ตอนที่แล้วตอนที่ 56 ระฆังบุญ อาวุธป้องกันขั้นสูงสุด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 58 ฉันขอแนะนำให้ไปเชิญผู้ฝึกฝนอมตะมาช่วยจัดการ

ตอนที่ 57 งูเหลือมสองหัว  


ตอนที่ 57 งูเหลือมสองหัว

บนดาวเคราะห์โลกาวินาศ ณ โรงแรมห่าวไท่...เมืองตงหู

ฉู่เสวียนได้กลับมายังสถานที่ที่คุ้นเคยแห่งนี้อีกครั้ง สถานที่ที่เขาปรากฏตัวออกมายังคงเป็นดาดฟ้าเช่นเคย  เพราะฉู่เสวียนรู้สึกว่ามุมมองของดาดฟ้านั้นกว้าง เขาจึงมักจะอาศัยอยู่บนดาดฟ้าแทนที่จะอยู่ในห้องพักของโรงแรม

ทันทีที่เขาปรากฏตัวขึ้นมา เขาก็ได้ยินเสียงเสี่ยวหู่คำรามด้วยความดีใจ หลังจากนั้นไม่นานร่างที่สง่างามและกำยำก็พุ่งเข้ามาหาเขาราวกับรถถัง ในพริบตา ร่างนั้นก็มาอยู่ตรงหน้าของฉู่เสวียน

หัวใหญ่ยังคงถูไปมาบนตัวของฉู่เสวียนราวกับแมวเวลาที่เจอเจ้าของ  แม้ว่ามันจะดูแปลกๆสำหรับคนภายนอก แต่นี่คือวิธีที่ศพหยินแสดงความรักต่อเจ้านายของมัน

ฉู่เสวียนยิ้มและพยักหน้าอย่างพอใจ "เจ้าเป็นยังไงบ้างในขณะที่ข้าไม่อยู่?"

"โฮ่โฮ่โฮ่!" เสี่ยวหู่อธิบายออกมาโดยใช้มือประกอบท่าทางไปด้วย บ้างก็ชี้ไปทางทิศตะวันออก บ้างก็ชี้ไปทางทิศตะวันตกบางครั้งเขาก็กระโดดและบางครั้งเขาก็ทำท่าวิ่ง เรียกว่าบุคคลที่แสดงอารมณ์และเต้นรำด้วยความยินดี

แน่นอนว่าฉู่เสวียนไม่มีทางเข้าใจสิ่งที่เสี่ยวหู่แสดงออกมา แต่เขาก็สามารถรู้ได้ผ่านความคิดที่เสี่ยวหู่ถ่ายทอดออกมา  จากการเชื่อมโยงจิตวิญญาณของเขากับเสี่ยวหู่เป็นหลัก

“อย่างที่ข้าคาดไว้ ทุกอย่างยังดูปกติ  แต่อาจมีเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เกิดขึ้น” ฉูเสวียนพยักหน้าเล็กน้อย

เขารู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทันที จากความคิดที่เสี่ยวหู่ส่งต่อมาให้เขา

มีงูเหลือมสองหัวปรากฏตัวขึ้นในทะเลสาบทางตะวันออก  มันมีลำตัวที่ยาวมากกว่า 20 เมตร จึงได้กลายเป็นเจ้าถิ่นของสถานที่แห่งนั้นไปในทันที

สิ่งมีชีวิตพิเศษมากมายที่อาศัยอยู่รอบๆบริเวณนั้น ต่างถูกงูเหลือมสองหัวฆ่าตายไปหมด

ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา มันได้ออกอาลาวาดไปทั่วเมืองตรงหู และสร้างหายนะให้กับเมืองตงหูอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

จนบริษัทรักษาความปลอดภัยเฮยเฟิงต้องประสบกับความสูญเสียอย่างหนักและต้องขอความช่วยเหลือจากกองทัพหลินเจียง

แต่งูเหลือมสองหัวนั้นก็ยังไม่หยุด มันยังคงเลื้อยเข้ามาในค่ายกลยึดวิญญาณปีศาจหยินที่ฉู่เสวียนได้ตั้งเอาไว้ก่อนหน้า

อย่างไรก็ตาม หลังจากเข้ามาได้ครู่หนึ่ง มันก็รีบเลื่อยออกมาอย่างรวดเร็วและดูเหมือนว่าพลังวิญญาณของมันก็จะได้รับผลกระทบเล็กน้อย เสี่ยวหู่ยังได้ต่อสู้กับงูเหลือมสองหัวและทุบตีมันอย่างรุนแรง ซึ่งก่อนที่มันจะได้หลบหนีไปได้ หางของมันก็ถูกพวกเขาตัดออกจนขาด

ตอนนี้ไม่รู้ว่ามันได้หลบหนีไปอยู่ในหลงเจียงหรือซ่อนตัวอยู่ในส่วนลึกของทะเลสาบตะวันออกเพื่อพักฟื้นกันแน่

และขณะนี้กองทัพหลินเจียงก็ได้ส่งกำลังหลายร้อยนายมายังเมืองตงหูเพื่อค้นหาร่องรอยของงูเหลือมสองหัวในน่านน้ำต่างๆ

เสี่ยวหู่และเสี่ยวเป้าก็ได้พบกับงูเหลือสองหัวเป็นครั้งคราว แต่มันก็หายตัวไปอย่างรวดเร็วด้วยความหวาดกลัว

ทว่าความแข็งแกร่งของทหารหลินเจียงเหล่านั้นต่ำมาก จนถึงตอนนี้พวกเขาก็ยังไม่พบร่องรอยของงูเหลือสองหัวเเลย

ฉู่เสวียนที่ได้ฟังก็เกิดสนใจงูเหลือมสองหัวนี้ขึ้นมาทันที

สิ่งมีชีวิตพิเศษของดาวเคราะห์โลกาวินาศแห่งนี้ดูเหมือนจะแตกต่างจากอสูรของทวีปชางเสวียนเป็นอย่างมาก

หากอสูรธรรมดาบุกเข้าไปในค่ายกลยึดวิญญาณปีศาจหยินที่เขาสร้างขึ้น พวกมันก็จะกลายเป็นสารอาหารสำหรับค่ายกลนี้ไปในทันที

แต่งูเหลือมสองหัวที่เข้ามาในค่ายกลแห่งนี้สักครู่หนึ่ง  มันยังสามารถกลับออกไปได้ทั้งที่ยังมีชีวิต

สิ่งนี้ทำให้เขาประหลาดใจเป็นอย่างมาก คาดว่าอาจมีบางอย่างแปลก ๆ เกี่ยวกับพลังวิญญาณของมัน

หากว่าดึงวิญญาณดิบของมันออกมาได้ ก็อาจจะใช้เป็นจิตวิญญาณหลักของค่ายกลได้

อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน

เนื่องจากกองทัพหลินเจียงยังไม่ได้ถอนตัวออกจากเมืองตงหู นั่นก็หมายความว่างูเหลือมสองหัวยังคงอยู่ในเมืองตงหู

ไม่ว่างูเหลือมสองหัวตัวนี้จะทรงพลังแค่ไหน มันจะแข็งแกร่งกว่าผู้บำเพ็ญที่อยู่ในช่วงสร้างรากฐานได้อย่างไร?

ว่างเมื่อไหร่ก็ค่อยไปจัดเก็บมัน เพราะไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนอะไร

“แล้วเสี่ยวเป้าอยู่ที่ไหน” ฉู่เสวียนถามออกมาอย่างไม่ใส่ใจ

“โฮ่ โฮ่ โฮ!” เสี่ยวหู่ชี้ไปทางทิศเหนือ

ฉู่เสวียนพยักหน้า จากนั้นเสี่ยวหู่ก็บอกว่าเสี่ยวเป้ากำลังออกไปหาอาหาร

เพราะซอมบี้ทุกตัวในเมืองตงหูแห่งนี้ได้ตายไปในค่ายกลยึดวิญญาณปีศาจหยินหมดแล้ว

ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมานี้ แม้ว่าจะมีซอมบี้ตัวอื่นๆ จากเมืองรอบๆเดินเข้ามาในเมืองตงหูบ้าง แต่จำนวนก็ค่อนข้างน้อย

เสี่ยวหู่และเสี่ยวเป้าจึงต้องเดินทางไปยังเมืองใกล้เคียง เช่น เมืองซวงหลง เพื่อหาอาหาร

ซึ่งฉู่เสวียนก็มั่นใจในความแข็งแกร่งของพวกเขาอยู่แล้ว  แต่สิ่งที่เขาต้องกังวลขณะที่ทำการบ่มเพาะคือ ซอมบี้ระดับสูงที่อยู่ในเมืองแห่งนี้มากกว่า

“เจ้ามายืนปกป้องข้าอยู่ตรงนี้” ฉู่เสวียนกล่าวอย่างไม่เป็นทางการ

“โฮ่ โฮ!”เสี่ยวหู่ทุบหน้าอกของเขาอย่างแรงด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

จากนั้นฉู่เสวียนก็นั่งขัดสมาธิและเริ่มทำการบ่มเพาะเทคนิคแมลงกู่ของเขาทันที

ตาม "ตำราคู่มือการเลี้ยงแมลงกู่" จำเป็นต้องมีเงื่อนไขสองประการในการบ่มเพาะเทคนิคแมลงกู่

ขั้นแรกคือให้สร้างถุงหนอนโลหิต

ขั้นตอนที่สอง ต้องให้อาหารแก่แมลงกู่ด้วยสารอาหารจากเลือดของผู้เลี้ยง

ตอนนี้เขาก็ได้สร้างถุงหนอนโลหิตขึ้นมาสำเร็จแล้ว

สิ่งที่ฉู่เสวียนต้องทำต่อไปคือให้การให้แก่นโลหิตของเขากับแมลงกู่

"เส้นลวดโลหิต ออกมาได้" ฉู่เสวียนเรียกเส้นลวดโลหิตเบาๆ

ในตอนนั้นรอยบากบนฝ่ามือของเขาก็ปรากฏขึ้น

เส้นลวดโลหิตได้เลื่อยออกมาคลอเคลียไปตามแขนของเขาอย่างรวดเร็ว

ฉู่เสวียนบีบเลือดสามหยดออกจากหัวใจของเขา ส่งผลให้ใบหน้าของเขาซีดเซียวลงทันที

ราวกับได้กลิ่นหอมที่เย้ายวนของอาหาร  เส้นลวดโลหิตก็รีบเข้ามาใกล้และกลืนกินแก่นโลหิตของฉู่เสวียนลงไปอย่างรวดเร็ว

"ห๊ะ... ความเร็วในการผลิตแก่นโลหิตของข้านั้นช้ามาก โดยเฉลี่ยแล้วคาดว่าจะต้องใช้เวลาสามวันในการผลิตแก่นโลหิตออกมาได้หนึ่งหยด" ฉู่เสวียนส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่สามารถให้แก่นโลหิตของเขากับเส้นลวดโลหิตจำนวนมากในคราวเดียวได้ ไม่อย่างนั้นเส้นลวดโลหิตจะกินมันจนหมดในคราวเดียว

พริบตาเดียวก็ผ่านไปหนึ่งเดือน...

แก่นโลหิตหนึ่งหยดต้องใช้เวลาในการผลิตถึง 3 วัน บวกกับแก่นโลหิตสามหยดในวันแรก จนถึงตอนนี้ฉู่เสวียนได้ป้อนแก่นโลหิตให้กับเส้นเลือดโลหิตไปทั้งหมด

ส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเส้นลวดโลหิตเริ่มใกล้ชิดกันมากขึ้นเรื่อยๆ

จนวันสุดท้าย.

เมื่อเขาได้ป้อนแก่นโลหิตหยดที่ 14 ให้กับเส้นเลือดโลหิต  ทันใดนั้นฉู่เสวียนก็รู้สึกสดชื่นขึ้นอย่างบอกไม่ถูก

เส้นลวดโลหิตก็เหมือนกับส่วนหนึ่งในร่างกายของเขา ทันทีที่เขาคิด เส้นลวดโลหิตก็จะรู้ว่ามันต้องทำอะไร

มันใช้งานได้เหมือนกับแขนขาอีกข้างจริงๆ ของฉู่เสวียนเลย !ด้วยวิธีนี้ก็ถือว่าเขาสามารถบ่มเพาะเทคนิคแมลงกู่ได้อย่างสมบูรณ์ และมันก็ส่งผลให้ประสิทธิภาพการต่อสู้ของเส้นลวดโลหิตเพิ่มขึ้นอย่างมาก

โอกาสที่มันจะย้อนกัดเจ้าของก็จะลดลงอย่างมาก

อย่างไรก็ตามเมื่อเส้นลวดโลหิตได้รับบาดเจ็บ ฉู่เสวียนก็จะรู้สึกเหมือนกับเส้นเลือดโลหิต และจะได้รับบาดเจ็บสาหัสไปด้วย

เช่นเดียวกับที่วันนั้น ตอนที่แม่หนอนกินสมองของอู๋เถิงถูกฮุยคงฆ่าตาย อู๋เถิงก็ถึงกับเป็นลมล้มหงายไปในทันที

ฉู่เสวียนเอามือลูบเส้นลวดโลหิตเบา ๆ และยิ้มออกมาด้วยสีหน้าพึงพอใจ

“ข้าตัดสินใจถูกต้องแล้ว เนื่องจากว่าการบ่มเพาะเทคนิคแมลงกู่นั้นใช้เวลานานเกินไป  และไม่สามารถบ่มเพาะได้ในทวีปชางเสวียน”

“แต่น่าเสียดายที่ไข่ของเจ้าที่ถูกฝังไว้ในร่างกายของข้าก่อนหน้านี้ ไม่เพียงแต่ไม่ฟักออกมาเท่านั้น แต่มันยังฟ่อลงไปอีกด้วย ”

เหตุการณ์นี้ถือว่าค่อนข้างน่าเศร้า  คาดว่าคงมีบางอย่างผิดปกติกับไข่นั่น  เพราะหลังจากที่เขาฝังมันไปหนึ่งถึงสองเดือน มันก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

"แมลงกู่ตัวต่อไปของข้าจะต้องเปลี่ยนเป็นสายพันธุ์อื่น  บางทีข้าอาจจะผสมพันธุ์เส้นลวดโลหิตกับแมลงกู่ชนิดอื่นที่ทรงพลังกว่า เพื่อที่จะได้ออกไข่มาให้ข้าหลายๆใบ นี่ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งเช่นกัน"

ฉู่เสวียนที่ศึกษาตำราคู่มือการเลี้ยงแมลงกู่มาได้สักระยะหนึ่ง ก็เริ่มเข้าใจการผสมพันธ์แมลงกู่มากยิ่งขึ้น

และยังรู้ด้วยว่าสายเลือดแมลงกู่พื้นเมืองนั้นเหนือกว่าสายเลือดของเส้นลวดโลหิตธรรมดามาก

หากว่าเอามาผสมพันธ์กัน ลูกที่ฟักออกมาจะกลายเป็นเส้นลวดโลหิตโลหิตกลายพันธุ์

แต่แน่นอนว่าการออกไข่ของแมลงกู่ที่ผสมพันธ์กันนั้นไม่ค่อยเสถียร ไม่ต่างจากเปิดกล่องสุ่ม

หากว่าผสมพันธ์ไม่สำเร็จ ก็จะได้ไข่ฟ่อมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งไม่ต่างกับเสียพลังงานและเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์เลย

“เกือบเสร็จแล้ว เสี่ยวหู่ ไปเดินเล่นดูว่าตอนนี้งูเหลือมสองหัวอยู่ที่ไหนกันดีกว่า” ฉู่เสวียนใช้พลังวิญญาณของเขาปัดฝุ่นบนร่างกายออกไป

“โฮ่!” เสี่ยวหู่ตะโกนอย่างมีความสุข  เดือนนี้นอกเหนือจากการหาอาหารทุกวันแล้ว เขาก็ไม่ได้ออกไปไหนนอกจากมายืนเฝ้าอยู่ข้างๆ ฉู่เสวียนในทุกย่างก้าว เขาดีใจเป็นอย่างมากที่เจ้านายต้องการเขา

แต่เห็นได้ชัดว่าเสี่ยวเป้าที่อยู่ข้างๆ มีสีหน้าไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ และไม่กล้าคำรามออกมามากนัก

เสี่ยวเป่าคร่ำครวญออกมาสองสามครั้งด้วยความคับข้องใจ ราวกับว่าเขายอมรับความผิดพลาดของเขา

ฉู่เสวียนยิ้มและตบหัวพวกเขา

เขาได้เห็นความภักดีของเสี่ยวหู่แล้ว และตอนนี้ก็อยากเห็นความภักดีของเสี่ยวเป้าบ้าง

"เสี่ยวเป้า มาเดินเล่นกับข้าหน่อยสิ"

"โฮ่ โฮ่!" ทั้งเสี่ยวหู่และเสี่ยวเป้าคำรามออกมาอย่างตื่นเต้น

ฉู่เสวียนได้นำพวกเขาใส่เข้าไปในหอเลี้ยงศพ ก่อนจะหยิบดาบบังเหินเทียนกังออกมา และทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าทันที

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด