ตอนที่แล้วบทที่ 30 ทะเลลึกแห่งความมืดมิด  ตอนที่  11  
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 32 ทะเลลึกแห่งความมืดมิด  ตอนที่  13

บทที่ 31 ทะเลลึกแห่งความมืดมิด  ตอนที่  12


บทที่ 31 ทะเลลึกแห่งความมืดมิด  ตอนที่  12

ชั้นสี่เต็มไปด้วยความโกลาหล พนักงานครัวไม่กล้าไปในห้องครัว เพราะกลัวว่าจะเจอกับตัวประหลาดที่ผู้โดยสารพูดถึง

อาหารในโซนบริการตัวเองที่เคยอุดมสมบูรณ์ถูกกวาดเกลี้ยง ผู้คนกินอิ่มและเริ่มถกเถียงกันว่าจะสามารถรอคอยการช่วยเหลือได้หรือไม่

ทำให้กลุ่มเศรษฐีที่อยู่ข้างบนไม่พอใจ เพราะพื้นที่ดื่มชาและพักผ่อนมีอาหารไม่มากพอ

บางคนก็เริ่มพึมพำเกี่ยวกับคนข้างบน

เมื่อเวลาผ่านไป ผีไม่ปรากฏขึ้นในชั้นสี่ ทำให้ผู้โดยสารเริ่มสงบลง

เสิ่นชงหรานอาศัยช่วงกลางวันที่ทุกคนเริ่มง่วงนอน พิงมุมที่ไม่โดดเด่นแล้วหลับตาพัก

...

ด้านนอกท้องฟ้ามืดครึ้มลง เรือจำเป็นต้องเปิดไฟเพื่อให้มองเห็นชัดเจน

ผีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ผลักเรือให้แล่นไปข้างหน้า ผีบางตัวทนไม่ไหวกับความยั่วยวน จึงเริ่มปีนขึ้นไป

และยิ่งเข้าใกล้ทะเลลึกมืดมิด ผีที่สามารถเข้าใกล้ชั้นสี่ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น

พวกมันรวมตัวกันที่บันได จ้องมองขึ้นไปอย่างดุร้าย

บางตัวก็ยืนอยู่ใต้เพดาน มองตรงไปยังด้านบน

ผีตนหนึ่งที่ตัวสูงใหญ่ปีนขึ้นมาถึงชั้นสาม เมื่อมันขึ้นมา ผีตัวอื่นๆ ที่ใส่หนังมนุษย์ถอยออกไป

ผีที่เพิ่งขึ้นมานั้นต้องการกินเนื้อ ต้องการใส่หนัง แต่มีกลิ่นของชีวิตที่แข็งแรงรวมตัวอยู่ด้านบน

มันยืนขึ้นและเอื้อมมือไปที่เพดาน แขนของมันยืดออกไปจนถึงเพดาน เมื่อมือของมันเริ่มเปลี่ยนสภาพเป็นของเหลวและพยายามซึมเข้าสู่ชั้นสี่ มันก็ถูกเผาไหม้

ไอน้ำพุ่งขึ้นมาจากข้อมือของมัน ผีตนนั้นกรีดร้องราวกับจับอะไรบางอย่างได้ มันพยายามดีดตัวขึ้นไป

มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ในชั้นสี่ อุ้มเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ไว้ในอ้อมกอด

ขาเล็กๆ ของเด็กห้อยลงมา และทันใดนั้นมีบางอย่างจับที่ข้อเท้าของเธอไว้ ก่อนจะดึงลงอย่างแรง

“แม่!” เด็กหญิงร้องไห้ออกมาด้วยความตกใจ

แม่ของเธอพยายามจะลุกขึ้น แต่ก็ไม่สามารถลุกได้ คนที่อยู่ใกล้ๆ ก็เห็นสิ่งที่จับข้อเท้าของเด็กผู้หญิง

“ผี!”

สิ่งนั้นคือมือที่เน่าเปื่อย มันยื่นออกมาจากพื้น เมื่อทุกคนเห็นต่างก็วิ่งหนีไปทุกทิศทาง แม่ที่อุ้มลูกไว้พยายามดึงขาของลูกสาวให้หลุดจากมือผี

แต่กลับไม่ได้ผล มีมือผีอีกข้างหนึ่งยื่นขึ้นมา ทำให้ทุกคนหวีดร้องเสียงดังยิ่งขึ้น

ในที่สุดพวกเขาก็เห็นเจ้าของมือ เป็นผีที่หัวเน่าเละไปครึ่งหนึ่ง ไม่มีผิวหนังเหลืออยู่เลย ฟันเหลืองที่เน่าเปื่อยมีเมือกไหลหยด และดวงตาของมันจ้องมองไปที่เด็กหญิง

“ปล่อยลูกของฉัน!”

แม่หยิบกระเป๋าแล้วฟาดหัวผี แต่กระเป๋ากลับทะลุผ่านร่างของมัน ราวกับว่ามันเป็นเพียงเงา

มือของผียังคงเอื้อมไปหาเด็กหญิง

...

เสิ่นชงหรานสะดุ้งตื่นขึ้นมา รู้สึกหนาวเล็กน้อย แต่เธอก็ลุกขึ้นยืน

เธอดึงมีดสนิมออกมาแล้วเริ่มเดินไปยังจุดหนึ่ง คนที่อยู่รอบๆ ถอยห่างออกไป แม้มีดจะขึ้นสนิม แต่ก็ยังสามารถเจาะทะลุร่างกายได้อย่างง่ายดาย

ขณะที่เสิ่นชงหรานเดินผ่านกลุ่มคน บางคนที่เห็นมีดของเธออุทานเบาๆ “โอ้โห…”

เธอเดินไปยังคู่แม่ลูกที่กำลังตกอยู่ในอันตราย คนรอบข้างคิดว่าเธอกำลังจะทำร้าย พวกเขาบางคนพุ่งเข้ามา แต่เสิ่นชงหรานกลับย่อตัวลงแล้วแทงมีดไปที่มือผีทันที!

เด็กหญิงที่กำลังกลัวและกำลังจะร้องไห้ เห็นพี่สาวคนสวยย่อตัวลงมาแทงไปที่ข้อเท้าของเธอ

เธอไม่รู้สึกเจ็บอะไรเลย กลับกัน มือที่จับข้อเท้าของเธอกลับปล่อยออก

แม่ของเด็กเห็นคนย่อตัวลงมาแทงอะไรบางอย่าง เธอจึงอุ้มลูกขึ้นด้วยสัญชาตญาณ

ทุกคนก็ได้เห็นว่าเสิ่นชงหรานแทงสิ่งใด มันคือมือของสิ่งที่ไม่ใช่คน!

“บ้าเอ๊ย! นี่มันอะไรกัน!” ชายที่พุ่งเข้ามาเพื่อหยุดเสิ่นชงหรานตะโกนขึ้นด้วยความตกใจ

และทันใดนั้น ผีตนนั้นก็พุ่งขึ้นมา จับที่ใบมีดและกรีดร้องใส่เสิ่นชงหราน

“อ๊ากกก!”

ทุกคนตกใจกลัวและพยายามเบียดเสียดกันไปด้านหลัง

ด้านบน เชา ถงและหวัง ม่อ เห็นว่าเสิ่นชงหรานแทงมือผี ก็รู้ทันทีว่าเธอคือผู้ทำภารกิจ

“เธอรู้ได้ยังไงว่าผีจะขึ้นมาจากตรงนั้น” เชา ถงถาม

หวัง ม่อ “ฉันจะไปรู้เหรอ แต่เธอฉลาดมาก”

ผีที่อยู่ใต้พื้นส่งเสียงคำรามอย่างน่ากลัวและหักมีดออก นี่เป็นสิ่งที่เสิ่นชงหรานไม่คาดคิด

ดูเหมือนว่าผีตัวนี้จะแข็งแกร่งกว่าผีที่เป็นเจ้าของร้านก่อนหน้านี้

เธอถอยหลังไปอย่างระมัดระวัง ขณะที่ผีตัวนี้ปีนขึ้นมาได้อย่างสมบูรณ์แล้ว มันคุกเข่าลงในท่าทางประหลาดและดึงมีดออกจากร่างของมัน

เสิ่นชงหรานมองไปรอบๆ เธอเห็นว่าทุกคนกำลังจ้องมองเธออยู่ แต่กลับไม่มีผู้ทำภารกิจคนอื่นที่เห็นเธอแล้วเข้ามาช่วยจัดการผีตัวนี้

ยังไงก็ตาม มีผีตัวเดียวที่ปีนขึ้นมาได้ ก่อนที่เธอจะเดินเข้ามา เธอได้เตรียมเครื่องมือจากที่เก็บไว้แล้ว มีดนั้นเหน็บไว้ที่เอวโดยมีเสื้อคลุมบัง และในกระเป๋ามียันต์ซ่อนอยู่

เธอชักดาบไม้พีชออกจากเอว จ้องมองผีตัวนั้นอย่างนิ่งๆ

ผู้คนรอบข้างเมื่อเห็นท่าทางของเสิ่นชงหรานที่ดูเหมือนสามารถจัดการผีตัวนี้ได้ พวกเขาก็รีบถอยออกไปอยู่ด้านข้าง

ผีที่ถูกมีดแทงเมื่อครู่ มองดูดาบไม้พีชในมือของเสิ่นชงหรานด้วยความกลัว แต่ก็ยังคงโกรธที่ถูกแทง มันต้องการจะฆ่าเธอ

“แก…ตาย…”

เมื่อได้ยินคำพูดของผี เสิ่นชงหรานก้าวเดินไปหาและสะบัดดาบไม้พีชแทงเข้าไป

ผีตัวสูงใหญ่พยายามจับดาบไม้พีช แต่เครื่องรางศักดิ์สิทธิ์นี้ไม่ใช่สิ่งที่มันจะจับได้ง่ายๆ แสงสีเหลืองเรืองรองจากดาบเหมือนจะเผาไหม้วิญญาณของมัน

ผีตัวนั้นจึงรีบปล่อยดาบไม้พีช มันรู้ว่าตัวเองไม่สามารถต่อกรกับผู้หญิงคนนี้ได้ มันหันหลังและพยายามจะลากใครสักคนไปข้างล่าง เพื่อที่มันจะได้สวมใส่หนังและเพิ่มพลังให้ตัวเอง

แต่เสิ่นชงหรานไม่ให้โอกาส เธอวิ่งตามแล้วใช้ดาบแทงเข้าไปที่หลังของมัน

เสียงคำรามของผีดังก้องไปทั่วชั้นสี่ ผีที่กำลังลอยขึ้นไปตกลงมาบนพื้น เสิ่นชงหรานเหยียบหลังของมันไว้ แล้วดึงดาบไม้พีชออก ก่อนจะเสียบเข้าไปที่คอของมันอีกครั้ง

ถึงจะเป็นแค่ดาบไม้ แต่เมื่อแทงลงไปในผีตัวนี้ ก็ไม่มีอะไรขัดขวางมันได้ เสิ่นชงหรานใช้ดาบค่อยๆ กรีด จนหัวของผีหลุดตกลงพื้น

เมื่อแสงจากดาบไม้พีชส่องไปที่ร่างของผี มันก็ละลายกลายเป็นน้ำและเดือดจนระเหยไป

ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ต่างตกตะลึง

ชายที่เคยตะโกนร้องเรียกผีเมื่อครู่บ่นพึมพำ “นักปราบผีหรือ?”

เสิ่นชงหรานเองก็แอบตกใจกับพลังของดาบไม้พีชเล่มนี้ มันทรงพลังเกินไปจริงๆ ไม่แปลกใจที่ขายในราคาสูง ถือว่าคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์

แม่ที่อุ้มลูกอยู่เมื่อได้ยินลูกบอกว่าผีเคยจับที่ข้อเท้าของเธอ ก็เข้าใจทันทีว่าผู้หญิงคนนี้เข้ามาช่วยพวกเธอ

เธอก้มลงจูบหน้าผากลูกสาวและลุกขึ้นเดินมาหาเสิ่นชงหราน “ลูกสาวฉันบอกว่าผีจับที่ข้อเท้าของเธอ แต่เพราะคุณแทงมัน มันถึงยอมปล่อย ขอบคุณมากจริงๆ”

เธอหันไปลูบหน้าลูกสาวแล้วพูดว่า “รีบขอบคุณพี่สาวสิ พี่เขาช่วยชีวิตลูกไว้”

แม้จะเปิดไฟไว้ แต่แสงจากดาบไม้พีชนั้นชัดเจนและไม่ธรรมดา หากพวกเขาต้องต่อสู้กับผีเองก็คงทำอะไรไม่ได้เลย

เด็กหญิงมองเสิ่นชงหรานด้วยดวงตากลมโต ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงหวานๆ ว่า “ขอบคุณค่ะพี่สาว”

..........

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด