บทที่ 98: สหายที่ดี
เสิ่นจวินเฉารู้สึกสับสนอยู่พักหนึ่งโดยที่เขาไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไร
ทางด้านมู่ไป๋ไป่ได้ลูบหัวของเจ้าเหลืองอย่างใจดี “ทำไมเจ้าถึงผอมลงหลังจากที่ไม่ได้เจอข้าเพียงแค่ไม่ถึงเดือนเอง?”
“ตอบท่านจ้าวอสูร ข้าไม่ได้ผอมลง เป็นเพราะข้าตัวสูงขึ้นต่างหาก” สุนัขตัวโตแลบลิ้นใส่เธอและตอบอย่างมีความสุข “เมื่อเร็ว ๆ นี้ข้ามีเจ้านายแล้ว เจ้านายของข้ามอบเนื้อให้ข้าทุกครั้ง เขาเป็นคนใจดีมาก และเขาก็ดีกับข้ามากเช่นกัน”
“หา เจ้ามีเจ้านายแล้วหรือ?” มู่ไป๋ไป่รู้สึกดีใจไปกับมันด้วย ในขณะที่กล่าวว่า “เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง”
“ท่านจ้าวอสูร ท่านกำลังตามหาข้าอยู่หรือไม่?” เจ้าเหลืองเหลือบมองชามเนื้อติดกระดูกในมือของอีกฝ่ายแล้วน้ำลายไหล “แมวของท่านหลงทางอีกแล้วหรือ?”
“คราวนี้ไม่ใช่แมว” มู่ไป๋ไป่วางชามเนื้อไว้ตรงหน้าสุนัขตัวโตแล้วสาธยายให้มันฟังขณะที่มันกินอาหารตรงหน้า “คราวนี้เป็นสหายของข้าที่ทำของสำคัญหายไป ข้าอยากให้เจ้าช่วยตามหามัน”
“เจ้าจะช่วยข้าหามันได้หรือไม่?”
“ท่านจ้าวอสูร ข้าเองก็ไม่มีความสามารถอันใด มีเพียงจมูกที่ดมกลิ่นได้ดีเลิศเท่านั้น” เจ้าเหลืองแทะกระดูกไปได้คำใหญ่ และหางของมันก็กระดิกอย่างมีความสุขมากขึ้น ขอเพียงแค่ของสิ่งนั้นยังอยู่ใกล้ ๆ มันก็จะสามารถหาจนพบด้วยการดมกลิ่นเพียงอย่างเดียว
“ไป๋ไป่ เจ้ากำลังคุยกับสุนัขตัวนั้นอยู่หรือ?” เสิ่นจวินเฉาไม่รู้ว่าตนนั้นควรจะแปลกใจดีหรือไม่
“เจ้าค่ะ” มู่ไป๋ไป่ยอมรับออกไปตามตรง เธอรู้ว่าแม้ตนจะบอกว่าสามารถสื่อสารกับสัตว์ได้ แต่ก็มีไม่กี่คนเท่านั้นที่จะเชื่อคำพูดของเธอ
แล้วมันก็เป็นไปตามที่เด็กหญิงคาดไว้ หลังจากที่เธอพยักหน้า เด็กชายก็แสดงสีหน้าไม่ค่อยเชื่อถือสักเท่าไหร่
คนตัวเล็กไม่ได้สนใจท่าทีของเขาและปรบมือ “พี่จวินเฉา ท่านมานี่สิ ข้าได้ทำข้อตกลงกับเจ้าเหลืองแล้วว่าจะช่วยท่านหาของ เจ้าเหลืองจะดมกลิ่นหาของในกระเป๋าเงินของท่าน”
“เจ้าเหลืองมีความสามารถมากเลย ขอเพียงแค่คนที่ขโมยของของท่านยังอยู่ไม่ไกล เราจะต้องหาเจอแน่นอน”
ทันทีที่สุนัขตัวโตได้ยินท่านจ้าวอสูรยกยอตัวเอง มันก็เงยหน้าขึ้นจากชามอาหารอย่างภาคภูมิใจ
“แล้ว เอ่อ…” เสิ่นจวินเฉาลังเลและอยากจะเลิกสนใจเรื่องนี้ แต่เมื่อเขาสบเข้ากับดวงตากลมโตของมู่ไป๋ไป่ เขาก็กลืนคำปฏิเสธลงท้องไป
ช่างเถอะ เด็กน้อยคนนี้มีความตั้งใจดีและคิดอยากจะช่วยข้า ดังนั้นข้าจึงควรทำตามความปรารถนาของนาง
อย่าได้ทำร้ายจิตใจที่บอบบางของนางเลย
“เอาเถอะ” เด็กชายยื่นกระเป๋าเงินให้คนตัวเล็ก “ข้าเก็บ 2 สิ่งนี้ไว้ในกระเป๋าใบนี้ตลอดเวลา ไม่ค่อยได้หยิบมันออกมาสักเท่าไหร่”
มู่ไป๋ไป่พยักหน้าเป็นการบอกว่าตนเข้าใจ ก่อนจะหันกลับมายื่นกระเป๋าให้เจ้าเหลือง
ยามนี้สุนัขตัวใหญ่กินเนื้อในชามเรียบร้อยแล้ว มันก็ก้าวเข้ามาดมกลิ่น และลังเลอยู่สักพัก จากนั้นจึงหันหลังวิ่งไปยังทิศทางหนึ่ง
“ท่านจ้าวอสูร ทางนี้ กลิ่นมันอยู่ใกล้ ๆ”
ดวงตาของมู่ไป๋ไป่สดใสขึ้น ก่อนที่เธอจะดึงเด็กชายให้วิ่งตามเจ้าเหลืองไป
เสิ่นจวินเฉาที่ไม่ทันระวังเกือบจะล้มคะมำ ตามปกติแล้วเขาไม่ค่อยได้ทำเช่นนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าวันนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เมื่อเขาได้พบหน้าเด็กน้อยคนนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะทำตามความต้องการของนาง
“อยู่ตรงหน้า!” เสียงของเจ้าเหลืองยังคงนำทางให้คนทั้ง 2 อย่างไม่ลดละ
เจ้าเหลืองพูดถูก คนพวกนี้ไม่ได้หนีไปไกลนัก เพียงแค่เวลาไม่ถึงถ้วยชาพวกเธอก็ติดตามมันจนมาเจอพวกโจรที่กำลังแบ่งของที่ขโมยมาอยู่ในตรอก
เมื่อมาถึงเสิ่นจวินเฉาก็เห็นจี้หยกกับเครื่องรางคุ้มภัยที่ทำจากทองคำที่อยู่ในมือของอีกฝ่ายทันที
นั่นทำให้เด็กชายตาแดงก่ำ ในขณะที่เขารีบเข้าไปคว้ามันเอาไว้
แต่หัวขโมยทั้ง 2 เป็นผู้ใหญ่ที่ตัวสูงมากจึงผลักเสิ่นจวินเฉาจนล้มลงไปกองกับพื้น
“ชิ! เจ้าตัวปัญหา มันตามมาถึงที่นี่จริงด้วย!” พวกโจรต่างมองหน้ากันอย่างหัวเสีย “ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็อย่าได้โทษที่พวกเราไร้ความปรานี!”
“ดูแล้วเจ้าเด็ก 2 คนนี้คงมาจากครอบครัวที่มีฐานะ ทำไมเราไม่จับพวกมันไปเรียกค่าไถ่ล่ะ?”
ในไม่ช้าพวกโจรก็พุ่งเข้าไปหามู่ไป๋ไป่หมายจะจับตัวนาง
“โฮ่ง!” เจ้าเหลืองรีบวิ่งไปเห่าใส่พวกหัวขโมยทันทีที่เห็นอีกฝ่ายพุ่งเข้ามา พร้อมกับแยกเขี้ยวข่มขู่ฝ่ายตรงข้ามจนพวกเขาต้องถอยกลับ
ในช่วงเวลานั้น หลัวเซียวเซียวกับคนอื่น ๆ ก็มาถึงและเห็นภาพเหตุการณ์ตรงหน้า พวกนางจึงรีบวิ่งเข้าไปปกป้องมู่ไป๋ไป่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งจื่อเฟิง เมื่อเขาเห็นว่าหัวขโมยพวกนั้นกล้าคิดจะทำร้ายเด็กหญิง เขาก็โกรธมากแล้วพุ่งเข้าไปลงมือโดยไม่รอองครักษ์
จื่อเฟิงนั้นตัวสูงกว่าเสิ่นจวินเฉาเพียงเล็กน้อย แต่เขากลับมีพละกำลังมหาศาล เพียงแค่เขาขยับ เขาก็กระแทกเจ้าหัวขโมยทั้ง 2 ชนเข้ากับกำแพงจนทำให้หมดสติไป
“...” เหตุการณ์ตรงหน้าทำเอามู่ไป๋ไป่และองครักษ์ถึงกับพูดอะไรไม่ออก
“ไป๋ไป่…” เสิ่นจวินเฉาพูดขึ้นมาท่ามกลางบรรยากาศที่นิ่งอึ้งของทุกคน “คนรับใช้ของเจ้าคนนี้ช่างเป็นคนที่สวรรค์โปรดปรานยิ่งนัก”
เขาไปกินอะไรมาถึงได้แข็งแรงขนาดนี้?
“อือ ๆ อา ๆ!” จื่อเฟิงจัดการกับหัวขโมยทั้ง 2 แล้วหันไปมององค์หญิงพร้อมกับทำท่าสื่อสารกับนาง
คราวนี้หลัวเซียวเซียวไม่จำเป็นต้องช่วยแปลความหมาย มู่ไป๋ไป่ก็เข้าใจสิ่งที่เขาต้องการจะบอก นั่นคือเขากำลังถามเธอว่าเธอได้รับบาดเจ็บหรือไม่
“ข้าไม่เป็นไร” เด็กหญิงตบไหล่ของเด็กหนุ่มเป็นการชื่นชมเขา “โชคดีที่เจ้ามาช่วยได้ทันเวลา”
หลังจากจื่อเฟิงได้ยินคำตอบของคนตัวเล็ก เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นเดินไปอยู่ตำแหน่งเดิมเพื่อคอยปกป้องนางต่อไป
“พี่จวินเฉา ท่านมาดูซิว่ามีอะไรเสียหายหรือไม่?” มู่ไป๋ไป่หยิบจี้หยกและเครื่องรางคุ้มภัยจากหัวขโมยทั้ง 2 คนแล้วส่งให้เจ้าของ
“ไป๋ไป่ ขอบคุณเจ้ามาก” เสิ่นจวินเฉารับจี้หยกและเครื่องรางคุ้มภัยมา ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าหัวใจที่เคยหนักอึ้งบัดนี้เบาลงแล้ว “เจ้ามีบุญคุณต่อข้ายิ่งนัก ข้าไม่รู้ว่าจะทดแทนเจ้าอย่างไรดี เอาแบบนี้ดีหรือไม่ เจ้าไปที่จวนของข้าให้ข้าได้เลี้ยงรับรองเจ้าดี ๆ สักครั้ง”
“เอ่อ…” มู่ไป๋ไป่เกาหัวอย่างขัดเขิน “ต้องขอโทษด้วย พี่จวินเฉา ข้าออกมานานมากแล้ว และข้าก็ยังมีเรื่องสำคัญต้องไปทำอีก”
“เรื่องอะไรหรือ ข้าพอจะช่วยได้หรือไม่?” ยามนี้เด็กชายรู้สึกชื่นชอบเด็กน้อยคนนี้มาก “ถึงจะเห็นเช่นนี้แต่ข้าก็มีกิจการเล็ก ๆ ของตัวเอง อีกทั้งข้าก็พอจะมีหน้ามีตาอยู่ในเมืองหลวงบ้าง”
“ถ้ามีอะไรที่ข้าสามารถช่วยเจ้าได้ก็บอกมาได้เลย”
“พี่จวินเฉาเองก็ทำการค้าขายเช่นนั้นหรือ?” ดวงตาของเด็กหญิงพลันเปล่งประกาย “ถ้าเช่นนั้นข้ามีผลเพลิงสีชาดอยู่ในมืออยากจะขาย แต่ข้าไม่ค่อยรู้จักร้านค้าในเมืองหลวงเท่าใดนัก พี่จวินเฉาพอจะรู้จักร้านที่รับซื้อหรือไม่? โดยมีเงื่อนไขว่าหากข้าสามารถเก็บผลเพลิงสีชาดมาเป็นจำนวนมาก ร้านนั้นจะรับซื้อโดยไม่กดราคาลง”
“ไป๋ไป่มีผลเพลิงสีชาดอยู่ในมือมากมายเลยหรือ?” เสิ่นจวินเฉารู้สึกประหลาดใจมาก “เท่าที่ข้ารู้มา ผลเพลิงสีชาดเป็นยาวิเศษที่สามารถรักษาบาดแผลให้หายได้ แต่มันเป็นของที่หายากมาก ไม่ใช่สิ่งที่ใครคิดอยากได้ก็หามาได้ง่าย ๆ”
“เจ้าค่ะ” มู่ไป๋ไป่พยักหน้าพลางถอนหายใจ “แม้ว่ายานี้จะวิเศษมากเพียงใด แต่ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะรับซื้อมัน”
“ข้าเองเพิ่งไปสอบถามที่หอไป่เฉ่ามา แต่เถ้าแก่บอกว่ารับซื้อเพียง 20 ตำลึงเงินต่อลูกเท่านั้น นี่มันโกงกันชัด ๆ”
“แล้วข้ากำลังคิดว่าจะลองไปสอบถามร้านอื่น ๆ ดู”
หากเธอรู้ว่าเรื่องจะกลายเป็นเช่นนี้ เธอคงจะยอมอ่อนข้อให้กับเถ้าแก่หอไป่เฉ่า อย่างน้อยก็ดีกว่าปล่อยให้ผลไม้เน่าอยู่ในมือของเธอ
“เจ้าเคยไปที่หอไป่เฉ่าแล้วหรือ?” เสิ่นจวินเฉากางพัดกระดูกหยกของตัวเองแล้วพัดเบา ๆ ด้วยสีหน้าอ่อนโยน “ราคานั้นไม่ยุติธรรมจริง ๆ เถ้าแก่อาจจะคิดว่าเจ้าเป็นเพียงเด็กจึงได้เสนอราคาเช่นนั้นออกมา”
“ถูกต้อง” มู่ไป๋ไป่มุ่ยปากพลางทำหน้าหดหู่
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: เอาสิ น้องได้ผูกมิตรกับคุณชายผู้มีหน้ามีตาในเมืองหลวงด้วย
ประกาศจ้า! วันที่ 30 พ.ย. 67 นี้แอดเอา E-Book ไป๋ไป่เล่ม 4 มาเสิร์ฟให้ทุกคนล่ะ ใครที่สนใจ E-Book สามารถกดเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ลิงก์ด้านล่างเลยน้า