บทที่ 9 จัดการผู้แข็งแกร่งสามคนในพริบตา!
บทที่ 9 จัดการผู้แข็งแกร่งสามคนในพริบตา!
ชู่ซวนไม่อยู่จุดเดิมแต่รีบออกไปทันที ปีนขึ้นเนินใกล้ๆ แล้วซ่อนตัวอยู่หลังก้อนหิน ในเวลาเช่นนี้ ใครๆ ก็อาจทรยศได้ มีเพียงคนเดียวที่เขาไว้ใจได้อย่างแท้จริงคือตัวเขาเอง
ไม่นานหลังจากนั้น เฉินเกอก็เดินออกจากบ้านของตระกูลหวู่อย่างรวดเร็วและกลับไปยังจุดเดิมใต้ต้นไม้ อย่างไรก็ตามไม่มีชู่ซวนอยู่ตรงนั้น และเขาอดไม่ได้ที่จะมองด้วยความงุนงง
ชู่ซวนไม่ได้เปิดเผยตัวเองในทันทีแต่สังเกตสภาพแวดล้อมอย่างระมัดระวังและฟังเสียงใดๆ
เฉินเกอรู้สึกวิตกกังวล จึงตะโกนออกมาด้วยเสียงต่ำ "พี่ใหญ่ชู่ ท่านอยู่ไหน?"
หลังจากรออีกสักพัก ในที่สุดชู่ซวนก็ปรากฏตัวขึ้น ทำให้เฉินเกอถอนหายใจด้วยความโล่งใจ เขาเข้าใจอย่างรวดเร็วว่าทำไมชู่ซวนจึงเลือกที่จะออกจากจุดเดิม ผู้ฝึกตนปีศาจเพียงไม่กี่คนที่รอดชีวิตจากการไล่ตามนิกายฝ่ายธรรมะทั้งห้าได้นั้นไม่ได้โง่เขลาพอที่จะไว้วางใจผู้อื่นได้อย่างง่ายดาย
โดยไม่รอช้า เฉินเกอรีบหยิบแผ่นค่ายกลและธงออกจากกระเป๋าเก็บของแล้วส่งให้
ชู่ซวนตรวจสอบพวกมันอย่างรวดเร็วและพยักหน้าเล็กน้อย นี่คือชุดค่ายกลกลั่นโลหิต จริงๆ แล้วชุดค่ายกลกลั่นโลหิตรุ่นพื้นฐานเป็นเพียงเครื่องมือเวทย์ระดับกลางที่แม้แต่ผู้ฝึกตนขอบเขตการกลั่นพลังปรษณก็สามารถจัดการได้
อย่างไรก็ตาม การวางรูปแบบค่ายกลเพิ่มเติมเพื่อสร้างรูปแบบที่ซับซ้อน เช่น ค่ายกลกลั่นโลหิตขโมยวิญญาณ หรือค่ายกลกลั่นโลหิตควบแน่นพลังชั่วร้ายนั้นมันเป็นระดับสูงและผู้ที่สามารถควบคุมได้นั้นต้องเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตแกนทองคำ แถมความยากในการจัดตั้งและวัสดุล้ำค่าที่จำเป็นจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยเท่า
“พี่ใหญ่ชู่ ท่านแน่ใจนะว่าจะไม่เข้าร่วมกับพวกเรา?” เฉินเกออดไม่ได้ที่จะถามอีกครั้ง “ท่านลุงหลิวนั้นดีกับพวกเรามาก ครั้งล่าสุดที่เราสามารถถอยทัพมาที่คฤหาสน์ตระกูลหวู่ได้นั้น ท่านมีส่วนช่วยพวกเราอย่างมาก”
ชู่ซวนส่ายหัว “ไม่” จากนั้นเขาก็หันหลังแล้วจากไปโดยไม่สนใจที่จะอยู่ต่อ
เศษซากที่เหลืออยู่ของนิกายอนันต์นั้นเป็นหนามยอกอกของนิกายหลักทั้งห้า แม้ว่าการเข้าร่วมกับหลิวเจิ้นเซียงดูเหมือนเป็นข้อได้เปรียบ แต่ในความเป็นจริงกลับกลายเป็นเป้าหมายที่ใหญ่กว่าและกลายเป็นเป้าที่เด่นชัดขึ้น
หากเกิดอันตรายขึ้น หลิวเจิ้นเซียงอาจหลบหนีได้ แต่ผู้ฝึกตนขอบเขตการกลั่นพลังปราณเช่นเขาคงไม่ง่ายอย่างนั้น เขาไม่สามารถฝากชีวิตของเขาไว้กับคนอื่นได้
ด้วยค่ายกลกลั่นโลหิตในมือ ชู่ซวนรู้สึกโล่งใจอย่างมาก ภารกิจต่อไปของเขาคือค้นหาสถานที่ปลอดภัยเพื่อชาร์จพลังของกระจกโลหิตให้เต็ม เมื่อเขากลับไปยังดาวเคราะห์แห่งหายนะ เขาจะตั้งค่ายกลกลั่นโลหิตจากนั้นก็สามารถฝึกฝนตนเองได้อย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม ห่างจากตระกูลหวู่ไปเพียงยี่สิบไมล์ ชู่ซวนสัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติบางอย่าง
จากนั้นก็มีแสงหลายเส้นปรากฏขึ้น ปิดกั้นเส้นทางของเขาอย่างรวดเร็วทั้งสองด้าน
มีร่างสามร่างปรากฏตัวขึ้น คนที่เป็นผู้นสวมชุดคลุมสีขาวราวกับหิมะ พร้อมงานปักรูปดาบสีทองที่คอเสื้อและแขนเสื้อ ชุดเครื่องแบบที่ชู่ซวนจำได้ดี พวกเขาคือศิษย์ขอบเขตกลั่นพลังปราณของนิกายดวงดาวศักดิ์สิทธิ์
“อะไรทำให้พวกท่านทั้งสามคนมาที่นี่” ชู่ซวนถามด้วยใบหน้าที่สับสน ทั้งสามจ้องมองเขาอย่างพินิจพิเคราะห์ ผู้ฝึกตนวัยกลางคนที่อยู่แถวหน้าพูดอย่างใจเย็น “ตามคำสั่งของอาจารย์ซุน ได้มีการออกคำสั่งว่าห้ามใครเข้าหรือออกภายในระยะห้าสิบไมล์ของอาณาเขตตระกูลหวู่ เพราะพวกเราสงสัยว่าเศษซากที่เหลืออยู่ของนิกายอนันตภาพอาจซ่อนตัวอยู่ที่นั่น”
ชู่ซวนแสร้งทำเป็นประหลาดใจและอุทานว่า "อะไร..เศษซากของนิกายอนันต์งั้นเหรอ? แต่ข้าเป็นแค่ผู้ฝึกตนอิสระที่ซื่อสัตย์เท่านั้น!"
ผู้ฝึกตนวัยกลางคนตอบอย่างใจร้อน “ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะเป็นผู้ฝึกตนอิสระหรือเป็นผู้ฝึกตนปีศาจ วันนี้ไม่มีใครจะผ่านจุดอาณาเขตนี้ไปได้ หากเจ้าเห็นคุณค่าในชีวิตของตัวเอง จงอยู่เฉยๆ เมื่อลุงอาจารย์ซุนได้ยืนยันแล้วว่าตระกูลหวู่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับนิกายอนันต์ เจ้าก็จะพ้นจากข้อครหาและสามารถออกไปได้อย่างปลอดภัย”
ชู่ซวนพยักหน้าอย่างแข็งขันด้วยรอยยิ้มอันปลอบประโลม "ดีๆ..เช่นนี้ก็ดีมาก ข้าเต็มใจที่จะให้ความร่วมมือ"
เมื่อเห็นท่าทีที่อ่อนน้อมของเขา ผู้ฝึกตนวัยกลางคนก็ยิ้มเยาะอย่างเย่อหยิ่ง "ถูกต้องแล้ว ผู้ฝึกตนไร้สังกัดอย่างพวกเจ้าควรจะเชื่อฟัง"
ชู่ซวนยิ้มอย่างเก้ๆ กังๆ ทันใดนั้น แสงสองเส้นก็พุ่งผ่านท้องฟ้าด้วยความเร็วที่น่าตื่นตะลึง ชู่ซวนยกคิ้วขึ้นแล้วถามขึ้นว่า "นั่นอาจเป็นผู้อาวุโสซุนที่นับถือของนิกายของพวกท่านใช่หรือไม่?"
ผู้ฝึกตนวัยกลางคนหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์แล้วยืนยัน "แน่นอน! เมื่ออาปรมาจารย์ขอบเขตก่อตั้งรากฐานสองคนออกหน้า พวกเขาจะต้องพลิกตระกูลหวู่ได้อย่างแน่นอน"
ชู่ซวนพยักหน้า ผู้อาวุโสซุนคือคนที่นำกองกำลังล้อมเขาในเมืองธาราขจี เขาจำเหตุการณ์นั้นได้อย่างชัดเจน หากเขาไม่ระมัดระวังและไม่ได้ปลอมตัวเป็นเหอเหลียง ตอนนี้เขาคงกลายเป็นศพไปแล้ว
ทันใดนั้นชู่ซวนก็พูดขึ้น "พวกท่านมีแค่สามคนเท่านั้นเหรอ? หากมีเศษซากของนิกายอนันต์อยู่ภายในตระกูลหวู่จริงๆ พวกท่านทั้งสามคนจะสามารถป้องกันศัตรูไว้ได้หรือไม่?"
ผู้ฝึกตนคนหนึ่งเยาะเย้ยออกมาว่า “เศษซากของนิกายอนันต์เป็นเพียงทหารที่พ่ายแพ้ พวกเราสามคนมีความแข็งแกร่งขอบเขตกลั่นพลังปราณในระดับที่ห้าเป็นอย่างน้อย แค่นี่ก็เพียงพอที่จะปกป้องทางผ่านนี้และหยุดยั้งผู้ฝึกตนปีศาจขอบเขตกลั่นพลังปราณคนใดๆ สำหรับผู้ฝึกตนปีศาจขอบเขตการก่อตั้งรากฐาน พวกเขาจะต้องได้รับการจัดการโดยอาจารย์ลุงซุนและคนอื่นๆ”
ชู่ซวนพยักหน้าอีกครั้ง ทันใดนั้นเขาก็ชี้ไปด้านหลังผู้ฝึกตนวัยกลางคนและร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ระวัง!”
ผู้ฝึกตนคนนั้นตกใจคิดว่าถูกพวกนิกายอนันต์ซุ่มโจมตี เขาหันกลับไปอย่างรวดเร็ว เตรียมเครื่องมือเวทย์ของเขาไว้ป้องกัน ผู้ฝึกตนอีกสองคนก็ทำเช่นเดียวกัน โดยหมุนตัวไปข้างหลังด้วยความตื่นตระหนก
อย่างไรก็ตาม ไม่มีอะไรอยู่ข้างหลังพวกเขาเลย ไม่มีสัญญาณของผู้ฝึกตนปีศาจนิกายอนันต์เลย
เสียงคำรามอันน่าสะพรึงกลัวดังขึ้นในอากาศ ศิษย์คนหนึ่งของนิกายดวงดาวศักดิ์สิทธิ์ทำหน้าบูดบึ้งด้วยความเจ็บปวดเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมองและพบว่าหน้าอกของเขาถูกกรงเล็บสีดำอันน่าเกรงขามฉีกขาดออกอย่างน่าสยดสยอง ส่วนหัวใจของเขาก็ถูกดึงออกมาอย่างน่ากลัว
ศิษย์อีกคนตอบโต้อย่างรวดเร็ว สร้างระยะห่างก่อนจะฟันดาบสวรรค์ดวงดาวไปที่ชู่ซวนทันที ศิษย์ทุกคนในขอบเขตกลั่นพลังปราณของนิกายดวงดาวศักดิ์สิทธิ์ได้รับดาบนี้ ซึ่งเป็นอาวุธมาตรฐาน
อย่างไรก็ตาม ทักษะดาบของศิษย์ผู้นี้ดูไม่ค่อยดีนัก ดาบสวรรค์ดวงดาวเคลื่อนที่ซิกแซกเข้าหาชู่ซวนอย่างเชื่องช้าเหมือนมาจากชายชรา
ชู่ซวนไม่จำเป็นต้องเคลื่อนไหวอะไรเลย ฮูพุ่งไปข้างหน้าในพริบตาและส่งดาบกระเด็นออกไปพร้อมกับเสียงดังกึกก้อง
กรงเล็บที่เร็วราวกับสายฟ้าฟาดฟันไปที่คอของผู้ฝึกตนคนนั้นในทันที เลือดพุ่งกระฉูดอย่างน่าตกตะลึงเมื่อศีรษะถูกตัดขาดอย่างหมดจด ดวงตาของเขายังคงเบิกกว้างด้วยความสับสน
ผู้ฝึกตนวัยกลางคนตอบสนองรวดเร็วขึ้น โดยเรียกโล่ขนาดเล็กออกมาป้องกันทันที
อย่างไรก็ตาม มีเส้นเลือดเคลื่อนไหวออกมาจากฝ่ามือของชู่ซวนแล้ว เมื่อรู้สึกถึงอันตรายเขาจึงพยายามหลบ แต่ความเร็วของเขาไม่สามารถเทียบได้กับลวดเหล็กโลหิต
แขนขวาของเขาถูกตัดขาดอย่างเด็ดขาดที่โคนแขนด้วยเสียงดังฉับ จากนั้นโล่ก็หล่นกระแทกพื้นและเลือดพุ่งออกมาเหมือนน้ำพุ
ผู้ฝึกตนวัยกลางคนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดและเซถอยหลังด้วยความหวาดกลัว แต่ชู่ซวนไม่ให้เขามีโอกาสฟื้นตัว รีบสั่งการให้ลวดเหล็กโลหิตโจมตีออกไปอีกครั้ง ในขณะที่ฮูก็พุ่งเข้าใส่อย่างดุเดือดจากด้านหลัง
เขาถูกโจมตีจากด้านหน้าและด้านหลังจนแทบไม่มีโอกาสรอดเลย หัวใจของเขาถูกแทงโดยฮู และคอของเขาถูกลวดเหล็กโลหิตเฉือนออก ส่งผลให้เขาเสียชีวิตทันที
ฉากนี้แม้จะอธิบายเหมือนช้า แต่ก็เกิดขึ้นในชั่วพริบตา ในช่วงเวลาสั้นๆ ผู้ฝึกตนขอบเขตกลั่นพลังปราณสามคนก็ถูกชู่ซวนสังหาร
ชู่ซวนสูดหายใจออกแรงๆ และรู้สึกเต็มไปด้วยพลัง แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่คาดคิดว่าพลังของเขาจะเพิ่มขึ้นมากถึงขนาดนี้ คู่ต่อสู้ของเขาคือผู้ฝึกตนขอบเขตกลั่นพลังปราณสามคน ซึ่งทั้งหมดอยู่ในระดับ 5 เป็นอย่างน้อย ส่วนผู้นำวัยกลางคนอยู่ที่ระดับ 7 ซึ่งสูงกว่าเขาเสียอีก แต่ตอนนี้พวกเขาถูกเขาจัดการไปอย่างง่ายดาย
“ไม่มีเวลาให้ชักช้าอีกต่อไปแล้ว..”
ชู่ซวนรีบเก็บกระเป๋าเก็บของและเครื่องมือเวทย์ของจากทั้งสามคน จากนั้นก็หายตัวไปในป่าอันกว้างใหญ่ เขาเลือกที่จะไม่ใช้เครื่องมือเวทย์สำหรับการบิน ซึ่งจะทำให้เขาถูกสังเกตเห็นได้ง่ายเกินไป โดยเลือกที่จะเดินทางด้วยการเดินเท้าแทน….
………………………