บทที่ 250 ขอยา
ทุกคนต่างหวาดกลัวกันถ้วนหน้า แต่ไม่มีใครกล้าขยับหรือส่งเสียงใดๆ เพราะกลัวว่าจะรบกวนซูเล่อหยุน
ซูเล่อหยุนเม้มริมฝีปาก ยกมือขึ้นจับดาวกระจายอีกครั้ง
ทันใดนั้น ซุนเหวินส่งเสียงครางด้วยความเจ็บปวด เมื่อซูเล่อหยุนดึงดาวกระจายออกมาได้
เลือดพุ่งออกมาไม่หยุด
ทหารสองคนเกือบจะกดตัวซุนเหวินไว้ไม่อยู่ โชคดีที่ไม่มีอะไรผิดพลาด
บนใบหน้าของซูเล่อหยุนมีเลือดกระเซ็นเล็กน้อย แต่นางไม่สนใจเรื่องนี้ รีบคว้าผ้าดิบมาปิดแผลไว้ทันที
“เหลียนซิน ช่วยกดไว้หน่อย”
“เจ้าค่ะ คุณหนู” เหลียนซินรับผ้าดิบมาปิดแผลแทนซูเล่อหยุน
มือของนางสั่นเล็กน้อย ใบหน้าซีดขาว นางไม่กล้าขยับตัวแม้แต่น้อย
ซูเล่อหยุนแทงเข็มฝังเข็มสองสามจุดลงบนตัวของซุนเหวิน จากนั้นส่งสัญญาณให้เหลียนซิน “เอาผ้าออกได้แล้ว”
เหลียนซินค่อยๆ ยกมือออก ผ้าชุ่มไปด้วยเลือด แต่แผลหยุดเลือดแล้ว
“โชคดีที่มันไม่ได้ทะลุหัวใจ” ซูเล่อหยุนกล่าวขณะที่ตรวจสอบแผล “หมอเทพหวังมารึยัง”
“มาแล้ว มาแล้วค่ะ คุณหนู หมอเทพหวังมาแล้ว!”
ชุ่ยหลิ่ววิ่งเข้ามาจากข้างนอก พร้อมกับหมอเทพหวังที่หอบหายใจตามมาด้วย
หมอเทพหวังพยายามจะทำความเคารพซูเล่อหยุน แต่นางยกมือห้ามไว้
“หมอเทพหวัง เชิญตรวจดูเถอะ” ซูเล่อหยุนถอยไปด้านข้างเพื่อให้หมอเทพหวังเข้ามาตรวจซุนเหวิน
เมื่อหมอเทพหวังจับชีพจรของซุนเหวิน เขาก็แสดงสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย จากนั้นจึงกล่าว
“ชีพจรของท่านนี้ถูกประคองไว้แล้ว แม้ยังมีพิษอยู่ แต่ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเย็บแผล”
“ถ้าเช่นนั้น ขอรบกวนหมอเทพหวังด้วย”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทุกคนในห้องจึงเริ่มผ่อนคลายลง
ซูเล่อหยุนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่อีกยังไม่ทันได้ผ่อนลมหายใจหมด หมอเทพหวังก็กล่าวต่อ
“เพียงแต่แผลนี้อยู่ใกล้กับหัวใจ ข้าคนเดียวเกรงว่าจะไม่มั่นใจนัก ไม่ทราบว่าใครเป็นคนที่ดึงดาวกระจายออก”
“หมอเทพหวังต้องการให้ช่วยอะไรหรือ” ซูเล่อหยุนถาม
แม้หมอเทพหวังจะประหลาดใจ แต่ก็ไม่ได้สงสัย “ข้าคงต้องรบกวนคุณหนูช่วยข้าอยู่ข้างๆ ด้วยแล้ว”
“ข้าเต็มใจช่วยทุกอย่าง”
ภายในห้อง เหลือเพียงหมอเทพหวังและซูเล่อหยุนที่ยังอยู่ ส่วนคนอื่นๆ ถูกขอให้ออกไป
ซูเล่อหยุนยืนอยู่ข้างๆ หมอเทพหวัง คอยช่วยเหลือในขั้นตอนต่างๆ
ตามที่หมอเทพหวังสั่ง นางโรยยาชาบนแผล จากนั้นเขาใช้เข็มที่เผาให้ร้อนเจาะผ่านเนื้อหนัง
แม้ว่าซุนเหวินจะหน้าซีดลงเรื่อยๆ แต่ก็ไม่แสดงอาการเจ็บปวดใดๆ
ซูเล่อหยุนคอยสังเกตสีหน้าของซุนเหวิน ในขณะที่นางทำตามคำแนะนำของหมอเทพหวังในการตัดเนื้อส่วนเกินรอบแผลออกไป
เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง
ที่ด้านนอกห้อง ซุนอู่ยืนอยู่หน้าประตูด้วยสีหน้าหนักใจ เขายืนตรงคอยรอฟังข่าวจากข้างใน
“พี่ซุน ท่านดื่มน้ำสักหน่อยเถอะ”
ชุ่ยหลิ่วส่งถ้วยชามาให้ซุนอู่
“ไม่ต้องหรอก”
ซุนอู่ส่ายหน้าและปฏิเสธ ชุ่ยหลิ่วถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะยื่นถ้วยชาให้เหลียนซินแทน
“เหลียนซิน ทำไมเจ้าไม่พูดอะไรเลยล่ะ”
เหลียนซินนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะรับถ้วยชามา “ก็ไม่รู้ว่าข้างในเป็นอย่างไรบ้าง…”
ทันทีที่นางพูดจบ ประตูก็ถูกเปิดออกจากด้านใน
หมอเทพหวังและซูเล่อหยุนก้าวออกมาจากห้อง ทั้งคู่มีสีหน้าสงบนิ่งเหมือนกัน
“คุณหนู” ซุนอู่และเหลียนซินเดินเข้ามาหาพร้อมกัน
หมอเทพหวังพยักหน้าให้ซูเล่อหยุนเล็กน้อยก่อนกล่าว
“ชายผู้นี้ หากสามารถผ่านพ้นสองวันนี้ไปได้ แผลที่หน้าอกก็ไม่น่าเป็นห่วงแล้ว แต่สำหรับพิษที่เขาได้รับ ข้าเองก็ช่วยไม่ได้”
“วันนี้ขอบคุณหมอเทพหวังมาก ชุ่ยหลิ่ว พาหมอเทพหวังกลับได้แล้ว” ซูเล่อหยุนสั่ง
ชุ่ยหลิ่วไม่ลังเล รีบเดินเข้ามาพาหมอเทพหวังออกไป
“แผลของซุนเหวินถูกเย็บเรียบร้อยแล้ว แต่พิษนั้น แม้แต่หมอเทพหวังก็ไม่สามารถถอนได้”
“คุณหนู ท่านเองก็แก้พิษไม่ได้หรือ” ซุนอู่ถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน หัวใจที่เพิ่งผ่อนคลายกลับเริ่มเต้นแรงอีกครั้ง
ซูเล่อหยุนขมวดคิ้วเล็กน้อยและส่ายหน้า
“ข้าเองก็ไม่สามารถแก้พิษนี้ได้ แต่ยาที่ข้าให้ซุนเหวินกินไปก่อนหน้านี้สามารถชะลอการออกฤทธิ์ของพิษได้ ตอนนี้เรายังมีเวลาอีกสองสามวันในการหาทางแก้พิษ”
“คุณหนู ท่านหมายความว่า...ท่านมีวิธีแล้วหรือ”
เหลียนซินกัดริมฝีปากด้วยความกังวลก่อนจะถามขึ้นด้วยเสียงสั่น
ซูเล่อหยุนมีวิธีอยู่ในใจ แต่ต้องไปขอความช่วยเหลือจากอาจารย์วั่งเฉิน อย่างไรก็ตาม นางไม่แน่ใจว่าอาจารย์จะยอมช่วยหรือไม่
เมื่อคิดได้ดังนั้น ซูเล่อหยุนถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “เรื่องนี้ข้าจะหาทางเอง ในอีกสองวันนี้ เจ้าดูแลซุนเหวินให้ดี”
“บ่าวเข้าใจแล้ว”
ซูเล่อหยุนกลับมาที่เรือน เปลี่ยนเสื้อผ้า ล้างมือล้างหน้าให้สะอาด ก่อนเดินเข้าไปในห้องแล้วเห็นซุนเจียงหรูนั่งอยู่ที่โต๊ะ
“ท่านแม่ ทำไมท่านถึงมาที่นี่”
“เรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้ เจ้าคิดว่าข้าจะไม่รู้ได้หรือ แล้วอาการของซุนเหวินเป็นอย่างไรบ้าง”
“ตอนนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วเจ้าค่ะ”
ซูเล่อหยุนรินน้ำชาให้ซุนเจียงหรู ก่อนนั่งลงข้างๆ
ซุนเจียงหรูจิบชาหนึ่งอึกแล้วถามอย่างสงสัย “เจ้าให้ซุนเหวินไปทำอะไร ถึงได้เกิดเรื่องขึ้นมา”
ซูเล่อหยุนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนตัดสินใจเล่าเรื่องทั้งหมดให้แม่ฟังอย่างตรงไปตรงมา
“คนต่างเผ่า? ลูกเอ๋ย เจ้าอย่าเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้อีกเลย” ซุนเจียงหรูเตือนด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ข้ารู้ว่าเจ้าหวังดี แต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเรา เจ้าไม่จำเป็นต้องไปเสี่ยง”
“ท่านแม่ ข้าก็คิดเช่นนั้น แต่ข้ารู้สึกว่าเรื่องนี้มีอะไรไม่ชอบมาพากล”
ซูเล่อหยุนขมวดคิ้ว แม้ว่าการที่มีคนต่างเผ่าปรากฏตัวในเมืองหลวงจะไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร
แต่การที่พวกเขาค้าขายมนุษย์อย่างลับๆ กลับทำให้นางรู้สึกแปลกใจ
คนต่างเผ่ารูปลักษณ์ไม่เหมือนชาวบ้านทั่วไป การค้าขายมนุษย์เป็นเรื่องร้ายแรง แต่ดูเหมือนว่าไม่มีใครสนใจ
อีกทั้ง...
ซูเล่อหยุนเม้มปากและมองสบตาท่านแม่ที่แสดงออกถึงความเป็นห่วงอย่างมาก ก่อนที่นางจะกล่าวว่า
“ท่านแม่ วางใจเถิด ลูกจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกแล้ว”
“เจ้านี่นะ...”
ซุนเจียงหรูถอนหายใจและส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
เวลาผ่านไปจนถึงค่ำคืน
เหลียนซินดูแลซูเล่อหยุนจนเข้านอน แต่นางดูเหม่อลอย
“เหลียนซิน”
ซูเล่อหยุนเรียกชื่อของนาง หลังจากนั้นพักใหญ่ เหลียนซินก็ได้สติ “คุณหนู มีอะไรหรือเจ้าคะ”
“ข้าต้องถามเจ้ามากกว่าว่าเจ้าเป็นอะไร”
ซูเล่อหยุนจ้องมองเหลียนซินอยู่สักพักก่อนจะถามขึ้น “เจ้ากำลังเป็นห่วงซุนเหวินอยู่ใช่หรือไม่”
ทันทีที่พูดจบ เหลียนซินก็ทรุดตัวลงคุกเข่าต่อหน้าซูเล่อหยุน “คุณหนู บ่าวรู้สึกผิด”
ซูเล่อหยุนรีบประคองนางขึ้น “เจ้าทำอะไรน่ะ ข้าไม่ได้โกรธเจ้า รีบลุกขึ้นเถอะ”
เหลียนซินรับคำอย่างเบาๆ แล้วลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินไปดับเทียนข้างเตียง “คุณหนู พักผ่อนเถิดเจ้าค่ะ”
“หากเจ้าเป็นห่วงซุนเหวิน พรุ่งนี้ก็ไปดูแลเขาเถอะ ข้ามีชุ่ยหลิ่วและจางมามาคอยดูแลอยู่แล้ว”
ซูเล่อหยุนสังเกตเห็นว่าเหลียนซินมีความรู้สึกบางอย่างต่อซุนเหวิน
แม้จะสงสัยว่าเหลียนซินเกิดความรู้สึกเช่นนั้นขึ้นมาได้อย่างไร แต่นางไม่ใช่คนที่จะขัดขวางความรัก
ยิ่งกว่านั้น ในชีวิตนี้และอดีตชาติ ทั้งเหลียนซินและชุ่ยหลิ่วล้วนซื่อสัตย์ต่อนางเสมอมา
หากเหลียนซินกับซุนเหวินมีวาสนาต่อกันจริง นางก็ยินดีที่จะช่วยให้ทั้งสองได้ลงเอยกัน