ตอนที่แล้วบทที่ 95: เก็บผลไม้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 97: เจอความอยุติธรรม

บทที่ 96: หอไป่เฉ่า


หลังจากที่มู่ไป๋ไป่ได้รับอนุญาตจากไทเฮาแล้ว เธอก็พาหลัวเซียวเซียว, จื่อเฟิง และองครักษ์ 2 คนลงจากภูเขา

เธอได้จงใจเอาเสื้อผ้าของคนธรรมดามาสวมใส่ แต่ของพวกนี้ก็ยังมาจากในวังหลวง ผ้าและฝีเย็บจึงมีคุณภาพที่ดีเยี่ยม หากสังเกตให้ดี ๆ ก็ยังบ่งบอกได้ว่าตัวตนของเธอนั้นไม่ธรรมดา

“เซียวเซียว เรามาทำธุระสำคัญให้เสร็จกันดีกว่า แล้วไปหาของอร่อย ๆ กินกัน” มู่ไป๋ไป่พูดถึงเรื่องนี้แล้วก็รู้สึกน้ำลายไหล “อยู่ที่วัดฮู่กั๋วข้าได้กินแต่ผักกาดกับหัวไชเท้าทุกวันเลย ตอนนี้ทุกอย่างในชีวิตของข้าดูจืดชืดจนไม่สามารถเติมรสชาติอื่นได้แล้ว”

“เพคะ” หลัวเซียวเซียวเดินตามมู่ไป๋ไป่ไปด้วยรอยยิ้ม “วันนี้องค์หญิงจะสามารถกินอะไรก็ได้ตามต้องการเลยเพคะ”

“ทำไมเจ้าถึงเอาแต่เรียกข้าว่าองค์หญิง?” คนตัวเล็กบิดแขนสหายตัวน้อยแล้วกระซิบว่า “ข้าบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือว่าหากไม่ได้อยู่ในวังหลวงให้เจ้าเรียกข้าว่าคุณหนู ไม่เช่นนั้นทุกคนก็รู้หมดว่าข้าเป็นใคร จะเป็นอย่างไรถ้าเราบังเอิญไปพบคนเลวเข้า?”

ยิ่งไปกว่านั้นองค์หญิงลำดับที่ 6 แห่งแคว้นเป่ยหลงยังออกมาเร่ขายยาวิเศษอยู่ในตลาด ถ้าเรื่องนี้ถูกแพร่งพรายออกไป มันคงทำให้เธอต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง

“เซียวเซียวขอโทษ เซียวเซียวประมาทเลินเล่อเอง” เด็กหญิงปิดปากตัวเองพลางยิ้มเจื่อน ๆ ขอโทษ “ท่านอย่าได้กังวลไปเลย เซียวเซียวจะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีกเจ้าค่ะ”

มู่ไป๋ไป่พยักหน้าอย่างพึงพอใจ จากนั้นก็หันกลับไปสั่งองครักษ์ทั้ง 2 ที่อยู่ข้างหลังตน

สำหรับจื่อเฟิง… อย่างไรเขาก็พูดไม่ได้ ดังนั้นเด็กหญิงจึงไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเขาเลย

ก่อนหน้านี้มู่ไป๋ไป่ได้ถามขันทีที่รับผิดชอบการจัดซื้อของจากตลาดและพบว่าผู้ค้าสมุนไพรรายใหญ่ที่สุดในเมืองหลวงก็คือร้านขายยาที่ชื่อหอไป่เฉ่า

จากข่าวที่ได้รับบอกว่าหอไป่เฉ่ามีอิทธิพลมาก นอกจากพวกเขาจะมีอำนาจและการเงินที่แข็งแกร่งแล้ว พวกเขายังมีกลยุทธ์การค้าขายที่ยอดเยี่ยม ในเวลาเพียงไม่กี่ปี พวกเขาได้เปิดหอไป่เฉ่าทั่วแคว้นเป่ยหลงและเกือบจะผูกขาดการซื้อขายสมุนไพรทั้งหมดในแคว้นแห่งนี้

มู่ไป๋ไป่คิดว่าการทำธุรกิจที่ดีย่อมหมายถึงการทำการค้ากับคนที่ร่ำรวยที่สุด เธอจึงเลือกหอไป่เฉ่าเป็นสถานที่แรก

หอไป่เฉ่าตั้งอยู่ในเมืองหลวงที่พลุกพล่าน รูปแบบการจัดร้านแตกต่างจากร้านขายยาทั่วไป เพราะที่นี่ดูมีระดับ ถ้าไม่บอกก็แทบจะไม่รู้เลยว่ามันคือร้านขายยา

“คุณหนู ท่านต้องการให้รับใช้อันใดขอรับ?”

ตอนที่เถ้าแก่เห็นมู่ไป๋ไป่เดินเข้ามา เขาไม่ได้สนใจเธอเลยเพราะเห็นว่าเธอยังเด็ก แต่ก็ยังคงต้อนรับเธออย่างสุภาพ

“ทางร้านของเรามีสมุนไพรให้เลือกสรรมากมาย คุณหนูสนใจจะซื้อแบบปลีกหรือแบบจำนวนเยอะ ๆ ก็ได้ พวกเรายินดีให้บริการทั้งสิ้นขอรับ”

เด็กหญิงมองไปรอบ ๆ และแอบคิดในใจว่า

สมแล้วที่เป็นร้านมีระดับ การบริการของพนักงานค่อนข้างดีเลยทีเดียว

ต่อมา เธอเอามือไพล่หลังและแสร้งทำเป็นเดินไปรอบ ๆ ร้าน จากนั้นก็เดินไปหาเถ้าแก่แล้วเงยหน้าขึ้นพูดว่า “ข้าอยากจะถามท่านว่าที่นี่รับซื้อสมุนไพรหรือไม่?”

เถ้าแก่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “รับก็รับอยู่ขอรับ อย่างไรก็ตาม ร้านเล็ก ๆ ของข้าน้อยรับได้เพียงจากเกษตรกรผู้ปลูกสมุนไพรจากถงอีกับจิงจงเท่านั้น”

ความนัยที่เขาอยากจะบอกก็คือนอกจากเกษตรกรผู้ปลูกสมุนไพรเหล่านั้น ที่ร้านจะไม่รับสมุนไพรจากผู้อื่นโดยง่าย

มู่ไป๋ไป่เลิกคิ้วขึ้นแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ไม่นานเธอก็หยิบผลเพลิงสีชาดออกมาจากถุงของตัวเองแล้ววางต่อหน้าเถ้าแก่ร้าน

ในตอนแรกเถ้าแก่มีสีหน้าสับสน แต่หลังจากได้กลิ่นหอมเตะจมูก ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้น แล้วเขาก็หยิบผลเพลิงสีชาดขึ้นมามองอย่างละเอียดด้วยท่าทางเหลือเชื่อ

หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็มองมู่ไป๋ไป่ด้วยสีหน้าตกใจ “ข้าน้อยขอถามท่านได้หรือไม่ นี่ใช่ผลเพลิงสีชาดหรือไม่ขอรับ?”

“ถูกต้อง ท่านฉลาดยิ่งนัก” มู่ไป๋ไป่กอดอกพร้อมกับเชิดคางขึ้น “นี่คือผลเพลิงสีชาด รู้เช่นนี้แล้วท่านจะยอมรับซื้อมันหรือไม่?”

“รับขอรับ!” เถ้าแก่ร้านพยักหน้าอย่างตื่นเต้น “คุณหนู ท่านมีผลเพลิงสีชาดกี่ผลหรือขอรับ ไม่ว่าท่านจะมีเท่าไหร่ หอไป่เฉ่าของเราก็จะรับซื้อมันทั้งหมด”

“โดยราคาต่อผลอยู่ที่ 20 ตำลึงเงิน ท่านคิดว่าอย่างไร?”

“20 ตำลึงเงิน?” ทันใดนั้นคนตัวเล็กก็หน้าถอดสี “เถ้าแก่ นี่ท่านกำลังมองว่าข้ายังเด็กอยู่เช่นนั้นหรือ?”

ราคาที่เถ้าแก่บอกไม่ได้ใกล้เคียงกับที่เธอเคยได้ยินมาเลยด้วยซ้ำ!

“เสี่ยวเอ้อร์ มานี่ซิ” เถ้าแก่เรียกบริกรที่อยู่ใกล้ ๆ เพื่อนำชาและขนมมาให้ ก่อนจะเชิญเด็กหญิงไปที่สวนด้านหลังด้วยท่าทางนอบน้อม “คุณหนูคงไม่รู้อะไร แม้ว่าผลเพลิงสีชาดจะมีค่ามาก แต่ราคาในตลาดไม่สูงนัก”

“ข้าน้อยคิดว่าในมือของคุณหนูน่าจะมีพวกมันอยู่มากมาย”

“มันคงเป็นไปได้ยากที่เราจะรับซื้อมันทั้งหมดในคราวเดียว และก็ไม่ง่ายเลยที่จะหาเงินมากมายมาเพื่อซื้อมันในคราวเดียว”

“ดังนั้นราคาที่ข้าน้อยเสนอให้คุณหนูนั้นเป็นราคาที่ยุติธรรมอย่างแน่นอน”

“ถ้าหากคุณหนูมองว่าราคาต่ำไป พวกเราสามารถพูดคุยต่อรองกันได้ ขอเพียงแค่คุณภาพของผลเพลิงสีชาดในมือของท่านดีมากพอ เราจะสามารถไปพูดคุยกับเจ้านายของพวกเราได้ แล้วข้าน้อยจะเพิ่มราคาให้ท่านสูงขึ้น”

มู่ไป๋ไป่จิบชาพร้อมกับรำพึงรำพันในใจว่าขิงนี้แก่เกินไป คำพูดของเถ้าแก่ชาญฉลาดมาก ถ้าเธอเป็นเพียงแค่เด็กโง่ เธออาจจะถูกเขาหลอกไปแล้ว

เขาแสร้งทำเป็นพูดช่วยเหลือให้เธอรู้สึกขอบคุณ เมื่อถึงเวลาที่เธอตอบตกลง เขาก็จะกดราคาของเธอลงต่ำอีก เฮ้อ!

มู่ไป๋ไป่ส่งเสียงเย้ยหยันในลำคอก่อนจะวางถ้วยชาลงแล้วพูดขึ้นว่า “เซียวเซียว เราไปกันเถอะ”

เถ้าแก่ร้านไม่คาดคิดว่าเด็กหญิงคนนี้จะขอตัวลาไปโดยที่ไม่ตอบเขาสักคำ เขาจึงวิตกกังวลขึ้นมาทันทีและก้าวไปขวางนางเอาไว้ “คุณหนู ถ้าท่านไม่พอใจกับราคาที่เราให้ เราสามารถพูดคุยกันใหม่ได้ เหตุใดคุณหนูจึงต้องรีบร้อนขนาดนั้น”

“เรื่องกิจการค้าขายเราต้องค่อย ๆ เจรจากันไม่ใช่หรือขอรับ?”

มู่ไป๋ไป่กลอกตามองบนพลางคิดว่าตัวเธอนั้นมีเวลาเพียงแค่นี้ เธอยังต้องมาเสียเวลาค่อย ๆ คุยกับอีกฝ่ายอีกหรืออย่างไร?

“เถ้าแก่ คุณหนูของเรามีงานรัดตัว นางไม่ชอบคุยกับคนที่ไม่จริงใจ” หลัวเซียวเซียวกล่าวจบแล้วก็ส่งสัญญาณให้องครักษ์ 2 คนที่อยู่ด้านหลังมาจับตัวเจ้าของร้านออกไป

ก่อนที่มู่ไป๋ไป่จะนำคนเดินออกจากหอไป่เฉ่าให้พวกเขาได้รู้ว่าตนเองนั้นคิดผิด

“คุณหนู ราคาที่หอไป่เฉ่าเสนอมานั้นจะเอาเปรียบกันเกินไปแล้ว” หลัวเซียวเซียวเม้มปากด้วยความไม่พอใจ “ใช่ว่าในเมืองหลวงแห่งนี้เราจำเป็นต้องขายให้กับพวกเขาเพียงเท่านั้น”

“อืม...” เด็กหญิงลูบคางแล้วพยักหน้าเบา ๆ “ที่จริงแล้วที่เถ้าแก่คนนั้นพูดก็มีบางอย่างสมเหตุสมผล”

“เป็นเพราะเรามีผลเพลิงสีชาดอยู่ในมือมากเกินไป หากร้านขายยาใดต้องการรับซื้อมัน พวกเขาจะต้องจ่ายเงินเป็นจำนวนมาก เช่นนี้มันก็จะส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องของกิจการ”

แม้ว่าเธอจะไม่เคยทำธุรกิจมาก่อน แต่เธอรู้ดีว่ากระแสเงินสดนั้นมีความสำคัญต่อธุรกิจมาก

ร้านเครือข่ายอย่างเช่นหอไป่เฉ่ายังไม่สามารถใช้จ่ายเงินออกไปได้มากนัก ดังนั้นร้านขายยาเล็ก ๆ ร้านอื่นคงจะยากลำบากกว่านั้นอีก

ดูเหมือนว่าเธอจะสามารถขายผลเพลิงสีชาดได้เฉพาะที่หอไป่เฉ่าเพียงเท่านั้น

“ท่านหมายความว่าร้านขายยาทั่วไปไม่สามารถรับซื้อสิ่งที่เรามีได้อย่างนั้นหรือเจ้าคะ?” หลัวเซียวเซียวเข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายพูดได้ในทันที “แล้วเช่นนี้เราจะทำอย่างไรกันดี?”

“ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน” มู่ไป๋ไป่ยักไหล่เบา ๆ “ตอนนี้ข้าหิวแล้ว ยังคิดอะไรไม่ออก เลิกสนใจเรื่องนี้แล้วไปหาอะไรกันกินก่อนเถอะ พออิ่มท้องค่อยคิดกันอีกที”

ดวงตาของจื่อเฟิงเป็นประกายเมื่อเขาได้ยินคำว่า ‘กิน’ แล้วเขาก็พยักหน้าอย่างมีความสุข

นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาได้ลงจากภูเขา

ต่อมา มู่ไป๋ไป่ก็ได้พาผู้ติดตามทั้ง 2 ไปที่ร้านอาหารใกล้ ๆ พร้อมกับเชิญองครักษ์ทั้ง 2 ให้มานั่งด้วยกัน จากนั้นก็จัดการสั่งอาหารมาเต็มโต๊ะ

ในตอนแรกองครักษ์ 2 คนรู้สึกขัดเขินเล็กน้อย แต่แล้วพวกเขาก็ผ่อนคลายลงเมื่อเห็นว่าองค์หญิงหกไม่ได้ถือตัวเลยสักนิด ไม่นานหลังจากนั้นพวกเขาถึงกลับกล้าบอกนางเกี่ยวกับร้านขายยาขนาดใหญ่อื่น ๆ ที่ตั้งอยู่ในเมืองหลวง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด