บทที่ 36 เซี่ยซินหยู่อยากโชคดี
บทที่ 36 เซี่ยซินหยู่อยากโชคดี
โดนไข่ไก่แกล้งจนน้ำตาตกใน
ถ้าเป็นเรื่องอื่น เฉินหยวนพอจะปลอบใจได้อยู่หรอก
แต่น่าเสียดายที่เรื่องไข่ไก่มัน...
ปลอบไม่ได้จริงๆ
ถ้าเป็นตัวเองเจอเหตุการณ์แบบนี้ ตอกไข่สี่ฟอง ฟองสุดท้ายดันเสีย ทำให้ไข่ทั้งชามพัง เฉินหยวนคงปาชามทิ้งไปแล้ว
เซี่ยซินหยู่จะร้องไห้ก็ไม่แปลก
ไข่ไก่สี่ฟอง ฟองละเจ็ดเหมา ก็เกือบสามหยวน เท่ากับค่าอาหารเช้าของคนสองคนเลยนะ
ครอบครัวเฉินก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร เพราะไข่สี่ฟองนี่ ยิ่งทำให้ลำบากเข้าไปอีก
"เดี๋ยวก่อน ฉันจัดการเอง"
เซี่ยซินหยู่โดนไข่ไก่แกล้ง เฉินหยวนจะอยู่เฉยได้ยังไง?
เซี่ยซินหยู่หันกลับมา น้ำตาคลอหน่วยมองเฉินหยวน พลางถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "จ...จัดการอะไรเหรอ?" ราวกับกำลังวาดวงกลมลงบนพื้นอย่างคนสิ้นหวัง
"ไข่มีปัญหา เราลงโทษไข่ไม่ได้ แต่เราตามหาต้นตอได้" เฉินหยวนกล่าว
"หมายความว่าจะไปหาแม่ไก่ที่ออกไข่ใบนี้งั้นเหรอ...?"
"ฟังหน่อยสิ ว่าตัวเองพูดอะไรออกมา"
"แล้วจะทำยังไงล่ะ?"
เฉินหยวนไม่ตอบ หยิบกล่องไข่ใบเดิมออกมาจากตู้เย็น วางไว้ข้างชามที่มีไข่เน่า ถ่ายรูป จากนั้นก็เปิดแอปพลิเคชันขึ้นมา เข้าไปที่ร้านชุมชนแสงตะวันซูเปอร์มาร์เก็ต กดติดต่อฝ่ายบริการลูกค้า ส่งรูปภาพที่สื่อความหมายชัดเจนนั้นไปให้
'ภายในสิบนาที ถ้ายังไม่ได้เงินคืน รูปนี้จะระเบิดไปทั่วเมืองเซี่ยงไฮ้'
'ถ้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่เข้ามาจัดการ จะไปฟ้องสคบ.'
ชุมชนแสงตะวันซูเปอร์มาร์เก็ต: 'เกิดอะไรขึ้นคะคุณลูกค้า?'
เฉินหยวน: 'ไข่ที่ซื้อวันนี้มีใบเสีย ดูสิ ยังมีตรายี่ห้อประทับอยู่บนเปลือกไข่เลย'
ชุมชนแสงตะวันซูเปอร์มาร์เก็ต: 'ค่ะ คุณลูกค้า ขออภัยที่ทำให้คุณลูกค้ามีประสบการณ์การซื้อสินค้าที่ไม่ดี จะรีบดำเนินการคืนเงินให้ค่ะ'
"เยี่ยม! ได้เงินคืนแล้ว" เฉินหยวนบอกข่าวดีนี้ให้เซี่ยซินหยู่ด้วยความดีใจ
เซี่ยซินหยู่ได้ยินก็ถึงกับชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบลุกขึ้นปาดน้ำตาด้วยหลังมือ แล้วขยับเข้ามาใกล้ๆ จ้องมองโทรศัพท์ไปพร้อมกัน
ปอยผมข้างหน้าของเธอปรกมาโดนขอบโทรศัพท์เบาๆ ก่อนจะเลื่อนผ่านนิ้วของเฉินหยวน...
เฉินหยวนเหลือบตามอง ก็เห็นใบหน้าเนียนนุ่มอยู่ใกล้ในระยะประชิด
แม้กระทั่งลมหายใจ ผิวเนียนละเอียด เขาก็สัมผัสได้อย่างชัดเจน
ใกล้กันมาก...
แต่เธอกลับไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่า อารมณ์ทั้งหมด กำลังถูกพนักงานซูเปอร์มาร์เก็ตชุมชนแสงตะวันเล่นงานอยู่
ส่วนอารมณ์ของเขา กลับถูกเธอกวน มันช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย
แน่นอน หลักๆก็เพราะเขาตัวสูงเกินไป เซี่ยซินหยู่ตัวเล็กนิดเดียว อยู่ในสายตาเขาทั้งหมด ราวกับมุมมองของพระเจ้าที่มองเห็นทุกสิ่ง
อ้อจริงสิ...พลังพิเศษของเขาก็คือมุมมองของพระเจ้าที่มองเห็นทุกสรรพสิ่งนี่นา
ซูเปอร์มาร์เก็ตชุมชนแสงตะวัน: งั้นขอสอบถามหน่อยนะคะ ไข่เสียไปกี่ฟองคะ?
"อืม...เอ่อ..."
พอเห็นแบบนี้ เฉินหยวนก็โดนพนักงานซูเปอร์มาร์เก็ตชุมชนแสงตะวันเล่นงานเข้าให้เหมือนกัน
"เอ่อ..." เซี่ยซินหยู่ก็เช่นกัน เธอทำสีหน้าลำบากใจเหมือนเฉินหยวน "ไข่แตกแค่ฟองเดียว ตามหลักแล้ว ก็น่าจะชดใช้แค่ฟองเดียวนี่"
"ตามหลักการก็ถูก...แต่ถ้าไม่พูดถึงหลักการ..."
แต่ประเด็นคือ เฉินหยวนไม่ใช่คนแบบนั้น เขาไม่พูดถึงหลักการไม่ได้หรอก
ไข่แตกแค่ฟองเดียว ทำไมต้องชดใช้เงินค่าไข่ตั้งสี่ฟองด้วยล่ะ?
"งั้นลองบอกว่าสองฟอง ให้เขารับผิดชอบความเสียหายของเราครึ่งหนึ่งดีไหมคะ?" เซี่ยซินหยู่ถามขึ้น
"ไข่เสียไปฟองนึง ยังจะตอกไข่ใส่ไปอีกฟองเหรอ...?"
เฉินหยวนพูดจบ หน้าของเซี่ยซินหยู่ก็แดงก่ำ เธอสบตาเขาด้วยความเขินอาย "เมื่อกี้...คิดว่าฉันโง่ใช่ไหม?"
"ไม่กล้าหรอก ถ้าตามตรรกะของหลาวโม๋ นักเรียนโรงเรียนหมายเลข 11 เจอนักเรียนโรงเรียนหมายเลข 4 ไม่ยอมคุกเข่า ถือว่าเสียมารยาทด้วยซ้ำ"
"เอาล่ะ...พูดเรื่องไข่กันต่อดีกว่า" เซี่ยซินหยู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถามขึ้น "บอกความจริงไปเลยดีไหม?"
"บอกความจริงก็ได้ แต่ต้องพูดให้ดีๆหน่อย"
เฉินหยวน: ไข่ใบที่สี่แตก แล้วอีกสามใบก็ใช้ไม่ได้แล้วครับ
หลังจากส่งข้อความนี้ไป ฝ่ายบริการลูกค้าก็เงียบไปพักหนึ่ง
จากนั้น ก็เริ่มขึ้นว่า 'อีกฝ่ายกำลังพิมพ์...' 'อีกฝ่ายกำลังพิมพ์' ผ่านไปประมาณหนึ่งนาที ในที่สุดก็ตอบกลับมา
ซูเปอร์มาร์เก็ตชุมชนแสงตะวัน: ค่ะ ได้ค่ะ งั้นชดใช้ไข่ให้สี่ฟอง 2.8 หยวน รบกวนส่ง WeChat มานะคะ
"เย้! ดูสิ" เฉินหยวนยื่นโทรศัพท์ให้เซี่ยซินหยู่ดู
"ค่าเสียหายนี้...เธอจะเป็นคนรับผิดชอบรึเปล่านะ?" ทว่า เซี่ยซินหยู่กลับลังเลขึ้นมา
หลังจากเธอพูดจบ เฉินหยวนก็กังวลขึ้นมาเช่นกัน
การเงียบไปเมื่อครู่ รวมถึงการพิมพ์และลบข้อความอยู่นาน ทำให้คิดไปต่างๆนานา ถ้าหากเธอต้องเป็นคนรับผิดชอบจริงๆ เธอก็คงน่าสงสารแย่...
ในท้ายที่สุด เฉินหยวนตัดสินใจที่จะรักษาศีลธรรมเอาไว้
"คุณพนักงานครับ ความเสียหายนี้ คุณเป็นคนรับผิดชอบรึเปล่าครับ?"
"แน่นอนว่าไม่ใช่ค่ะ เป็นเจ้านายของพวกเราน่ะ ฮิฮิ"
'ฮิฮิพ่อมึงสิ'
'ถ้าเธอไม่ได้เป็นคนชดใช้ เธอจะทำเป็นลังเลอะไรนักหนา'
เฉินหยวนเกือบจะเลียนแบบท่าทางของหมาฮัสกี้ชี้นิ้วใส่คน ผ่านหน้าจอโทรศัพท์
"งั้นตอกไข่เพิ่มอีกสองสามฟองแล้วกัน"
หลังจากที่ต้นตอของไข่เสียถูกตำหนิ เซี่ยซินหยู่ก็รู้สึกสงบลง เทไข่ใบนั้นทิ้งไป แล้วตอกไข่ใหม่สี่ฟอง
แม้ว่าสีหน้าของเธอจะกลับมาสงบเรียบร้อยเหมือนเดิม แต่เฉินหยวนที่ได้ยินเสียงในใจ ก็รู้ทุกอย่างเหมือนพระเจ้า "เธอยังอารมณ์ไม่ดีอยู่ใช่ไหม?"
"..." เซี่ยซินหยู่เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มออกมาแล้วพูดว่า "นายดูออกด้วยเหรอ?"
เซี่ยซินหยู่เก็บความรู้สึกไว้ลึกมาก แค่มองจากสีหน้าภายนอกก็ดูไม่ออก
แต่เขาได้ยิน
"เรื่องแบบนี้ใครเจอก็รู้สึกแย่ ต่อให้จะได้เงินคืนแล้วก็ตามเถอะ" เฉินหยวนพูด
"ฉันคงโชคร้ายเกินไป" เซี่ยซินหยู่พูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วลงเล็กน้อย พร้อมกับกัดริมฝีปากเบาๆ
พูดถึงเรื่องโชคร้าย ถ้าหากการที่พ่อแม่เสียชีวิตไปแล้ว มันเป็นเรื่องของโชค เธอก็คงเป็นคนที่โชคร้ายที่สุดในโลก
แต่เขาไม่อยากให้เธอคิดแบบนั้น
"ไข่เสียมันก็มีอยู่ในนั้น ใครๆก็เจอได้ ทำไมเธอถึงคิดว่าตัวเองโชคร้ายล่ะ?"
"แล้วใครจะไปเจอไข่เสียป็นฟองที่สี่หลังจากตอกไปแล้วสามฟองกันล่ะ" เซี่ยซินหยู่ถามกลับ
"..." เฉินหยวนพูดไม่ออก เขาหยุดไปครู่หนึ่งแล้วจึงพูดว่า "แต่วันนี้เราจับรางวัลได้สองครั้งแล้วนะ"
"แต่นายเป็นคนจับได้ ถ้าเป็นฉัน..." เซี่ยซินหยู่หันหน้าไปด้านข้างเล็กน้อย แล้วพูดด้วยเสียงเบา "ต้องได้ทิชชู่สองแพ็คแน่ๆ"
'นั่นก็ไม่เกี่ยวกับโชคร้ายสักหน่อย'
'โอกาสที่จะจับได้ทิชชู่คือ 95% โอกาสที่จะจับได้ทิชชู่สองครั้งติดคือ 90.25%'
'กล่าวคือ การจับได้ทิชชู่สองแพ็คเป็นเรื่องปกติ เป็นไปตามหลักสถิติ'
'แต่เธอจะเล่นแบบนี้กับฉันใช่ไหม?'
'ได้ งั้นก็ตามใจ'
เฉินหยวนวางมือทั้งสองข้างลงบนไหล่ของเซี่ยซินหยู่ ไม่พูดอะไรสักคำ แต่ดันเธอไปทางห้องนั่งเล่น
"เอ๊ะ?"
เซี่ยซินหยู่ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ยังไงซี่โครงหมูตุ๋นก็ต้องใช้เวลาอีกนาน ไม่จำเป็นต้องเฝ้าดูตลอด เธอจึงไม่ได้ขัดขืน...ไม่สิ ควรจะบอกว่าไม่ได้คัดค้านมากกว่า
"นั่งลงสิ"
"...อืม"
เซี่ยซินหยู่ไม่รู้ว่าเฉินหยวนเป็นอะไร แต่เขาดูจริงจังมาก เธอจึงไม่กล้าพูดอะไร ได้แต่มองเฉินหยวนฉีกกระดาษสิบแผ่น แล้วใช้ปากกาแดงเขียนคำว่า 'โชคร้าย' ลงบนกระดาษทุกแผ่น...ยกเว้นแผ่นเดียวที่เขียนว่า 'โชคดี'
"ในสิบแผ่นนี้ มีแผ่นเดียวที่เขียนว่าโชคดี ถ้าเธอจับได้ ก็แปลว่าเธอเป็นคนโชคดี"
"เอ๋?!" พอได้ยินแบบนี้ เซี่ยซินหยู่ก็รีบโบกมือปฏิเสธ "ถ้าจับได้คำว่าโชคร้าย...มันก็เหมือนกับโดนคำสาป 'โชคร้าย' เหมือนกับเป็นการแช่งตัวเองเลยนะ!"
"เธอก็มีโอกาสจับได้คำว่าโชคดีเหมือนกัน"
"แต่มันมีโอกาสแค่สิบเปอร์เซ็นต์เอง ยากเกินไป..." เซี่ยซินหยู่ยังคงส่ายหัว
"เธอสามารถมองว่าเหตุการณ์ที่มีโอกาสเกิดขึ้นถึง 90.25% เป็นโชคร้ายของเธอได้ แล้วทำไมโอกาส 10% ที่จะเป็นโชคดี เธอกลับไม่ยอมรับล่ะ?"
"90.25% คือความน่าจะเป็นของการหยิบกระดาษทิชชูสองครั้งติดต่อกันใช่มั้ย...คิดเร็วขนาดนี้ เก่งคณิตศาสตร์จังเลยนะ" เซี่ยซินหยู่กล่าวชม
"การคำนวณก็แค่ความพยายามที่ไร้ประโยชน์"
"ต้องจับจริงๆเหรอ?" เซี่ยซินหยู่ลังเลเล็กน้อย มองกระดาษที่วางอยู่ตรงหน้า เธอไม่อยากให้โชคชะตาของเธอถูกกำหนดด้วยเรื่องแบบนี้
แต่...ทำไมเธอจะเป็นหนึ่งในสิบเปอร์เซ็นต์นั้นไม่ได้ล่ะ?
บนกระดาษเขียนว่าโชคดี
โชคดีมีอยู่จริง
ถ้าเธอจับได้...
มันจะพิสูจน์ได้ว่า เธอไม่ได้โชคร้าย
และเธอก็สามารถโชคดีได้
เฉินหยวนไม่รอให้เธอปฏิเสธ ใช้มือคลุกเคล้าก้อนกระดาษ
ก้อนไหนคือ 'โชคดี' เธอเองก็ไม่รู้ การโกงเพื่อให้ได้โชคดีจึงเป็นไปไม่ได้
แต่เมื่อเฉินหยวนหยุดมือ สายตาของเธอก็จับจ้องไปที่ก้อนกระดาษก้อนหนึ่ง
เธอยื่นมือออกไป หยิบก้อนกระดาษที่ดูเหมือนจะพูดว่า 'เลือกฉันสิ' ก้อนที่เด่นชัดที่สุดในสายตาของเธอ
คณิตศาสตร์ใช้เล่นพนันได้ เวทมนตร์ก็ใช้เล่นพนันได้ แต่วิธีเหล่านั้นก็ไม่ง่ายเท่ากับการฟังเสียงของหัวใจ
ตอนที่เฉินหยวนได้รับพลังนี้ เขารู้ดีว่าถ้าใช้พลังนี้ในการพนัน เขาจะสามารถหาเงินได้มากพอที่จะซื้อประเทศเล็กๆได้เลย เขาจึงให้สัญญากับเทพเจ้าที่ประทานพลังนี้ให้ว่า จะไม่ใช้พลังนี้ในการเล่นพนันเด็ดขาด
แต่ครั้งนี้ เขาไม่เพียงแค่ใช้มัน เขายังเป็นเจ้ามือเสียเอง
เฉินหยวนมองเซี่ยซินหยู่ที่ดูเหมือนจะเดิมพันอนาคตทั้งหมดของเธอไว้ เธอกำลังค่อยๆคลี่กระดาษที่ขยำไว้ในมืออย่างระมัดระวัง เขาก็มีสิ่งที่ต้องการจะชนะเช่นกัน
สิ่งที่เจ้ามือต้องการจากเดิมพันครั้งนี้นั้นง่ายมาก แค่รอยยิ้มเของเธอท่านั้นเอง
กระดาษที่ยับยู่ยี่ถูกคลี่ออก เผยให้เห็นตัวอักษรสีแดงสองตัว น้ำตาไหลรินอาบแก้ม เซี่ยซินหยู่ปั้นกระดาษกลับเป็นก้อนกลม ถือไว้ในมืออย่างทะนุถนอม หลับตาลง แนบหน้าผากกับกระดาษ ร้องไห้พลางยิ้มออกมา "อือ...ฉันจับมันได้แล้ว"