ตอนที่แล้วบทที่ 252 คำตอบมีเพียงหนึ่งเดียว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 254 เริ่มต้นออกเดินทางไปสนามม้า

บทที่ 253 ดูน่ากลัวเล็กน้อย


หลังจากออกจากจวนตระกูลซูแล้ว ซูเยี่ยก็มองไปรอบๆ แต่กลับไม่เห็นม้าที่เขาขี่มาก่อนหน้านี้แล้ว

เขารู้สึกขี้เกียจเกินกว่าจะกลับเข้าไปในจวนอีกครั้ง จึงตัดสินใจเดินกลับไปยังตระกูลซุน

แต่พอเดินไปได้ไม่ไกล ก็เห็นรถม้าคันหนึ่งแล่นมาทางเขา

"พี่ชาย"

ซูเล่อหยุนเปิดผ้าม่านและยิ้มแย้มมองมาที่ซูเยี่ย

ซูเยี่ยก็ยิ้มตอบกลับ เขากระโดดขึ้นไปบนรถม้าอย่างรวดเร็ว

"เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าอยู่ที่นี่"

"ข้าตั้งใจจะไปหาท่านที่วัง แต่เจอกับชิงอู่ระหว่างทาง เขาบอกว่าท่านถูกคนจากตระกูลซูพาตัวไป"

ซูเล่อหยุนส่งขนมชิ้นหนึ่งให้ซูเยี่ยและรินน้ำชาให้เขา

ซูเยี่ยหยิบขนมใส่ปาก เคี้ยวไม่กี่ครั้งแล้วกลืนลงไปอย่างง่ายดาย

แม้ว่าเขาจะกินอะไรบางอย่างในวังมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้กินมากนัก ตอนนี้ท้องเขายังรู้สึกหิวอยู่บ้าง

"ไม่แปลกใจเลย"

"ท่านแม่เตรียมอาหารไว้พร้อมแล้ว รอเพียงแค่ท่านกลับไป"

พี่น้องทั้งสองไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในตระกูลซู แต่ต่างก็รู้กันดีในใจ

เมื่อกลับถึงจวนตระกูลซุน ซูเยี่ยก็ได้กลิ่นหอมคุ้นเคย ทำให้ท้องของเขาร้องขึ้นมา

"เยี่ยเออร์"

ซุนเจียงหรูห็นซูเยี่ยเข้ามา นัยน์ตาของนางแดงเล็กน้อย แล้วรีบยกมือขึ้นปาดน้ำตา นางจูงซูเยี่ยไปนั่งที่โต๊ะ

"แผลของเจ้าหายดีแล้วหรือยัง"

“หายดีนานแล้วขอรับ แค่บาดแผลเล็กน้อยเอง”

ซูเยี่ยตอบอย่างสบายๆ เพื่อไม่ให้ซุนเจียงหรูเป็นกังวลเกินไป

เมื่อเห็นท่าทางที่ผ่อนคลายของเขา ซุนเจียงหรูก็โล่งใจตาม “ดีแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนเจ้าจะผอมลงมาก ช่วงนี้แม่จะต้องบำรุงเจ้าให้กลับมาแน่”

ระหว่างที่พูดอยู่ ผู้เฒ่าซุน พร้อมกับท่านลุงคนโตและป้าสะใภ้รองก็เดินเข้ามา

“ท่านตา”

ซูเยี่ยลุกขึ้นและเดินไปทำความเคารพซุนเส้า

เมื่อเห็นหลานชายที่มีใบหน้าเคร่งขรึมมากขึ้น ซุนเส้าก็ยกมือขึ้นตบไหล่ของซูเยี่ยเบาๆ

“ดีมาก ไม่เสียแรงที่เป็นหลานของข้า การต่อสู้ครั้งนี้เจ้าทำได้ดี”

“เยี่ยเอ๋อร์เก่งกว่าข้ากับน้องชายเมื่อสมัยก่อนเสียอีก” ซุนฉางผิงพูดเย้า แต่คำพูดนี้ก็ไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องล้อเล่น เพราะเขาและซุนเม้าไม่เคยเอาชนะพวกเติร์กได้ สุดท้ายทำได้แค่เสมอเท่านั้น

ซูเยี่ยเกาศีรษะอย่างเขินอาย “ท่านตา ท่านลุงใหญ่ ท่านล้อข้าเล่นแล้ว การศึกครั้งนี้ยังมีบุญของเหล่าทหารอีกมาก”

ซุนเส้าพยักหน้าอย่างพอใจ “เจ้าคิดเช่นนี้ ดีมาก”

กองทัพหนึ่งกองนั้น ต้องมีทั้งแม่ทัพและทหารมากมาย กองทัพจึงจะเกิดขึ้นได้ หากขาดแม่ทัพก็เหมือนทหารไร้ผู้นำ ขาดทหารก็เหมือนแม่ทัพโดดเดี่ยว จะรบไปได้อย่างไร! ทุกคนต่างนั่งลงที่โต๊ะอาหาร

“เยี่ย แล้วทำไมท่านลุงรองของเจ้าไม่กลับมาด้วย”

“ท่านป้าสะใภ้  ลุงรองงยังมีเรื่องต้องจัดการที่ภาคตะวันตกเฉียงเหนือขอรับ คงจะกลับมาช้าสักสองสามวัน”

ซุนอวี้เซวียนซ่อนตัวอยู่หลังฉินจื่อเยี่ยน โผล่หัวออกมามองซูเยี่ย

เมื่อซูเยี่ยจ้องมองกลับมา ซุนอวี้เซวียนก็รีบวิ่งไปหาซูเล่อหยุนทันที เขาดึงแขนเสื้อของนางแล้วถามเสียงเบาๆ “พี่เล่อหยุน นั่นคือพี่ซูเยี่ยใช่หรือไม่ขอรับ”

“ใช่แล้ว เจ้าตัวเล็ก เจ้าบอกว่าต้องการเจอพี่ซูเยี่ยไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่เข้าไปล่ะ”

ซูเล่อหยุนหัวเราะขณะที่มองการกระทำของซุนอวี้เซวียน

ซุนอวี้เซวียนขมวดคิ้ว “ท่านพี่ซูเยี่ยดูน่ากลัวเล็กน้อย เขาจะชอบข้าหรือเปล่าขอรับ”

“หืม”

ซูเล่อหยุนตกใจเล็กน้อย สงสัยว่าทำไมซุนอวี้เซวียนถึงคิดเช่นนั้น นางเงยหน้ามองซูเยี่ยและก็เข้าใจในทันที เพราะซูเยี่ยผอมลงมากและเมื่อเขาไม่ยิ้มก็ดูจริงจังมากขึ้น ทำให้ดูน่ากลัวเล็กน้อย

นางยิ้มแล้วดึงซุนอวี้เซวียนไปหา “พี่ชาย ท่านเดาดูสิว่าเขาคือใคร”

ซุนอวี้เซวียนที่ถูกเปิดเผยตัวต่อหน้าซูเยี่ยก็ยืนนิ่งสนิท แม้ว่าเขาจะเติบโตในภาคตะวันตกเฉียงเหนือและเคยเจอกับคนดุร้ายมาก่อน แต่ซูเยี่ยในฐานะพี่ชายของเขาก็ทำให้เขาตื่นเต้นอยู่ดี

ซูเยี่ยสังเกตเห็นซุนอวี่เซวียนมานานแล้ว ตอนนี้เมื่อได้จ้องมองชัดๆ ก็ยิ่งประหลาดใจ

“เจ้าเหมือนท่านลุงรองมากจริงๆ”

ขณะที่พูด ซูเยี่ยก็ย่อตัวลง มองซุนอวี้เซวียนด้วยความสงสัย ท่าทีดุดันก่อนหน้านี้หายไปในทันที

ซุนอวี้เซวียนดูเหมือนจะสังเกตเห็นเช่นกัน เขาเริ่มผ่อนคลาย และไม่นานนักพี่น้องสองคนก็เริ่มพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน

ทุกคนในบ้านเมื่อเห็นก็ต่างยิ้มไปด้วย

การสนทนาในครอบครัวดำเนินต่อไปจนถึงมื้อค่ำ หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ซูเล่อหยุนและซูเยี่ยก็พาซุนเจียงหรูกลับไปที่เรือนพักของนาง

"เยี่ย วันนี้ฝ่าบาทตรัสว่าอย่างไรบ้าง" ซุนเจียงหรูเอ่ยขึ้น พร้อมส่งสัญญาณให้ทั้งสองนั่งลง หลีมามาได้นำชาเข้ามาและรินชาให้ทุกคน

ใบหน้าของซูเยี่ยแสดงความเคร่งเครียด "ฝ่าบาทไม่ได้ตรัสอะไรมาก เพียงแค่ให้รางวัลตามธรรมเนียม"

"แต่เจ้าเป็นถึง 'ซานเจียง' (รองแม่ทัพ) แล้ว ถ้าหากได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นไปอีก..." ซุนเจียงหรูรู้สึกกังวล เพราะตำแหน่งซานเจียงเป็นตำแหน่งระดับสามแล้ว หากเลื่อนขั้นอีกก็จะเป็นระดับสามขั้นเต็ม ซูเยี่ยยังอายุแค่สิบเจ็ดปี แต่กลับมีตำแหน่งสูงถึงเพียงนี้ นางอดเป็นห่วงไม่ได้

"ท่านแม่ ฝ่าบาทไม่ได้เลื่อนตำแหน่งให้ข้าหรอก ท่านไม่ต้องกังวล"

ซูเยี่ยเข้าใจสถานการณ์ดี ในขณะที่จักรพรรดิเจี้ยนเหวินตรัสเรื่องการให้รางวัล เขาก็ปฏิเสธอย่างสุภาพ เพราะหลังจากตระกูลซุนและซูแตกหักกันไปแล้ว หากเขาได้เลื่อนตำแหน่งในช่วงนี้ ก็ย่อมดึงความสนใจของฝ่าบาทกลับมาที่ตระกูลซุนอีกครั้ง

ดั่งคำพูดที่ว่า กงเกาจั่นจู่ (ความดีความชอบมากเกินจนทำให้เจ้านายไม่พอใจ) ซุนเส้าได้สอนเขามานานแล้ว

แม้ว่าเขาจะไม่ฉลาดนัก แต่ก็เข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี

เมื่อได้ฟังเช่นนี้ ซุนเจียงหรูจึงรู้สึกโล่งใจขึ้น

"ท่านแม่ เรื่องของตระกูลซูมันจบลงแล้วหรือ"

ซูเยี่ยนึกถึงซูฉางชิงและเหวินอี้เยวี่ยที่ยังคงปลอดภัยดีอยู่ ก็รู้สึกงุนงงไม่น้อย หลักฐานทั้งหมดไม่สามารถทำร้ายพวกเขาได้เลยหรือ

ซุนเจียงหรูเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมจักรพรรดิเจี้ยนเหวินถึงลำเอียงเข้าข้างตระกูลซูเช่นนี้

"เรื่องนี้จบไปแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องไปยุ่งเกี่ยวกับพวกเขาอีก ตราบใดที่พวกเขาไม่มายุ่งกับเรา เราก็ไม่ต้องไปใส่ใจพวกเขา"

"อืม"

ซูเยี่ยตอบรับเบาๆ เมื่อเห็นว่าซุนเจียงหรูเริ่มมีท่าทางเหนื่อยล้า เขาจึงลุกขึ้นพร้อมกับซูเล่อหยุนและออกจากเรือน

เดินอยู่บนทางเดิน ซูเยี่ยหันไปมองซูเล่อหยุนที่ดูเงียบผิดปกติ จึงถามขึ้นว่า “เล่อหยุน เจ้าเงียบไปนะ มีอะไรหรือเปล่า”

ซูเล่อหยุนได้สติกลับมาและยิ้มบางๆ "ข้ากำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่"

ครู่หนึ่ง นางก็พูดขึ้นอีกว่า "พี่ใหญ่ ท่านคิดว่าเหตุใดฝ่าบาทถึงผ่อนผันกับตระกูลซูเช่นนี้"

"เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่แน่ใจ"

ซูเยี่ยส่ายหัวอย่างไม่มั่นใจ จิตใจของจักรพรรดิ เขาจะไปเข้าใจได้อย่างไร

แต่เขาสามารถจับความในคำพูดของซูเล่อหยุนได้

“เล่อหยุน เจ้าคงไม่อยากปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ ใช่หรือไม่”

“ใช่ ข้าไม่อยากให้จบลงง่ายๆ” ซูเล่อหยุนเม้มริมฝีปาก แต่ในตอนนี้นางกลับทำอะไรไม่ได้

แม้จะได้ชีวิตใหม่มาอีกครั้ง นางสามารถหลีกเลี่ยงบางเรื่องและเปลี่ยนแปลงบางอย่างได้ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับอำนาจ นางก็ยังคงไร้กำลัง

หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากองค์ชายจิ้น นางก็ทำอะไรไม่ได้เลย

“เล่อหยุน”

ซูเยี่ยเห็นสีหน้าที่เริ่มเศร้าหมองของซูเล่อหยุน เขารู้สึกปวดใจอย่างมาก

เขายื่นมือออกมากอดนางไว้ พร้อมปลอบโยนว่า “เล่อหยุน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พี่จะอยู่เคียงข้างเจ้าเสมอ เจ้าต้องการทำอะไร พี่จะสนับสนุนเจ้า”

เสียงที่อ่อนโยนดังเข้ามาในหู

คราวนี้ ภาพความทรงจำในอดีตของซูเล่อหยุนเริ่มเลือนลางออกไป นางค่อยๆ ตระหนักได้ว่าการยึดติดกับเรื่องราวในชาติก่อนนั้นไม่มีประโยชน์ สิ่งที่อยู่ตรงหน้าต่างหากที่เป็นความจริง ดวงตาของนางเริ่มชื้น ซูเล่อหยุนสะอื้นเล็กน้อยและกอดซูเยี่ยกลับ

ในอ้อมกอดที่อบอุ่นของพี่ชาย นางพูดเบาๆ ว่า “พี่ใหญ่ การที่ท่านพี่อยู่ตรงนี้...ช่างดีเหลือเกิน”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด