บทที่ 2 โลกซอมบี้
บทที่ 2 โลกซอมบี้
นอกเมืองวารีขจี ชู่ซวนถอดหน้ากากมนุษย์เหอเหลียงออกและโยนลงแม่น้ำอย่างไม่ใส่ใจ
“หน้ากากหนังมนุษย์แบบชั่วคราวพวกนี้ใส่แล้วไม่สบายตัวเลยจริงๆ” เขาบ่นพึมพำ
เขาหยิบของในกระเป๋าเก็บของของเหอเหลียงออกมาและพยักหน้าเล็กน้อยด้วยความพอใจ “หินวิญญาณขนาดเล็กกว่าแปดสิบก้อน หินวิญญาณขนาดกลางหนึ่งก้อน ยาฟื้นฟูสามเม็ด ขวดน้ำฟื้นฟูวิญญาณหนึ่งขวด ขวดเลือดสัตว์อสูรขนาดใหญ่หนึ่งขวด รวมถึงพลังวิญญาณทั้งหมดของเหอเหลียง ไม่เลวเลย..”
“การปล้นหลังจากฆ่าคนนี่..ได้กำไรอย่างรวดเร็วจริงๆ” ชู่ซวนเม้มปาก ก่อนหน้านี้ภายในบ้านร้างนั้น เขาได้โจมตีเหอเหลียงแบบไม่ทันตั้งตัว ทำให้เขาสามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว
ขั้นแรก เขาดึงข้อมูลเกี่ยวกับผู้ฝึกตนฝ่ายธรรมะจากเหอเหลียง จากนั้นเขาจึงดูดพลังวิญญาณของอีกฝ่ายโดยใช้เทคนิคการสกัดวิญญาณ จากนั้นเขาก็ลอกหนังใบหน้าของเหอเหลียงเพื่อสร้างหน้ากากชั่วคราวและหลบหนีออกมา
“แต่ข้าจะสามารถหนีรอดไปได้ตลอดได้จริงๆหรือ..” เขาครุ่นคิด “การก้าวข้ามระดับเล็กๆ น้อยๆ ในเทคนิคการฝึกฝนของข้าแต่ละครั้งต้องใช้เลือดจำนวนมากพอสมควร และแมลงกู่ที่ข้าเลี้ยงดูยังต้องกินเนื้อและเลือดจำนวนมากเพื่อวิวัฒนาการ หากพวกมันไม่ได้รับอาหารเพียงพอเมื่อเวลาผ่านไป พวกมันก็จะหันกลับมาหากลืนกินข้า แต่การจะได้รับเนื้อและเลือดทุกครั้งล้วนมีความเสี่ยงอย่างมาก..”
“บางทีข้าควรกลายเป็นผู้ฝึกตนฝ่ายธรรมะจะดีกว่า..” ชู่ซวนยิ้มอย่างขมขื่น เพื่อเอาชีวิตรอดในโลกแห่งการฝึกฝนนี้ เขาอาจต้องเปลี่ยนเส้นทางและไปฝึกฝนเทคนิคของเส้นทางฝ่ายธรรมะ
อย่างไรก็ตาม หากเขาต้องฝึกฝนเทคนิคฝ่ายธรรมะ เขาก็ต้องเริ่มต้นใหม่ตั้งแต่ต้น เมื่อพิจารณาจากพรสวรรค์ที่ธรรมดาของเขา เขาสงสัยว่าเขาจะเข้าถึงขอบเขตก่อตั้งรากฐานได้หรือไม่ในชีวิตนี้
เพราะเทคนิคฝ่ายธรรมะฝึกฝนได้ช้าอย่างมากเมื่อเทียบกับเทคนิคปีศาจซึ่งมีความต้องการพรสวรรค์ต่ำ ให้ผลได้เร็ว และมีพลังโจมตีที่แข็งแกร่งแกร่งมาก มันเหมาะกับคนที่มีความสามารถธรรมดาอย่างเขามากที่สุด
“แล้วกระจกนี้เป็นหนึ่งในอุปกรณ์เวทย์ของเหอเหลียงหรือเปล่า?” ชู่ซวนสังเกตเห็นกระจกสีเลือดที่มุมของกระเป๋าเก็บของของเหอเหลียง เขาหยิบมันขึ้นมาและถ่ายโอนพลังวิญญาณของเขาเข้าไป แต่ก็ไม่มีประโยชน์และไม่มีอะไรเกิดขึ้น
โดยปกติแล้วพลังวิญญาณเพียงเล็กน้อยก็สามารถเปิดใช้งานอุปกรณ์เวทย์ได้ อุปกรณ์เวทย์นี้แปลกประหลาดมาก
หรือว่ามันจะอุปกรณ์เวทย์ระดับสูงหรือป่าว?
คราวนี้ชู่ซวนฉีดพลังวิญญาณทั้งหมดของเขาไปครึ่งหนึ่ง ทันใดนั้นกระจกสีเลือดก็ส่งเสียงอื้ออึงและฝุ่นก็หายไป จากนั้นกระจกก็แสดงฉากของวันสิ้นโลกสมัยใหม่ให้เขาเห็น มันเต็มไปด้วยตึกระฟ้าสูง บรรยากาศเงียบงัน และมีซอมบี้ที่เดินเพ่นพ่านไปมาอย่างอิสระ
ชู่ซวนตกตะลึง โลกนี้ทำไมมันถึงคล้ายกับภาพยนตร์เกี่ยวกับซอมบี้ที่เขาเคยดูก่อนในชีวิตก่อนหน้าอย่างมากขนาดนั้น
เขาขมวดคิ้ว ทันใดนั้นเขาก็สัมผัสได้ถึงความคิดที่ส่งออกมาจากภายในกระจกเลือด ดูเหมือนว่าเขาสามารถเดินทางไปยังโลกหายนะนี้ได้โดยตรงหากเขาต้องการ
ชู่ซวนยื่นมือไปสัมผัสกระจกอย่างสนใจ ทันใดนั้นโลกรอบตัวเขาก็หมุนวนพร้อมกับด้วยแสงวูบวาบ เสียงประหลาดและภาพที่บิดเบี้ยว เมื่อสติกลับคืนมา ชู่ซวนก็พบว่าตัวเองยืนอยู่บนถนนในเมืองแห่งหนึ่ง
ถนนสายนี้เต็มไปด้วยอาคารสูงระฟ้าและร้านค้ามากมายเรียงรายอยู่เคียงข้างกัน ในขณะที่ระหว่างทางของถนนสายนี้เต็มไปด้วยรถยนต์ที่ถูกทิ้งร้างและวัชพืชที่ขึ้นรกครึ้ม ช่างเป็นภาพที่น่าหดหู่เสียจริง
เสียงฝีเท้าดังขึ้นอย่างกะทันหัน ดึงดูดความสนใจของเขา ร่างประหลาดเดินโซเซออกมาจากเงาของรถ ดวงตาของมันเบิกกว้างและเต็มไปด้วยความกระหายเลือด น้ำลายไหลย้อยและมีกลิ่นเหม็น ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่ชัดเจนของซอมบี้ มันคำรามออกมาเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นของสิ่งมีชีวิตและพุ่งเข้าหาชู่ซวน
ชู่ซวนขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วยกมือขึ้นอย่างรวดเร็ว เลือดพุ่งออกมาเป็นเส้นด้ายและเฉือนคอซอมบี้ตัวนั้นทำให้หัวของมันแยกออกจากตัว ล้มลงกับพื้นตายและเลือดพุ่งออกมาเหมือนน้ำพุ
อย่างไรก็ตาม ชู่ซวนเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตการกลั่นพลังปราณ แม้ว่าเขาจะยังไม่เชี่ยวชาญความสามารถในการควบคุมลมหรือฟ้าดิน แต่เขาก็สามารถใช้พลังวิญญาณได้ในรูปแบบพื้นฐานเท่านั้น แต่ความแข็งแกร่งและประสาทสัมผัสของเขาเหนือกว่ามนุษย์ทั่วไปอย่างมาก และร่างกายของซอมบี้ก็ไม่ต่างจากมนุษย์ การฟันเพียงครั้งเดียวก็สามารถฆ่ามันได้ไม่ใช่เรื่องแปลก
ชู่ซวนส่ายหัวและกำลังจะออกไป แต่จู่ๆ เขาก็รู้สึกถึงแรงกระตุ้นจากแมลงกู่ที่เขาเลี้ยงเอาไว้ ทำให้เขาต้องหยุดลง
จากนั้นเขาก็เหยียดฝ่ามือออกไปและปรากฏรอยแยกบนผิวหนัง พร้อมกับมีหนอนสีแดงเลือดโผล่ออกมา หนอนตัวนี้หนาเท่านิ้วและแข็งแกร่งเป็นพิเศษ เรียกกันว่า "ลวดเหล็กโลหิต" ซึ่งเป็นแมลงกู่ที่ขึ้นชื่อในเรื่องความเหนียวและทนทาน
การฝึกฝนศิลปะแห่งศาสตร์แมลงกู่นั้น การป้อนพลังให้กับมันเป็นเวลานาน จะทำให้เกิดสายสัมพันธ์อย่างมาก ถึงขนาดทำให้สามารถใช้มันต่อสู้กับศัตรูได้ แต่ผู้ฝึกตนขอบเขตกลั่นพลังปราณนั้นมีพลังวิญญาณในปริมาณจำกัดมาก โดยปกติแล้วสามารถเปิดใช้งานมันได้เพียงหนึ่งหรือสองครั้งเท่านั้นก่อนที่จะหมดพลังลง
นี่คือเหตุผลที่ชู่ซวนเลือกเพาะเลี้ยงลวดเหล็กโลหิตตัวนี้
นอกจากนี้ความเก่งกาจของมันยังทำให้เขามีสถานะที่มั่นคงท่ามกลางศิษย์ชั้นในของนิกายอนันต์ จนเข้าถึงอันดับที่สิบ
ในปัจจุบันด้วยระดับการฝึกฝนของชู่ซวนที่ต่ำเกินไป ทำให้เขาบ่มเพาะลวดเหล็กโลหิตได้มากที่สุดเพียงเส้นเดียวเท่านั้น แต่เมื่อระดับของเขาเพิ่มขึ้น เขาก็สามารถบ่มเพาะได้มากขึ้น และพัฒนาเทคนิคการต่อสู้ได้มากขึ้นด้วย
ในขณะนี้ลวดเหล็กโลหิตซึ่งสัมผัสได้ถึงกลิ่นของเลือดและเนื้อ ดูเหมือนมันจะหิวมากและมองไปทางนั้นอย่างกระตือรือร้น ชู่ซวนที่สังเกตศพของซอมบี้ก็ขมวดคิ้วขึ้นทันใด
“ซากศพของซอมบี้กลับสามารถกระตุ้นความอยากของมันได้... บางทีพวกมันก็อาจนับว่าเป็นสิ่งมีชีวิตได้เช่นกัน” ชู่ซวนครุ่นคิด
“เลือดและเนื้อของซอมบี้จะมีประสิทธิภาพในการฝึกฝนเทคนิคและเลี้ยงกู่ของข้าได้หรือป่าวนะ?”
ยิ่งเขาคิดมากขึ้นเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกสนใจมากขึ้นเท่านั้น ในโลกนี้เทคนิคและคาถาถูกจัดอันดับจากต่ำสุดไปจนถึงสูงสุดมีสี่ระดับ
เทคนิคที่เส้นฝึกฝน ก็คือเทคนิควิญญาณโลหิตซึ่งเป็นหนึ่งในเทคนิคการกลั่นพลังปราณ มันอยู่ในระดับสูงนิกายอนันต์และเป็นวิธีการฝึกฝนหลักของเขา
หากเปรียบเทียบกับเทคนิคขั้นสูงสุดของขอบเขตการกลั่นพลังปราณแล้ว เทคนิคนี้มีความเร็วในการฝึกฝนที่เร็วอย่างมากถ้าเขามีเลือดและเนื้อเพียงพอ และตราบใดที่เขาสามารถพัฒนาระดับของเทคนิควิญญาณโลหิตได้ ขอบเขตของเขาเองก็จะสูงขึ้นเช่นกัน
ชู่ซวนก้าวไปข้างหน้าและวางมือของเขาไว้บนศพของซอมบี้ ลวดเหล็กโลหิตเจาะเข้าไปในร่างของมันทันที เสียงเคี้ยวที่น่าขนลุกดังออกมาจากภายในร่างกายของซอมบี้
ชู่ซวนซึ่งคุ้นเคยกับเสียงดังกล่าวก็ไม่ได้สนใจ เพราะนี้ถือว่าเป็นขั้นตอนในการป้อนอาหาร และลวดเหล็กโลหิตนี้ก็ไม่ต่างจากแมวหรือสุนัขที่เชื่อง
ไม่นานลวดเหล็กโลหิตก็กลับมาที่ฝ่ามือของเขาอย่างสะอาดหมดจด มันพิถีพิถันกับอาหารเป็นพิเศษ โดยมันชอบเนื้อมนุษย์มากที่สุด รองลงมาคือเนื้อสัตว์อสูร
ด้วยเหตุนี้ จึงดูเหมือนว่าซอมบี้สามารถทำหน้าที่เป็นอาหารของมันได้ ดังนั้นเลือดของซอมบี้จึงน่าจะมีประโยชน์สำหรับเทคนิคการฝึกฝนของเขาด้วยเช่นกัน
โดยไม่ลังเล ชู่ซวนเริ่มค้นหาซอมบี้ตัวอื่น ๆ
ในไม่ช้าเขาก็พบซอมบี้อีกสามตัวที่เดินผ่านไปโดยไม่ทันรู้ตัว ลวดเหล็กโลหิตที่พุ่งออกมาตามคำสั่งของเขาก็รีบมัดแขนขาของพวกมันไว้ ซอมบี้เหล่านี้ดิ้นไปมาและกรี้ดร้องอยู่ตลอดเวลา
ชู่ซวนหยิบถังขนาดใหญ่ออกมาจากกระเป๋าเก็บของของเขาและกรีดคอซอมบี้เพื่อรวบรวมเลือด ไม่กี่นาทีต่อมาเลือดก็เต็มถัง ส่วนซากศพที่เหลือเขาก็ไม่ได้ทิ้งสูญเปล่า ลวดเหล็กโลหิตพุ่งเจาะเข้าไปข้างในและกินมันอย่างเอร็ดอร่อย
ชู่ซวนเริ่มร่ายคาถากลั่นโลหิตทันที คาถานี้เป็นคาถาระดับแรกของเทคนิควิญญาณโลหิต มันไม่มีพลังในการโจมตีแต่มีไว้เพื่อการกลั่นเลือดเท่านั้น ทำให้เลือดที่อยู่ตรงหน้าเขาถูกกลั่นอย่างต่อเนื่อง สิ่งสกปรกถูกกำจัดออก และค่อยๆ เปลี่ยนเป็นพลังงานบริสุทธิ์
หลังจากชำระล้างเลือดซอมบี้จำนวนมากแล้ว สิ่งที่เหลืออยู่คือไข่มุกเลือดขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือจำนวนหนึ่ง แม้ว่ามันจะมาจากเลือดซอมบี้ แต่ชู่ซวนก็ไม่หวั่นไหวหรือรู้สึกขยะแขยงใดๆ ไม่ว่าจะเป็นเลือดของสัตว์อสูร เลือดของมนุษย์ หรือซอมบี้ ก็ไม่มีการแบ่งแยกว่าสูงหรือต่ำ หรือสิ่งไหนมีค่าหรือต่ำต้อย เพราะสิ่งใดก็ตามที่สามารถทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นได้มันก็ถือว่ามีค่าสำหรับอย่างมาก
เขากลืนไข่มุกเลือดและเริ่มดูดซับมัน ไม่กี่วินาทีต่อมาการแสดงออกของเขาก็สดใสขึ้น
มันได้ผลจริงๆ!
เขาสามารถสัมผัสได้ว่าพลังวิญญาณภายในตัวเขากำลังแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก
“ด้วยอัตราความเร็วนี้ ในไม่ช้านี้ ข้าก็จะบรรลุระดับที่ 5 ของเทคนิควิญญาณโลหิตได้” ชู่ซวนกล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด….
…………………….