บทที่ 24 โรงเรียนล้วนเต็มไปด้วยสมองที่หมกมุ่นเรื่องรักๆ ใคร่ๆ
บทที่ 24 โรงเรียนล้วนเต็มไปด้วยสมองที่หมกมุ่นเรื่องรักๆ ใคร่ๆ
พูดอีกอย่างก็คือ พลังพิเศษของตัวเองไม่ได้หายไปหลังจากเปลี่ยนเป็นอีกอย่างหนึ่ง
กลับอ่อนกำลังลงจนอยู่ในระดับที่ตัวเองพอรับได้ พอเหมาะพอดี
เฉินหยวนในตอนแรก สามารถแอบดูอายุขัยของคนอื่นได้อย่างไร้ขีดจำกัด แต่ตอนนี้ ความสามารถนี้แทบจะไม่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันแล้ว ในสายตาจะไม่มีสิ่งสกปรกแปลกๆ อะไร
มีเพียงสิ่งมีชีวิตที่ใกล้จะหมดอายุขัย แถบสีแดงถึงจะปรากฏขึ้นในดวงตา
ถ้าอย่างนั้น ตอนที่จ้องมองเซี่ยซินหยู่แล้วเห็นแถบเลือดสีเขียวจางๆ ก็ไม่ได้ตาฝาดไปเองสินะ
เฉินหยวนที่คิดแบบนี้จึงตั้งใจจะลองพิสูจน์ดู จึงสุ่มมองนักเรียนคนหนึ่งที่หน้าประตูโรงเรียน เพ่งมองอย่างตั้งใจ
แล้วเหนือหัวของอีกฝ่ายก็ปรากฏแถบเลือดที่มีความยาวเกือบเท่ากับของเซี่ยซินหยู่
ถ้าอย่างนั้นอายุขัยของเขาก็...น่าจะใกล้เคียงกับเซี่ยซินหยู่
แต่ก่อนต้องใช้ลูกคิดคำนวณ ตอนนี้กลายเป็นการคำนวณตามสัดส่วนความยาวมาตรฐานคงที่แล้ว
ความแม่นยำลดลงไปมาก และไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า หลังจากที่เฉินหยวนดูอายุขัยบนหัวของอีกฝ่ายเสร็จ ก็รู้สึกเหนื่อยล้าครอบงำในช่วงเวลาสั้นๆ เหมือนกับน้ำตาลในเลือดต่ำ มึนหัวเล็กน้อย แต่ก็หายเร็ว
ถ้าอย่างนั้นพอจะเดาได้ไหมว่า การดูอายุขัยของคนอื่นต้องแลกมาด้วยการใช้พลังงานทางกายภาพ ในสถานการณ์ทั่วไป หากไม่ได้คิดจะดูอายุขัยของคนอื่น แถบเลือดก็จะถูกซ่อนไว้
และเมื่อสิ่งมีชีวิตบางอย่างใกล้จะตาย การนับถอยหลังของแถบสีแดงของอีกฝ่ายก็จะปรากฏขึ้นในสายตาเองโดยอัตโนมัติ
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าทำไมพลังพิเศษของตัวเองเมื่ออาทิตย์ก่อนยังคงอยู่ แต่การรู้จักยับยั้งชั่งใจแบบนี้ ทำให้รู้สึกสบายใจมาก
เมื่อเทียบกับตอนนี้ที่ตัวเองต้องฟังเสียงคนอื่นอย่างไร้ขีดจำกัด ทนฟังเรื่องขี้ เรื่องเยี่ยว และตดโดยไม่จำเป็นแล้ว พลังพิเศษที่อ่อนกำลังลงชัดเจนว่าดีกว่า
เอาล่ะ งั้นก็รอต่อไป
อดทนผ่านอาทิตย์นี้ไปก่อน...
【ว้าว เจอเขาอีกแล้ว เขามาทุกวันเลยแฮะ】
【วันนี้ชวนเธอไปกินข้าวด้วยกันดีกว่า แต่ถ้าชวนไปคนเดียวจะถูกคนอื่นนินทาเอา เอาไงดี ชวนเพื่อนร่วมโต๊ะเธอไปด้วยดีไหม? 】
【อ๊าาาา รุ่นน้องหล่อจัง สูงปาไปเมตรแปดได้มั้ง อยากลูบกล้ามเนื้อแน่นๆ ของเขาจังเลยอ่า】
【โรงเรียนหมายเลข 11 มีรุ่นพี่สาวสวยๆ เยอะจัง คนไหนจะเป็นของเราบ้างนะ? 】
ต่างจากมนุษย์เงินเดือนที่ยุ่งวุ่นวาย เรื่องขี้ เยี่ยว และตด ในหัวของนักเรียนมัธยมปลายไม่ได้มีมากมาย ซึ่งน่าจะเกี่ยวข้องกับการที่โรงเรียนมีห้องน้ำเยอะ สิ่งที่เด็กหนุ่มสาวเหล่านี้คิด ส่วนใหญ่มักเกี่ยวข้องกับวัยรุ่น ฮอร์โมน
ปกติมาก ก็ช่วงวัยนี้แหละเป็นช่วงวัยที่ดีที่สุด
【B A C D E……】
แน่นอนว่าไม่ใช่นักเรียนทุกคนจะหมกมุ่นแต่เรื่องรักๆ ใคร่ๆ นี่ไง มีคนเริ่มทำแบบฝึกหัดอ่านจับใจใจและเฉลยข้อสอบภาษาอังกฤษก่อนเข้าเรียนเช้า...เดี๋ยวก่อน ข้อสอบแบบช้อยส์มีตัวเลือก E ด้วยเหรอ?
แถมเสียงนี้คุ้นๆ อีกต่างหาก...
เฉินหยวนหันไปเห็นโจวหยูเดินอยู่ที่ระเบียง ทำท่าลับๆ ล่อๆเหมือนโจรขโมยของ สายตาเลื่อนลอย มองสำรวจอะไรบางอย่าง
จนกระทั่งเห็นโจวฟู่ที่กำลังจะเข้าห้องเรียน เขาถึงได้เข้าใจว่าไอ้บ้านี่ไม่ได้กำลังเรียนภาษาอังกฤษ
แต่แม่งกำลังเรียนสรีรศาสตร์ของสาวๆ !
"เฮ้ย แกมองอะไรอยู่วะ" เฉินหยวนพูดขึ้นเสียงดัง
โจวหยูที่กำลังใจลอยอยู่แล้ว ตกใจจนตัวแข็งทื่อ เหมือนกับขโมยที่เจอตำรวจ แต่พอเห็นว่าเป็นเฉินหยวน ก็เปลี่ยนสีหน้าทันที ทำหน้าแบบ "เห้ย ไอ้เวร" พร้อมกับชี้นิ้วมาที่เฉินหยวน พูดจาหยาบคายออกมาเป็นชุด ถ้าพิมพ์ออกมาคงโดนเซ็นเซอร์หมด
"อยู่บ้านสบายดีไหม? ได้เป็นเพื่อนบ้านกับสาวสวย ส่วนหอพักชายนี่มีแต่กลิ่นถุงเท้าลอยไปลอยมา" โจวหยูใช้ศอกกระทุ้งเฉินหยวนเบาๆ แล้วพูดเสียงเบาว่า "แกคงได้กินข้าวที่เพื่อนบ้านทำให้กินอีกแล้วสิ"
"ก็ไม่มีทางเลือกนี่ ฉันบอกว่าจะสั่งอาหารข้างนอกมากิน แต่เธอบอกว่าฉันกำลังอยู่ในช่วงวัยเจริญเติบโต เลยทำให้กิน"
"เชี่ย ฉันว่าแกต้องกุมจุดอ่อนของเธอไว้แน่ๆ ..."
"ไม่มี๊ แค่เสน่ห์ของพี่ชายคนนี้ล้วนๆ"
"เร็วๆ พูดความจริงมา ฉันจะไม่แจ้งตำรวจหรอก"
"แกจะไม่แจ้งตำรวจ แล้วเอานิ้วไปจ่อโทรศัพท์ทำไมวะ?"
"ยอมรับผิดซะดีๆ ข่มขู่สาวข้างบ้านแบบนี้ ระวังจะโดนกฎหมายลงโทษ"
"แบร่ๆ ~"
(พวกเขาทั้งสองคน สนิทกันจังเลยนะ...)
ทันใดนั้น เฉินหยวนเหมือนได้ยินเสียงของโจวฟู่ น้ำเสียงปกติดี แต่มันก็แปลกมาก เหมือนกับคนเมาเหล้า แล้วก็มีความสุข อดขำไม่ได้...แต่พอเขามองไป ก็เห็นโจวฟู่รีบหลบสายตาไป
เมื่อกี้เธอมองเขาอยู่เหรอ?
ไม่น่าจะใช่นะ เธอน่าจะไม่สนใจเขาแล้วนี่ เพราะเขาไปเล่นกับเซี่ยซินหยู่
อาจจะ...พูดถึงคนอื่นก็ได้
เทียบกับโจวหยูที่หัวสมองมีแต่เรื่องลามก อยู่ไปก็เปลืองข้าวสุก โจวฟู่ที่ชอบเก็บทุกอย่างไว้ในใจ แม้แต่ในใจก็ยังชอบพูดเป็นปริศนา แบบนี้ยิ่งทำให้คนอื่นงง และยิ่งลำบากใจ
เอาเถอะ ทนไปอีกอาทิตย์เดียวก็จบแล้ว
เจ็ดนาฬิกาสี่สิบห้านาที หลังจากเริ่มเข้าแถวตอนเช้า หลาวโม๋ครูประจำชั้นก็ถือหนังสือเข้ามา ตรวจการบ้านที่อยู่บนโต๊ะ ส่วนนักเรียนคนอื่นๆ ก็อ่านภาษาอังกฤษบ้าง ท่องภาษาจีนบ้าง
ส่วนเฉินหยวน ภายใต้กำลังใจจากเซี่ยซินหยู่และหลาวโม๋ ก็ตัดสินใจที่จะเอาชนะภาษาอังกฤษให้ได้
อ่านออกเสียงดังๆ !
ภาษาอังกฤษก็แบบนี้แหละ จำคำศัพท์ให้ได้ สะสมคำศัพท์ไว้ก่อน!
ส่วนไวยากรณ์ การใช้คำต่างๆ ทำโจทย์เยอะๆ เดี๋ยวก็ทำได้เองแหละ
เอาล่ะ วันนี้ต้องเริ่มต้นให้ดี!
ยิ่งกว่านั้น ถ้าอ่านออกเสียงดังๆ ก็จะกลบเสียงในใจของคนอื่นได้ด้วย
ไหนๆ ก็ตั้งใจเรียนแล้ว ต้องขยันกว่าคนอื่นๆ ให้ได้
(ไอ้เด็กคนนี้ ต้องขยันเรียนภาษาอังกฤษให้มากกว่านี้อีกหน่อยนะ)
ทันใดนั้น เฉินหยวนก็ได้ยินเสียงๆ หนึ่งดังขึ้นในใจ
แต่เขาก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองว่าเป็นใคร
เสียงนี้จำได้ง่าย เป็นเสียงของหลาวโม๋
หลาวโม๋ชอบเดินตรวจห้องเรียนแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยตอนที่คนอื่นกำลังตั้งใจท่องศัพท์อยู่ เฉินหยวนเหลือบตาขึ้นมอง เห็นผู้ชายที่สวมกางเกงสแล็คสีน้ำตาลคนนั้นกำลังเดินเข้ามาอย่างเงียบๆ มิน่าล่ะ เสียงในใจนี้ถึงได้ดังใกล้ขนาดนี้ ที่แท้ก็เดินมาถึงข้างๆ ตัวเองแล้ว
แต่อาจารย์กำลังพูดถึงใครกันนะ โจวหยูงั้นเหรอ?
โจวหยูนั่น ผลการเรียนรวมยังแย่กว่าตัวเองอีก ภาษาอังกฤษก็ดีกว่าตัวเองแค่นิดเดียว หลาวโม๋จะบ่นในใจถึงเขาก็ไม่แปลก
(ถ้าคะแนนภาษาอังกฤษดีขึ้น แล้วคะแนนวิชาอื่นๆ ก็สูงขึ้นอีกหน่อย ถ้าเป็นแบบนั้นได้จริงๆ การให้โควต้านักเรียนผู้ช่วยพิเศษกับเขาก็สมเหตุสมผลดี)
นักเรียนผู้ช่วยพิเศษ?
นี่มันไม่ใช่ระบบลับๆ ที่เล่าลือกันว่ามีอยู่จริง แต่ไม่เคยมีใครยืนยันได้ ว่าโรงเรียนแอบอัพเลเวลให้เด็กเส้นหรอกเหรอ?
มีข่าวลือว่า นักเรียนคนไหนที่อาจารย์ประจำชั้นเลือกเป็นผู้ช่วยพิเศษคนนั้นจะได้รับความสนใจเป็นพิเศษจากอาจารย์ทุกวิชา ถูกเรียกไปที่ห้องพักครูบ่อยๆ ให้ไปเป่า...เอ่อไม่ใช่ ไปทำโจทย์ เป็นเด็กดีที่อาจารย์ทั้งหลายรักใคร่เอ็นดู
หรือว่าโจวหยูจะมีเส้นสายใหญ่โต?
เดี๋ยวก่อน หรือว่าที่ผ่านมาฉันรุนแรงกับมันเกินไป?
(เฉินหยวนน่ะมีศักยภาพที่จะพัฒนาอยู่แล้ว ไม่ใช่เพราะอาจารย์ซูจุนอยากให้ฉันขอบคุณเขา ถึงได้ให้โอกาสนี้มาหรอก ไม่ใช่เลย)
“……”
หลังจากที่หลาวโม๋เดินผ่านไปแล้ว สีหน้าของเฉินหยวนก็แข็งค้างไปชั่วขณะ เขาหันขวับไปมองผู้ชายที่ดูภายนอกเหมือนจะสง่าผ่าเผย แต่จริงๆ แล้วกลับเอาแต่ใจตัวเองเหมือนเด็กผู้หญิงขี้อ้อนคนนั้น แล้วก็ต้องตกใจเมื่อค้นพบความจริง... เหมือนคนป่วยใกล้ตายที่จู่ๆ ก็นั่งผุดลุกขึ้นมาได้ เด็กเส้นคนนั้นก็คือฉันเองนี่นา!
ที่แท้ วันนั้นหลังจากที่ฉันชี้ให้เห็นปัญหาของเจ้าตูบ อาจารย์ซูจุนก็พาเจ้าหมาน้อยไปโรงพยาบาล รักษาได้ทันเวลา ช่วยชีวิตเจ้าหมาน้อยไว้ได้ ส่วนอาจารย์ซูจุนผู้แสนอ่อนโยนที่ทำให้หลาวโม๋ที่ดูเหมือนหมีดำตัวใหญ่เทอะทะ ก็ยังอุตส่าห์กำชับให้หลาวโม๋มาขอบคุณฉัน
ด้วยเหตุนี้เอง โชคชะตาของเฉินหยวนก็เริ่มหมุนไป
แบบนี้ฉันก็เป็นเด็กเส้นได้เหมือนกัน... ฮือๆ ซาบซึ้งใจจริงๆ
แต่แน่นอนว่า เรื่องที่ฉันมีเส้นสายกับอาจารย์ซูจุนเนี่ย ห้ามไปพูดมั่วซั่วที่ไหนนะ
หลาวโม๋ไม่ต้องกังวลไปนะ ฉันรู้ว่านายเลือกฉันเพราะฉันเรียนไม่เก่งบางวิชา แต่มีความตั้งใจที่จะพัฒนาตัวเอง
เอาเป็นว่า คนที่รู้ก็คือรู้
“อาจารย์โม๋ มีคนเรียกหาค่ะ”
ทันใดนั้นเอง ก็มีนักเรียนหญิงผมสั้นคนหนึ่งในชุดนักเรียนตะโกนเข้ามาในห้อง
หลาวโม๋ได้ยินดังนั้นก็เดินออกไป ยืนอยู่ที่หน้าประตูพักหนึ่ง
ประมาณครึ่งนาทีต่อมา เขาก็เดินหน้าบึ้งเข้ามาในห้อง พร้อมกับมองมาที่ฉัน จ้องเขม็งมาเลย
“เฉินหยวน ออกมา”
เดี๋ยวนะ ฉันไม่ใช่เด็กเส้นของหลาวโม๋เหรอ?
ทำไมจู่ๆ ถึงทำหน้าเคร่งขรึมแบบนี้ล่ะ...?
(เฉินหยวนเจ้าเด็กเวรนี่ไปทำอะไรมา ถึงขนาดมีตำรวจมาที่โรงเรียน!)