ตอนที่ 265 ข้อเรียกร้องย่อย! (ฟรี)
ตอนที่ 265 ข้อเรียกร้องย่อย!
ข้อเรียกร้องข้อที่สองของไป๋จื่ออันก็คือสัตว์วิญญาณธาตุอวกาศที่มีคุณสมบัติระดับอเมทิสต์หรือระดับราชันย์
ส่วนสาเหตุที่เขาต้องการคุณสมบัติระดับอเมทิสต์เป็นอย่างต่ำ
นั่นเป็นเพราะนี่คือข้อกำหนดขั้นต่ำที่จะทำให้มันเลื่อนขั้นเป็นระดับเทพเจ้าได้
คำพูดนี้แตกต่างจากก่อนหน้านี้
สาเหตุก็คือมันเกี่ยวข้องกับผลลัพธ์พิเศษของมิติสัตว์วิญญาณระดับตำนาน
เพราะผลลัพธ์พิเศษของมิติสัตว์วิญญาณระดับตำนาน มันสามารถปลุกพรสวรรค์ที่ซ่อนอยู่ของสัตว์วิญญาณได้
ตามปกติแล้ว แม้แต่สัตว์วิญญาณที่มีคุณสมบัติระดับอเมทิสต์ก็อาจจะมีคุณสมบัติเพิ่มขึ้นเป็นระดับราชันย์เพราะการปลุกพรสวรรค์ที่ซ่อนอยู่
จินหลิงก็เป็นแบบนี้
ตอนแรกจินหลิงเป็นแค่ระดับอเมทิสต์ แต่เพราะพรจากผลลัพธ์พิเศษของมิติสัตว์วิญญาณระดับตำนาน คุณสมบัติของมันจึงเพิ่มขึ้นเป็นระดับราชันย์
ด้วยเหตุผลนี้เอง ไป๋จื่ออันจึงมีข้อเรียกร้องแบบนี้
“นักเรียนจื่ออัน ข้อเรียกร้องนี้สูงมาก ฉันไม่กล้ายืนยันว่ามหาวิทยาลัยจักรพรรดิจะสามารถหาไข่สัตว์วิญญาณแบบนั้นมาได้”
ผู้รับผิดชอบฝ่ายรับสมัครของมหาวิทยาลัยจักรพรรดิขมวดคิ้วเล็กน้อย หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พูดออกมาอย่างช้าๆ
ทุกคนรู้ดีว่าสัตว์วิญญาณธาตุอวกาศนั้นล้ำค่ามากแค่ไหน
ตามปกติแล้ว พอมีสัตว์วิญญาณธาตุอวกาศปรากฏตัวขึ้น มันจะต้องถูกแย่งชิง
ยิ่งไปกว่านั้นไป๋จื่ออันยังกำหนดระดับคุณสมบัติของสัตว์วิญญาณธาตุอวกาศ
มันเลยทำให้เรื่องนี้ยากขึ้น
ดังนั้นผู้รับผิดชอบฝ่ายรับสมัครของมหาวิทยาลัยจักรพรรดิจึงไม่กล้ายืนยัน
ส่วนจื่อเยียนเหยียนนั้น เธอก็เป็นแบบนี้
จะทำยังไงได้? สัตว์วิญญาณธาตุอวกาศเป็นสัตว์วิญญาณที่พิเศษมาก
“ถ้าไม่มีสัตว์วิญญาณธาตุอวกาศ สัตว์วิญญาณประเภทมังกร สัตว์วิญญาณประเภทผนึก หรือสัตว์วิญญาณประเภทคำสาปก็ได้”
“แน่นอนว่าคุณสมบัติของสัตว์วิญญาณพวกนี้ต้องเป็นระดับราชันย์”
ไป๋จื่ออันตอบกลับอย่างใจเย็น
เพราะไป๋จื่ออันก็รู้ดีว่าข้อเรียกร้องของเขานั้นมันมากเกินไป
ดังนั้นไป๋จื่ออันจึงคิดแผนสำรองเอาไว้
นั่นก็คือสัตว์วิญญาณประเภทมังกร สัตว์วิญญาณประเภทผนึก หรือสัตว์วิญญาณประเภทคำสาป
สัตว์วิญญาณพวกนี้ก็เป็นสัตว์วิญญาณที่ไป๋จื่ออันอยากจะได้
ดังนั้นไป๋จื่ออันจึงมองว่าสัตว์วิญญาณประเภทพวกนี้เป็นแผนสำรอง
แน่นอนว่าความยากในการได้สัตว์วิญญาณประเภทพวกนี้มาไม่ได้มากเท่ากับสัตว์วิญญาณธาตุอวกาศ ดังนั้นข้อเรียกร้องของไป๋จื่ออันจึงสูงขึ้น เขาต้องการสัตว์วิญญาณที่มีคุณสมบัติระดับราชันย์
นี่คือความคิดของไป๋จื่ออัน
“ประเภทมังกร ประเภทผนึก หรือประเภทคำสาป งั้นเหรอ? แบบนี้น่าจะง่ายขึ้นหน่อย”
“นักเรียนจื่ออัน ฉันจะลองคุยกับมหาวิทยาลัยดู”
ผู้รับผิดชอบฝ่ายรับสมัครของมหาวิทยาลัยจักรพรรดิครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ตอบกลับ
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ให้คำตอบที่แน่นอน แต่ข้อเรียกร้องนี้ไม่ได้มากเกินไป มันน่าจะทำได้
แน่นอนว่าเรื่องนี้เหนือกว่าสิทธิ์ของเขา เขาต้องติดต่อกับมหาวิทยาลัย เพื่อที่จะยืนยันผลลัพธ์
“ถ้าเป็นแบบนั้น ผมก็จะรอข่าวดีจากมหาวิทยาลัยของคุณนะครับ”
ไป๋จื่ออันยิ้ม เขาพูดกับผู้รับผิดชอบฝ่ายรับสมัครของมหาวิทยาลัยจักรพรรดิ
เขาก็หวังว่าอีกฝ่ายจะนำข่าวดีมาให้เขา
“มหาวิทยาภูตเร้นลับของเราก็เหมือนกัน รอผลลัพธ์จากฉันก็แล้วกัน”
จื่อเยียนเหยียนรีบพูด เธอไม่ยอมแพ้
ถึงแม้ว่ามหาวิทยาภูตเร้นลับจะอยู่ในอันดับหกของการจัดอันดับมหาวิทยาลัยของสหพันธ์จิ่วโจวก็จริง
แต่ความแข็งแกร่งโดยรวมของมหาวิทยาลัยสิบอันดับแรกนั้นไม่ได้แตกต่างกันมากนัก
สิ่งที่มหาวิทยาลัยจักรพรรดิสามารถให้ได้ มหาวิทยาภูตเร้นลับก็สามารถให้ได้
ดังนั้นจื่อเยียนเหยียนจึงบอกว่าเธอจะลองคุยกับมหาวิทยาลัยดู
ไป๋จื่ออันยิ้ม เขาไม่ได้พูดอะไรมากมาย
ยังไงซะ ก่อนที่ผลลัพธ์จะออกมา เขาก็จะไม่ตอบตกลงง่ายๆ
พูดง่ายๆ ก็คือ ถ้ายังไม่ได้เห็นผลประโยชน์ที่จะได้ เขาก็จะไม่ตัดสินใจ
ไป๋จื่ออันจะไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกมหาวิทยาลัยไหน จนกว่าเขาจะได้รับข้อเสนอ
นี่คือความคิดของไป๋จื่ออัน
เมื่อคิดได้แบบนั้น ทั้งสองฝ่ายก็จากไป พวกเขาเตรียมที่จะติดต่อกับมหาวิทยาลัยของตัวเอง
ไป๋จื่ออันไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก
ส่วนหัวหน้าฝ่ายรับสมัครของมหาวิทยาลัยอื่นๆ พวกเขาก็จากไปแล้ว
ยังไงซะ พวกเขาก็รู้ดีว่าตัวเองไม่มีหวัง การที่อยู่ต่อก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร
แน่นอนว่าระหว่างนั้น ก็มีมหาวิทยาลัยบางแห่งที่ไม่ยอมแพ้ พวกเขาอยากจะทำอะไรสักอย่าง
แต่พอไป๋จื่ออันพูดถึงไป๋อวิ๋น ราชันย์มังกรขาว พวกเขาก็ไม่กล้าทำอะไร
ยังไงซะนี่ก็เป็นถึงผู้มีพลังระดับราชันย์ พลังของเขาไม่ด้อยไปกว่าอธิการบดีของพวกเขา
ถ้าพวกเขากล้าคิดร้าย พวกเขาก็ต้องประเมินว่าตัวเองสามารถต่อกรกับผู้มีพลังระดับราชันย์ได้รึเปล่า
ด้วยเหตุนี้เอง เรื่องราวต่างๆ จึงราบรื่น ไม่มีเรื่องวุ่นวายอะไรเกิดขึ้น
หลังจากที่คนของฝ่ายรับสมัครจากไป จวนเจ้าเมืองก็เงียบสงบลง
“เสี่ยวอัน หลานไม่ได้ตัดสินใจแล้วเหรอว่าจะเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยไหน?”
“ตอนนี้พวกเขาก็เสนอเงื่อนไขที่ดีๆ ให้แล้ว ทำไมหลานไม่ตอบตกลงล่ะ?”
ไป๋จิ้งฉงปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าไป๋จื่ออัน เขาถามไป๋จื่ออันด้วยความสงสัย
ใช่แล้ว ตอนที่ไป๋จื่ออันพบกับฝ่ายรับสมัครของมหาวิทยาลัยต่างๆ ไป๋จิ้งฉงก็อยู่ในจวนเจ้าเมือง
ยังไงซะเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ แถมยังมีผู้ใช้สัตว์วิญญาณระดับอเมทิสต์มากมายมาที่นี่ ไป๋จิ้งฉงจึงกังวลว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดฝัน เขาจึงต้องมาดู
แต่ระหว่างนั้น ไป๋จิ้งฉงไม่ได้พูดอะไร เขาปล่อยให้ไป๋จื่ออันตัดสินใจด้วยตัวเอง
ยังไงซะไป๋จิ้งฉงก็รู้ดีว่าไป๋จื่ออันมีวิธีคิดของตัวเอง เป็นการดีกว่าที่เขาจะไม่ไปรบกวนไป๋จื่ออัน
แต่ไป๋จิ้งฉงก็ยังคงไม่เข้าใจ
ก่อนหน้านี้ไป๋จื่ออันก็ตัดสินใจได้แล้ว ทำไมตอนนี้ถึงได้มาเล่นลิ้นกับพวกเขา?
ถึงแม้ว่าเขารู้ว่าไป๋จื่ออันกำลังพยายามที่จะได้ทรัพยากรมากขึ้นก็จริง
แต่ข้อเรียกร้องของไป๋จื่ออันมันมากเกินไป โอกาสที่อีกฝ่ายจะตอบตกลงนั้นน้อยมาก
“ถ้ายังไม่ได้ลอง ใครจะไปรู้ล่ะครับว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง?”
“ผมก็อยากรู้ว่ามหาวิทยาลัยพวกนั้นให้ความสำคัญกับผมมากแค่ไหน”
ไป๋จื่ออันยิ้ม เขาบอกความคิดของตัวเองออกมา
เขาอยากรู้ว่ามหาวิทยาลัยพวกนั้นจะทำให้เขาได้มากแค่ไหน
นี่เป็นเหมือนกับการทดสอบ
แบบนี้หลังจากที่เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยแล้ว ไป๋จื่ออันก็จะสามารถตัดสินได้ว่าเขาจะได้รับทรัพยากรมากแค่ไหน
แน่นอนว่าถ้าหากอีกฝ่ายสามารถตอบตกลงตามข้อเรียกร้องของเขา การที่ได้รับวัสดุวิวัฒนาการและสัตว์วิญญาณพิเศษล่วงหน้า มันก็ถือเป็นเรื่องดี
นี่คือความคิดของไป๋จื่ออัน