บทที่ 321-322
[แปลโดยฝีมือ...ยักษาแปร...มาติดตามได้ที่แฟนเพจหรือเพื่อติดตามเอาข่าวสารได้นะ\]
[Thai-novelจะทำการลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ เป็นจำนวน 5 ตอน แต่เรื่องราคาแพงกว่าที่อื่นนิดหน่อย]
[หลังแปลจบ คิดว่าจะมีการเกลาคำเบื้องต้น แก้คำผิด ปรับสำนวนให้สละสลวย เทียบคำต่อคำ ขอบคุณที่ให้การสนับสนุนกันเสมอมานะครับ]
บทที่ 321 นักรบหญิง (II)
ดวงเนตรคมกริบของหยุนชิงเหยียนจับจ้องลวดลายสีแดงเข้มบนร่างของสตรีเบื้องหน้า แววตากลับกลายเป็นเย็นเยียบ มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย จ้าวแห่งอสูรผู้นี้ กำลังครุ่นคิดสิ่งใดอยู่ในใจคงไม่มีผู้ใดล่วงรู้
ทันใดนั้น เหมิงฉีก็ลืมตาขึ้น
"เป็นเช่นไรบ้าง" หยุนชิงเหยียนเอ่ยถาม
"ทะเลปราณของนางแหลกสลาย" เหมิงฉีกล่าว "ข้าไม่เคยพบเห็นทะเลปราณที่แตกละเอียดถึงเพียงนี้มาก่อน" หากเทียบกับจี๋อู๋จิ่วแล้ว รอยร้าวในทะเลปราณของเขาก็ดูมิอาจเอื้อนเอ่ยถึง ทะเลปราณของสตรีผู้นี้แตกสลายย่อยยับ พลังปราณสูญสิ้น หากมิใช่เพราะยังมีแก่นแท้ภายในริบหรี่อยู่ท่ามกลางเศษซากของทะเลปราณ นางคงคิดว่าคนผู้นี้มิใช่ผู้บ่มเพาะเสียแล้ว
พลังอันใดกัน จึงร้ายกาจถึงเพียงนี้ สามารถทำลายทะเลปราณได้ถึงปานนั้น เหมิงฉีดึงมือกลับพลางลุกขึ้นยืน โดยทั่วไปแล้ว หากทะเลปราณได้รับความเสียหาย แก่นทองคำภายในย่อมได้รับผลกระทบไปด้วย แต่สตรีผู้นี้ แม้ทะเลปราณจะถูกทำลายจนย่อยยับ กลับมิเพียงรอดชีวิตมาได้ แม้แต่แก่นแท้ภายในก็ยังคงอยู่
"ท่านชายชิงเหยียน" เหมิงฉีหันไปมองหยุนชิงเหยียน "นางมีขั้นบ่มเพาะอยู่ที่ใดหรือเจ้าคะ" เหมิงฉีพบเจอผู้บ่มเพาะจากอาณาจักรมารน้อยนัก ย่อมรู้เรื่องราวของอาณาจักรมารไม่มาก รู้เพียงพวกเขาเป็นเผ่าพันธุ์ที่โหดเหี้ยม กระหายเลือด ผู้ใดก็ล้วนแข็งแกร่ง ยิ่งไปกว่านั้น วิชาอาคมในอาณาจักรมารก็มิได้ด้อยไปกว่าแดนอสูร แม้กระทั่งผู้บ่มเพาะขั้นหลอมรวมที่แข็งแกร่งที่สุด ก็ล้วนมาจากอาณาจักรมาร
"ขั้นที่ห้า...เทียบเท่ากับขั้นตัดวิญญาณของเผ่าพันธุ์มนุษย์ ใกล้บรรลุขั้นที่ห้าเต็มทีแล้ว" หยุนชิงเหยียนปรายตามอง เอ่ยขึ้น
"ทะเลปราณแตกสลาย แต่แก่นแท้ภายในยังอยู่ ทว่าปราศจากพลังปราณจากทะเลปราณหล่อเลี้ยง แก่นแท้จึงดูริบหรี่ ไร้ชีวิตชีวา" เหมิงฉีพึมพำกับตนเอง "ข้าสงสัยยิ่งนัก พลังอันใดกัน จึงทำลายทะเลปราณของผู้บ่มเพาะที่ใกล้บรรลุขั้นตัดวิญญาณได้ถึงเพียงนี้"
"ปราณเบญจธาตุ" มุมปากของหยุนชิงเหยียนกระตุกขึ้น "สิ่งนี้สามารถซ่อมแซมรอยร้าวในทะเลปราณได้ แต่ปราณเบญจธาตุในทะเลดารากลับแข็งแกร่งเกินไป ย่อมสามารถทำลายทะเลปราณได้เช่นกัน มากเกินไปย่อมมิใช่สิ่งที่ดี ผู้บ่มเพาะทั่วไปไม่อาจทนทานได้"
"เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ" เหมิงฉีพยักหน้า คำอธิบายนี้เข้าใจง่าย น้ำสามารถพยุงเรือได้ แต่ก็สามารถทำให้เรือล่มได้เช่นกัน ดั่งเช่นโอสถบางชนิด หากใช้เกินขนาด โอสถที่ควรจะรักษาผู้คนก็อาจกลายเป็นยาพิษร้ายแรง ในทางกลับกันโอสถพิษบางชนิดที่ดูเหมือนจะเป็นอันตราย หากใช้ในปริมาณที่เหมาะสม ก็สามารถรักษาโรค ช่วยชีวิตผู้คนได้
เหมิงฉีมองสตรีที่หมดสติอยู่บนพื้นอีกครั้ง "นางดูอ่อนเยาว์นัก ไม่ทราบว่าเคยไปยังสามภพหรือไม่" นางพึมพำ
มุมปากของหยุนชิงเหยียนยกขึ้นอีกครั้ง มิได้ตอบคำ กลับจ้องมองเหมิงฉีอย่างเงียบงัน สตรีในอาภรณ์ชุดคลุมสีฟ้าก้มหน้า แม้จะเอ่ยเช่นนั้น แต่คำว่า 'ข้าอยากช่วยนาง! ข้าอยากลองรักษานาง!' กลับปรากฏชัดบนใบหน้า แม้กระทั่งนิ้วที่ห้อยอยู่ข้างกาย ก็ยังขยับเล็กน้อยเป็นครั้งคราว
เหมิงฉีเม้มริมฝีปากอีกครั้ง พึมพำ "นางดูอ่อนเยาว์นัก ขั้นบ่มเพาะเทียบเท่าขั้นตัดวิญญาณ แม้จะเป็นผู้บ่มเพาะจากอาณาจักรมาร ก็น่าจะยังไม่เคยไปยังสามภพกระมังเจ้าคะ ยังไงเสีย ผู้ที่มีขั้นบ่มเพาะเช่นนาง คงยากที่จะทะลุผ่านเขตแดน อย่างน้อยก็คงมิใช่เรื่องง่าย หากปราศจากพลังอันแข็งแกร่งช่วยเหลือ"
หยุนชิงเหยียน “…”
"ยิ่งไปกว่านั้น...ในช่วงหลายร้อยปีมานี้ อาณาจักรมารมิได้ยกทัพรุกรานสามภพครั้งใหญ่ แม้จะมีการรุกรานเล็กๆ น้อยๆ แต่ผู้ที่มาก็ล้วนเป็นผู้บ่มเพาะหรือสัตว์อสูรขั้นต่ำกว่าขั้นที่สี่ ถูกกำจัดไม่นานหลังจากข้ามเขตแดนมา"
"ท่านชายชิงเหยียน" เหมิงฉีเอ่ยพลางหันไปมองหยุนชิงเหยียน "ข้าพูดถูกหรือไม่เจ้าคะ"
"การปกครองในอาณาจักรมารแตกต่างจากสามภพอยู่บ้าง" หยุนชิงเหยียนมีสีหน้าสนุกสนาน ดูเหมือนเขาจะชอบใจที่ได้เห็นเหมิงฉีกระตือรือร้นเช่นนี้ยิ่งนัก โดยเฉพาะยามที่นางกำลังลังเลว่าจะยื่นมือเข้าช่วยเหลือผู้อื่นดีหรือไม่
"เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ" เหมิงฉีพอได้ยินจึงพยักหน้าอย่างแข็งขัน
"ที่นั่น ผู้บ่มเพาะมิเพียงต้องพัฒนาตนเอง แต่ยังต้องสร้างเกียรติคุณทางทหารด้วย จึงจะได้รับการยอมรับ" หยุนชิงเหยียนกล่าวเสริม "แท้จริงแล้ว อาณาจักรมารแตกแยก มิได้รวมเป็นหนึ่งเดียวภายใต้อำนาจใด แม้แต่ใต้บัญชาของจ้าวแห่งมาร มารชั้นเซียนสามสิบสามตนก็ยังแบ่งเป็นห้าขั้วอำนาจ ขัดแย้งกันมาโดยตลอด เกิดสงครามกลางเมืองไม่หยุดหย่อน บางคราก็ยกทัพรุกรานสามภพ แม้แต่แดนอสูรก็ไม่เว้น"
หยุนชิงเหยียนหยุดพูด เมื่อเห็นสีหน้าซีดเซียวเล็กน้อยของเหมิงฉี ความรู้สึกขบขันปนสงสารก็แล่นริ้วผ่านหัวใจ ยากเย็นถึงเพียงนั้นเชียวหรือ เมื่อใดที่เหมิงฉีพบเจอผู้คนที่ต้องการการรักษา โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหรือป่วยไข้แปลกประหลาด แต่ไม่อาจยื่นมือเข้าช่วยเหลือได้...นางจะรู้สึกอึดอัดเช่นนี้เสมอไปหรือ
หยุนชิงเหยียนกล่าวต่อ น้ำเสียงแฝงแววขบขัน "กองกำลังหลักทั้งห้าแบ่งแยกอาณาจักรมาร ผู้มีอำนาจแข็งแกร่งที่สุดที่เป็นผู้นำแต่ละกองกำลัง ถูกเรียกว่าบัลลังก์ของจอมมาร"
เหมิงฉีพยักหน้าหงึกหงัก ดวงตาเปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง ดูอ่อนโยนยิ่งนัก
หยุนชิงเหยียนแทบอดใจไม่ไหวที่จะยื่นมือลูบผมนุ่มสลวยของเหมิงฉี แต่ก็ยั้งมือไว้ได้ทัน กระแอมไอเบาๆ แม้เส้นผมของนางจะมิได้นุ่มลื่นเท่าขนของเขา แต่ก็นับว่านุ่มน่าสัมผัส บางทีอาจให้ความรู้สึกเช่นเดียวกับร่างกายของนาง ที่ส่งกลิ่นหอมของโอสถบางเบา แฝงรสขมเล็กน้อย ฝาด แต่ชื่นใจ
บทที่ 322 นักรบหญิง (III)
หยุนชิงเหยียนละสายตาจากดวงเนตรใสกระจ่างของเหมิงฉี กล่าวต่อ "บัลลังก์ของจอมมารล้วนเป็นตระกูลเก่าแก่ของผู้บ่มเพาะในอาณาจักรมาร ผ่านสงครามนับครั้งไม่ถ้วนมาหลายหมื่นปี ย่อมมีพลังแข็งแกร่ง และ..." สายตาของหยุนชิงเหยียนจับจ้องไปยังสตรีที่หมดสติ "รอยสักเช่นเดียวกับที่อยู่หลังใบหูของนาง หมายความว่านางสังกัดอยู่บัลลังก์ของจอมมารแห่งใดแห่งหนึ่ง"
เหมิงฉี “…”
"ผู้บ่มเพาะสตรีเช่นนี้ ในอาณาจักรมารเรียกว่าแม่ทัพหญิง ล้วนเป็นนักสู้ผู้แข็งแกร่ง ผ่านการต่อสู้มานับครั้งไม่ถ้วน เมื่อใดเกิดสงคราม พวกนางก็จะลุกขึ้นจับอาวุธ ปกป้องนายเหนือหัวแห่งบัลลังก์ของจอมมารที่พวกนางสาบานว่าจะจงรักภักดี" หยุนชิงเหยียนกล่าว "ในฐานะแม่ทัพหญิง ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่นางจะไม่เคยฆ่าผู้ใด แน่นอนว่าข้าบอกไม่ได้ว่าเป็นผู้บ่มเพาะสัตว์อสูร หรือ..." หยุนชิงเหยียนปรายตามองเหมิงฉีอย่างเชื่องช้า ความหมายนั้นชัดเจนอยู่ในตัว
ใบหน้าของเหมิงฉีฉายแววผิดหวัง แท้จริงแล้วนางเข้าใจดี ผู้บ่มเพาะจากอาณาจักรมารคือศัตรูของสามภพ แม้จะเคยสาบานว่าจะไม่ปล่อยให้ผู้ใดล้มตายโดยไม่พยายามช่วยเหลือ แต่จะให้นางช่วยเหลือศัตรูที่อาจจะฆ่าพี่น้องร่วมเผ่าพันธุ์ของนางในสักวันหนึ่ง...นางก็ทำไม่ได้
"...เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ" เหมิงฉีตอบเสียงแผ่ว ท่านชายชิงเหยียนพูดชัดเจนถึงเพียงนี้ นางไม่อาจหลอกตัวเองด้วยข้ออ้างเช่นนี้อีกต่อไป
นิ้วของเหมิงฉีที่ห้อยอยู่ข้างกายขยับเล็กน้อยอีกครั้ง
"เหมิงฉี" ดวงตาของหยุนชิงเหยียนเป็นประกาย "เจ้าสามารถช่วยนางได้"
"หา?" เหมิงฉีหันขวับ ดวงตาเป็นประกาย แต่แล้วก็หรี่ลงอีกครั้ง "ข้าทำมิได้หรอกเจ้าค่ะ"
เหมิงฉีเม้มริมฝีปาก เอ่ยเสียงแผ่ว "ท่านหลินเหยียนที่ข้าพบในเขตแดนประลองครั้งยิ่งใหญ่ เดิมทีเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่สุดในประวัติศาสตร์แห่งการบ่มเพาะวิชาแพทย์ ในขั้นบรรลุสัจธรรม นางไปถึงขั้นลึกซึ้งแห่งการบ่มเพาะวิชาแพทย์ ในยุคของนาง นางมีโอกาสที่จะเป็นผู้รักษาในตำนานแห่งแดนโลก หรือแม้แต่แดนสวรรค์"
เหมิงฉีกล่าวต่อ "แต่ผู้บ่มเพาะจากอาณาจักรมารบุกเข้ามา ผู้คนในสามภพ ทั้งผู้บ่มเพาะและคนธรรมดา ล้วนตกอยู่ในอันตราย เมื่อหกเมืองแปดตำบลใกล้เคียงกำลังตกอยู่ในอันตรายที่จะถูกทำลายล้าง ท่านหลินเหยียนจึงยอมสลายฐานบ่มเพาะของตนเอง ตกลงไปสองขอบเขต เพื่อช่วยชีวิตพวกเขาเอาไว้ อย่างไรก็ตาม นับแต่นั้นเป็นต้นมา ก็เป็นเรื่องยากที่นางจะพัฒนาตนเองต่อไปได้"
น้ำเสียงของเหมิงฉีแผ่วเบา "พวกเราผู้บ่มเพาะวิชาแพทย์ จะไม่ช่วยงูพิษที่กัดพวกเราหลังจากที่มันตื่นขึ้นมา"
"ทะเลปราณของนางเสียหายย่อยยับ การซ่อมแซมมิใช่สิ่งที่ทำได้ในชั่วข้ามคืน" หยุนชิงเหยียนกล่าว "บังเอิญที่เจ้าต้องหลอมกระทะวิญญาณทั้งห้า เจ้าสามารถใช้ประโยชน์จากนาง บ่มเพาะและช่วยเจ้าหลอมกระทะวิญญาณทั้งห้าได้" น้ำเสียงของเขาเรียบเฉย "แม้ทะเลปราณของนางจะได้รับการซ่อมแซม ก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามถึงห้าวันกว่าจะฟื้นตัว ในระหว่างนั้น เจ้าสามารถฆ่านางได้ทุกเมื่อ"
เหมิงฉี “…”
หยุนชิงเหยียนกล่าว "เป็นอย่างไรบ้าง"
เหมิงฉีจ้องมองเขาอย่างเหม่อลอย แต่ไม่พูดอะไร
มุมปากของหยุนชิงเหยียนยกขึ้นเล็กน้อย "นอกจากนี้ เจ้าต้องการหลอมกระทะวิญญาณทั้งห้าเพื่อซ่อมแซมทะเลปราณของใครบางคน ปราณเบญจธาตุทั้งห้าไม่ใช่สิ่งที่เจ้าสามารถจัดการได้ง่ายๆ เจ้าจะลองใช้มันกับคนที่เจ้าต้องการช่วยโดยตรงโดยไม่บ่มเพาะมาก่อนหรือ"
เหมิงฉีตะลึงงัน และดูเหมือนจะพูดไม่ออกอยู่พักหนึ่ง คำพูดของหยุนชิงเหยียนนั้นสมเหตุสมผล แต่ในขณะเดียวกัน ความรู้สึกเย็นชาที่นางไม่เคยรู้สึกมาก่อนเมื่อเผชิญหน้ากับเขาก็ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นที่หลังของนาง
ร่างกายของเหมิงฉีสั่นเทาเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว เนื่องจากหญิงสาวในอาภรณ์ชุดสีดำเป็นแม่ทัพหญิงแห่งอาณาจักรมารที่มือเปื้อนเลือดมากมาย นางจึงไม่มีเจตนาที่จะช่วยนาง แต่ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นผู้บ่มเพาะมาร เป็นศัตรู แต่นางก็ไม่เคยคิดว่านางจะทำเช่นนั้นได้
ในสายตาของเหมิงฉี ทักษะวิชาแพทย์เป็นสิ่งที่ใช้เพื่อช่วยเหลือผู้คน นั่นคือ แม้ว่านางจะตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิต นางก็ยังคงยึดมั่นในเส้นทางที่นางได้เลือก แน่นอน ในฐานะผู้บ่มเพาะ นางจะไม่ลังเลที่จะปลิดชีพเพื่อปกป้องตนเองและผู้อื่น แต่...
เหมิงฉีจ้องมองสตรีผู้หนึ่งซึ่งนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น พลางครุ่นคิด ณ บัดนี้ใบหน้าของนางซีดเซียวเหลือเกิน เพียงแค่มองดูผิวเผิน นางกับสตรีผู้นี้ก็ดูเหมือนจะมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน
แม้สตรีผู้นี้จะสมควรตาย แต่นางก็ไม่อาจทำเรื่องเช่นนั้นลงไปได้ เหมิงฉีสูดลมหายใจเข้าลึก นี่เป็นครั้งแรกที่นางเอ่ยค้านหยุนชิงเหยียน "ท่านชิงเหยียน" นางเงยหน้าขึ้น ประหนึ่งสามารถมองทะลุเข้าไปในดวงใจของหยุนชิงเหยียนได้ "ข้าทำเช่นนั้นไม่ได้"
น้ำเสียงของนางหนักแน่น "การช่วยชีวิตผู้คนและการทำร้ายผู้อื่นล้วนเป็นคนละเรื่อง หากทำร้ายผู้อื่นเพื่อปกป้องตนเองหรือผู้อื่น ข้าย่อมเข้าใจ แต่เรื่องเช่นนี้..." เหมิงฉีขมวดคิ้วเล็กน้อย ครู่หนึ่งดูเหมือนนางกำลังครุ่นคิดหาถ้อยคำ "ข้าไม่อาจกระทำการเช่นนั้นได้ การสังเวยชีวิตผู้อื่นเพื่อรักษาชีวิตอีกผู้หนึ่ง ช่างมิสอดคล้องกับวิถีแห่งเต๋าที่ข้ายึดถือ"
กล่าวจบ เหมิงฉีประสานมือคารวะหยุนชิงเหยียน "ขอบพระคุณท่านชิงเหยียนสำหรับคำชี้แนะ แต่ข้าคงมิอาจทำตามได้ โปรดอภัยให้ข้าด้วย"
"เจ้าแน่ใจแล้วหรือ" หยุนชิงเหยียนเลิกคิ้วขึ้นอย่างเชื่องช้าและผ่อนคลาย "เจ้าย่อมรู้ดีว่าแม่ทัพหญิงผู้นี้กำลังจะบรรลุถึงขั้นตัดวิญญาณ แต่ทะเลปราณของนางกลับแตกสลาย หากเจ้าใช้ทะเลปราณของนางหลอมรวมกับกระทะวิญญาณทั้งห้า เจ้าก็จะได้อาวุธวิเศษกำเนิดอันทรงพลัง ในอีกหลายร้อยปีข้างหน้า จะไม่มีผู้ใดในยุทธภพเทียบเคียงเจ้าในวิชาแพทย์ได้"
"มิได้" เหมิงฉีส่ายหน้าอย่างหนักแน่น "ไม่ว่ากระทะวิญญาณทั้งห้าที่ข้าได้มานั้นจะทรงพลังเพียงใด มันก็มิอาจกลายเป็นอาวุธวิเศษกำเนิดของข้าได้"
สำหรับผู้บ่มเพาะในสามภพ อาวุธวิเศษกำเนิดคืออาวุธที่ใช้ตลอดชีวิตซึ่งเชื่อมโยงกับจิตวิญญาณ เพียงแค่คิดถึงการใช้กระทะวิญญาณทั้งห้าที่ได้มาด้วยวิธีเช่นนี้เป็นอาวุธวิเศษกำเนิด ทุกส่วนในร่างกายของเหมิงฉีก็ส่งเสียงร้องเตือน ยิ่งไปกว่านั้น เหมิงฉียังเชื่อมั่นว่า หากนางก่อกรรมอันโหดร้ายเช่นนี้ จิตใจแห่งเต๋าของนางย่อมถูกทำลาย และการบ่มเพาะของนางคงไม่อาจก้าวหน้าต่อไปได้
"ฮ่าฮ่า" หยุนชิงเหยียนหัวเราะเบา ๆ "เหมิงฉี แล้วสหายที่เจ้าต้องการช่วยชีวิตด้วยการหลอมกระทะวิญญาณทั้งห้าเล่า เจ้าจะยอมแพ้ปล่อยเรืองเขาไปเช่นนั้นหรือ?"
ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:ยักษาแปร ผู้แปลลงแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับผม หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิกกระซิก ;-;_