ตอนที่ 60 บังอาจขโมยปราณปีศาจของข้าไป เจ้าต้องตาย
ตอนที่ 60 บังอาจขโมยปราณปีศาจของข้าไป เจ้าต้องตาย
บูม บูม บูม!
งูเหลือมสองหัวถูกโจมตีด้วยวิธีต่างๆอย่างต่อเนื่อง จนเกล็ดของมันเปิดออก และมีแผลทั่วทั้งตัว เห็นได้ชัดว่าการยั่วยุของมันใช้ไม่ได้ผล
ตอนแรกมันต้องการทำให้มนุษย์เหล่านี้โกรธ และล่อพวกเขาลงไปในแม่น้ำ จากนั้นก็ใช้ความได้เปรียบของมันกำจัดมนุษย์เหล่านี้ให้ตายลงไปทีละคน แต่มันก็ทำไม่สำเร็จ
เลือดจำนวนมากพุ่งออกมาจากลำตัวของงูเหลือมสองหัว จนแม่น้ำกลายเป็นสีแดงอย่างรวดเร็ว
ทุกครั้งที่มันพยายามสบัดหางยักษ์ของมันออกมา เซี่ยงซิงผู้ที่มีประสบการณ์ในการต่อสู้กับมันมาแล้วก็จะดูออกและสั่งการทันที
ในเวลานี้ฝ่ายหลังก็จะขว้างหอกเหล็กที่แหลมคมและเคลือบไปด้วยยาพิษออกมาโจมตีงูเหลือมสองหัว โดยที่ไม่ปล่อยโอกาสให้มันได้โจมตีพวกเขา และอาวุธเหล่านี้เซียงซิงก็ได้สั่งทำขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อเอาไว้จัดการกับงูเหลือตัวนี้โดยเฉพาะ
หอกเหล็กอับยาพิษที่รุนแรงเหล่านี้บังคับให้งูเหลือมสองหัวต้องยกหางขนาดยักษ์ของมันขึ้นมาเพื่อป้องกันการโจมตี ซึ่งหลังจากการโจมตีอย่างต่อเนื่องของกองทัพหลินเจียง ร่างกายของงูเหลือมสองหัวก็เต็มไปด้วยรอยแผลจนเกล็ดบนตัวของมันหลุดออกไปมากกว่า30%
แต่ในด้านของมนุษย์ มีทหารหลินเจียงเพียงสามคนและสมาชิกของบริษัทรักษาความปลอดภัยอีกหกคนเท่านั้นที่ถูกสังหาร
งูเหลือมสองหัวกรีดร้องออกมาซ้ำแล้วซ้ำอีกภายใต้การโจมตีอันดุเดือด และดูเหมือนว่าตอนนี้มันแทบจะไม่เหลือพลังที่จะตอบโต้เลย
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ก็จะถือว่ามนุษย์ได้เปรียบโดยสมบูรณ์
เซี่ยงซิงและหลี่เตี่ยมู่ต่างก็มีสายตาที่เย็นชา
พวกเขาต้องการล้างแค้นแทนเพื่อนร่วมทีมที่เสียชีวิตลงไป!
บนก้อนเมฆ....
ฉู่เสวียนกำลังนั่งหาวด้วยความเบื่อหน่าย
เพราะจนถึงขณะนี้งูเหลือมสองหัวยังไม่ได้แสดงคุณสมบัติพิเศษอะไรที่ทำให้เขายอมรับมันได้ ออกมาเลย
มีเพียงความเจ้าเล่ห์ของมันที่กระตุ้นความสนใจในตัวเขาเล็กน้อย
ทว่าในตอนนั้นฉู่เสวียนก็ได้รู้สึกถึงพลังที่คุ้นเคยแผ่ออกจากงูเหลือมสองหัวตัวนี้
“นี่คือปราณปีศาจ?” ฉู่เสวียนรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที
ครู่ต่อมา งูเหลือมสองหัวก็เงยหน้าขึ้นและพ่นก๊าซสีม่วงดำออกมาจากปากของมัน
ก๊าซที่แผ่ออกมานั้นเย็นและชั่วร้าย มีเสียงร้องโหยหวนของวิญญาณดังออกมา
หากตั้งใจฟังดีๆ จิตวิญญาณของผู้ฟังก็จะถูกแช่แข็ง!
ฝูงชนรู้สึกได้ถึงสถานการณ์ที่เป็นลางไม่ดีโดยสัญชาตญาณ และแยกย้ายกันออกไปราวกับมดแตกรัง
แต่บางคนที่หนีไม่ทัน ก็ถูกก๊าซสีดำห่อหุ้มร่างก่อนที่จะเกิดปฏิกิริยา
เมื่อก๊าซนั้นกระจายเข้าไปตามร่างกาย สีหน้าของมนุษย์คนนั้นก็จะเปลี่ยนเป็นดุร้าย อุณหภูมิในร่างกายต่ำลงทันที แม้แต่ผู้เหนือธรรมชาติขั้นที่ 1 ก็สามารถป้องกันก๊าซสีม่วงดำนั้นได้เพียงไม่กี่วินาที ก่อนที่ร่างของพวกเขาจะกลายเป็นเหมือนซอมบี้ที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
เมื่อหวังกังเจี้ยนเห็นฉากนี้ คิ้วของเขาก็เลิกขึ้นอย่างดุเดือด
เขาจำก๊าซนี้ได้
มันเป็นก๊าซแบบเดียวกับกลุ่มหมอกที่เขาเห็นในบริเวณใกล้กับโรงแรมห่าวไท่ที่ดึงดูดคลื่นซ้อมบี้เข้าไปในนั้น!
"วิ่ง! วิ่ง!"
หวังกังเจี้ยนไม่คิดมาก เขารีบคว้าหวังหยงที่อยู่ข้างๆมาแล้ววิ่งหนีออกไป
ในวันนั้น ซอมบี้นับหมื่นตัวและสิ่งมีชีวิตพิเศษจำนวนมากได้พุ่งเข้ามาในพื้นที่หมอก
ซึ่งไม่ว่าจะเป็นซอมบี้หรือว่าสิ่งมีชีวิตพิเศษ ต่างก็เสียชีวิตลงไปทั้งหมด!
เมื่อเทียบกับซอมบี้พวกนั้นแล้ว มนุษย์อย่างพวกเขายังไม่สามารถเทียบได้ ! แล้วจะไปต่อต้านก๊าซนี้ได้อย่างไร!
ถังจินชวนและซ่งต้ายี่ก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่พวกเขายังคงวิ่งตามทั้งสองไปอย่างใกล้ชิด
ในด้านของเซียงซิงและหลี่เตี่ยมู่ก็ถูกก๊าซสีดำนั้นห่อหุ้มร่างกายของพวกเขาแล้วในเวลานี้
แต่ท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาเป็นผู้อยู่เหนือธรรมชาติขั้นที่ 2 ที่มีประสบการณ์ในการต่อสู้มาเป็นเวลานาน
นอกจากนี้ วิญญาณชั่วร้ายที่พ่นออกมาจากปากของงูเหลือมสองหัวก็เจือจางลงไปบ้างแล้ว
หากเปรียบเทียบกับปราณปีศาจในค่ายกลยึดวิญญาณปีศาจหยินแล้ว พลังของก๊าซนี้มีเพียง 1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
แต่ถึงอย่างนั้นเซียงซิงและหลี่เตี่ยมู่ก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก
พวกเขารู้สึกราวกับว่าฝูงสัตว์ประหลาดกำลังวิ่งเข้ามาในหัวของพวกเขา สัตว์ประหลาดเหล่านี้ทำงานอย่างหนักเพื่อแยกวิญญาณและร่างกายของมนุษย์ออกจากกัน
ส่งผลให้พวกเขาไม่มีความสามารถในการต้านทานเลย และทำได้เพียงรอให้ร่างกายถูกฉีกเป็นชิ้นๆ
ทว่าความรู้สึกนี้ก็หายวับไป ในขณะนี้ เสียงที่ฟังดูสงบก็ดังขึ้นบนท้องฟ้า “เจ้าสมควรตายเพราะขโมยปราณปีศาจของข้าไป”
เสียงนี้เปรียบเสมือนเสียงศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยชำระจิตวิญญาณให้บริสุทธิ์
ทันใดนั้น เสียงร้องโหยหวนของภูตผีปีศาจที่ดังออกมาจากก๊าซสีดำอันน่าสะพรึงกลัวก็พังทลายลงอย่างสิ้นเชิง
เมื่อเซียงซิงและหลี่เตี่ยมู่รู้สึกตัว พวกเขาก็พบว่าร่างกายของพวกเขาแข็งทื่อไปแล้ว อวัยวะหลายส่วนบนร่างกายของเขากลายเป็นสีซีด หากว่ายังถูกกลื่นกินอยู่แบบนี้ต่อไป ร่างกายของพวกเขาก็จะตาย!
พวกเขาทั้งหมดมองขึ้นไปบนฟ้าพร้อมกัน ทันใดนั้นร่างหนึ่งก็เหยียบดาบบินแล้วมองลงไปที่ผู้คนด้านล่าง เสื้อผ้าของร่างนั้นกระพือไปตามลมและมองลงมาด้วยดวงตาที่ไม่แยแส
มันเหมือนกับผู้ฝึกฝนอมตะสูงสุดของลัทธิเต๋าในตำนาน ที่ปราศจากอารมณ์และไม่มีความปรารถนาใด ๆ อีกต่อไป
เมื่อหวังกังเจี้ยน, หวังหยงและคนอื่น ๆที่กำลังวิ่งหนีออกไปได้ยินเสียงนี้ พวกเขาก็หยุดกะทันหันและมองไปบนท้องฟ้าด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
เขาปรากฏตัวแล้ว!
ผู้ฝึกฝนอมตะลึกลับคนนั้น เขาปรากฏตัวแล้ว!
ถังจินชวนดูตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
ในบรรดาผู้คนทั้งหมดเขาเป็นหนึ่งในคนที่ได้เห็นฉู่เสวียนด้วยตาของเขาเอง
เขาพบว่าเขาได้กลายเป็นผู้ชื่นชมฉู่เสวียนโดยไม่รู้ตัว
ผู้ฝึกฝนลึกลับคนนี้มักจะปรากฏตัวขึ้นมาในช่วงเวลาวิกฤติเสมอ!
งูเหลือมสองหัวก็จ้องไปที่ฉู่เสวียนด้วย
ดวงตาทั้งสี่ดวงของงูเหลือมเต็มไปด้วยความกระหายเลือด ความโหดร้าย ความหวาดกลัว และความโกรธ
มันสามารถมองออกได้อย่างรวดเร็วว่าฉู่เสวียนคนนี้ไม่ธรรมดา
นับตั้งแต่ที่มันได้รับพลังวิญญาณและกลายเป็นสิ่งมีชีวิตพิเศษ มันก็ไม่เคยเห็นมนุษย์ที่สามารถบินได้แบบนี้มาก่อน
คนนี้คือคนแรก!
ยิ่งไปกว่านั้น ปราณปีศาจที่มันพ่นออกมาและถือว่าเป็นไพ่ตายของมันนั้น มนุษย์คนนี้กลับสามารถจัดการได้ในทันที
คำตอบจึงมีเพียงประโยคเดียว!
นั่นก็คืองูเหลือมสองหัวกลัวฉู่เสวียนมากกว่าศัตรูที่มันเคยพบมาก่อน
ฉู่เสวียนเองก็มองไปที่งูเหลือมสองหัวด้วยสีหน้าหมองคล้ำ เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่างูเหลือมสองหัวพ้นปราณปีศาจออกมาได้จริงๆ
คงจะเป็นตอนที่มันเข้าไปในค่ายกลการยึดวิญญาณหยิน และเผลอดูดซับปราณปีศาจเข้าไปโดยไม่ได้ตั้งใจ
ดังนั้นจะต้องมีอะไรพิเศษเกี่ยวกับร่างกายของมัน ไม่เช่นนั้นมันคงตายในค่ายกลของเขาไปนานแล้ว และคงจะเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะกักเก็บปราณปีศาจไว้ได้ และยังใช้เป็นไพ่ตายในการโจมตีศัตรูอีก
"ฟ่อ!"งูเหลือมสองหัวตกใจจนมันส่งเสียขู่ออกมา
ฉู่เสวียนรู้ได้ทันทีว่ามันส่งเสียงขู่ออกมาเพราะความกลัว
เกล็ดทั่วร่างกายของมันตั้งตรง ในตอนนั้นหัวทั้งสองของมันก็ได้พุ่งไปที่ฉู่เสวียนทันที!
“เสี่ยวหู่ เสี่ยวเป้า ข้าฝากพวกเจ้าจัดการก็แล้วกัน” ฉู่เสวียนยื่นมือซ้ายขึ้นมาเปิดหอเลี้ยงศพแล้วพูดอย่างไม่ใส่ใจมากนัก
“โฮ่ โฮ!” ในตอนนั้นร่างกำยำที่สูงเกือบสามเมตรก็ได้ปรากฏตัวออกมาจากที่ไหนสักแห่ง หมัดของทั้งคู่กระแทกไปที่หัวของงู
แม้ว่าร่างนี้จะสูงใหญ่ แต่ก็มีขนาดใหญ่กว่าคนธรรมดาไม่มาก ดังนั้นในสายตาของหวังกังเจี้ยนและคนอื่น ๆ แล้ว ร่างนั้นสู้ของงูเหลือมสองหัวไม่ได้เลย
ในสายตาของพวกเขาแล้วมันยังดูอ่อนแอไม่ต่างจากลูกแกะ
ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในใจของทุกคน: การชกหมัดเล็กๆใส่สัตว์ประหลาดยักษ์เช่นนี้ ก็ไม่ต่างกับรนหาที่ตายเลย ไม่ต่างไปจากตั๊กแตนตำข้าวที่ใช้แขนเป็นราชรถหรือหนอนเขย่าต้นไม้!
ในตอนที่สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่ฉากนั้น ไม่นานก็ได้ยินเสียงดังปังขึ้นมาทันที
หัวของงูเหลือมที่ถูกหมัดกระแทกเข้ามาได้ระเบิดออก ลูกตา ฟัน เกล็ด เลือดเนื้อ กระดูก...ได้ปลิวว่อนไปทั่ว
พลังของหมัดนี้สามารถเทียบเท่าได้กับขีปนาวุธลูกหนึ่งเลยก็ว่าได้
มันสามารถทะลุทะลวงทุกสิ่งที่ขวางหน้าได้
ส่งผลให้ผู้คนที่เฝ้าดูความสนุกอยู่ข้างล่างถูกชิ้นส่วนอวัยวะของงูที่ระเบิกออกปลิวไปแทงอวัยวะต่างๆตามร่างกาย บางคนก็แขนขาขาดวิ่น บางคนก็ถูกเศษกระดูกเจาะคอ หัวใจ หลอดเลือดแดง และส่วนอื่นๆ จนตายลงไป
ดวงตาของทุกคนเบิกกว้าง แม้แต่เซียงซิงและหลี่เตี่ยมู่ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่างูเหลือมสองหัวตัวยักษ์ที่มีพลังมหาศาลนี้จะตายลงด้วยหมัดเพียงหมัดเดียว!
นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผู้อยู่เหนือธรรมชาติเช่นพวกเขาจะสามารถทำได้
แม้แต่เย่หนานเทียนก็ทำไม่ได้เช่นกัน!