ตอนที่แล้วบทที่ 9 : พี่สาวคนใหม่​!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 11 : เข้าห้องสมุดและเรียนรู้ทักษะ​การต่อสู้ของสัตว์อสูร​!

บทที่ 10 : เด็กอัจฉริยะที่น่าประหลาด​ใจ​!


บทที่ 10 : เด็กอัจฉริยะที่น่าประหลาด​ใจ​!

เวลาบ่ายสามโมง

ณ ลานกว้างกลางวิทยาลัยชิงหลง

เหล่านักเรียน​และอาจารย์ที่ปรึกษาของแต่ละชั้นปี ต่างมารวมตัวกันเพื่อร่วมพิธีต้อนรับนักเรียน​ใหม่

เสียงพลุดังขึ้น เเละมันเป็นสัญญาณเริ่มต้นพิธีการ

เซียวซิงหยูที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน ได้เงยหน้ามองไปยังเวที

อาจารย์ใหญ่ หลินคัง ปรากฏ​ตัวพร้อมรอยยิ้มแจ่มใส

“นักเรียน​ใหม่ทุกคน ยินดีต้อนรับเข้าสู่วิทยาลัยชิงหลง”

หลินคังเป็นคนที่พูดจาเยิ่นเย้อ หลังจากแนะนำประวัติความเป็นมาของวิทยาลัยชิงหลงเสร็จสิ้น เขาก็เริ่มแนะนำศิษย์เก่าที่โดดเด่นอย่างต่อเนื่อง​

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป

เซียวซิงหยูยืนหาวหวอดๆ

เขาต้องประคองสติเเละปรบมือตามนักเรียน​คนอื่นไปเรื่อยๆ

เเละทันใดนั้น, หลินคังก็กระแอมไอ

“เอ่อ…สิ่งที่ผมควรพูดก็พูดไปหมดแล้ว”

“ต่อไป ขอเชิญท่านอธิการบดีกล่าวคำอวยพรแก่นักเรียน​ใหม่ครับ!”

ทันทีที่หลินคังพูดจบ เสียงคำรามของสิงโตก็ดังกึกก้องมาจากท้องฟ้า จนหมู่เมฆแตกกระจาย

จากนั้น​ สตรีผู้สง่างามที่กำลังขี่หลังสิงโตมีปีกก็โผบินลงมาจากฟากฟ้า

“ท่านอธิการบดีซูมาแล้ว!”

“สมกับเป็นอธิการบดีที่สวยที่สุดในประเทศ งดงามมากจริงๆ!”

“ได้ข่าวว่าท่านอธิการบดีอายุเกินสี่สิบแล้วนะ…แต่เธอดูแลตัวเองดีมากเลย!”

“ท่านอธิการบดีซูเป็นปรมาจารย์อสูรระดับเจ็ดดาว เธอสุดยอดวีรสตรี​จริงๆ!”

ขณะ​ที่ทุกคนกำลังสนใจ​อธิการบดี, เซียวซิงหยูกลับจ้องมองไปที่สัตว์อสูรสายพันธุ์สิงโตเป็นอันดับแรก

สัตว์​อสูร​ตัว​นี้​คือสิงโตผู้สง่างาม, มันมีขนาดใหญ่เท่ากับบ้านสามชั้น นอกจากนี้​ยังมีกรงเล็บเเหลมคมที่มีเปลวเพลิงสีม่วงลุกโชอยู่​ตลอดเวลา​

ที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นคือ บนหลังของมันมีปีกคริสตัลสีม่วงงอกออกมา

สิงโตยที่สามารถ​บินได้เเบบนี้​ เซียวซิงหยูเพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก

“ราชสีห์ปีกเพลิงม่วง สัตว์อสูรระดับราชา ธาตุไฟ…”

เซียวซิงหยูพึมพำเบาๆ

ตอนนี้​ ดวงตาเทพอสูรของเขาสามารถมองเห็นข้อมูลทั้งหมดของราชสีห์ปีกเพลิงม่วงได้อย่าง​ง่ายดาย​

เเละเจ้าของราชสีห์ปีกเพลิงม่วงคือสาวสวยสะพรั่ง ผมยาวสีแดงสยาย ใบหน้าคมคาย ดูมีเสน่ห์แบบสาวต่างชาติ

นี่คืออธิการบดีของวิทยาลัยชิงหลง, ซูหรูหยาน

ซูหรูหยานสวมชุดคลุมสีม่วง หน้าอกประดับด้วยตราสัญลักษณ์รูปดาวเจ็ดดวง

เเละนี่คือสัญลักษณ์ของปรมาจารย์อสูรระดับเจ็ดดาว

‘ปกติแล้ว การจะเลื่อนขั้นเป็นปรมาจารย์อสูรระดับเจ็ดดาวได้ ต้องสามารถ​ฝึกฝนสัตว์อสูรตนหนึ่ง​จนถึงระดับ​จักรพรรดิ’

‘ราชสีห์ปีกเพลิงม่วงเป็นแค่สัตว์อสูรระดับ​ราชา​ ดังนั้นผู้หญิงคนนี้ต้องมีสัตว์อสูรตัวอื่นอีกแน่’

ปรมาจารย์อสูรที่แข็งแกร่งจะมีพลังวิญญาณมากมาย ดังนั้น​พวกเขาจะไม่ทำพันธสัญญากับสัตว์อสูรแค่ตัวเดียว

เเละสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งที่สุด มักจะเป็นไพ่ตายที่จะไม่ถูกเรียกออกมาในยามปกติ

เซียวซิงหยูมั่นใจว่า ราชสีห์ปีกเพลิงม่วงเป็นเเค่สัตว์อสูรตัวที่สองหรือสามของซูหรูหยานเท่านั้น​

สัตว์อสูรตัวแรกของซูหรูหยาน จะต้องมีระดับสูงกว่าระดับราชา​อย่างแน่นอน

……

ณ ขณะนี้​

ซูหรูหยานยืนอยู่บนเวที มองลงมาที่นักเรียน​ใหม่เขม็ง

“นักเรียน​ทุกคน ขอแสดงความยินดีที่พวกคุณได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของวิทยาลัยชิงหลงของเรา”

“เเต่ฉันขอเตือนพวกคุณทุกคนไว้ตรงนี้เลย”

“เมื่อเข้ามาในวิทยาลัยชิงหลงแล้ว ไม่ว่าคุณจะเป็นลูกหลานตระกูลใหญ่โต หรือมาจากครอบครัวธรรมดา”

“ทุกคนต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบของวิทยาลัยชิงหลงอย่างเคร่งครัด​”

เซียวซิงหยูและนักเรียน​ใหม่ทุกคนถือหนังสือคู่มือกฎระเบียบของวิทยาลัยอยู่ในมือ

กฎข้อที่ 8 สะดุดตามากเป็นพิเศษ

กฎข้อที่ 8 ของวิทยาลัย:

[หากนักเรียนมีเรื่องขัดแย้งกัน ไม่ว่าใครถูกใครผิด จะต้องแก้ปัญหาด้วย “การประลองบนเวที”]​

[ฝ่ายแพ้ต้องขอโทษฝ่ายชนะ]​

กฎข้อนี้ดูไม่ค่อยยุติธรรมนัก เพราะมันปฏิเสธความถูกผิดโดยสิ้นเชิง เเละอาจทำให้เกิดการรังแกกันในวิทยาลัยได้

เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังเซ็งแซ่ นักเรียน​ต่างพากันบ่นพึมพำ

แต่เซียวซิงหยูกลับอมยิ้ม เขารู้ว่ากฎข้อนี้ที่ดูเหมือนจะไม่ยุติธรรม เเต่แท้จริงแล้วมันคือความหวังดีของซูหรูหยาน

“นักเรียน​ใหม่ทุกคน ต่อไปนี้ขอให้สนุกกับชีวิตในวิทยาลัยตลอดสามปีข้างหน้า”

“สามปีต่อจากนี้ พวกคุณจะเป็นมังกร​หรือเป็นแค่แมลง…มันก็ขึ้นอยู่กับว่าสามปีนี้พวกคุณ​จะสามารถ​ขัดเกลาพรสวรรค์ หรือปล่อยเวลาให้ผ่านไปอย่างไร้ค่า”

“สุดท้ายนี้ ขอให้พวกคุณก้าวขึ้นเป็นปรมาจารย์อสูรระดับสูงโดยเร็วที่สุด​!”

หลังจากกล่าวสุนทรพจน์​จบ ซูหรูหยานก็ขี่ราชสีห์ปีกเพลิงม่วงหายลับไปจากสายตาของทุกคน

เเละหลังจากพิธีจบลง นักเรียน​ใหม่ทุกคนก็กลับไปยังห้องเรียนของตน

……

ณ ห้องเรียนปีหนึ่งห้องสาม

นี่คือห้องเรียนของเซียวซิงหยู

เเละเฉินฉีเหนียนคืออาจารย์ที่ปรึกษาประจำชั้น

“นักเรียนทุกคน นั่งตามเลขที่ได้เลยนะ”

ที่นั่งของเซียวซิงหยูอยู่ริมหน้าต่าง แถวสุดท้ายของห้อง

และที่นั่งนี้มีความพิเศษ คือมีโต๊ะตัวเดียว

ซึ่งนั่นหมายความว่าเซียวซิงหยูจะไม่มีเพื่อนร่วมโต๊ะ

‘นึกว่าจะมีสาวสวยมานั่งข้างๆเสียอีก’

‘ช่างเถอะ ผู้แข็งแกร่งมักจะเดียวดาย’

‘หลังห้องริมหน้าต่าง นี่คือบ้านของราชา’

เซียวซิงหยูปลอบใจตัวเองในใจ

“เซียวซิงหยู…สวัสดี ฉันชื่อ อู๋เซิงโหย่ว!”

เซียวซิงหยูหันไปมองตามเสียง และได้รู้จักเพื่อนคนแรก

ที่นั่งของเซียวซิงหยูอยู่ริมหน้าต่างด้านซ้ายสุดของแถวหลัง

ส่วนอู๋เซิงโหย่วนั่งอยู่ริมประตูหลังด้านขวาสุดของแถวหลัง

ทั้งคู่ต่างนั่งโต๊ะเดี่ยวๆ จนดูเหมือนเพื่อนร่วมชะตากรรม

“สวัสดี อู๋เซิงโหย่ว”

“เซียวซิงหยู ฉันได้ยินเรื่องราวอันยิ่งใหญ่ของนายมาหมดแล้ว ค่าพลังวิญญาณเริ่มต้นของนาย น้อยกว่ารุ่นพี่เย่ซวงหนิง อัจฉริยะประจำวิทยาลัย…แค่ 2 คะแนน​เท่านั้น​เอง!”

นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ ที่เซียวซิงหยูได้ยินชื่อเย่ซวงหนิง

เพราะค่าพลังวิญญาณเริ่มต้น ชื่อของเซียวซิงหยูจึงมักจะถูกพูดคู่กับเย่ซวงหนิงอยู่เสมอ

“เย่ซวงหนิงอีกแล้ว…”

“ฉันพอจำได้ว่าเธอเป็นนักเรียน​ปีสองของวิทยาลัยชิงหลง เป็นรุ่นพี่ของฉัน”

อู๋เซิงโหย่วเป็นเด็กอ้วนร่าเริง หลังจากคุยกับเซียวซิงหยูได้ไม่นาน ทั้งคู่ก็กลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน

“เซียวซิ​ง​หยู…บังเอิญจังเลย ฉันยก็อยู่​ห้อง 312 เหมือนกัน!”

“เราช่างมีวาสนาต่อกันจริงๆ ไม่ใช่แค่เป็นเพื่อนร่วมชั้น แต่ยังเป็นเพื่อนร่วมห้องกันอีกด้วย!”

เมื่อเห็น​อีกฝ่ายเริ่มเสียงดัง, เซียวซิงหยูก็เอ่ยเตือนทันที​

“อู๋เซิงโหย่ว อย่าพูดเสียงดังขนาดนั้น อาจารย์เฉินกำลังมองเราอยู่นะ”

…….

หลังจาก​นั้น​

เมื่อแจกหนังสือเรียนเสร็จ เสียงกริ่งเข้าเรียนคาบแรกก็ดังขึ้น

เฉินฉีเหนียนยืนอยู่บนเวทีเเละเริ่มบรรยาย​

“นักเรียนทุกคน เทอมนี้ ในช่วงคาบเรียนทฤษฎี เราต้องเรียนหนังสือ​ให้จบทั้ง 13 เล่มนี้”

“ทฤษฎีคือพื้นฐานของการปฏิบัติ, หากต้องการเอาชนะสัตว์อสูร ก็ต้องเข้าใจนิสัยและจุดอ่อนของมันเสียก่อน”

“เปิดหนังสือภาพประกอบสัตว์อสูร เราจะเริ่มเรียนบทแรก…”

เซียวซิงหยูมองกองหนังสือเรียนหนาๆบนโต๊ะ ทันใดนั้น​ริมฝีปากของเขาก็ยกยิ้มเล็กน้อย

ขณะที่เฉินฉีเหนียนกำลังสอนอย่างเชื่องช้าบนเวที เซียวซิงหยูก็เปิดอ่านหนังสืออย่างรวดเร็ว

ดวงตาเทพอสูรมีความสามารถในการจำได้ในทันที

ดังนั้น​ไม่ถึงสามนาที เซียวซิงหยูก็จำเนื้อหาในหนังสือเรียนทั้ง 13 เล่มได้ทั้งหมด…นอกจาก​นี้ยังสามารถเชื่อมโยงความรู้ทั้งหมดเข้าด้วยกันได้อีกด้วย​

อู๋เซิงโหย่วไม่ชอบอ่านหนังสือ ดีงนั้นเขาจึงแอบส่งกระดาษโน้ตให้เซียวซิงหยู

ข้อความในโน้ต: [เซียว เย็นนี้จะกินข้าวที่โรงอาหาร หรือไปกินข้าวนอกบ้านดี…ฉันเลี้ยงเอง!]​

[ไม่เป็นไร พี่สาวของฉันเตรียมข้าวกล่องมาให้แล้ว แค่เอาเข้าไมโครเวฟก็กินได้เลย]​

[นายมีพี่สาวด้วยเหรอ อิจฉาจัง!]​

ป๊าบ!

เเต่ทันใดนั้น​เอง​

ชอล์กก้อนหนึ่งก็ลอยมาโดนหัวของอู๋เซิงโหย่วอย่างเเม่นยำ

“อู๋เซิงโหย่ว เซียวซิงหยู ทำไมพวกนายไม่ตั้งใจเรียน มัวเเต่ส่งโน้ตหากันทำไม!”

เฉินฉี่เหนียนแสดงอำนาจของอาจารย์ที่ปรึกษาออกมา

“พวกนายเป็นนักเรียน​ใหม่รุ่นที่แย่ที่สุดที่ฉันเคยสอนมาเลย!”

หลังจากระบายอารมณ์เสร็จ เฉินฉีเหนียนก็เริ่มถามคำถาม

“อู๋เซิงโหย่ว ตอบคำถามข้อนี้ซิ”

“จุดอ่อนของกิ้งก่าอสูรคืออะไร?”

อู๋เซิงโหย่วอ้ำอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบว่า

“มันชอบคิดถึงบ้านครับ”

ทันใดนั้น​ ทั้งห้องก็ระเบิดเสียงหัวเราะ

เเต่เฉินฉีเหนียนทุบโต๊ะดังปัง

“เจ้าเด็กบ้า คิดว่านี่เป็นข้อสอบวิชาภาษาจีนรึไง!”

“ยืนเรียนไปสามคาบ!”

“เซียวซิงหยู นายหัวเราะอะไร ลุกขึ้นมาตอบคำถามด้วย!”

เฉินฉีเหนียนตั้งใจจะทำโทษให้เป็นเยี่ยงหย่าง ให้นักเรียนคนอื่นๆรู้ว่าการไม่ตั้งใจเรียนมีผลอย่างไร เซียว​ซิ​ง​หยู​จึงไม่รอดเช่นกัน​

“จุดอ่อนของกิ้งก่าอสูรคืออะไร?”

“ถุงพิษใต้ท้องครับ”

เฉินฉีเหนียนชะงักไปเล็กน้อย​

“นายก็เจ๋งเหมือนกันนะ ไม่ฟังการสอนยังตอบถูกอีก”

“อย่าเพิ่งนั่ง ตอบคำถามต่อไป”

“จระเข้ยักษ์น้ำแข็ง มักอาศัยอยู่แถวไหน?”

“บริเวณทะเลสาบทางตอนใต้ของประเทศ และน้ำตกใต้ธารน้ำแข็งบนภูเขาคุนหลุนครับ”

เฉินฉีเหนียนประหลาดใจอีกครั้ง

“นายนี่มัน…ฟังคำถามต่อไป!”

“ถ้าเจอเสือเขี้ยวกัดกินวิญญาณในป่า ควรทำอย่างไร?”

“คาบบัตรประชาชนไว้ในปาก แล้วไปนอนใต้ร่มไม้ครับ”

เฉินฉีเหนียนขมวดคิ้ว “ทำไม?”

“เพราะเสือเขี้ยวกัดกินวิญญาณเป็นสัตว์อสูรระดับ​ราชาชนิดกลายพันธุ์ มีเพียงปรมาจารย์อสูรระดับหกดาวขึ้นไปเท่านั้นที่พอจะสู้ได้”

“พวกเราที่เป็นแค่เด็กใหม่ ถ้าเจอมันในป่า มีแต่ควาย​ตายเท่านั้นที่รอ​อยู่​”

“ผมจึงเลือกคาบบัตรประชาชนไว้ในปาก เพื่อให้ญาติๆ ง่ายต่อการระบุตัวตน”

“ส่วนการไปนอนใต้ร่มไม้ ก็เพื่อไม่ให้ศพเน่าเหม็น”

หลังจากเซียวซิงหยูตอบคำถามจบ ทั้งห้องก็เงียบกริบ จากนั้น​ทุกคนหันไปมองเฉินฉีเหนียน

เฉินฉีเหนียนกระตุกมุมปาก นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดว่า

“คำตอบนี้ คะแนน​เต็มสิบ”

“เซียวซิงหยู คำถามที่ฉันถามนายเป็นเนื้อหาบทท้ายๆ ของหนังสือเรียนนะ”

“ฉันเพิ่งเริ่มสอนบทแรก ทำไมนายถึงตอบได้…”

“ผมอ่านจบทั้ง 13 เล่มแล้วครับ” เซียวซิงหยูตอบอย่างใจเย็น

“อะไร​นะ?”

“คาบแรกเพิ่งผ่านไป 20 นาที หมอนี่เรียนจบทั้งเทอมแล้วเหรอ?”

“เวอร์เกินไปแล้ว หมอนี่มันโอ้อวด​เกินไป​จริงๆ!”

“เเต่ชื่อเซียวซิงหยู ชื่อเขาคุ้นๆนะ…”

“นึกออกแล้ว หมอนี่คือเซียวซิงหยูที่เป็นข่าว คนที่ค่าพลังวิญญาณเริ่มต้นน้อยกว่าเย่ซวงหนิงแค่ 2 คะแนน!”

จนถึงตอนนี้ เซียวซิงหยูกับเย่ซวงหนิงยังไม่เคยเจอหน้ากันเลย

แต่ทุกครั้งที่มีคนพูดถึงชื่อของคนใดคนหนึ่ง อีกคนก็จะถูกพูดถึงด้วยตลอด​

บทที่ 11 : เข้าห้องสมุดและเรียนรู้ทักษะ​การต่อสู้ของสัตว์อสูร​!

"นักเรียนทุกคน อ่านเนื้อหาในหนังสือเรียนกันไปก่อนนะ"

เฉินฉีเหนียนบอกกับเหล่านักเรียนก่อนจะหันมาทางเซียวซิงหยู

"เซียวซิงหยู ออกมาหาฉันข้างนอกหน่อย"

ที่ระเบียงทางเดินนอกห้องเรียน เฉินฉีเหนียนหันมาคุยกับเซียวซิงหยูเป็นการส่วนตัว

"นายนี่มันไม่ธรรมดาจริงๆ ใช้เวลาไม่ถึง 20 นาทีก็เรียนเนื้อหาภาคทฤษฎีจบทั้งเทอมแล้ว"

เฉินฉีเหนียนมองเซียวซิงหยูด้วยความสนใจราวกับมองสิ่งมหัศจรรย์

เซียวซิงหยูยิ้มและพูดอย่างถ่อมตัว

"ก็อาจารย์เฉินสอนดีนี่ครับ"

"เหอะๆ" เฉินฉีเหนียนส่ายหน้า

"อย่าเอาฉันไปยอเลย ตอนนี้ฉันเริ่มสงสัยแล้วว่าตัวเองมีคุณสมบัติพอที่จะสอนนายรึเปล่า นายมันอัจฉริยะตัวจริงเสียง​จริง​!"

คำว่า "อัจฉริยะ" เป็นคำยกย่องสูงสุดสำหรับปรมาจารย์​อสูร​รุ่นเยาว์

ในประเทศมังกรมีการจัดอันดับอัจฉริยะซึ่งเปิดเผยต่อสาธารณะ ผู้ที่ติดอันดับล้วนเป็นปรมาจารย์​อสูร​รุ่นเยาว์ที่มีพรสวรรค์โดดเด่น

เเละหลังจากการสอบระดับประเทศครั้งก่อน, เซียวซิงหยูก็ติดอันดับที่ 24 ในบัญชีอัจฉริยะทั้งหมด

"ด้วยพรสวรรค์ขนาดนี้ อันดับของเด็กคนนี้คงจะพุ่งสูงมากกว่า​นี้ในอีกไม่นานแน่ๆ" เฉินฉีเหนียนพึมพำ​ในใจ

"ว่าเเต่อาจารย์เฉิน เรียกผมออกมาข้างนอกเเบบนี้​มีอะไรรึเปล่าครับ?" เซียวซิงหยูถามอย่าง​สงสัย​

เมื่อ​ได้ยิน​เช่นนี้, เฉินฉีเหนียนก็ยื่นบัตรสีทองใบหนึ่งให้เซียวซิงหยู

บัตรใบนั้นสลักรูปหัวมังกรชิงหลง

"นี่คือบัตรยืมหนังสือของห้องสมุดชิงหลง นายสามารถใช้บัตรใบนี้เข้าออกห้องสมุดได้ตลอด 24 ชั่วโมง แถมยังยืมหนังสือได้ฟรีอีกด้วย"

เมื่อ​ได้ยิน​เช่นนี้, เซียวซิงหยูก็ตาลุกวาวด้วยความดีใจทันที​

"ดีใจขนาดนั้นเลยเหรอ มุมปากของนาย​เเทบจะฉีกถึงหูอยู่แล้ว" เฉินฉีเหนียนเอ่ยแซว

"ขอบคุณครับอาจารย์เฉิน!"

เซียวซิงหยูรู้สึกขอบคุณเฉินฉีเหนียนมาก

บัตรยืมหนังสือใบนี้มีความสำคัญกับเขามากจริงๆ

วิทยาลัย​ฝึกสัตว์อสูรทั้งสี่แห่งต่างก็มีห้องสมุดเป็นของตัวเอง ห้องสมุดชิงหลงของวิทยาลัย​ชิงหลงมีหนังสือเกี่ยวกับการฝึกสัตว์อสูรและการรับมือกับสัตว์อสูรนับแสนเล่ม

ที่สำคัญที่สุดคือมันมีหนังสือประเภท "ตำราทักษะ​ต่อสู้" อยู่​ด้วย

สัตว์อสูรส่วนใหญ่ต้องใช้ทักษะในการสู้​รบ​ ทักษะเหล่านี้เรียกว่าทักษะการต่อสู้

บางทักษะ​เป็นทักษะ​ติดตัวที่สัตว์อสูรเกิดมาพร้อมกับมัน เช่น ทักษะ​ "พันธนาการนรก" และ "คำรามอเวจี​" ของหมาป่าวายุ​นรก

เเต่ทักษะ​ต่อสู้บางทักษะ​ต้องเรียนรู้เพิ่มเติม

สำหรับ​โลกใบ​นี้, อารยธรรมปรมาจารย์​อสูร​พัฒนามา 300 ปีแล้ว

เหล่าปรมาจารย์​อสูร​รุ่นก่อนได้ร่วมมือกันสร้างตำราทักษะ​ต่อสู้ขึ้นมามากมาย ตำราเหล่านี้ถูกแบ่งประเภทตามคุณสมบัติและรูปแบบการต่อสู้ของสัตว์อสูร

ยกตัว​อย่างเช่น "ตำราทักษะ​ต่อสู้สำหรับสัตว์อสูรตระกูลหมาป่า" หรือ "บันทึกทักษะการ​ต่อสู้ธาตุไฟ"

"เอาล่ะ เอาบัตรไปใช้ที่ห้องสมุดได้เลย" เฉินฉีเหนียนเร่ง

"แล้วคาบเรียนของอาจารย์ล่ะครับ?"

"นายเรียนเนื้อหาภาคทฤษฎีจบทั้งเทอมแล้ว ถ้าจะนั่งอยู่ในห้องเรียนต่อมันก็เสียเวลาเปล่าๆ ฉันอนุญาตเป็นกรณีพิเศษ ให้นายไม่ต้องเข้าเรียนภาคทฤษฎี ไปใช้เวลาที่ห้องสมุดได้เลย"

คำพูดของเฉินฉีเหนียนทำให้เซียวซิงหยูรู้สึกอบอุ่นใจ

ในยุคที่ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะอยู่รอด มันจึงมีเพียงอัจฉริยะเท่านั้นที่จะได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษ

ทันใดนั้น​ เฉินฉีเหนียนก็พูดเสริมต่อ

"จริงสิ ถึงนายไม่ต้องเข้าเรียนภาคทฤษฎี แต่ห้ามขาดเรียนภาคปฏิบัติเด็ดขาด​นะ…นายเข้าใจไหม?"

เซียวซิงหยูพยักหน้ารับ เขาเข้าใจว่าภาคปฏิบัติมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับนักเรียนใหม่

เพราะในท้ายที่สุดแล้ว ทฤษฎีทั้งหมดจะต้องนำไปใช้ในทางปฏิบัติ ถึงจะสามารถต่อกรกับกองทัพ​สัตว์อสูรที่กำลังจ้องจะทำลาย​มนุษยชาติ​

…….

ณ ห้องสมุดชิงหลง

ในขณะที่เพื่อนนักเรียนคนอื่นๆ ยังคงเรียนเนื้อหาบทแรกในห้องเรียน เเต่เซียวซิงหยูกลับกำลังใช้สิทธิพิเศษเพื่อเข้ามาในห้องสมุดชิงหลง

"ห้องสมุดนี่ใหญ่โตโอ่อ่าเหมือนพระราชวังโบราณเลยเเฮะ..."

ภายในห้องสมุดตกแต่งอย่างหรูหรา

กลางห้องโถงมีเสาขนาดใหญ่ตั้งตระหง่าน บนเสามีชั้นหนังสือฝังอยู่เต็มไปหมด

"เคล็ดลับพัฒนาสัตว์อสูรฉบับเร่งรัด"

"เทคนิคในการสอบปรมาจารย์​อสูร​ระดับสองดาว"

"สอนรับมือกับสัตว์อสูรเผ่าร้ายภายในสามนาที"

"การดูแลแม่หมูหลังคลอด"

"หนังสือในห้องสมุดนี่หลากหลายจริงๆ..."

หมาป่าวายุ​นรกมีคุณสมบัติทั้งธาตุไฟและธาตุลม เซียวซิงหยูจึงพยายาม​เลือกตำราทักษะ​ต่อสู้สองเล่มที่ตรงกับคุณสมบัติทั้งสองนี้

จากนั้นเขาก็หาที่นั่งตามมุมห้องแล้วเริ่มอ่านหนังสือ

ด้วยพลังของดวงตาเทพอสูร เซียวซิงหยูใช้เวลาเพียงหนึ่งนาทีก็สามารถ​อ่านหนังสือทั้งสองเล่มจบ

แต่การที่จะฝึกฝนสัตว์อสูรให้เรียนรู้และเชี่ยวชาญทักษะ​ต่อสู้ใหม่ๆได้นั้น…มันก็ต้องขึ้นอยู่กับพรสวรรค์ของสัตว์อสูรตัวนั้นๆด้วย

อย่างไร​ก็ตาม, โชคยังดีที่เซียวซิงหยูมียาเพิ่มความเข้าใจ​อยู่ในระบบ

เมื่อให้หมาป่านรกกินยาชนิดนี้ สติปัญญาของมันจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก…มันไม่เพียงแต่จะเรียนรู้ทักษะ​ต่อสู้ได้เร็วขึ้น แต่ยังสามารถเรียนรู้ทักษะ​ต่อสู้ระดับสูงได้อีกด้วย

…..

เวลาผ่านไปสองชั่วโมง

หลังจากอ่านหนังสือจบเล่มที่ 1032 จบ เซียวซิงหยูก็ถอนหายใจออกมา

"ใกล้เวลาเลิกเรียนแล้ว พี่สาวคงมารอที่หน้าโรงเรียนแล้วล่ะ"

เซียวรั่วเสวี่ยไม่อยากให้เซียวซิงหยูกินข้าว​ที่โรงอาหาร เธอจึงเตรียมข้าวกล่องมาให้ที่หน้าโรงเรียนทุกวัน เพื่อให้น้องชายได้กินอาหารที่สะอาดและมีประโยชน์

เเละก่อนออกจากห้องสมุด เซียวซิงหยูได้หยิบหนังสือ "สารานุกรมทักษะ​การต่อสู้ธาตุความมืด" มาเล่มหนึ่ง

บรรณารักษ์เป็นคุณตาอ้วนใจดี ไม่มีใครรู้จักชื่อของเขา...แต่ทุกคนในโรงเรียนเรียกเขาว่า ลุงสาม

"ลุงสาม ผมขอยืมหนังสือเล่มนี้กลับไปอ่านที่หอพักนะครับ"

เมื่อ​เห็น​ชื่อหนังสือ, ลุงสามก็ทำหน้างงเล็กน้อย​

"เซียวซิงหยู สัตว์อสูรของเธอมีคุณสมบัติธาตุไฟและธาตุลม ทำไมเธอถึงยืมตำราทักษะการ​ต่อสู้ธาตุความมืดล่ะ?"

เซียวซิงหยูยิ้มรับ แล้วตอบปัดๆไปว่า

"ผมแค่อยากอ่านเล่นๆน่ะครับ"

เมื่อ​ได้ยิน​เช่นนี้, ลุงสามก็ไม่ได้ซักไซ้​อะไรต่อ

เเละเซียวซิงหยูก็มีบัตรยืมหนังสือ, ไม่ว่าเขาจะยืมหนังสือเล่มไหนมันก็ไม่ผิดกฎ

"เอาล่ะ ลงทะเบียน​เรียบร้อยแล้ว อย่างช้าสุดต้องคืนภายในสามวันนะ"

"ครับผม พรุ่งนี้เช้าผมก็เอามาคืนแล้วครับ!" เซียวซิงหยูตอบพร้อมรอยยิ้ม​

หลังจากออกจากห้องสมุด เซียวซิงหยูก็กลับไปที่ห้องเรียน นั่งรอประมาณสิบนาที เสียงกริ่งเลิกเรียนก็ดังขึ้น

………

"ในที่สุดก็เลิกเรียนสักที!"

"หิวแล้ว ไปกินข้าวที่โรงอาหารกันเถอะ!"

"ได้ยินมาว่ามีร้านปิ้งย่างอยู่หลังโรงเรียน ไปกินปิ้งย่างกันไหม?"

"ไปสิ ฉลองเปิดเทอมกัน คืนนี้ต้องเมาให้หลับกัน​ไปข้าง!"

นี่แหละคือพลังของนักเรียนปีหนึ่งที่เต็มไปด้วยความสดใสร่าเริง เเละยังไม่รู้จักความโหดร้ายของการฝึกเเบบนรก

เเต่ทันใดนั้น, เฉินฉีเหนียนก็ตบโต๊ะเรียกความสนใจ

"ทุกคน พรุ่งนี้ตอนบ่ายเราจะเริ่มเรียนภาคปฏิบัติคาบแรก กลับไปพักผ่อนให้เต็มที่ เตรียมสัตว์อสูรของตัวเองให้พร้อมสำหรับการฝึกพรุ่งนี้ด้วย!"

หลังจากกำชับนักเรียนเสร็จ เฉินฉีเหนียนก็ออกจากห้องเรียนไป

เมื่อ​เห็น​อาจารย์​ไปแล้ว, อู๋เซิงโหย่วก็รีบวิ่งเข้ามาหาเซียวซิงหยูด้วยสีหน้าชื่นชม

"เซียวซิ​ง​หยู​ ฉันนับถือนายจริงๆ!"

"เเค่วันแรกของการเปิดเทอม อาจารย์เฉินก็ให้บัตรยืมหนังสือนายเป็นกรณีพิเศษ แถมยังอนุญาตให้นายไม่ต้องเข้าเรียนภาคทฤษฎีอีกต่างหาก"

เมื่อ​เห็น​อู๋เซิงโหย่วพูดไม่หยุด เซียวซิงหยูก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ แล้วคิดในใจ

"เจ้านี่เป็นหนูขี้เม้าท์ตัวจริงเสียง​จริง​เลย​"

หลังจากเก็บหนังสือใส่กระเป๋า เซียวซิงหยูและอู๋เซิงโหย่วก็เดินออกจากอาคารเรียนด้วยกัน

"เซียวซิ​ง​หยู​ ฉันจะไปกินข้าวที่โรงอาหาร นายไม่ไปด้วยกันเหรอ?"

"ฉันบอกไปแล้วไง ว่าพี่สาวฉันจะเอากล่องข้าวมาให้" เซียวซิงหยูกล่าว​เเล้ว​เดินตรงไปที่ประตูโรงเรียน

ด้วยความอยากรู้อยากเห็น อู๋เซิงโหย่วจึงแอบมองเซียวซิงหยูจากระยะไกล

ที่หน้าประตูโรงเรียน

สาวสวยผมสีเงิน ยืนถือกระเป๋าเก็บความร้อนรออยู่ท่ามกลางสายลม

แม้ว่าเธอจะแต่งตัวเรียบง่าย แต่มันก็ไม่อาจปกปิดใบหน้าที่งดงามและออร่าความอ่อนโยนของเธอได้

"พี่สาว!"

"เสี่ยวหยู!"

เซียวซิงหยูรีบวิ่งเข้าไปรับกระเป๋าเก็บความร้อนจากมือเซียวรั่วเสวี่ย

ข้างในนั้นมีกล่องข้าวที่จัดเตรียมไว้อย่างสวยงาม

ในนั้นมีกับข้าวสองอย่าง ผักหนึ่งอย่าง และขนมหวานอีกนิดหน่อย เน้นสารอาหารครบถ้วน

เซียวซิงหยูเป็นม้ามืดที่โด่งดังอยู่แล้ว ส่วนเซียวรั่วเสวี่ยก็เป็นสาวสวยผมเงินที่สะดุดตา พี่น้องคู่นี้จึงตกเป็นเป้าสายตาของนักเรียนคนอื่นๆอย่างง่ายดาย​

"ผู้หญิงผมเงินคนนั้นสวยมาก!"

"เหมือนเธอจะเป็นพี่สาวของเซียวซิงหยูนะ"

"ทำไมพี่สาวผมเงิน แต่น้องผมดำ สงสัยจะไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ"

"เซียวซิงหยูเหรอ? เด็กคนนั้นมีพรสวรรค์มากนี่…แถมยังมาจากเมืองเล็กๆอีก"

เซียวซิงหยูไม่สนใจสายตาของคนรอบข้าง

เขาหาต้นไม้แถวนั้นนั่งพิงแล้วเริ่มกินข้าวเย็นฝีมือพี่สาวอย่างเอร็ดอร่อย

บทที่ 12 : ทักษะ​การต่อสู้​ธาตุ​มืด

"พี่สาว เต้าหู้ราดซอสต้นหอมกับไก่ผัดซีอิ๊วที่พี่ทำอร่อยระดับเชฟโรงแรมห้าดาวเลย!" เซียวซิงหยูพูดชมพี่สาว

จากนั้น​ไม่ถึงห้านาที กล่องข้าวก็ว่างเปล่า ไม่มีแม้แต่เม็ดข้าวหรือน้ำซุปเหลืออยู่

"ค่อยๆกินสิ เดี๋ยวก็ติดคอหรอก ดื่มน้ำซุปไก่นี่หน่อย"

เซียวรั่วเสวี่ยนั่งลงข้างๆแล้วตักน้ำซุปไก่ป้อนน้องชาย

พี่น้องทั้งสองนั่งอยู่หน้าประตูโรงเรียน โดยไม่สนใจสายตาของคนอื่นเเละคุยกันอย่างสนุกสนาน

"เสี่ยวหยู พี่สังเกตว่าโรงเรียนเรามีสาวสวยเยอะเหมือนกันนะ~" เซียวรั่วเสวี่ยพูดแซว

"เหรอครับ? ผมว่าไม่มีใครสวยเท่าพี่สาวหรอก"

ในสายตาเซียวซิงหยู เซียวรั่วเสวี่ยคือคนที่สวยที่สุด

ทันใดนั้น, เซียวรั่วเสวี่ยก็โน้มตัวมากระซิบข้างหูน้องชาย

"เราก็ 18 แล้วนะ…เป็นผู้ใหญ่แล้ว ถ้าจะมีแฟนมันก็เป็นเรื่องปกติ"

"พี่สาวจะพูดอะไรกันแน่เนี่ย?"

"พี่แค่อยากจะบอกว่า ถ้าน้องจะมีแฟนพี่ก็ไม่ห้าม แต่อย่าไปคบกับผู้หญิงตระกูลเย่เด็ดขาด!"

เซียวรั่วเสวี่ยเน้นเสียงหนักแน่น

"ตระกูลเย่? ผมไม่รู้จักผู้หญิงตระกูลเย่สักคน..."

เซียวซิงหยูงุนงงเล็กน้อย, แต่พอคิดอีกที

"ตระกูลเย่? เย่ซวงหนิงก็ตระกูลเย่นี่ แต่ผมยังไม่เคยเจอหน้าเธอเลยสักครั้ง จะไปคบกันได้ยังไง"

"เอาเถอะ, จำไว้ว่าสามารถ​หาแฟนได้ แต่อย่าหาจากตระกูลเย่" เซียวรั่วเสวี่ยย้ำอีกครั้ง

"ทำไมล่ะครับ? ตระกูลเย่มาโกงเงินหรือขโมยข้าวบ้านเราเหรอ?"

"ก็เพราะ...เอ๊ะ บอกให้จำก็จำไปเถอะ อย่าถามมากน่า"

เมื่อ​เห็น​ว่าเซียวรั่วเสวี่ยไม่สามารถอธิบายได้ เซียวซิงหยูก็ยิ่งงงเข้าไปใหญ่

ช่วงนี้พี่สาวของเขาดูแปลกๆไปหน่อยนะ

…….

หลังจาก​นั้น​เมื่อฟ้าเริ่มมืด

"พี่สาว ผมไปส่งพี่กลับบ้านนะครับ"

"ไม่ต้องหรอก อพาร์ทเมนท์อยู่บนถนนหลังโรงเรียน เดินแค่สิบนาทีก็ถึงเเล้ว"

"โอเค​รครับ, ว่าเเต่พรุ่งนี้ผมอยากกินปลาเก๋านึ่งซีอิ๊วที่พี่ทำนะ"

"ได้สิ พรุ่งนี้พี่จะเอามาให้นะ"

ตั้งแต่เซียวซิงหยูเข้าเรียนที่วิทยาลัย​ชิงหลง เซียวรั่วเสวี่ยก็เตรียมตัวที่จะทำข้าวกล่องให้น้องชายตลอดสามปี

จริงๆแล้วโรงอาหารของวิทยาลัย​ชิงหลงก็ไม่ได้แย่ เพราะมันเป็นถึงหนึ่งในสี่วิทยาลัย​ปรมาจารย์​อสูร​ชั้นนำของประเทศ

แต่ข้าวโรงอาหารจะไปสู้ข้าวกล่องฝีมือพี่สาวได้ยังไง

หลังจากมองส่งเซียวรั่วเสวี่ยจนลับตา เซียวซิงหยูก็เดินกลับเข้าโรงเรียน

ระหว่างที่เดินเล่นอยู่ที่สนามเด็กเล่น, เขาเงยหน้าขึ้นไปก็เห็นป้ายโฆษณาบนจอที่มีข้อความบนป้ายเขียนว่า:

[ขอแสดงความยินดีกับเย่ซวงหนิง, อัจฉริยะสาวที่อายุน้อยที่สุดที่ได้เลื่อนขั้นเป็นปรมาจารย์​อสูร​ระดับห้าดาว!]

บนโปสเตอร์เป็นรูปของสาวสวยผมสีฟ้า ใบหน้าของเธอสวยงามราวกับงานแกะสลัก, แม้จะเป็นเพียงรูปภาพ แต่ดวงตาที่เปล่งประกายของเธอก็ดูน่าเกรงขาม

เธอเป็นสาวสวยสไตล์เย็นชาที่ดูเข้าถึงยาก แต่ก็ทำให้คนอยากเอาชนะ

"นี่สินะ เย่ซวงหนิง”

“สวยจริงๆนั่นแหละ​ ขายาวขนาดนี้ไม่ไปปั่นสามล้อเสียดายแย่”

“แต่ก็ยังสู้พี่สาวของฉันไม่ได้ หน้าอกก็เหมือนจะเล็กกว่าพี่สาวเยอะด้วย”

เอาจริงๆถ้าอยู่ในสมัยโบราณ ความสวยและรูปร่างของเย่ซวงหนิงคงทำให้บ้านเมืองล่มจมได้

…..

ในค่ำคืนดึกสงัดเเบบนี้ สนามเด็กเล่นของสถาบั​นชิงหลงจึงเงียบสงบมาก

เวลานี้นักเรียนส่วนใหญ่กลับไปที่หอพัก คุยเล่น เล่นเกมกัน สนามเด็กเล่นที่กว้างใหญ่จึงเหลือเพียงเซียวซิงหยูอยู่คนเดียว

"เฮยเฟิง!"

เซียวซิงหยูเปิดตราอสูรและเรียกหมาป่าวายุนรกออกมา

อ๊าว~

"เบาๆหน่อย นี่วิทยาลัย​ชิงหลงนะ อย่าส่งเสียงดังไป"

"เราต้องฝึกซ้อมกันเงียบๆ แล้วค่อยไปอวดให้ทุกคนตะลึง!"

พรสวรรค์ที่เหนือชั้นไม่ได้น่ากลัว, สิ่งที่น่ากลัวคือคนที่มีพรสวรรค์เหนือชั้นเเละขยันฝึกฝนมากกว่าคุณ

"เฮยเฟิง ปรับลมหายใจ รวมพลังที่ลำคือถึงจะเรียนรู้ทักษะ​ 'ลูกไฟระเบิด' ได้"

"ใช่เเล้ว, จังหวะการหายใจแบบนี้แหละ"

"อย่าส่ายหัว, มันจะทำให้ความแม่นยำของทักษะ​ลดลง"

เฮยเฟิงเชื่อฟังเเละทำตามที่เซียวซิงหยูบอก

มันฝึกฝนทักษะ​ใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่หยุดพัก

ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง, เฮยเฟิงก็เริ่มมั่นใจมากขึ้น

จากการแนะนำของเซียวซิงหยูบวกกับฤทธิ์ของยาเพิ่มความ​เข้าใจ, มันก็ทำให้เฮยเฟิงเรียนรู้ทักษะ​ต่อสู้ใหม่ได้อย่างรวดเร็ว

"เฮยเฟิง พักสักหน่อย เราจะเริ่มฝึกทักษะ​ใหม่กันต่อแล้ว"

"เเละทักษะ​นี้จะเป็นหนึ่งในทักษะ​ไม้ตายของแก"

หลังจาก​พูด​จบ, เซียวซิงหยูก็หยิบตำรา "สารานุกรมทักษะ​ต่อสู้ธาตุความมืด" ออกมาจากกระเป๋า

จากนั้นก็หยิบ "ศิลาหลอมรวมธาตุความมืด" ออกมาจากระบบแล้วโยนให้เฮยเฟิงกิน

ในยามดึกสงัด ที่สนามเด็กเล่น

คนหนึ่งคนกับหมาป่าหนึ่งตัวฝึกซ้อมทักษะ​ต่อสู้ด้วยกันอย่างขะมักเขม้น, จนบางครั้งมันก็มีเงาสีม่วงดำปรากฏขึ้นรอบตัวเฮยเฟิง

……

เวลาเที่ยงคืน, เซียวซิงหยูถึงยอมกลับไปที่ห้องพักหมายเลข 312

พอเปิดประตูเข้าไป เขาก็เห็นเพื่อนร่วมห้องสามคนที่กำลังนั่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน

"เซียวซิงหยู​ กลับมาแล้วเหรอ!" อู๋เซิงโหย่วโชว์เดินพุงพลุ้ยออกมาต้อนรับเซียวซิงหยู

เพื่อนร่วมห้องอีกสองคนพูดพร้อมกัน

"ยินดีต้อนรับกลับห้อง!"

"พวกนายคือ..."

"ฉันชื่อซ่งหู่ อยู่ปีหนึ่งห้องสามเหมือนนาย"

ซ่งหู่สูงเกือบสองเมตร ดูเหมือนพวกนักเลง แต่กลับมีดวงตาที่ใสซื่อบริสุทธิ์

"นึกออกแล้ว นายนั่งแถวเจ็ดเเถมชอบแขะขี้มูกแล้วป้ายใต้โต๊ะ"

ซ่งหู่ทำหน้าเขินๆ

"อย่าแฉฉันสิ~"

ห้องพักเป็นห้องนอนสำหรับสี่คน เซียวซิงหยู อู๋เซิงโหย่ว และซ่งหู่ อยู่ห้องสาม, เพราะเซียวซิงหยูนั่งแถวสุดท้าย เขาจึงเห็นทุกการกระทำของเพื่อนร่วมชั้น

ส่วนเพื่อนร่วมห้องอีกคนมาจากห้องสอง

"สวัสดี ฉันชื่อเฉินอี๋ฝู่ จากห้องสอง"

"ความฝันของฉันคือการได้เป็นหน่วยซัพพอร์ต​ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่ปรมาจารย์​อสูร​!"

เฉินอี๋ฝู่เป็นคนที่ผอมที่สุดในห้อง

เขาใส่แว่นสายตาหนาเตอะ เเละดูจากการแต่งกายแล้ว มันเหมือนเฉินอี๋ฝู่จะมาจากเมืองเล็กๆ เหมือนกับเซียวซิงหยู

เซียวซิงหยูมองรอยคล้ำใต้ตาของเฉินอี๋ฝู่แล้วเอ่ยแซว

"ฉันเชื่อว่านายจะต้องเป็นซัพพอร์ตที่เก่งที่สุดในประเทศได้แน่ แต่อย่าลืมดูแลสุขภาพด้วยล่ะ…เบาๆเรื่องช่วยตัวเองหน่อยนะ" เซียวซิงหยูเอ่ยเตือนตรงๆ

เเละเฉินอี๋ฝู่ก็หน้าแดงก่ำทันที​

ตอนนี้สมาชิกห้อง 312 ครบทีมเเล้ว

เพื่อเป็นการฉลอง ทุกคนจึงดื่มเบียร์ กินขนมขบเคี้ยวแทนอาหารปิ้งย่าง เเละคุยโม้โอ้อวดกันจนดึก

"เสี่ยวเฉิน ฉันมีเพื่อนคนหนึ่งอยากได้...เอ่อ...หนังอย่างว่าหน่อยน่ะ ช่วยหน่อยได้ไหม?" อู๋เซิงโหย่วพูดขึ้น

"ได้สิ เดี๋ยวส่งลิงก์ให้ทางแชทส่วนตัวนะ" เฉินอี๋ฝู่ตอบ

"เหล่าอู๋ ขอลิงก์ด้วยคนดิ!" ซ่งหู่รีบพูด

"เฮ้อ หน้าตาดีแต่ใจชอบของผิดกฎหมายซะงั้น" เซียวซิงหยูถอนหายใจ

อย่างไร​ก็ตาม, มิตรภาพระหว่างชายฉกรรจ์มักจะเริ่มต้นจากการแชร์ลิงก์ต้องสงสัยนี่แหละ

…..

เช้าวันต่อมา

ตารางเรียนของห้องสามช่วงเช้าเป็นทฤษฎีทั้งหมด ส่วนภาคปฏิบัติจะเริ่มช่วงบ่าย

เซียวซิงหยูไม่ต้องเข้าเรียนทฤษฎี เขาจึงถือบัตรยืมหนังสือเเล้วไปที่ห้องสมุด

"สวัสดีครับลุงสาม"

"ผมเอา 'สารานุกรมทักษะ​ต่อสู้ธาตุความมืด' ที่ยืมไปเมื่อวานมาคืนครับ"

ในฐานะบรรณารักษ์ ลุงสามรู้สึกประหลาดใจกับเรื่องนี้มาก

"เซียวซิงหยู หนังสือเล่มนี้หนากว่าพจนานุกรมอีกนะ นายอ่านจบภายในคืนเดียวงั้นหรือ?"

"ใช่เเล้วครับ"

ถ้าลุงสามรู้ว่าเซียวซิงหยูสามารถอ่านหนังสือได้เป็นพันเล่มภายในหนึ่งวัน…เขาคงจะต้องตกใจจนกรามค้างแน่ๆ

หลังจาก​นั้น​ เซียวซิงหยูก็เลือกหนังสือที่สนใจมาอ่าน แล้วไปนั่งที่มุมห้อง

เมื่อดวงตาเทพอสูรเริ่มทำงาน ความรู้ในหนังสือก็เริ่มไหลทะลักเข้าสู่สมองของเซียวซิงหยูราวกับน้ำทะเลที่ถาโถมเข้าหาฝั่ง

ขณะที่เซียวซิงหยูกำลังเพลิดเพลินกับการเรียนรู้ ทันใดนั้น​มันก็มีเสียงดังก้าวร้าวหนึ่งดังขึ้นจนทำลายความเงียบสงบของห้องสมุด

"วันนี้ฉันจองห้องสมุดแล้ว!"

"ผู้ชายทุกคน ออกไปให้หมด!"

"ส่วนผู้หญิงอยู่ต่อได้, เเต่ต้องมาอ่านหนังสือเป็นเพื่อนฉัน ฮี่ๆ~"

เซียวซิงหยูเงยหน้าขึ้นมองตามเสียง

ทันใดนั้น​ ชายหนุ่มแต่งตัวหรูหราก็เดินเข้ามาในห้องสมุดด้วยท่าทางอวดดี เเละชายคนนี้มีลูกน้องกลุ่มหนึ่งเดินตามหลังมา

ตอนนี้​ ผู้ชายในห้องสมุดต่างพากันวิ่งหนีตาย เหลือเพียงผู้หญิงไม่กี่คนที่กำลังยืนตัวสั่นด้วยความกลัว

ผู้หญิงคนหนึ่งพยายามจะหนี แต่ชายหนุ่มคนนั้นคว้ามือเธอไว้

"สาวน้อย อยู่เป็นเพื่อนฉันอ่านหนังสือถือเป็นเกียรติของเธอแล้ว ยังจะหนีอีกเหรอ?"

"คุณชายหวัง ขอโทษค่ะ ฉันไม่กล้าแล้ว"

หญิงสาวเต็มไปด้วยความหวาดกลัว, เธอร้องไห้จนน้ำตาไหลอาบแก้ม

"คุณชายหวัง ยังมีเด็กเหลือขออยู่ที่มุมห้อง!"

ทันใดนั้น​ หวังเยี่ยนก็มองไปที่เซียวซิงหยู จากนั้น​เขาก็ตะคอกเสียงเย็นชา

"ฉันบอกไปแล้ว ว่าให้ผู้ชายทุกคนออกไป!"

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด