บทที่ 99: เจ้าของหอไป่เฉ่า
“เท่าที่ข้ารู้มา หอไป่เฉ่าเป็นเพียงที่แห่งเดียวในเมืองหลวงที่สามารถรับซื้อผลเพลิงสีชาดเป็นจำนวนมากได้” เสิ่นจวินเฉาคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์ “ไม่อย่างนั้น ข้าจะไปกับเจ้าอีกครั้ง แล้วข้าจะช่วยเจ้าพูดกับเถ้าแก่เอง เจ้าคิดอย่างไรกับราคา 50 ตำลึงเงิน?”
“50 ตำลึง!” มู่ไป๋ไป่อุทานออกมาอย่างตื่นเต้น “จะได้จริงหรือเจ้าคะ?”
นี่เป็นราคาเดียวกับที่เธอรู้มา
ปัจจุบันเธอมีผลไม้อยู่ในมือหลายร้อยผล หากแต่ละผลมีราคา 50 ตำลึงเงิน หลังจากใช้ความคิดอยู่สักพัก เธอก็รู้สึกหนักใจขึ้นมาเล็กน้อย
ดูเหมือนว่าเธอจะกลายเป็นคนที่ร่ำรวยขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“แน่นอน” เสิ่นจวินเฉาตอบขณะที่พาคนตัวเล็กเดินไปที่หอไป่เฉ่าอีกครั้ง “ข้าบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือว่าข้าเองก็ทำมาค้าขาย และข้าก็ยังพอจะมีหน้ามีตาในเมืองหลวงอยู่บ้าง”
“โอ้โห… พี่จวินเฉา ท่านเก่งมาก ทั้ง ๆ ที่ดูแล้วท่านโตกว่าข้าไม่เท่าไหร่เอง” มู่ไป๋ไป่กล่าวชื่นชมอีกฝ่าย
เด็กชายเองก็หลงมัวเมากับสายตาชื่นชมของเด็กหญิงเป็นอย่างมาก เขาจึงยืดอกขึ้นอย่างภาคภูมิ “ไม่เท่าไหร่หรอก ข้าแค่โชคดีเท่านั้น มันไม่ได้ยอดเยี่ยมอะไรเลย”
ระหว่างทาง เสิ่นจวินเฉาได้พูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์การค้าขายในเมืองหลวงให้มู่ไป๋ไป่ฟัง
คนตัวเล็กก็ฟังเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง และยิ่งทำให้เธอมีความคิดว่าการทำกิจการในเมืองหลวงนั้นยากมากขึ้นเรื่อย ๆ
โชคดีที่เธอได้พบกับเด็กผู้ชายคนนี้ที่เป็นผู้รอบรู้
ขณะที่ทั้งคู่กำลังพูดคุยกัน ไม่นานพวกเธอก็มาถึงหอไป่เฉ่า
เถ้าแก่ร้านดีใจมากที่เห็นมู่ไป๋ไป่เดินกลับมา แต่เมื่อเขาหันไปเห็นคนข้างกายนาง เขาก็สะดุ้งตกใจเล็กน้อย พร้อมกับยกมือขึ้นคำนับตั้งท่าจะทักทายว่า “ข้าน้อยคารวะท่าน—”
“ไม่จำเป็น” เสิ่นจวินเฉาใช้ปลายพัดแตะไหล่เถ้าแก่เพื่อขัดจังหวะคำพูดของเขา “เราทุกคนต่างก็รู้จักกันมานาน ไม่จำเป็นต้องมากพิธี”
แม้ว่าเถ้าแก่จะไม่รู้ว่าคนผู้นี้กำลังคิดจะทำสิ่งใด แต่เขาก็เข้าใจอย่างรวดเร็วว่าอีกฝ่ายต้องการจะบอกอะไร เขาจึงก้มหน้าลงเพื่อฟังคำสั่งของเด็กชายตรงหน้าโดยไม่พูดอะไรอีก
“ข้าได้ยินมาจากไป๋ไป่ว่าท่านให้ราคาผลเพลิงสีชาดแก่นาง 20 ตำลึงเงินอย่างนั้นหรือ?” เสิ่นจวินเฉาดึงมู่ไป๋ไป่ให้ไปนั่งบนเก้าอี้ข้างกายแล้วพูดว่า “ท่านลุงฝู ทำไมท่านถึงได้ใจแคบเช่นนี้?”
“ราคาที่ท่านบอกนั้นเพียงครึ่งเดียวของราคาตลาดด้วยซ้ำ”
ลุงฝูที่เป็นเถ้าแก่ร้านเหงื่อแตกพลั่ก ๆ ก่อนจะอธิบายพร้อมกับยิ้มแห้ง ๆ ว่า “นายทะ… คุณชายเสิ่น ข้าน้อยได้ให้ราคาไปเช่นนั้นจริงขอรับ”
“และข้าน้อยก็ยังบอกคุณหนูท่านนี้ด้วยว่าถ้านางไม่พอใจก็สามารถเจรจาต่อรองกันใหม่ได้”
“ก็เห็นกันอยู่ชัด ๆ ว่าท่านกดราคาเพราะเห็นว่านางอายุยังน้อย” เด็กชายเอ่ยเสียงเย็น “คราวนี้ถือว่าข้ายังเห็นแก่หน้าท่าน หากคราวหน้ามีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอีก ข้าคงไม่อาจอยู่เฉยได้”
“ขอรับ ๆๆ” ลุงฝูตอบรับซ้ำ ๆ “คุณชายเสิ่นสั่งสอนได้ถูกต้องแล้ว”
ทางด้านมู่ไป๋ไป่ได้แต่นั่งกินขนมฟังเสิ่นจวินเฉาสั่งสอนเถ้าแก่ฝู แล้วเธอก็สังเกตเห็นบางสิ่งที่ซ่อนอยู่ในบทสนทนา
“คุณหนูไป๋ไป่ ก่อนหน้านี้ข้าน้อยเสียมารยาทแล้ว” ลุงฝูได้รับสัญญาณบางอย่างจากเด็กชาย เขาจึงหันไปขอโทษเด็กหญิง “เรามาหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้กันอีกครั้งดีหรือไม่? ตามราคาตลาด เรารับซื้อที่ 40 ตำลึง”
“แล้วเราจะรับซื้อทั้งหมดที่ท่านมีโดยที่จ่ายเป็นเงินสดทุกครั้ง”
“ท่านคิดว่าราคานี้เป็นอย่างไร?”
มู่ไป๋ไป่กลอกตานั่งนิ่งโดยไม่ตอบอะไรและมองเสิ่นจวินเฉาที่นั่งอยู่ด้านข้าง
คนผู้นี้บอกว่าเขาจะช่วยเธอต่อรองให้ได้ราคา 50 ตำลึง ดังนั้นมันไม่มีเหตุผลที่เธอจะเข้าไปแทรกแซงอีกฝ่าย
“50 ตำลึง” เสิ่นจวินเฉายกชาขึ้นจิบช้า ๆ ก่อนจะพูดว่า “50 ตำลึงห้ามขาดแม้แต่น้อย”
“ตกลง!” ลุงฝูพยักหน้าทันที “คุณชายเสิ่น ทางเราตกลงที่ 50 ตำลึง ข้าน้อยจะสั่งให้คนในร่างสัญญามาเดี๋ยวนี้”
ขณะเดียวกัน มู่ไป๋ไป่เฝ้าดูกระบวนการต่อรองที่ราบรื่นจนผิดสังเกตนี้และเม้มปากแน่น สุดท้ายเธอก็ถามออกไปว่า “พี่จวินเฉา ที่จริงแล้วท่านเป็นเจ้าของหอไป่เฉ่าใช่หรือไม่?”
“หา ทำไมเจ้าถึงถามเช่นนั้นล่ะ?” เสิ่นจวินเฉายิ้มพร้อมกับยกพัดขึ้นมาปิดหน้าตัวเอง
ในตอนนั้นเอง มู่ไป๋ไป่ตระหนักได้ว่าดวงตาของเขาคล้ายกับของมู่เทียนฉงมาก
ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเธอถึงรู้สึกผูกพันกับคุณชายคนนี้ทันทีที่พบหน้า
“ข้าไม่ใช่คนโง่” มู่ไป๋ไป่พูดพลางส่ายขาสั้น ๆ ของตัวเอง “ท่านบอกว่าท่านมีกิจการของตัวเอง และท่านก็มีหน้ามีตาในเมืองหลวงอยู่บ้าง”
“ไม่ว่าท่านจะมีสถานะสูงเพียงใด ท่านคงไม่สามารถสั่งให้คนทำตามที่ต้องการได้โดยง่าย”
“เว้นแต่นั่นจะเป็นกิจการของท่านเอง”
“ฮ่า ๆๆ!” เสิ่นจวินเฉาได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะออกมาเสียงดังทันที “ไป๋ไป่ ทำไมเจ้าถึงได้ฉลาดเช่นนี้?”
“แน่นอนเจ้าค่ะ” เด็กน้อยรับคำชมมาโดยไม่ถ่อมตน และเชิดหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจ “ข้าฉลาดมาก”
“ใช่แล้ว ข้าเป็นเจ้าของหอไป่เฉ่าจริง ๆ” เด็กชายที่ถูกจับได้ยอมรับออกมาตามตรง “แต่ราคาที่ข้าเสนอให้เจ้านั้นไม่ได้สูงมากนัก ผลเพลิงสีชาดล้ำค่ามาก และข้าก็หวังว่าเจ้าจะสามารถจัดหามันให้กับหอไป่เฉ่าได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้”
“เงินเพียง 50 ตำลึงเท่านั้น”
“เจ้าไม่จำเป็นจะต้องเกรงใจอะไร”
“เช่นนั้นข้าก็ขอไม่เกรงใจท่านแล้วกัน” มู่ไป๋ไป่หัวเราะอย่างอารมณ์ดี “ข้าคิดว่าสิ่งนี้พอจะทำเงินได้บ้าง แต่ใครจะไปคาดคิดว่ามันจะทำเงินได้มหาศาลขนาดนี้”
หลังจากที่คนทั้ง 2 ผ่านเรื่องทั้งหมดนี้มาด้วยกัน ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ดูเหมือนจะแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
มู่ไป๋ไป่ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าเจ้าของที่แท้จริงของหอไป่เฉ่าจะเป็นเด็กที่อายุน้อยขนาดนี้ และเธอก็รู้สึกมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่าเสิ่นจวินเฉาไม่ได้มีเพียงพรสวรรค์ทางการค้าแค่เล็กน้อยเท่านั้น
ในเวลาเดียวกัน ทางด้านลุงฝูที่ได้รับคำสั่งก็รีบร่างสัญญาขึ้นมา
เนื่องจากมู่ไป๋ไป่รู้ตัวหนังสือเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้น ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงขอให้องครักษ์ที่อยู่ด้านข้างอ่านให้เธอฟัง
หลังจากฟังแล้วเธอก็รู้สึกว่าสัญญานี้ไม่มีปัญหาจึงหยิบพู่กันขึ้นมาเขียนชื่อของตัวเองอย่างประณีต
เสิ่นจวินเฉาเองก็ได้ใช้ตราประทับส่วนตัวของตนเองประทับลงไป ก่อนจะแลกเปลี่ยนสัญญากับเธอ
จากนั้นมู่ไป๋ไป่ก็สั่งให้หลัวเซียวเซียวกับจื่อเฟิงมอบผลเพลิงสีชาดที่พวกเธอนำมาให้กับเถ้าแก่ ซึ่งขั้นตอนต่อไปก็เป็นขั้นตอนของการนับเงินและนับสินค้า
เด็กหญิงหยิบตั๋วแลกเงินกองหนาจากมือของลุงฝู โดยน้ำหนักที่อยู่ในมือทำให้เธอต้องยิ้มกว้างจนปากแทบจะฉีกถึงรูหู
“ตอนนี้ธุระก็จัดการเรียบร้อยแล้ว ไป๋ไป่มีธุระต้องไปทำอีกหรือไม่?” เสิ่นจวินเฉายิ้มขณะมองหน้าคนตัวเล็ก “ถ้าไม่มีเรื่องเร่งด่วนอะไร ข้าขอเลี้ยงข้าวไป๋ไป่สักมื้อได้หรือไม่?”
มู่ไป๋ไป่ที่กำลังอารมณ์ดี มองไปยังหน้าต่างก็เห็นว่ายังไม่สายมากนัก เธอจึงพยักหน้าตอบตกลง
ร้านอาหารที่เด็กชายเลือกนั้นตั้งอยู่ใจกลางของเมืองหลวง ในคราวก่อนที่ผ่านมาทางนี้เด็กหญิงก็คิดอยากจะเข้าไปลิ้มลองรสอาหารของที่นี่เช่นกัน แต่กิจการร้านนี้ค่อนข้างดีทีเดียวจึงทำให้มีคนต่อคิวยาวมาก
ในเวลานั้น เธอรีบเดินทางไปยังวัดฮู่กั๋ว ดังนั้นเธอจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องล้มเลิกความคิดดังกล่าวไป
“ที่นี่ยังมีคนรออีกมาก” มู่ไป๋ไป่เดินตามเสิ่นจวินเฉาเข้าไปพลางมองดูแถวด้านหน้าร้านที่ยังยาวเหมือนที่เธอเคยเห็น ก่อนจะถอนหายใจด้วยความเสียดาย “ดูเหมือนว่าคราวนี้เราจะอดกินอีกแล้ว พี่จวินเฉา เราไปร้านอื่นกันเถอะ”
“ขึ้นไปข้างบนกันเถอะ” เด็กชายยิ้มแล้วจับมือเด็กหญิงที่ตัวเล็กกว่าเดินเลี่ยงคนที่กำลังต่อแถวเข้าไปด้านใน
ทันทีทั้ง 2 คนเดินเข้ามา เถ้าแก่ร้านที่ยุ่งอยู่ด้านในก็รีบออกมาทักทายเสิ่นจวินเฉาทันทีด้วยท่าทีนอบน้อม “นายท่าน มาแล้วหรือขอรับ?”
“อืม” เด็กชายพยักหน้ารับเบา ๆ “ข้าพาสหายมาทานอาหาร”
เถ้าแก่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นมู่ไป๋ไป่ที่เขาจับมือเอาไว้ ก่อนที่เขาจะโค้งคำนับทักทายนาง “หากแขกผู้มีเกียรติท่านนี้มีของแสลงหรือของชอบอันใด สามารถแจ้งข้าน้อยได้ขอรับ”
เด็กหญิงส่ายหัวตอบว่าเธอไม่ได้คิดมาล่วงหน้าว่าอยากกินอะไร จากนั้นเธอก็นึกขึ้นได้ว่าตนพาคนกินจุมาด้วย จึงได้รีบขอให้เถ้าแก่เตรียมหมั่นโถวและอาหารจานอื่นเพิ่ม ไม่อย่างนั้นเธอกลัวว่าจื่อเฟิงจะกินไม่อิ่ม
“พี่จวินเฉา ร้านอาหารเก่าแก่นี้ก็เป็นกิจการของท่านหรือไม่?” มู่ไป๋ไป่เดินตามอีกฝ่ายขึ้นไปที่ชั้น 2 “นี่มันไม่ใช่กิจการเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างที่ท่านพูดเลยนะ!”
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: กลายเป็นว่าคุณชายคนนี้เป็นคนใหญ่คนโตไม่เบาเลยนี่นา!