ตอนที่แล้วตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 1368 คัมภีร์สวรรค์แห่งอิสรภาพ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 1370 ไต่อันดับ

ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 1369 เสนอนิยาย (อ่านฟรี)


ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 1369 เสนอนิยาย (อ่านฟรี)

แปลโดย iPAT  

“แล้วอย่างไร?”

ผู้อาวุโสจิตวิญญาณมหาสมุทรมองเขาด้วยความสับสน เนื่องจากผู้นำทั้งสองของนิกายหมื่นลี้มักจะออกเดินทางไปข้างนอกเสมอ มีเพียงเขาเท่านั้นที่อยู่ในหอคัมภีร์สวรรค์ตลอดทั้งปี นอกจากการสะสมความรู้และเติมเต็มคัมภีร์ให้กับหอคำภีร์สวรรค์ มันก็ยังเป็นการอยู่ปกป้องนิกายจากศัตรูที่บุกรุกเข้ามาอีกด้วย

เขาชอบความเงียบสงบมาโดยตลอด ดังนั้นงานนี้จึงเหมาะกับเขาเป็นอย่างยิ่ง แหล่งความบันเทิงหลักของเขาคือการอ่านหนังสือ มีเรื่องราวที่น่าสนใจมากมายผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนานซึ่งทำให้เขายังคงสนใจหนังสือประเภทอื่นนอกจากวิธีการบ่มเพาะ แต่ด้วยสติปัญญาและความรอบรู้ หนังสือทั่วไปไม่สามารถดึงดูดความสนใจของเขา

ทุกคนในนิกายหมื่นลี้ต่างรู้เกี่ยวกับงานอดิเรกนี้ของผู้อาวุโสจิตวิญญาณมหาสมุทร ดังนั้นเหล่าศิษย์จึงมักรวบรวมเรื่องราวต่างๆมานำเสนอเขาเป็นประจำเพื่อแลกกับแต้มผลงานและเงินเล็กๆน้อยๆ โดยพื้นฐานแล้วนิกายที่ใหญ่โตนี้ก็มีไว้เพื่อรับใช้คนกลุ่มน้อยมากเช่นผู้อาวุโสจิตวิญญาณมหาสมุทรและผู้นำนิกายทั้งสอง

หลี่ฉิงซานกล่าวด้วยความตื่นเต้นว่า “ข้าเป็นนักประพันธ์!”

“หือ น่าอัศจรรย์นัก!”

ริมฝีปากของผู้อาวุโสจิตวิญญาณมหาสมุทรโค้งขึ้นเล็กน้อย

“แน่นอน”

เดิมทีหลี่ฉิงซานต้องการบอกว่าตนเองเคยเขียนนิยายมาก่อน แต่เมื่อมองย้อนกลับไป มันเป็นการคัดลอกผลงานของผู้อื่นก่อนจะส่งให้เสี่ยวอันช่วยขัดเกลาและเติมแต่งรายละเอียด กล่าวได้ว่าผลงานเหล่านั้นไม่เกี่ยวข้องกับเขาเลย ผู้อาวุโสจิตวิญญาณมหาสมุทรจะรู้ทันทีที่เขาพูดออกไป ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถโกหกเช่นนั้น

ผู้อาวุโสจิตวิญญาณมหาสมุทรหันกลับมามองเขาอย่างเฉยเมยด้วยท่าทีที่เต็มไปด้วยการดูถูก แม้แต่ตอนที่หลี่ฉิงซานข่มขู่เขาก่อนหน้านี้ก็ยังไม่ได้ทำให้เขาแสดงท่าทีดูถูกรุนแรงขนาดนี้

“เห้อ อย่าพยายามมากเกินไป กลับไปทำสิ่งที่เจ้าถนัดเถอะ!”

ผู้อาวุโสจิตวิญญาณมหาสมุทรโบกมือราวกับกำลังไล่แมลงวัน หากหลี่ฉิงซานบอกว่าตนเองสามารถเป็นผู้อมตะที่แท้จริง เขาคงเชื่ออยู่บ้าง ส่วนการเป็นนักเขียนนิยาย หลี่ฉิงซานควรปิดประตูจากไปได้ทันที แม้จะหลับตา ชายชราก็บอกได้ว่าเด็กหนุ่มไม่มีความสามารถด้านวรรณกรรมแม้แต่น้อย

“ท่านอาจกล่าวถูกว่าข้าไม่ควรพยายามทำเรื่องที่ตนเองไม่ถนัด แต่ข้าบอกแล้วว่าข้าจะรับใช้นิกายหมื่นลี้ ข้าขอถามว่ามีการสนับสนุนใดๆหรือไม่หากข้านำเสนอนิยายบางเล่ม” หลี่ฉิงซานมองผู้อาวุโสจิตวิญญาณมหาสมุทรราวกับกำลังมองขุมสมบัติ

“หากมันน่าสนใจและคุ้มค่าแก่การอ่านก็จะมีค่าตอบแทนและแต้มผลงานมอบให้อย่างแน่นอน มันอาจกระทั่งมากกว่าวิธีการบ่มเพาะทั่วไป” เห็นได้ชัดว่าผู้อาวุโสจิตวิญญาณมหาสมุทรไม่คิดว่าหลี่ฉิงซานจะสามารถนำเสนอสิ่งที่น่าสนใจใดๆ

“เข้าใจแล้ว โปรดให้ข้ายืมแผ่นหยกอีกครั้ง”

“เจ้าพยายามจะทำสิ่งใด?”

ดวงตาของหลี่ฉิงซานส่องประกายขึ้น “ข้าอยากนำเสนอหนังสือเล่มหนึ่ง”

แผ่นหยกลอยลงบนฝ่ามือของหลี่ฉิงซาน จากนั้นเขาก็ปิดเปลือกตาลงและเริ่มบันทึกนิยาย ครู่ต่อมาเขาก็คืนแผ่นหยกให้กับผู้อาวุโสจิตวิญญาณมหาสมุทร

“ตำนานราชาวานรขาว เจ้าเป็นคนเขียนมันด้วยตัวเองงั้นหรือ?”

ผู้อาวุโสจิตวิญญาณมหาสมุทรขมวดคิ้วและเริ่มประหลาดใจเล็กน้อย เขาสามารถอ่านตัวอักษณมากกว่าหนึ่งแสนคำได้ในเสี้ยวพริบตา

“เป็นข้า ท่านคิดอย่างไร?”

นี่เป็นผลงานต้นฉบับชิ้นเดียวที่หลี่ฉิงซานเคยทำด้วยตัวเองและเขาก็ทุ่มเทความพยายามกับมันเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าเขายังได้รับความช่วยเหลือบางส่วนจากกู่เยี่ยนหยิน

“ภาษาค่อนข้างตื้นเขิน การสร้างตัวละครค่อนนข้างแข็งทื่อ และศิลปะการต่อสู้ก็อยู่ในระดับต่ำมาก มันทั้งยาวและหยาบ!”

ในพริบตา ผู้อาวุโสจิตวิญญาณมหาสมุทรก็อ่านจนจบและวิจารณ์อย่างตรงประเด็นในทันที

หลี่ฉิงซานรู้ดีว่าตนเองไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสิ่งนี้ เหตุผลทั้งหมดที่เขาเขียนตำนานราชาวานรขาวในตอนแรกเพราะต้องการใช้ศิลปะการต่อสู้ระดับต่ำรวบรวมผู้คน อาจมีผู้คนไม่มากในโลกใบเล็กที่กล้าวิพากษ์วิจารณ์เนื้อหาในหนังสือ แต่การได้รับคำติชมเช่นนี้ก็ยังทำให้เขารู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง

ทันใดนั้นป้ายประจำตัวของเขาก็สว่างขึ้นเล็กน้อย และป้ายไม้ดำสองสามชิ้นก็ถูกโยนให้เขา เขาคว้าพวกมันไว้และจ้องมองผู้อาวุโสจิตวิญญาณมหาสมุทรด้วยความประหลาดใจ

ผู้อาวุโสจิตวิญญาณมหาสมุทรกล่าวต่อว่า “แต่ยังมีบางส่วนที่ควรค่าแก่การสังเกต หนังสือเล่มนี้พยายามรวบรวมคนทั้งโลกให้เป็นหนึ่งเดียวโดยทำให้ทุกคนมีความเท่าเทียม หนังสือเล่มนี้มีความเมตตากรุณาและจิตวิญญาณที่สูงส่ง นอกจากนั้นหนังสือเล่มนี้ก็ยังมีภาคต่ออีกยาวไกล กล่าวได้ว่ามันเพียงพอที่จะได้รับป้ายไม้ดำสองสามชิ้นและแต้มผลงานเล็กๆน้อยๆ เอาล่ะ ข้าจะรับมันไว้”

หลี่ฉิงซานรู้สึกเหมือนฝ่ายตรงข้ามกำลังไล่ขอทานที่คอยกวนใจ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังมีความสุขมาก “ขอบคุณ ผู้อาวุโส!”

ท้ายที่สุดเขาก็ใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อเขียนหนังสือเล่มนี้ ดังนั้นการได้รับบางสิ่งเป็นค่าตอบแทนก็ถือว่าดีกว่าการที่มันไร้ค่าโดยสมบูรณ์ สิ่งสำคัญคือนี่ไม่ใช่แค่เรื่องของป้ายไม้ดำสองสามชิ้นและแต้มผลงานเล็กๆน้อยๆ แต่เป็นโอกาสที่เปิดขึ้นตรงหน้าเขา

ผู้อาวุโสจิตวิญญาณมหาสมุทรกำลังจะจากไปแต่ถูกหลี่ฉิงซานหยุดไว้อีกครั้ง “ผู้อาวุโส โปรดรอก่อน ข้ายังมีอีกมาก!”

“หือ?”

หลี่ฉิงซานนำเสนอหนังสืออีกเล่ม แต่เขาไม่ได้เป็นคนเขียนมันอีกต่อไป

สำนักวรรณกรรมมีอิทธิพลในโลกของเก้ามณฑลมาตลอด แม้มันจะไม่เคยเจริญรุ่งเรืองเป็นพิเศษ แต่ก็ยังมีประวัติศาสตร์ยาวนานมาก ตลอดระยะเวลาแห่งการคัดสรรอันยาวนานนี้ แน่นอนว่ามันต้องมีผลงานที่มีชื่อเสียงจำนวนมากยืนหยัดเหนือกาลเวลาอยู่ไม่น้อย

ขณะที่หลี่ฉิงซานพูดคุยกับผู้อาวุโสจิตวิญญาณมหาสมุทร เขาก็ใช้ร่างแยกที่เป็นเทพเจ้าของโลกใบเล็กรวบรวมหนังสือเหล่านั้นและบันทึกไว้ในแผ่นหยกที่อยู่ในร่างหลักของเขา

โลกของห้าแคว้นกับพิภพมนุษย์แห่งนี้ถูกแยกออกจากกันด้วยกำแพงที่มองไม่เห็น เขามาที่นี่ได้ด้วยเถาวัลย์สวรรค์เท่านั้น หากไม่ใช่เพราะมัน แม้แต่เม็ดทรายเพียงเม็ดเดียวก็ไม่สามารถเดินทางข้ามโลกสองใบ อย่างไรก็ตามร่างหลักกับร่างแยกของหลี่ฉิงซานยังแบ่งปันความรู้และความทรงจำเดียวกัน ดังนั้นมันจึงเพียงพอสำหรับเรื่องนี้

“ถูกต้อง มันค่อนข้างน่าสนใจ และภาษาก็ไพเราะขึ้นมาก...”

ผู้อาวุโสจิตวิญญาณมหาสมุทรพยักหน้าอย่างพึงพอใจ เขาลดความเร็วในการอ่านลงราวกับเขากำลังดื่มด่ำกับมัน อย่างไรก็ตามเขายังอ่านจบในพริบตาเดียว

ป้ายประจำตัวของหลี่ฉิงซานสว่างขึ้นอีกครั้ง และคราวนี้เขาได้รับป้ายทองแดงสองสามชิ้น มันไม่ได้ล้ำค่าเป็นพิเศษแต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เขารู้สึกเหมือนเห็นภาพแห่งความพ่ายแพ้ของเล่อเทียนแล้ว ดังนั้นเขาจึงรีบส่งมอบหนังสือเล่มต่อไปทันที

ผู้อาวุโสจิตวิญญาณมหาสมุทรชำเลืองมองเขาและเริ่มสนใจ เขาส่งแผ่นหยกอีกแผ่นให้หลี่ฉิงซานโดยตรงเพื่อให้เด็กหนุ่มบันทึกต่อไปโดยไม่รบกวนการอ่านของเขา ในความเป็นจริงมันหาได้ยากมากที่เขาจะพบนิยายที่มีคุณภาพ

เนื่องจากความรู้ความสามารถของเขา นิยายที่เหล่าศิษย์รวบรวมมาจึงไม่สามารถดึงดูดความสนใจของเขามากนัก และรางวัลตอบแทนก็ไม่ได้สูงมากนักเช่นกัน แม้รางวัลเหล่านั้นจะมีค่าสำหรับเหล่าคนรับใช้ของนิกาย แต่พวกเขาก็ไม่สิทธิ์เข้ามาในหอคัมภีร์สวรรค์ แม้พวกเขาจะสามารถนำเสนอหนังสือบางเล่มผ่านแผนกตำรา แต่ความสามารถในการหาหนังสือของพวกเขาก็มีจำกัดมาก

สำหรับศิษย์สายนอกและศิษย์สายใน รางวัลเล็กๆน้อยๆเช่นนั้นไม่คุ้มค่าเลย หากพวกเขามีเวลาทำสิ่งนี้ มันจะดีกว่าที่พวกเขาจะใช้เวลาทำเรื่องอื่น และพวกเขาก็จะได้รับค่าตอบแทนที่ดีกว่า

ด้วยเหตุผลต่างๆเหล่านี้ ประกอบกับความจริงที่ว่าผู้อาวุโสจิตวิญญาณมหาสมุทรอ่านเร็วเกินไป ดังนั้นเขาจึงต้องหยิบหนังสือเล่มเดิมๆขึ้นมาอ่านซ้ำๆ

เขาตระหนักดีว่าหลี่ฉิงซานไม่ใช่คนเขียนหนังสือเหล่านี้อย่างแน่นอน เขาคาดเดาได้ว่าหลี่ฉิงซานนำหนังสือเหล่านี้มาจากโลกอีกใบ หนังสือเหล่านี้ผ่านวันเวลามาอย่างยาวนานในโลกใบอื่นซึ่งเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้พวกมันมีปริมาณและคุณภาพสูงขนาดนี้

เมื่อพิจารณาถึงวิธีการบ่มเพาะที่หลี่ฉิงซานนำเสนอก่อนหน้านี้ เขาก็คาดเดาได้ว่าโลกที่เขาจากมากำลังจะถึงจุดจบหรืออาจถูกทำลายไปแล้ว อย่างไรก็ตามเมื่อมีหนังสือดีให้อ่าน เขาก็ไม่สนใจรายละเอียดเล็กๆน้อยๆเหล่านั้น เขาตั้งสมาธิและอ่านทีละเล่ม เขากระทั่งกระตุ้นให้หลี่ฉิงซานส่งมอบเร็วขึ้น “เร็วขึ้น เร็วกว่านี้!”