๆเรื่องช่วยตัวเองหน่อยนะ" เซียวซิงหยูเอ่ยเตือนตรงๆ
เเละเฉินอี๋ฝู่ก็หน้าแดงก่ำทันที
ตอนนี้สมาชิกห้อง 312 ครบทีมเเล้ว
เพื่อเป็นการฉลอง ทุกคนจึงดื่มเบียร์ กินขนมขบเคี้ยวแทนอาหารปิ้งย่าง เเละคุยโม้โอ้อวดกันจนดึก
"เสี่ยวเฉิน ฉันมีเพื่อนคนหนึ่งอยากได้...เอ่อ...หนังอย่างว่าหน่อยน่ะ ช่วยหน่อยได้ไหม?" อู๋เซิงโหย่วพูดขึ้น
"ได้สิ เดี๋ยวส่งลิงก์ให้ทางแชทส่วนตัวนะ" เฉินอี๋ฝู่ตอบ
"เหล่าอู๋ ขอลิงก์ด้วยคนดิ!" ซ่งหู่รีบพูด
"เฮ้อ หน้าตาดีแต่ใจชอบของผิดกฎหมายซะงั้น" เซียวซิงหยูถอนหายใจ
อย่างไรก็ตาม, มิตรภาพระหว่างชายฉกรรจ์มักจะเริ่มต้นจากการแชร์ลิงก์ต้องสงสัยนี่แหละ
…..
เช้าวันต่อมา
ตารางเรียนของห้องสามช่วงเช้าเป็นทฤษฎีทั้งหมด ส่วนภาคปฏิบัติจะเริ่มช่วงบ่าย
เซียวซิงหยูไม่ต้องเข้าเรียนทฤษฎี เขาจึงถือบัตรยืมหนังสือเเล้วไปที่ห้องสมุด
"สวัสดีครับลุงสาม"
"ผมเอา 'สารานุกรมทักษะต่อสู้ธาตุความมืด' ที่ยืมไปเมื่อวานมาคืนครับ"
ในฐานะบรรณารักษ์ ลุงสามรู้สึกประหลาดใจกับเรื่องนี้มาก
"เซียวซิงหยู หนังสือเล่มนี้หนากว่าพจนานุกรมอีกนะ นายอ่านจบภายในคืนเดียวงั้นหรือ?"
"ใช่เเล้วครับ"
ถ้าลุงสามรู้ว่าเซียวซิงหยูสามารถอ่านหนังสือได้เป็นพันเล่มภายในหนึ่งวัน…เขาคงจะต้องตกใจจนกรามค้างแน่ๆ
หลังจากนั้น เซียวซิงหยูก็เลือกหนังสือที่สนใจมาอ่าน แล้วไปนั่งที่มุมห้อง
เมื่อดวงตาเทพอสูรเริ่มทำงาน ความรู้ในหนังสือก็เริ่มไหลทะลักเข้าสู่สมองของเซียวซิงหยูราวกับน้ำทะเลที่ถาโถมเข้าหาฝั่ง
ขณะที่เซียวซิงหยูกำลังเพลิดเพลินกับการเรียนรู้ ทันใดนั้นมันก็มีเสียงดังก้าวร้าวหนึ่งดังขึ้นจนทำลายความเงียบสงบของห้องสมุด
"วันนี้ฉันจองห้องสมุดแล้ว!"
"ผู้ชายทุกคน ออกไปให้หมด!"
"ส่วนผู้หญิงอยู่ต่อได้, เเต่ต้องมาอ่านหนังสือเป็นเพื่อนฉัน ฮี่ๆ~"
เซียวซิงหยูเงยหน้าขึ้นมองตามเสียง
ทันใดนั้น ชายหนุ่มแต่งตัวหรูหราก็เดินเข้ามาในห้องสมุดด้วยท่าทางอวดดี เเละชายคนนี้มีลูกน้องกลุ่มหนึ่งเดินตามหลังมา
ตอนนี้ ผู้ชายในห้องสมุดต่างพากันวิ่งหนีตาย เหลือเพียงผู้หญิงไม่กี่คนที่กำลังยืนตัวสั่นด้วยความกลัว
ผู้หญิงคนหนึ่งพยายามจะหนี แต่ชายหนุ่มคนนั้นคว้ามือเธอไว้
"สาวน้อย อยู่เป็นเพื่อนฉันอ่านหนังสือถือเป็นเกียรติของเธอแล้ว ยังจะหนีอีกเหรอ?"
"คุณชายหวัง ขอโทษค่ะ ฉันไม่กล้าแล้ว"
หญิงสาวเต็มไปด้วยความหวาดกลัว, เธอร้องไห้จนน้ำตาไหลอาบแก้ม
"คุณชายหวัง ยังมีเด็กเหลือขออยู่ที่มุมห้อง!"
ทันใดนั้น หวังเยี่ยนก็มองไปที่เซียวซิงหยู จากนั้นเขาก็ตะคอกเสียงเย็นชา
"ฉันบอกไปแล้ว ว่าให้ผู้ชายทุกคนออกไป!"