บทที่ 235 ฉิงฉิงถูกลักพาตัว
แม้หลิวเหอจะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับการลักพาตัว แต่เขาก็ถูกลากเข้าไปพัวพันด้วย และบังเอิญติดไข้หวัดใหญ่ ตอนนี้ยังต้องนอนพักรักษาตัวอยู่บนเตียง ไม่รู้ว่าเป็นโชคร้ายหรือกรรมสนองกันแน่
ตอนที่ซูเล่ออวิ๋นได้ยินเรื่องนี้ นางก็รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก
หากไม่ได้เป็นหวัดใหญ่ หลิวเหอก็คงได้เข้าร่วมการสอบจอหงวน แม้ว่าอาจไม่ได้อันดับที่ดีนัก แต่การสอบผ่านก็คงไม่ใช่ปัญหา
“เป็นเพียงอุบัติเหตุเท่านั้น มันเกี่ยวอะไรกับเจ้า” ซูเล่ออวิ๋นปลอบโยน
ก่อนหน้านี้ นางเคยสัมผัสกับแม่ของหลิวเหอมาหลายครั้ง จึงรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายลำเอียงรักหลิวเหอเพียงใด แต่ไม่คาดคิดว่าจะลำเอียงถึงขนาดนี้
หลิวฉินถอนหายใจเบาๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
ทั้งสองแยกทางกันที่ทางแยก
ซูเล่ออวิ๋นเดินไปยังจวนตระกูลซุน โดยมีชุ่ยหลิ่วและเหลียนซินเดินตามหลัง
ผู้คนรอบข้างเดินผ่านไปมาไม่ขาดสาย กลิ่นหอมของขนมอบลอยอบอวลในอากาศ
ทันใดนั้น ซูเล่ออวิ๋นหยุดเดินกะทันหัน และหันไปมองทางหนึ่ง เห็นชายร่างกำยำแบกกระสอบผ้าฝ่าฝูงชนไป
“คุณหนู มีปัญหาอะไรหรือไม่เจ้าคะ” เหลียนซินมองตามไปเช่นกันและถามขึ้น
ซูเล่ออวิ๋นขมวดคิ้วเล็กน้อย ขณะที่ชายคนนั้นเดินผ่าน นางรู้สึกว่ามีกลิ่นคุ้นเคยบางอย่างลอยมา
แต่ในขณะนั้นหัวของนางกลับว่างเปล่า นึกไม่ออกว่ามันคือกลิ่นอะไร
“ชุ่ยหลิ่ว เจ้าไปตามดูหน่อย ระวังตัวด้วย”
“เจ้าค่ะ คุณหนู”
ชุ่ยหลิ่วพยักหน้าและรีบก้าวตามไปอย่างรวดเร็ว
หนึ่งชั่วยามต่อมา ชุ่ยหลิ่วกลับมาที่จวนตระกูลซุน
“คุณหนู บ่าวตามไม่ทัน” ชุ่ยหลิ่วกล่าวด้วยสีหน้าเสียดาย รู้สึกหดหู่เล็กน้อย
ซูเล่ออวิ๋นกระพริบตา แม้ว่าความสามารถด้านการต่อสู้ของชุ่ยหลิ่วจะไม่เทียบเท่ากับหลิวเฟิง แต่ก็ถือว่าไม่เลว การที่ชุ่ยหลิ่วถูกทิ้งห่างเช่นนี้แสดงว่าฝ่ายตรงข้ามมีฝีมือไม่ธรรมดา
“เจ้าเห็นอะไรบ้างหรือไม่”
“บ่าวยังไม่ทันสังเกตอะไร ก็ถูกทิ้งห่างแล้ว” ชุ่ยหลิ่วก้มศีรษะ “ขอคุณหนูโปรดลงโทษ”
“จะลงโทษเจ้าทำไมกัน บางทีอาจเป็นข้าที่คิดมากไปเอง ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรหรอก”
ซูเล่ออวิ๋นพูดไปตามที่ปากคิด แต่ในใจกลับรู้สึกแปลกๆ
กลิ่นนั้นมันคุ้นเคยมาก
เหมือนกับว่ากดลิ่นอยู่แค่ปลายจมูก อีกไม่กี่วินาที นางก็จะนึกออกแล้ว
จนกระทั่งนางหลับไป นางก็ยังคงนึกไม่ออก
วันถัดมา
หลังจากรับประทานอาหารเช้าแล้ว หยางผู้เฒ่า ได้นำชายวัยกลางคนคนหนึ่งเข้ามาในเรือนของซูเล่อหยุน
เรือนนี้ถูกตกแต่งตามรูปแบบของจวนตระกูลซู ส่วนป้ายชื่อที่ประตูเรือน ซุนเจียงหรูเป็นคนเขียนใหม่และให้คนทำขึ้นมา
ดังนั้นจึงยังคงเรียกว่าเฉาหัวเสี่ยวจู้
"คุณหนูคนเล็ก ท่านนี้คือสวี่ฮวา ก่อนหน้านี้เขาทำงานอยู่ในร้านค้าของตระกูลซุน หลังจากนี้เรื่องของร้านหนังสือ ท่านมอบหมายให้เขาดูแลได้เลย"
นับตั้งแต่หลินเหวินปินถูกจับโดยทางการ ร้านหนังสือก็ปิดตัวไปโดยตลอด
ซูเล่ออวิ๋นไม่ต้องการปล่อยให้ร้านนั้นว่างเปล่า นางจึงคิดจะเปิดร้านหนังสือใหม่อีกครั้ง
ก้าวแรกที่จะทำก็คือการหาผู้ดูแลร้านคนใหม่
"สวี่ฮวาคารวะคุณหนูคนเล็กขอรับ" สวี่ฮวาดูท่าทางเป็นคนซื่อๆ เพียงแต่เขาตัวไม่สูงนัก
"สวี่ฮวาเคยสอบได้เป็นจวีเหรินในรัชสมัยเจี้ยนอัน การจัดการร้านหนังสือคงไม่น่ามีปัญหา" หยางผู้เฒ่าเสริมขึ้น
สวี่ฮวาเกาศีรษะ ใบหน้าของเขาแดงเล็กน้อย "ข้าเพียงแต่อ่านหนังสือมาบ้าง โชคดีที่สอบได้เป็นจวีเหรินในปีนั้น"
"เช่นนั้น หลังจากนี้ก็ขอฝากร้านหนังสือไว้กับท่านด้วย" ซูเล่ออวิ๋นรู้สึกว่าสวี่ฮวาดูไม่เลวเลยจากการพบกันครั้งแรก
แต่ถึงอย่างนั้น นิสัยใจคอยังต้องดูไปอีกสักระยะ
"คุณหนู แม่นางหลิวมาถึงแล้วขอรับ" หยางผู้เฒ่าเพิ่งพาสวี่ฮวาออกไปจากเรือนเฉาหัวเสี่ยวจู้ ก็มีคนมาอีก
หลิวฉินเดินเข้ามาในลานเรือนอย่างเร่งรีบ ใบหน้าขาวซีด หายใจถี่รัว ดูเหมือนจะวิ่งมา
"เล่ออวิ๋น เจ้าได้ยินข่าวหรือยัง ฉิงฉิงถูกลักพาตัวไปเมื่อวานนี้"
"บุตรสาวของท่านหญิงหลินหรือ"
ซูเล่ออวิ๋นรีบลุกขึ้นทันที จู่ๆ สมองที่เคยว่างเปล่าก็กลับมาทำงานอีกครั้ง
กลิ่นนั้น ชัดเจนว่าเป็นกลิ่นจากถุงหอมที่นางเคยมอบให้หลินฉิงฉิง
นางลืมมันไปเสียได้!
"ข้าพึ่งได้ยินจากคนรับใช้ของจวนหลินเมื่อเช้านี้"
เมื่อเห็นซูเล่ออวิ๋นกำลังจะออกไป หลิวฉินที่ยังไม่ได้พักก็รีบตามไป
"นายท่านหลินได้ให้คนออกตามหาแล้ว แต่เจ้าก็รู้ว่าในช่วงที่มีการสอบนี้ ผู้คนในเมืองหลวงเพิ่มขึ้นไม่น้อย การตามหาคงใช้เวลาพอสมควร"
"ทำไมถึงลักพาตัวฉิงฉิงเล่า" ซูเล่ออวิ๋นถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ซุ่ยหลิวรีบจัดการอย่างรวดเร็ว ภายใต้คำสั่งของเหลียนซิน นางวิ่งไปเตรียมรถม้า เมื่อทั้งกลุ่มมาถึงหน้าประตู รถม้าก็เตรียมพร้อมแล้ว
หลังจากขึ้นรถม้า ซูเล่ออวิ๋นสั่งคนขับ "รีบไปจวนหลินโดยเร็วที่สุด"
คนขับรถม้าทำตามคำสั่ง ไม่นานนักก็ถึงจวนหลิน
ซูเล่ออวิ๋นและหลิวฉินเดินเข้าไปในจวน มุ่งหน้าไปยังเรือนของท่านหญิงหลิน
พอถึงหน้าประตู ก็ได้ยินเสียงตะโกนดังมาจากข้างใน
"นายหญิง!"
"รีบไปเรียกหมอมา!"
ซูเล่ออวิ๋นกับหลิวฉินสบตากันก่อนจะเข้าไปในลานเรือน
บ่าวรับใช้ต่างทำหน้าตาเป็นกังวล ท่านหญิงหลินนอนหลับตา ใบหน้าซีดขาว ถูกสาวใช้ประคองไว้
ซูเล่ออวิ๋นรีบเดินเข้าไปข้างหน้า ตรวจชีพจรให้นาง นางถูกกระทบกระเทือนจิตใจ เป็นโรคเลือดลมตีบตัน
ซูเล่ออวิ๋นหยิบยาเม็ดหนึ่งออกมาจากถุงผ้า เตรียมจะป้อนให้คุณนายหลิน
"คุณหนูซู ท่านทำอะไรน่ะ"
ผิงเอ๋อร์ สาวใช้คนสนิทของท่านหญิง เห็นการกระทำของซูเล่ออวิ๋นจึงรีบยื่นมือมาขัดขวาง
"คุณหนูซู คุณหนูหลิว ได้โปรดกลับไปเถอะ วันนี้นายหญิงคงไม่สามารถต้อนรับพวกท่านได้เจ้าค่ะ"
"กินยานี้แล้วจะทำให้นางดีขึ้น"
"คุณหนูซู ได้โปรดอย่าทำให้บ่าวลำบากใจเลย บ่าวรู้ว่าท่านมีเจตนาดี แต่ยานี้จะให้กินมั่วๆ ไม่ได้" ผิงเอ๋อร์พูดพร้อมหันไปหาสาวใช้คนอื่น
"ยังไม่รีบพานายหญิงเข้าข้างในอีก!"
เมื่อเห็นสถานการณ์วุ่นวาย ซูเล่ออวิ๋นก็เก็บยาเม็ดนั้นไว้
โชคดีที่หมอมาถึงในไม่ช้า
"ท่านหญิงหลี่เลือดลมตีบตัน คงต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะฟื้น"
"ท่านหมอ แล้วใช้เวลาประมาณเท่าไหร่เจ้าคะ" ผิงเอ๋อร์ถามต่อ
หมอส่ายหัว "บอกไม่ได้แน่ชัด ข้าได้ให้ยาท่านกินไปแล้ว ถ้าน้อยก็ครึ่งชั่วยาม ถ้ามากก็ครึ่งวัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอาการของท่านด้วย"
"แล้วจะทำอย่างไรดีเจ้าคะ" ผิงเอ๋อร์กัดริมฝีปาก "แจ้งท่านนายท่านแล้วหรือยัง"
"พี่ผิงเอ๋อร์ เสี่ยวชุ่นรีบวิ่งไปแล้ว"
นายหญิงยังคงหมดสติอยู่ และนายท่านยังออกไปตามหาคุณหนูที่ถูกลักพาตัวอยู่ข้างนอก ช่วงนี้ในเรือนดูเหมือนจะขาดการควบคุมและสับสนพอสมควร
ซูเล่ออวิ๋นมองสังเกตสถานการณ์ในเรือน การกระทำของผิงเอ๋อร์ดูแปลกไปเล็กน้อย นางดูเร่งรีบอย่างมากที่จะทำให้ท่านหญิงหลินฟื้นขึ้นมา
"คุณหนู ข้าได้ยินจากสาวใช้ในเรือนว่า นายหญิงหมดสติไปเพราะได้รับจดหมายจากคนร้าย"
"จดหมายจากคนร้ายหรือ"
สายตาของซูเล่ออวิ๋นกวาดมองรอบๆ ในห้อง แต่ไม่พบจดหมายที่เหลียนซินพูดถึง
นางมองไปที่ผิงเอ๋อร์ และเห็นแวบหนึ่งว่าผิงเอ๋อร์กำลังถือบางสิ่งไว้ในมือ
"ผิงเอ๋อร์ คนร้ายเขียนอะไรมาในจดหมายหรือ"
"..." เมื่อได้ยินคำถามของซูเล่ออวิ๋น ผิงเอ๋อร์สะดุ้งเล็กน้อยและเร่งเร้าว่า "คุณหนูซู ทำไมท่านถึงยังไม่กลับไปอีกเจ้าคะ"
"ผิงเอ๋อร์ สถานการณ์แบบนี้ หากมีอะไรผิดปกติ เจ้าสามารถบอกข้าได้"
ซูเล่ออวิ๋นจ้องมองไปที่ผิงเอ๋อร์ พูดทีละคำชัดเจน
ผิงเอ๋อร์กำมือที่ถือจดหมายไว้อย่างแน่นอยู่สักพัก ก่อนที่จะค่อยๆ ยื่นจดหมายออกมาอย่างช้าๆ