บทที่ 119 ห้องฟักไข่ไก่
เมื่อกลับถึงหมู่บ้าน โจวอี้หมินเห็นกลุ่มเด็ก ๆ กำลังไล่นกกระจอกกันอยู่
อย่าประมาทนกกระจอกเชียว หนึ่งถึงสองตัวจะไม่เท่าไหร่ แต่ถ้ามาเป็นฝูง กินธัญพืชในแต่ละวันก็เป็นจำนวนที่น่าตกใจเหมือนกัน
ได้ยินมาว่าบางที่นกกระจอกจะบินมาเต็มท้องฟ้าเลยทีเดียว
...
"อีกไม่นาน ข้าวสาลีก็จะเก็บเกี่ยวได้แล้ว" โจวต้าจงพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความดีใจ
แม้ว่าเขาจะเข้ามาทำงานในเมืองแล้ว แต่ก็ยังสนใจเรื่องราวในหมู่บ้านอยู่เสมอ
อย่างแรก ครอบครัวของเขาทั้งแม่ น้องชาย และน้องสาวก็ยังอยู่ในหมู่บ้าน และอีกอย่าง การที่มีลุงสิบหกเป็นแบบอย่าง แม้จะเข้ามาทำงานในเมือง แต่ทุกคนก็ยังไม่ตัดขาดจากหมู่บ้านโจวเจียจวง
พวกที่ออกไปแล้วไม่ติดต่อกับหมู่บ้านอีก คงจะทำให้ลุงสิบหกไม่พอใจ
จะทำให้ใครไม่พอใจก็ได้ แต่อย่าทำให้ลุงสิบหกไม่พอใจเลย!
"ลุงสิบหก!" กลุ่มเด็กๆ วิ่งเข้ามาหา
โจวอี้หมินชี้ไปที่หลัวไป่ต้าว "เขาเป็นคนเอาของกินมา วันนี้ไปหาของกินจากเขา"
"พี่ไป่ต้าว" เด็กๆ ที่ได้ยินว่าหลัวไป่ต้าวมีของกิน ก็พากันรุมล้อมและเรียกชื่อเขาอย่างกระตือรือร้น
หลัวไป่ต้าว: "..."
เรียกโจวอี้หมินว่าลุงสิบหก แต่เรียกเขาว่าพี่ชาย แบบนี้เขารู้สึกเหมือนลำดับญาติตัวเองลดลงอีกขั้น
เขารู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย
แต่ "น้อง ๆ" ก็ยังรออยู่ เขาเลยหยิบถุงขนมออกมาจากท้ายรถ
"มาๆเข้าแถวกันหน่อย ตัวเตี้ยอยู่ข้างหน้า" หลัวไป่ต้าวบอกเด็ก ๆ หลังจากนั้นก็แจกขนมให้แต่ละคนคนละชิ้น
ขนมที่แจกคือ "หมาฮัว" ซึ่งเป็นขนมทอดชนิดหนึ่ง ลักษณะเป็นเกลียว จึงเรียกอีกชื่อว่า "เกลียวทอง"
หมาฮัวที่มีชื่อเสียงที่สุดคือหมาฮัวจากเทียนจิน ที่มีกลิ่นหอม กรอบ หวาน เก็บไว้ในที่แห้งและอากาศถ่ายเทได้หลายเดือนโดยไม่เสียรสชาติ ไม่เหนียวและไม่ขึ้นรา
ในยุคที่ขาดแคลนอาหาร ขนมหมาฮัวมีคุณค่าสูงมากในใจเด็กๆ เทียบได้กับขนมขบเคี้ยวอย่าง "ล่าเถียว" ในยุคหลัง
หลัวไป่ต้าวก็ได้สนุกกับการเป็นพี่ใหญ่อีกครั้ง
โจวจื้อหมิงและคนอื่น ๆ ช่วยกันยกท่อระบายน้ำและของอื่น ๆ ลงจากรถและย้ายไปไว้ข้าง ๆ
"นี่มันอะไรอีกล่ะ?" โจวจื้อหมิงงงเล็กน้อย
"กองนี้ไว้ทำห้องน้ำ ส่วนกองนั้นไว้สร้างห้องฟักไข่ไก่" โจวอี้หมินอธิบาย
คนที่มาช่วยสร้างบ้านให้โจวอี้หมินต่างพากันงงงวย
ห้องฟักไข่ไก่? นี่มันอะไรกัน?
เมื่อเห็นว่าทุกคนมีท่าทีสงสัย โจวอี้หมินจึงอธิบาย "อธิบายง่าย ๆ ก็คือเป็นเครื่องฟักไข่และห้องที่ใช้ฟักไข่ออกมาเป็นลูกไก่ หมู่บ้านเราไม่มีไฟฟ้า ฉันเลยตั้งใจจะสร้างห้องฟักไข่ด้วยมือ"
"อะไรนะ! ทำแบบนั้นได้ด้วยเหรอ?" ทุกคนต่างตกตะลึง
ความเชื่อเดิม ๆ ที่เคยมีคือแม่ไก่เท่านั้นที่สามารถฟักไข่ได้ การได้ยินว่ามีการฟักไข่ด้วยมือทำให้พวกเขารู้สึกตกตะลึงอย่างมาก
"ทำได้ และยังมีอัตราสำเร็จสูงกว่าแม่ไก่ด้วย อีกทั้งยังฟักได้เร็วกว่า" โจวอี้หมินกล่าว
เขาไม่ได้พูดเกินจริง
แม่ไก่ฟักไข่ก็มักจะต้องลุกออกไปบ้าง ซึ่งย่อมส่งผลต่อประสิทธิภาพการฟัก อีกทั้งแม่ไก่เองก็ไม่รู้ว่าไข่ฟองไหนมีคุณภาพดี ฟองไหนเสีย หรือฟองไหนไม่ได้รับการผสมพันธุ์
"พูดให้เข้าใจง่าย ๆ การฟักไข่ก็แค่ต้องควบคุมสองปัจจัย หนึ่งคืออุณหภูมิ ซึ่งเราจะเลียนแบบอุณหภูมิที่แม่ไก่ใช้ฟักไข่ สองคือการระบายอากาศ"
"บางคนอาจไม่รู้ว่าไข่ก็ต้องการหายใจเหมือนกับคนเรา"
หลังจากพูดจบ โจวอี้หมินก็เห็นว่าทุกคนยังคงมีสีหน้าสงสัย เขาจึงไม่อธิบายต่อ
"พอแล้ว ถ้าไม่เข้าใจก็ทำตามที่ฉันบอก แล้วลูกไก่จะออกมาเอง ไม่ต้องกังวล" โจวอี้หมินกล่าว
เมื่อได้ยินแบบนี้ ทุกคนก็เลิกถามต่อ
พวกเขารู้ว่าตัวเองคงเข้าใจไม่ได้จริง ๆ การอธิบายไปก็ไร้ประโยชน์ พวกเขาต้องเห็นกับตาว่าสามารถฟักลูกไก่โดยไม่ต้องใช้แม่ไก่ได้จริง ๆ ถึงจะเชื่อ
นอกจากนี้ โจวอี้หมินเป็นคนมีความรู้ ย่อมมีความรู้มากกว่าพวกเขาเยอะ
บางทีเขาอาจจะมีวิธีฟักลูกไก่โดยไม่ใช้แม่ไก่จริง ๆ ก็ได้
เหมือนกับเตาแสงอาทิตย์ที่ไม่ต้องใช้ฟืน ก็สามารถต้มน้ำให้เดือดได้
และบ่อบาดาลที่เพียงแค่หมุนไม่กี่ครั้งน้ำก็ผุดขึ้นมาจากใต้ดินแล้ว หากเป็นเมื่อเดือนก่อน ถ้ามีใครบอกเรื่องนี้กับพวกเขา พวกเขาคงคิดว่าคนนั้นบ้าไปแล้ว
เมื่อกลับเข้าบ้าน โจวอี้หมินก็หิ้วข้าวจากร้าน 1 หยวนที่ซื้อมาเข้ามาในบ้าน
“ที่บ้านยังมีของกินอีกเยอะนะ!” ย่าพูดพร้อมยิ้มให้โจวอี้หมิน
หลานชายกลัวว่าพวกเขาจะไม่มีของกินดี ๆ เลยขนพวกข้าวสาร เนื้อ และน้ำมันมาบ้านอยู่เรื่อย ๆ
“ย่า! ข้าวคราวนี้ไม่เหมือนเดิมนะ ได้ยินมาว่าสมัยก่อนนี่เป็นข้าวที่ถวายให้กับราชวงศ์ คนในวังถึงจะได้กิน คราวนี้เราลองกินดูบ้าง”
เมื่อย่าได้ยินก็อดไม่ได้ที่จะเข้ามาใกล้และหยิบข้าวขึ้นมาหนึ่งกำมือมาดู
พอเห็นก็พยักหน้า “อืม! เป็นข้าวคุณภาพดีที่หาดูได้ยากจริง ๆ”
ส่วนจะใช่ข้าวที่ถวายราชวงศ์หรือไม่นั้นเธอไม่รู้และไม่เคยเห็น แต่เรื่องคุณภาพของข้าวดีไม่ดี เธอรู้ได้ทันทีจากการดูและสัมผัส
ไม่นานนัก หัวหน้าหมู่บ้านและคนอื่น ๆ ก็ได้ยินข่าวและพากันมาหา
“ห้องฟักไข่ไก่? ทำยังไง?” หัวหน้าหมู่บ้านก็ประหลาดใจเช่นกัน
ถ้าไม่ใช่โจวอี้หมินเป็นคนพูด เขาคงไม่เชื่อแน่ ๆ
ก่อนหน้านี้ พวกเขาคิดว่าโจวอี้หมินจะหาลูกไก่มาเลี้ยง ที่ไหนได้ ลูกไก่กลับเป็นการฟักขึ้นมาเอง
“พวกนายสร้างห้องขึ้นมาก่อน ไม่ต้องใหญ่มาก สักสองสามตารางเมตรก็พอ เดี๋ยวรายละเอียดที่เหลือฉันจะจัดการเอง หลังจากนั้น พวกนายก็แค่ทำตามที่ฉันบอกและให้ความร้อนแก่ห้องฟักไข่” โจวอี้หมินพูด
เขาจะติดตั้งท่อน้ำร้อนไว้ในห้องฟักไข่ แค่ต้มน้ำร้อนก็จะให้ความร้อนแก่ห้องได้แล้ว
การติดตั้งท่อน้ำร้อนเป็นวิธีที่ควบคุมอุณหภูมิได้ง่ายที่สุด โจวอี้หมินจึงเลือกใช้วิธีนี้
“ได้เลย ถ้ามีอะไรต้องการก็บอกจื้อหมิงเขาไป ฉันจะให้เขารับผิดชอบห้องฟักไข่นี้ แล้วจะสอนเขาวิธีทำงานด้วย” หัวหน้าหมู่บ้านมอบหมายหน้าที่ให้
หัวหน้าหมู่บ้านเองก็รู้ตัวดีว่าตามไม่ทันยุคสมัยแล้ว โดยเฉพาะเรื่องความคิดของเขา
เช่นความคิดบางอย่างของโจวอี้หมิน ที่เขาไม่เคยคิดว่าจะเป็นไปได้ แต่โจวอี้หมินกลับคิดและทำให้มันเกิดขึ้นจริง
ด้วยเหตุนี้ หัวหน้าหมู่บ้านจึงเริ่มมอบหมายงานและพยายามฝึกคนหนุ่มในหมู่บ้านให้ทำงานร่วมกับโจวอี้หมินมากขึ้น
เช่นโครงการเหล่านี้ เขาก็มักจะมอบหมายให้คนหนึ่งเป็นผู้รับผิดชอบ จากนั้นให้พวกเขามารายงานกับโจวอี้หมินและทำตามที่โจวอี้หมินบอก
“ได้เลย ง่ายมากครับ” โจวอี้หมินพยักหน้า
“งั้นฉันขอไปจัดการงานห้องน้ำที่ค้างไว้ก่อน” โจวจื้อหมิงรู้สึกว่าภาระงานของเขาเริ่มหนักขึ้นแล้ว
(จบบท)